เช้าวันรุ่งขึ้น หลี่ชิงหลิงตื่นตรงเวลา เพิ่งยกผ้านวมขึ้น หลี่ชิงเฟิงก็ตื่นเป็คนต่อมา เขาลุกขึ้นนั่งด้วยความงุนงง ขยี้ตาและเรียกพี่สาว
หลี่ชิงหลิงที่ใจอ่อนยื่นมือออกไปกอด จูงเขาไปที่ห้องครัว
“ตื่นแล้วหรือ” นางจ้าวเพิ่งล้างเห็ดเสร็จ เมื่อเห็นลูกสาวและลูกชายตื่นขึ้นก็รีบรองน้ำใส่กะละมัง “มาล้างหน้าก่อนสิ!”
“ท่านแม่ วางไว้เถอะ ข้าทำเอง...”
หลี่ชิงหลิงดึงนางจ้าวขึ้นให้นั่งบนเก้าอี้ เธอหยิบเห็ดขึ้นมาแล้วเทลงในหม้อที่น้ำเริ่มเดือด ใส่เกลือ ปิดฝาเสร็จจึงไปล้างหน้า
นางจ้าวเร่งฟืนเล็กน้อย ขมวดคิ้วคิดอยู่ครู่หนึ่ง "เสี่ยวหลิง อย่าพูดเื่เห็ดออกไปนะ มันไม่ดีกับครอบครัวเรา"
หลี่ชิงหลิงเก็บผ้าออกและพูดเสียงเบา "ข้ารู้ เมื่อวานข้าบอกน้องแล้ว”
ตอนนี้เธอได้ร่างนี้มาก็ต้องรับผิดชอบ พยายามอย่างเต็มที่เพื่อไม่ให้ครอบครัวอดตาย และเห็ดบนูเาเป็อาหารเพียงอย่างเดียวของพวกเขาในตอนนี้ ดังนั้นเธอจึงต้องเห็นแก่ตัว
นางจ้าวหันมองหลี่ชิงหลิง รู้สึกว่าหลังลูกสาวฟื้นจากอาการาเ็แล้วเปลี่ยนไปไม่น้อย หลี่ชิงหลิงรู้สึกถึงสายตาค้นหาของนางจ้าวแต่ก็ไม่ตื่นตระหนก เสี่ยวหลี่ชิงหลิงคนก่อนค่อนข้างพูดน้อย เอาแต่ก้มหัวทำงาน แต่เธอโดนกระแทกหัวจนาเ็ ตายไปหนึ่งครั้ง จะเปลี่ยนไปก็เป็เื่ที่เข้าใจได้
หลังจากนั้นครู่หนึ่งนางจ้าวก็ดูเหมือนจะนึกถึงเื่นี้ได้ พูดด้วยน้ำเสียงตีบตัน "แม่ผิดเองที่ทำให้พวกเ้าต้องลำบาก” นางหันศีรษะ กลัวว่าพวกเขาจะเห็นน้ำตาในดวงตา
ถ้าตอนแยกครอบครัวเข้มแข็งกว่านี้ ก็อาจจะได้อาหารมากกว่านี้อีกหน่อย ลูกสาวของนางก็จะไม่ต้องถ่อไปขออาหารจำนวนเล็กน้อยเ่าั้
หลี่ชิงหลิงที่กำลังช่วยรวบผมให้น้องชายส่ายหน้า "มันจะต้องดีขึ้นแน่" เป็สิ่งที่พูดให้นางจ้าวและทั้งตัวเองฟัง มีแต่คิดเช่นนี้จึงจะมีความกล้าที่จะเดินหน้าต่อไป
นางจ้าวเช็ดน้ำตาเงียบๆ และตอบรับ ขณะเดียวกันเห็ดก็เริ่มส่งกลิ่นหอม นางยกฝาขึ้น ตักเห็ดส่งให้คนละชาม
หลังจากทั้งสามคนกินเสร็จ นางจ้าวก็เติมอีกชามให้เต็ม ใช้ชามครอบแล้วส่งให้หลี่ชิงหลิง "เอาไปให้จือโม่เถอะ เขาดีต่อบ้านเรา เราจะลืมเื่นี้ไม่ได้”
หลี่ชิงหลิงพยักหน้ารับชาม ครอบครัวของหลิวจือโม่มีข้าวไม่มากนัก แต่ก็ยังเอามาให้บ้านเธอได้ เธอคงไม่สามารถเป็คนเนรคุณได้แน่
