“ตรงนี้ๆ เ้าค่ะ” เจินจูยิ้มแล้วโบกมือไปทางเขา
“อ้าว แม่นางหู เป็เ้านี่เอง” บนใบหน้าเฉินเผิงเฟยผุดรอยยิ้มขึ้น ก้าวจังหวะเท้าเร็วๆ ไปต้อนรับข้างหน้า “มาส่งกระต่ายหรือ?”
่นี้ครอบครัวสกุลหูมาส่งกระต่ายอยู่หลายครั้ง เฉินเผิงเฟยจึงมีความสัมพันธ์คุ้นเคยกับครอบครัวพวกนางมากขึ้น โดยเฉพาะทุกครั้งที่มาส่งกระต่ายหรือไก่ จะถือโอกาสเอาพวกพะโล้หรืออาหารหมัก เพื่อเพิ่มชนิดกับข้าวมาให้พวกเขาได้ทานกันด้วย
“ใช่เ้าค่ะ ใกล้ปีใหม่แล้ว นี่จะเป็ครั้งสุดท้ายที่ได้เข้าเมือง หากพวกเราจะพบกันใหม่คงต้องรอถึงปีหน้าแล้ว ฮ่าๆ” เจินจูกล่าวพร้อมกับหัวเราะ
“ฮ่าๆ ถูกต้อง พบกันใหม่ปีหน้าแล้ว!” เฉินเผิงเฟยหัวเราะแล้วตอบกลับคล้อยตามคำพูดของเจินจู “ทำไมมีเ้าคนเดียวเล่า? เ้ามาเองหรือ?”
“แหะๆ แน่นอนว่ามิใช่ พวกเขาล้วนรออยู่ข้างนอก ปลายปีแบบนี้การค้าของฝูอันถังรุ่งเรืองเฟื่องฟู เ้าของร้านหลิวยุ่งอยู่เล็กน้อย องครักษ์เฉิน ต้องรบกวนท่านรับของไว้สักหน่อยนะเ้าคะ” เจินจูกล่าวไปพลาง เดินนำทางออกข้างนอกไปพลาง
“เอ๋ เหล่าหลิวผู้นี้ พวกเ้าเดินทางตั้งไกลมาส่งกระต่าย ไม่นึกเลยว่าเขายังยุ่งอยู่กับงานไม่ดูแลพวกเ้า ไม่ได้เื่เกินไปแล้ว!” เฉินเผิงเฟยตามมาทันที ปากบ่นตำหนิหลิวผิง
“ไม่โทษเ้าของร้านหลิว ในโถงคนมากเกินไปนัก พวกเราเกรงใจที่จะรบกวน เลยไม่ได้ะโเรียกเขาเ้าค่ะ” เจินจูอธิบายโดยพลัน นางเข้าใจได้
“ต่อให้คนเยอะก็ต้องดูแลพวกเ้าก่อนสิถึงจะถูก” เฉินเผิงเฟยพึมพำ การค้าขายต่อให้มากเพียงใดก็ไม่สำคัญไปกว่าอาหารที่ต้องรับประทานทุกวันของคุณชายหรอก
ครั้งก่อน เนื้อหมูที่พวกเขาเอากลับมาจากหมู่บ้านวั้งหลิน กู้ฉีทานได้อย่างดี ทั้งไม่ได้อยากอาเจียนแล้วก็ไม่ได้รู้สึกแย่ ทำเข้ากับวัตถุดิบอื่นๆ ล้วนสามารถทานลงไปได้เล็กน้อย พักนี้แม่ครัวตั้งใจเค้นสมองอย่างสุดกำลังที่จะปรุงอาหารของกู้ฉี ให้ไม่มัน มีรสชาติอ่อน ไม่ปรุงรสมากอุ่นกำลังดีและอร่อย ตอนนี้เนื้อหมูทั้งตัวล้วนวางแช่เย็นไว้ในอุโมงค์เก็บน้ำแข็ง เวลา้าใช้จะตัดมาเพียงชิ้นเล็กเท่านั้น
