“ออกไป?”
คนเ่าั้หันมองหน้ากันไปมา เสิ่นเสวียนปลดปล่อยพวกเขาออกมาเท่ากับมีบุญคุณที่ช่วยชีวิตพวกเขาไว้ ตอนนี้กลับปล่อยให้พวกเขาไปตามทาง
“ผู้าุโจะปล่อยพวกข้าไปจริงหรือ”
แม่ทัพเทพผู้หนึ่งถามเสิ่นเสวียน
“ใช่แล้ว พวกเ้าโดนเขาควบคุมไว้เท่านั้น ในเมื่อปลดปล่อยพวกเ้าได้แล้ว พวกเ้าจะทำอะไรก็ไปทำเถอะ แต่มีเื่หนึ่ง อย่าได้สร้างความเดือดร้อนให้กับโลกนี้ ไม่อย่างนั้นข้าปลดปล่อยพวกเ้าอย่างไร จะจัดการพวกเ้าอย่างนั้น”
เสิ่นเสวียนกล่าวสั่งสอนคนเ่าั้ด้วยท่าทางน่าเกรงขามของผู้าุโ
ในใจของเสิ่นเสวียนคิดว่าตนเองมีอายุมากกว่าพวกเขา แม้ภายนอกจะอ่อนเยาว์กว่ามาก ทว่าหากตัดสินจากรูปลักษณ์ภายนอก เรียกได้ว่าอ่อนเยาว์มากเกินไปสำหรับโลกของผู้ใหญ่
“ตอนที่พวกข้าโดนจอมมารผู้นั้นจับตัวมา เขาสังหารครอบครัวของพวกข้าไปจนสิ้น พวกข้าไร้บ้านให้กลับ ให้พวกข้าติดตามผู้าุโไปด้วยเถิด!”
แม่ทัพเทพผู้หนึ่งกล่าวกับเสิ่นเสวียน
“ติดตามข้า?”
เสิ่นเสวียนยิ้มออกมา เดิมทีเขามีความคิดอยากรับแม่ทัพเทพเหล่านี้ไว้อยู่แล้ว หลังจากนั้นพบว่าพวกเขาโดนควบคุมไว้จึงอยากปลดปล่อยพวกเขาไป ทว่าตอนนี้อีกฝ่ายกลับบอกเองว่า้าติดตามตน ซึ่งแน่นอนว่าไม่มีอะไรดีไปกว่านี้แล้ว
“ใช่ ขอติดตามผู้าุโ”
“ได้ ในเมื่อเป็อย่างนี้ พวกเ้าก็มากับข้าแล้วกัน”
เสิ่นเสวียนพยักหน้า ตอบรับคำขอของอีกฝ่าย
“แต่ยังคงตามเดิม อย่าได้สร้างเื่เดือดร้อน ในเมื่อ้าติดตามข้าก็ต้องเชื่อฟังข้า หากไม่เชื่อฟังก็ออกไปได้เลย”
“ขอรับผู้าุโ”
แม่ทัพเทพทั้งสิบสองคนรับคำเสิ่นเสวียนโดยพร้อมเพรียงกัน ราวกับฝึกฝนมาเป็อย่างดี
“ถอยออกไปก่อน”
เสิ่นเสวียนกล่าวกับแม่ทัพเทพทั้งสิบสองคน พวกเขาจึงเหาะลงไปด้านล่างและยืนเรียงหน้ากระดานราวกับแม่ทัพเทพลงไปจุติยังโลกมนุษย์
ส่วนคนที่มองดูอยู่รอบๆ ต่างมองออกว่าเกิดอะไรขึ้น พนันได้เลยว่าเสิ่นเสวียนทำให้พวกเขายอมจำนนได้แล้ว แม่ทัพเทพเหล่านี้หากไปอยู่ในสำนักของพวกเขาเพียงคนใดคนหนึ่งก็อยู่ในระดับสูงมากแล้ว ตอนนี้ทั้งสิบสองคนต่างยินยอมอยู่ใต้อำนาจของเสิ่นเสวียน หากบอกว่าพวกเขาไม่อิจฉาคงเป็เื่โกหก
แต่อิจฉาก็คืออิจฉา ไม่มีความริษยาแต่อย่างใด