“ท่านแม่ ข้าขอไปด้วย”
"ไปสิ!" นางจ้าวยิ้มพลางลูบหัวลูกชาย
หลี่ชิงเฟิงส่งเสียงร้องดีใจและวิ่งออกไปก่อน ยามนี้ที่ได้กินอิ่มก็มีชีวิตชีวาเหมือนเด็กคนอื่นๆ แล้ว
เมื่อวิ่งมาถึงประตูบ้านของหลิวจือโม่ก็ยกมือขึ้นเคาะประตูบ้าน "พี่จือโม่ เปิดประตู"
หลังจากนั้นไม่นานประตูก็เปิดออก คนที่โผล่หัวออกมาเป็หลิวจือเยี่ยน น้องชายของหลิวจือโม่
"ชิงเฟิง พี่ชายข้าออกไปที่นาแล้ว ไม่อยู่บ้าน"
"จือเยี่ยน พี่สาวข้าเอามาให้…”
คำพูดที่ตื่นเต้นของหลี่ชิงเฟิงถูกขัดด้วยเสียงของหลี่ชิงหลิง "เข้าไปแล้วค่อยคุยเถอะ!" แม้ว่าบ้านทั้งสองจะอยู่ห่างจากหมู่บ้าน แต่เธอก็กลัวว่าจะมีคนเดินผ่านไปมา
เธอเข้าไปข้างใน มองดูบ้านของหลิวจือโม่ที่สร้างด้วยอิฐโคลน ดีกว่ากระท่อมมุงจากของเธอมาก
ครอบครัวของหลิวจือโม่ไม่ใช่คนท้องถิ่น พ่อแม่ของเขามาตั้งหลักที่หมู่บ้านหนิวโถวเมื่อ 13 ปีก่อน หลายปีมานี้ พ่อหลิวและพ่อของหลี่ชิงหลิงเข้ากันได้ดีมาก ตอนที่เขาและภรรยาติดเชื้อโรคระบาด เขาได้เอ่ยขอพ่อของเธอ ขอให้เธอแต่งงานกับหลิวจือโม่ และขอให้ช่วยดูแลลูกทั้งสามของเขา
แต่เขาคงคาดไม่ถึงว่านายหลี่เองก็เสียชีวิตจากโรคระบาดเช่นกัน แม่ลูกทั้งสามถูกขับไล่ออกมา เมื่อเป็เช่นนี้ ไม่เพียงแต่จะไม่ได้ดูแลครอบครัวของหลิวจือโม่ กลับกันกลายเป็พวกนางที่ได้รับการดูแลจากหลิวจือโม่แทน
หลิวจือเยี่ยนมองชามที่หลี่ชิงหลิงถืออยู่พลางก้มลงไปดม "พี่ชิงหลิง ท่าน... ถืออะไรอยู่หรือ"
ก่อนที่หลี่ชิงหลิงจะทันเปิดปาก หลี่ชิงเฟิงก็อดใจไม่ไหว "เห็ดขนที่พี่สาวเก็บจากบนเขา อร่อยมาก พวกเรากินกันหมดแล้ว ไม่ตาย”
“จริงหรือ?” เมื่อได้กลิ่นหอมของเห็ด หลิวจือเยี่ยนกลืนน้ำลายไปสองสามอึก
ั้แ่พ่อแม่ป่วยและใช้เงินของครอบครัวจนหมด เขาก็ไม่เคยได้กินอาหารอร่อยๆ เลย ได้กินแต่โจ๊กข้าวกล้องทุกวัน
หลี่ชิงหลิงส่งเสียงอืม ยกเห็ดเข้าไปในห้องแล้ววางไว้บนโต๊ะ "มันเป็เห็ดขนที่กินได้ ไม่ตายแน่ สบายใจได้”
“ท่านพี่… รอง…” เสียงร้องแ่เบาดังมาจากในห้อง
"มาแล้ว..." หลิวจือเยี่ยนรีบวิ่งเข้าไปในห้อง และอุ้มน้องสาวออกมา หลี่ชิงหลิงเอื้อมมือไปรับ ให้เขาได้ไปกิน