บนโต๊ะอาหารของกู้ฉี มีกับข้าวแต่ละชนิดหลากหลายขึ้นอย่างไม่เคยมีมาก่อน แม้ยังคงทานได้น้อยแต่เทียบกับเมื่อก่อนถือว่าดีขึ้นมากแล้ว
ใบหน้าที่ผอมซูบเกินไปเพราะอาการป่วยของกู้ฉี ในที่สุดก็มีเนื้อมีหนังเพิ่มขึ้นเล็กน้อย อาการไอเป็เืค่อยๆ บรรเทาความถี่ลง การเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีเล็กน้อยนี้ทำให้พวกเขาทุกคนล้วนเบิกบานอย่างยิ่ง
ทุกคนปรึกษาหารือกันอยู่หลายวัน สุดท้ายตัดสินใจเป็เอกฉันท์ว่าปีนี้จะไม่กลับไปฉลองปีใหม่ที่เมืองหลวงเป็การชั่วคราว ใช้่เวลานี้บำรุงรักษาร่างกายของกู้ฉีด้วยการจัดหาอาหารที่ดี เป็อาหารที่สามารถทานได้ปกติสามมื้อ และเพิ่มสมุนไพรจีนบางชนิดอย่างอ่อนๆ จำนวนเล็กน้อยไปในอาหาร ร่างกายกู้ฉีน่าจะค่อยๆ ดีขึ้นได้อย่างช้าๆ
เหวยจื่อยวนเป็ท่านหมอที่ติดตามการเดินทางของกู้ฉี ย่อมต้องรายงานสถานการณ์โดยละเอียดให้ฝั่งอันซื่อมารดาของกู้ฉีทราบ เป็ที่แน่นอนว่า อันซื่อรู้อยู่แล้วว่าบุตรชายของตนไม่มีความอยากอาหารและทานอาหารไม่ลง พอได้รับรู้ว่ากู้ฉีสามารถทานอาหารเข้าไปได้สามมื้อปกติ อันซื่อก็ตื่นเต้นจนแทบจะนั่งรถม้ามาอยู่ข้างกายเขาทันที แต่น่าเสียดาย ฐานะฮูหยินใหญ่จำเป็ต้องดูแลงานในจวนสกุลกู้ ยิ่งใกล้ปลายปีเช่นนี้งานที่มียิ่งมาก แม้เป็ห่วงบุตรชายคนเล็กที่อ่อนแอและคิดถึงมากเพียงใดก็ไม่สามารถทิ้งงานในจวนไปได้ ขอเพียงร่างกายกู้ฉีดีขึ้น จะกลับเมืองหลวงมาฉลองข้ามปีหรือไม่ ก็ไม่ได้สำคัญอีกต่อไป
“อ่า ท่านหญิงชราสกุลหู ท่านก็มาด้วย ทำให้พวกท่านรอนานแล้ว ขออภัยเป็อย่างมาก มา…มา… เชิญเข้าไปดื่มชาร้อนๆ ก่อน พักผ่อนสักครู่” เฉินเผิงเฟยเดินเข้ามาใกล้หวังซื่อทันที แล้วทักทายด้วยความกระตือรือร้น
“ทักทายองครักษ์เฉิน! นี่จวนจะปลายปีแล้ว ทุกคนล้วนยุ่งกันหมด พวกข้าไม่เข้าไปแล้วกัน อีกเดี๋ยวยังต้องรีบไปซื้อของฉลองปีใหม่อีกน่ะ ไปสายตลาดจะวายเอาได้!” หวังซื่อยิ้มแล้วโบกไม้โบกมือ ปฏิเสธความหวังดีของเขา