การต่อสู้ที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้พวกเขาประจักษ์แจ้งแล้ว หากไม่มีเสิ่นเสวียน พวกเขาคงต้องตายด้วยน้ำมือของผู้ศักดิ์สิทธิ์จื่อกวงแน่นอน ตอนนี้แม่ทัพเทพสิบสองคนเหาะลงมาด้านล่าง ส่วนเสิ่นเสวียนเหาะไปตรงหน้าบัลลังก์สีม่วง
มันเป็ของล้ำค่าขั้นปฐีระดับสูงสุดเลยทีเดียว
บัลลังก์บัลลังก์หนึ่งอยู่ในขั้นปฐีระดับสูงสุดได้ ไม่รู้ว่าเหนือกว่าพรมวิเศษของาามารตะวันตกมากแค่ไหน
อีกทั้งบนบัลลังก์ยังมีค่ายกลอยู่มากมาย ไม่ว่าจะเป็พลังป้องกันตัวหรือการเหาะเหินเดินอากาศ ล้วนอยู่ในระดับสูงทั้งสิ้น
ของล้ำค่าเช่นนี้เขากำลังคิดว่าจะใช้อย่างไรดี! ตอนนี้จิตสำนึกของผู้ศักดิ์สิทธิ์จื่อกวงถูกลบล้างไปแล้ว ทำให้มันกลายเป็สิ่งของไร้นาย หากได้ของล้ำค่าชิ้นนี้ เขาต้องแข็งแกร่งขึ้นไม่น้อยอย่างแน่นอน
แต่เขาก็เข้าใจถึงสัจธรรม การสิ่งของก่อให้เกิดอาชญากรรม ตอนนี้หากของล้ำค่าเช่นนี้ไว้จะเป็อันตราย โดยเฉพาะในสถานการณ์ที่มีคนรู้มากมายเช่นนี้ยิ่งไม่ดี
“ช่างเถอะ เก็บไปก่อนแล้วค่อยว่ากัน อย่างมากก็เอาไปขายทิ้ง”
เสิ่นเสวียนเก็บมันเข้าไปในมิติทันที
มิติในตอนนี้ไม่ได้คับแคบเหมือนแต่ก่อนแล้ว ั้แ่ที่พลังยุทธ์ของเขาถึงขั้นหยวนก่อกำเนิด หลังจากที่ผนึกของผังเมืองซานเหออ่อนกำลังลง ทำให้มิติขยายใหญ่ขึ้นหลายเท่า สามารถเก็บของได้มากขึ้นตามไปด้วย
“ข้าคิดว่าพวกเราหุบเขาสุขาวดีควรรวมตัวเป็หนึ่งเดียวกัน อย่างนี้แล้วจะป้องกันตนเองได้”
ขณะนั้น ผู้าุโใหญ่จากสำนักต่อสู้เป่ยโต้วพลันกล่าวกับเสิ่นเสวียน
“ข้าก็เห็นด้วยที่พวกเราควรเป็หนึ่งเดียวกัน” เทียนเซี่ยงจากสำนักจตุรเทพกล่าวเช่นกัน อีกสามเซี่ยงต่างเห็นด้วย
สถานการณ์อันตรายที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ หากไม่ใช่เพราะเสิ่นเสวียนสร้างความสามัคคีขึ้นมาก่อน ผลที่ตามมายากจะจินตนาการได้ กลัวว่าหลังจากนี้หุบเขาสุขาวดีจะถูกลบเลือนออกไปจากทวีปแห่งนี้
คนทั่วไปต่างคิดว่าหุบเขาสุขาวดีนั้นยอดเยี่ยมมาก เป็สถานที่รวมตัวกลุ่มคนที่ไม่สนใจชีวิต แต่สำหรับยอดฝีมือที่แท้จริงแล้ว หาก้าทำลายก็สามารถทำลายได้อย่างง่ายดาย
“สำนักต่อสู้เป่ยโต้วของข้าขอเสนอให้สหายเสิ่นเข้ารับตำแหน่งประมุขแห่งหุบเขาสุขาวดี พวกข้าจะจงรักภักดีอย่างยินยอมพร้อมใจ”
สำนักต่อสู้เป่ยโต้วกล่าวเสนอชื่อเสิ่นเสวียนออกมาก่อน
“เสนอชื่อข้า? ประมุขหุบเขา?”
เสิ่นเสวียนได้ยินดังนั้นก็ยิ้มพลางส่ายหัวเบาๆ เขาไม่ได้สนใจอำนาจเหล่านี้เลย เขาในชาติก่อนชื่นชอบที่จะอยู่ตัวคนเดียว ชอบในอิสระ ตอนนี้ยิ่งไม่อยากเป็ประมุขหุบเขาอะไรนั่นเลย
“พวกข้าเห็นด้วย”
สี่เซี่ยงกล่าวพร้อมกัน
“พวกข้าก็เห็นด้วย”
“พวกข้าก็เห็นด้วย”
อำนาจต่างๆ เข้าร่วมลงคะแนนมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง ยินยอมเสนอให้เสิ่นเสวียนรับตำแหน่งประมุขแห่งหุบเขาสุขาวดี
เสียงะโดังระงมอยู่่หนึ่ง ก่อให้เกิดพลังอำนาจที่ยิ่งใหญ่ขึ้นมา
“ทุกคนเงียบลงก่อน ข้ามีบางอย่างจะบอก”
เสิ่นเสวียนดูสถานการณ์เบื้องล่างพลางกล่าวออกไปด้วยเสียงดังก้อง
“ข้ารับรู้ได้ถึงความหวังดีของพวกเ้า แต่ข้ายังมีสิ่งอื่นที่ต้องทำอีก มิอาจเป็ประมุขหุบเขาได้ แต่สิ่งที่พวกเ้าเสนอมานั้นเป็เื่ที่ดี สมควรแล้วที่จะคัดเลือกประมุขหุบเขาขึ้นมาสักคนหนึ่ง และข้าขอเสนอาามารทิศเหนือ”
เสิ่นเสวียนผลักภาระอันหนักอึ้งนี้ไปให้าามารทิศเหนือ
“ข้าหรือ”
าามารทิศเหนือกำลังดีใจที่ได้ลูกชายกลับคืนมา หลังจากได้ยินคำของเสิ่นเสวียนก็ตะลึงงันไปครู่หนึ่ง
“ข้าทำไม่ได้หรอก ข้าคิดไว้แล้วว่าจะถอยออกจากการต่อสู้ ใช้ชีวิตอย่างสงบกับลูกชายของข้าต่อไป”
าามารทิศเหนือส่ายหัว ปฏิเสธน้ำใจของเสิ่นเสวียน
หากกล่าวถึงพร์และพลัง าามารทิศเหนืออยู่ในอันดับต้นๆ เขามีความสามารถเข้ารับตำแหน่งประมุขแห่งหุบเขาสุขาวดีได้จริงๆ
“ผู้าุโาามารทิศเหนือ ด้วยพลังของท่าน หากท่านไม่เข้ารับตำแหน่ง ในหุบเขาคงไม่มีคนอื่นแล้ว” เสิ่นเสวียนกล่าวเตือน
“เ้าตกอย่างไรล่ะ เขาทำได้”
“ข้าหรือ ข้าทำไม่ได้หรอก เ้ารู้จักข้าดี หากข้าเข้ารับตำแหน่งจริงๆ คนในหุบเขาคงโดนข้าไล่ตะเพิดออกไปจนหมด เ้าเหมาะสมแล้ว อีกทั้งซูเหยียนยังต้องใช้ทรัพยากรอีกมากในการฝึกฝน จะได้สะดวกต่อเขาด้วย”
เมื่อกล่าวถึงซูเหยียน าามารทิศเหนือที่กำลังคิดปฏิเสธก็มีท่าทีเปลี่ยนไป
ตอนนี้ซูเหยียนไม่สามารถฝึกฝนได้จริงๆ พลังยุทธ์ก็ไม่มีแล้ว ส่วนตัวเขาเองก็อายุมากแล้ว หากว่าเขาตายไปจริงๆ ซูเหยียนจะใช้ชีวิตต่อไปอย่างไร หากใช้ทรัพยากรทั่วทั้งหุบเขาสุขาวดีอาจมีโอกาสช่วยฟื้นฟูซูเหยียนได้มากขึ้น
“ผู้าุโาามารทิศเหนือ เพื่อความเป็สุขภายในหุบเขาสุขาวดี ข้าหวังว่าท่านจะไม่ปฏิเสธ”