“เช่นนั้นไม่ได้ นี่ล้วนมาถึงหน้าประตูแล้ว ไม่มีเหตุผลที่จะผ่านประตูไปโดยไม่เข้ามา” เฉินเผิงเฟยคว้าหมับเข้าที่หูฉางหลินที่ยืนอยู่ด้านข้างทันที ดึงแขนให้เดินเข้าไปในฝูอันถัง
“ไม่ต้องจริงๆ องครักษ์เฉิน พวกเรายังรีบไปซื้อของฉลองปีใหม่ นี่จะปีใหม่แล้ว สิ่งเหล่านี้เป็ของกำนัลส่งท้ายปีของที่บ้าน มอบให้คุณชายของพวกท่านนะเ้าคะ ครอบครัวเกษตรกรไม่ได้มีสิ่งของดีอะไร ล้วนเป็สินค้าท้องถิ่นของที่บ้านทำขึ้นเอง พวกท่านอย่าได้รังเกียจ” เจินจูยิ้มแล้วอุ้มฟักทองลูกใหญ่บนพื้นขึ้นโยนไปทางเฉินเผิงเฟย
เฉินเผิงเฟยปล่อยหูฉางหลินทันทีทันใด ยื่นมือออกไปรับ
เจินจูฉวยโอกาสดึงหวังซื่อให้เดินออกมา และร้องทักทุกคนให้เดินตาม แล้วจึงเดินลาจากไป
“เฮ้ๆ! แม่นางหู เงินค่ากระต่ายนี่ยังไม่ได้ให้เลย!” เฉินเผิงเฟยอุ้มฟักทองอยู่ะโร้องไม่หยุด
“ไม่ต้องเ้าค่ะ นั่นเป็ของกำนัลส่งท้ายปีที่มอบให้คุณชายของพวกท่าน พวกเราไปก่อนแล้ว” เสียงไกลๆ ลอยมา เจินจูเดินนำทางทุกคนไปไกลแล้ว
“เอ๊ะ… ทำไมแม่นางน้อยสกุลหูไปแล้วเล่า? เผิงเฟย เ้าไม่ได้เชิญพวกนางเข้ามาดื่มชาพักผ่อนในร้านเสียหน่อยหรือ?” หลิวผิงเพิ่งจัดการเื่ยุ่งเสร็จสิ้น ถึงได้เห็นกลุ่มคนสกุลหู ผู้ใดจะรู้ว่าพอเตรียมจะเดินมาต้อนรับ คนกลับจากไปหมดแล้ว
เฉินเผิงเฟยเหล่มองหลิวผิงตาขาวอย่างไม่สบอารมณ์ กล่าวตำหนิเสียงพึมพำ “เหล่าหลิว ท่านยังมีหน้ามากล่าว ครอบครัวสกุลหูมากันครึ่งค่อนวันแล้ว ท่านเพิ่งจะมองเห็น”
“อ้าว? มานานแล้วหรือ? เมื่อครู่มีคนอยู่ข้างโต๊ะคิดเงินตลอด ข้าไม่ได้สนใจจริงๆ” หลิวผิงตกตะลึง ปลายปีกำลังจะมาถึง งานในฝูอันถังทุกเื่รัดตัวไปหมด ไม่ได้จับตาดูการเคลื่อนไหวภายนอกร้านจริงๆ
“ไม่ใช่เป็เพราะท่านยุ่งกับเื่อื่นอยู่หรือ แม่นางหูถึงวิ่งไปหาข้า ครอบครัวสกุลหูวิ่งมาส่งของกำนัลส่งท้ายปีให้คุณชายเป็พิเศษ ท่านนี่ดีจริง ทิ้งให้คนรออยู่หน้าประตูครึ่งค่อนวัน” เฉินเผิงเฟยกล่าวจบเต็มไปด้วยความไม่พอใจอย่างมาก ทันทีหลังจากนั้นหนึ่งมืออุ้มฟักทอง หนึ่งมือหิ้วตะกร้าไผ่สานบนพื้นขึ้นมาแล้วเดินจากไป