เสิ่นเสวียนยังหวังว่าหุบเขาสุขาวดีจะเป็หนึ่งเดียวกันได้ เพื่อให้จัดการได้สะดวกยิ่งขึ้น ไม่แน่ว่าอาจชี้นำให้พวกเขาก้าวเดินต่อไปอย่างมีอนาคต ไม่ต้องรบราฆ่าฟันกันอย่างเดียว หากทำให้ที่นี่กลายเป็ปึกแผ่นได้จริงๆ จะต้องเป็อำนาจยิ่งใหญ่ได้อย่างแน่นอน
“ได้ แต่ข้าก็มีข้อเสนอเช่นกัน ข้าเพียงเข้ารับตำแหน่งแทนเท่านั้น สหายเสิ่นยังคงเป็ประมุขหุบเขาของพวกเราเหมือนเดิม”
าามารทิศเหนือกล่าวกับเสิ่นเสวียนแทนอำนาจทั้งหมดในหุบเขาสุขาวดี เขารู้ดีในเื่นี้ แม้เขาจะมีพลังแข็งแกร่งที่สุดในหุบเขาสุขาวดี แต่หาได้มีความน่าเกรงขาม รวมเข้ากับการปกป้องพวกพ้องตนเองจนล่วงเกินอำนาจอื่นๆ มาไม่น้อย ตอนนี้เสิ่นเสวียนเสนอชื่อเขาออกมา หลายๆ คนต้องเห็นแก่เสิ่นเสวียน มิอาจกล่าวอะไรออกมาได้ แต่ในใจไม่มีทางยอมรับตัวเขาได้เลย
ที่กล่าวกับเสิ่นเสวียนไปอย่างนั้น เพื่อให้คนอื่นมิอาจโต้แย้งใดๆ ได้
เสิ่นเสวียนเข้าใจความหมายของาามารทิศเหนือดี จึงพยักหน้าให้เขา
“ได้ ในเมื่อเป็อย่างนี้ ข้าขอรับตำแหน่งประมุขหุบเขาไว้ ในวันที่ข้าไม่อยู่ให้ผู้าุโาามารทิศเหนือรับตำแหน่งแทน มีอำนาจสูงสุดในการจัดการทุกอย่าง”
“ตามแต่ประมุขหุบเขา”
อำนาจต่างๆ ที่ได้ยินคำของเสิ่นเสวียนต่างโห่ร้องออกมาด้วยความยินดี สิ่งที่พวกเขา้าคือให้เสิ่นเสวียนปกป้องพวกเขา ไม่ให้ต้องแบกรับภัยคุกคามจากภายนอก ส่วนใครจะเข้ามากุมอำนาจไว้พวกเขาไม่สนใจทั้งสิ้น
เสิ่นเสวียนมองทุกคนเบื้องล่างคุกเข่าลงคารวะตนเองแต่ไม่กล่าวอะไร คนที่นี่ชื่นชอบการแสดงความเคารพเช่นนี้ เขาก็ไม่มีอะไรจะบอกแล้ว
แล้วทุกคนก็เริ่มเก็บกวาดสถานที่
หลังจากมีประมุขหุบเขาในนามและประมุขหุบเขาแล้ว หุบเขาสุขาวดีได้กลายเป็อำนาจยิ่งใหญ่อย่างแท้จริงแล้ว
สำนักต่างๆ อย่างสำนักจตุรเทพ สำนักต่อสู้เป่ยโต้ว และสำนักนาคา เสิ่นเสวียนให้พวกเขาทั้งหมดเป็ประเภทเดียวกันเพื่อง่ายต่อการจัดการ
จากนั้นใจกลางทะเลสาบก็สงบนิ่งลง เขตกู่ซวีไม่มีอะไรเคลื่อนไหวอีก ทุกคนต่างมุ่งหน้าไปยังอาณาเขตของาามารทิศเหนือ
าามารทิศเหนือกุมอำนาจอยู่ ดังนั้นศูนย์กลางอำนาจต้องอยู่กับาามารทิศเหนือ
นี่คือการสร้างรูปแบบของอำนาจขึ้นมา
หลังจากจัดการทุกอย่างแล้ว เสิ่นเสวียนจึงเรียกาามารตะวันตกเข้ามาที่ห้อง
“ตอนนี้ควรคุยเื่ของพวกเราได้แล้ว”
เสิ่นเสวียนนั่งอยู่บนเก้าอี้ เขามองาามารตะวันตกที่เดินเข้ามาพลางกล่าวเสียงเบา