“นี่…นี่… นี่มิใช่ว่าเื่ราวล้วนมาพร้อมกันพอดีหรอกหรือ เผิงเฟย อย่าโกรธเลย เป็พี่ชายไม่ถูกเอง ครั้งหน้าจะสนใจหน้าประตูอย่างแน่นอน” หลิวผิงรีบหิ้วตะกร้าไผ่บนพื้นขึ้นแล้วเดินตามไป
“การหาเงินสำคัญหรือคุณชายสำคัญ? คุณชายของพวกเรากว่าจะหาของที่ทานได้เล็กน้อยไม่ง่ายเลย”
“แน่ว่าเป็คุณชายสำคัญ ต่อไปพี่ชายจะระวัง ครั้งนี้ดีที่ได้เ้าช่วยเหลือ ตอนเย็นพี่ชายจะเชิญเ้าไปร่ำสุรา”
“เช่นนั้นไม่ได้ วันนี้ครอบครัวสกุลหูมาส่งของกำนัลส่งท้ายปี พรุ่งนี้คุณชายต้องมอบของกำนัลตอบแทนอย่างแน่นอน งานพวกเราก็จะเยอะตามเช่นกัน”
“นี่ก็ใช่ คุณชายอยู่ข้ามปีในเมือง คหบดีครอบครัวใหญ่ในเมืองล้วนมามอบของกำนัลส่งท้ายปีที่นี่ เื่ของกำนัลตอบกลับนี้ให้พ่อบ้านกู้ปวดหัวไปเถิด…”
...ยามนี้ เจินจูหนึ่งมือดึงหลี่ซื่อหนึ่งมือจูงผิงอัน กำลังเดินชมตลาดเต็มไปด้วยความเบิกบานใจ
สกุลหูหนึ่งกลุ่ม จำนวนคนมากเกินไป และของฉลองปีใหม่ที่สองบ้าน้าซื้อไม่เหมือนกัน ดังนั้นจึงแบ่งเป็สองฝ่ายให้ต่างคนต่างเลือกซื้อของ แล้วจึงนัดหมายว่าหนึ่งชั่วยามให้หลังค่อยมารวมตัวกันที่หน้าประตูเมืองอีกครั้ง
“ท่านแม่ บ้านเราฉลองปีใหม่ล้วนต้องเตรียมอันใดบ้างเ้าคะ?” เจินจูอารมณ์ดี จูงหลี่ซื่อด้วยความสบายอกสบายใจ แล้วพูดคุยยิ้มตาหยี
“ตอนนี้ที่บ้านมีไก่ มีกระต่าย มีเนื้อตากแห้ง มีเนื้อพะโล้ ไข่ก็เก็บไว้มาก ข้าวสารและแป้งหมี่ล้วนซื้อมาไม่น้อย สิ่งเหล่าก็ไม่ต้องซื้ออีกแล้ว อืม... ซื้อน้ำตาลทรายแดง เมล็ดแตงโม ของหวาน ผลไม้เชื่อมเล็กน้อยแล้วกัน” คนสัญจรบนถนนเยอะมาก หลี่ซื่อค่อนข้างตื่นเต้นนิดหน่อย ฝ่ามือที่กุมมือเจินจูมีเหงื่อซึมชื้น
“เ้าค่ะ พวกเนื้อของที่บ้านเพียงพอแล้วก็ไม่ต้องซื้อเนื้อ ขนมหวานผลไม้เชื่อมซื้อมากหน่อยได้ ปีใหม่ไว้ใช้ทักทายแขก เอ่อ ท่านแม่ เรายังต้องซื้อปลากระมังเ้าคะ? ไม่ใช่ว่าทุกปีมีปลา [1] หรือ?” เจินจูจำได้ว่าอาหารข้ามคืนต้อนรับปีใหม่ของที่บ้านนาง ปกติบนโต๊ะล้วนมีปลาหนึ่งตัว เคาหยก [2] หนึ่งถ้วย ไก่ต้มหั่นทั้งตัวหนึ่งตัว เนื้อตากแห้งที่นึ่งสุกหนึ่งถาด...
“ต้องซื้อ แต่ตอนนี้ยังเช้าอยู่ เอาไว้วันส่งท้ายปีวันนั้นค่อยไปซื้อที่หมู่บ้านต้าวันจะสดกว่า” หลี่ซื่อจูงมือบุตรสาว จิตใจค่อนข้างผ่อนคลายนิดหน่อย แล้วกล่าวเสียงเบา
“โอ้ ก็ใช่เ้าค่ะ เช่นนั้นพวกเราเดินเล่นไปด้วยแล้วดูไปด้วยว่ามีอันใดต้องซื้อบ้าง อย่างไรเสียวันนี้ก็มีเวลามากพอเ้าค่ะ” เจินจูยิ้ม หมุนกายไปกำชับผิงอันขึ้น “ผิงอัน เ้าอย่าเหลียวซ้ายแลขวา ตามมาติดๆ วันนี้คนมาก อย่าเดินพลัดหลงล่ะ”
“เข้าใจแล้ว ท่านพี่” ผิงอันกระชับมือของเจินจูแน่น แล้วก้าวตามติดๆ อยู่ด้านหลัง
“ผิงอัน เ้าอยากซื้ออันใดหรือไม่?” เจินจูยิ้มแล้วถาม
“ข้าซื้อได้หรือ?” ผิงอันดวงตาทอประกาย กล่าวถามอย่างระมัดระวัง
“ได้สิ! อยากซื้ออันใด? ลองเอ่ยมา?” เจินจูกล่าว
“เอ่อ… ข้า ข้าอยากซื้อประทัดหนึ่งพวงได้หรือไม่?” ในตาผิงอันเต็มไปด้วยความคาดหวัง ถามเสียงเบา
ฝีเท้าที่ก้าวของเจินจูหยุดพักหนึ่ง หลังจากนั้นยิ้มแล้วลูบศีรษะของเขาอย่างใจอ่อน “ได้ พวกเราซื้อมาสองสามพวง เ้ากับผิงซุ่นมีกันคนละชุด”
ยุคสมัยนี้ การผลิตประทัดไม่ได้แพร่หลาย ราคาก็ไม่ถูก ครอบครัวคนธรรมดามีเพียงวันเทศกาลหรืองานมงคลและอวยพรมงคลถึงจะสามารถซื้อได้พวงหรือสองพวง ปีที่แล้วๆ มาครอบครัวสกุลหูฐานะทางการเงินไม่ได้ร่ำรวย ปีใหม่ก็ทำใจซื้อประทัดมาจุดไม่ได้ ในทุกปีผิงอันทำได้เพียงแอบอยู่ไกลๆ มองเด็กครอบครัวร่ำรวยในหมู่บ้านจุดประทัดกัน ตอนนี้ที่บ้านมีกำลังความสามารถซื้อได้แล้ว ย่อมต้องเติมเต็มความคาดหวังของเด็กชายเสียหน่อย
“จริงนะท่านพี่! นั่นเยี่ยมไปเลย…” ผิงอันสองตาเป็ประกาย ตื่นเต้นดีใจจนแก้มแดงปลั่ง
“อื้ม ซื้อให้พวกเ้า แต่จุดประทัดต้องระวังความปลอดภัย ห้ามะเิใส่คน แล้วก็ห้ามโยนไปในกองหญ้าแห้ง เพราะจะทำให้เกิดไฟไหม้ขึ้นได้ง่าย เข้าใจหรือไม่?” เจินจูตักเตือนเื่ที่ควรใส่ใจทีละอย่าง
“เข้าใจแล้ว ท่านพี่ ข้าจะระวังอย่างแน่นอน” ผิงอันพยักหน้า รับปากเป็มั่นเป็เหมาะ
“อื้ม เข้าใจก็ดี เ้ายังต้องดูผิงซุ่นด้วย หากปีนี้พวกเ้าสองคนจุดประทัดไม่ระวัง ปีหน้าผู้ใดก็ล้วนไม่ซื้อให้แล้ว” เทียบกับความซนอยู่ไม่สุขของผิงซุ่นแล้ว ผิงอันอุปนิสัยความละเอียดรอบคอบมั่นคงมากกว่าเล็กน้อย ลูกพี่ลูกน้องชายสองคนระยะนี้อยู่ด้วยกันบ่อยๆ คำพูดของผิงอันสำหรับผิงซุ่นแล้วยังรับฟังเข้าหูอยู่บ้าง
“อื้มๆ…ท่านพี่ ข้าจะดูแลพี่ชายใหญ่เอง” ผิงอันพยักหน้ารับปากหงึกๆ ติดต่อกัน
หลี่ซื่อมองสองพี่น้องหญิงชายด้วยใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้ม ลักษณะท่าทางและสายตาเต็มไปด้วยความสุขเหลือคณานับ
สามคนเดินเอื่อยๆ อยู่บนถนน ร้านขายของตั้งสลอนอยู่สองข้างทางล้วนแออัดไปด้วยผู้คน เจินจูเห็นร้านขายเครื่องประดับขนาดใหญ่ด้านหนึ่ง ภายในร้านฟู่เหรินพาสาววัยเยาว์มาเลือกซื้อเครื่องประดับอยู่ไม่น้อย
ฝ่าเท้าเจินจูหยุดลง นางยังประหลาดใจกับการสวมเครื่องประดับแต่ละอย่างบนศีรษะของคนยุคนี้อยู่มาก เมื่อมองเครื่องประดับที่สวมอยู่บนศีรษะของฟู่เหริน ส่วนใหญ่ที่สวมกันจะเป็ดอกไม้ผ้าไหมประดิษฐ์กับโลหะเงิน ส่วนน้อยจะสวมทองประดับเครื่องหยก ส่วนฟู่เหรินที่ใช้ปิ่นปักผมไม้ม้วนผมเหมือนกับหลี่ซื่อเช่นนี้ก็มีไม่น้อย
“ท่านแม่ พวกเราเข้าไปดูเครื่องประดับสักหน่อยเถิด ปีใหม่แล้วท่านควรเพิ่มปิ่นปักผมโลหะเงินสักหน่อยนะเ้าคะ” เจินจูจูงหลี่ซื่อเดินเข้าไป
หลี่ซื่อลูบปิ่นปักผมไม้บนศีรษะอย่างไม่รู้ตัวทันที ส่ายศีรษะไปมา “ไม่ต้องหรอก แม่มีปิ่นปักผมใช้อยู่แล้ว”
“ท่านแม่ นานแค่ไหนแล้วที่ท่านไม่เคยซื้อปิ่นปักผม ซื้อปิ่นโลหะเงินสักหนึ่งอันก็ไม่ได้แพง พวกเราเข้าไปดูหน่อยเถิด” ความชื่นชอบของผู้หญิงต่อเสื้อผ้าและเครื่องประดับ ล้วนเป็เหมือนกันมานานหลายพันปีแล้ว
ดึงหลี่ซื่อที่ลังเลใจให้ก้าวเดิน แล้วเจินจู หลี่ซื่อ ผิงอัน สามคนก็เดินเข้าไปในร้านเครื่องประดับ
เชิงอรรถ
[1] 年年有鱼 แปลว่า ทุกปีมีปลา ในภาษาจีนกลางพ้องเสียงกับคำว่า 年年有余 ซึ่งเป็คำอวยพรมงคล มีความหมายว่า มีเงินมีทองเหลือใช้ตลอดปี
[2] เคาหยก เป็อาหารจีนกวางตุ้งชนิดหนึ่ง แปลตรงตัวว่าเนื้อคว่ำ เป็อาหารที่มีชื่อเสียงของหูหนานและกวางตุ้ง ส่วนผสมหลักคือหมูสามชั้นกับเผือกราดน้ำปรุงรสแล้วนึ่ง