เขาเงยหน้าขึ้นมองหลี่ชิงหลิง จากนั้นก้มศีรษะลงมองรองเท้าที่มีนิ้วโป้งโผล่ก่อนจะเอ่ยปากอย่างลังเล "ข้าอยากรอจนพี่ใหญ่กลับมาก่อนค่อยกิน”
เธอรู้ว่าั้แ่พ่อแม่เสียชีวิตไป ชีวิตครอบครัวนี้ก็ไม่สุขสบายนัก แต่มีอาหารล่อใจยังนึกถึงพี่ชายได้ ไม่ใช่เื่ง่ายเลยจริงๆ
“ที่บ้านข้ายังมีอีก อันนี้ให้เ้า รีบกินเถอะ!” เธอลูบหัวเขาด้วยรอยยิ้ม
หลังจากได้ยิน ดวงตาของหลิวจือเยี่ยนก็เป็ประกาย จากนั้นเริ่มก้มหัวตั้งใจกินโดยไม่กังวลอะไรอีก
เมื่อเห็นว่ามีอะไรให้กิน น้ำลายของหลิวจือโหรวก็เริ่มสอ “กิน… กิน…”
“เรากินด้วยกัน” หลิวจือเยี่ยนคีบเห็ดหนึ่งชิ้น ลุกขึ้นส่งให้หลิวจือโหรว
หลี่ชิงหลิงรีบเอ่ยปากห้าม หลิวจือโหรวอายุเพียงสองขวบกว่า เธอกลัวว่าเห็ดชิ้นใหญ่ขนาดนั้นจะสำลักเข้า จึงหันไปขอให้หลี่ชิงเฟิงเอามีดมาสับให้เล็กลงแล้วค่อยป้อน
หลิวจือโหรวเอื้อมมือไปหยิบชามบนโต๊ะ พูดอย่างใจจดใจจ่อว่าจะกิน... กิน...
"เดี๋ยวก็เสร็จแล้ว" หลี่ชิงหลิงใช้ช้อนตักขึ้นมาเล็กน้อย เป่าให้เย็นก่อนจะป้อน
หลังจากกินไปหลายคำอย่างเร่งรีบ หลิวจือโหรวจึงขยับปากช้าลง เด็กน้อยตบฝ่ามือเล็กๆ คิ้วและดวงตาโค้งเป็รอยยิ้ม "อื้อ... กิน..." มือเล็กๆ เอื้อมมือไปผลักช้อน ส่งสัญญาณให้หลี่ชิงหลิงกินด้วย
หลี่ชิงหลิงแสร้งทำเป็กิน แต่สุดท้ายป้อนเห็ดกลับเข้าไปในปากเ้าตัวน้อย ทำให้เด็กน้อยหัวเราะเอิ้กอ้ากอย่างมีความสุข
หลี่ชิงเฟิงมองจากด้านข้าง กลืนน้ำลายอย่างต่อเนื่องพลางถามหลิวจือเยี่ยนว่ารสชาติดีไหม หอมไหม?
หลิวจือเยี่ยนพยักหน้า เงยหน้าขึ้นมองหลี่ชิงเฟิงและคีบชิ้นหนึ่งให้เขา แต่หลี่ชิงเฟิงส่ายหน้าบอกว่าเขากินแล้ว จะกินอีกไม่ได้
หลี่ชิงหลิงเห็นแล้วทั้งเ็ปและปลื้มใจ มีน้องชายที่รู้เื่รู้ราวเช่นนี้ ไม่ว่าจะลำบากขนาดไหน เธอก็จะต้องพยายามหาทางออกอย่างเต็มที่
หลังจากสองพี่น้องหลิวจือเยี่ยนกินข้าวเสร็จก็ถูกกำชับว่าอย่าเล่าเื่นี้ออกไปอีกครั้ง เมื่อเห็นว่าทั้งสองพยักหน้า เธอจึงวางใจพาหลี่ชิงเฟิงกลับบ้าน
เมื่อเห็นนางจ้าวกำลังถือจอบและเตรียมตัวไปนา หลี่ชิงหลิงรีบผลักหลี่ชิงเฟิง บอกให้เขาตามไปช่วยงาน
หากไม่มีพ่อ น้องชายซึ่งเป็ผู้ชายคนเดียวในครอบครัวก็ควรเรียนรู้งาน อนาคตจึงจะสามารถเลี้ยงดูครอบครัวได้
หลี่ชิงเฟิงตบหน้าอกเล็กๆ ของตนเอง "ท่านพี่วางใจได้ ข้าจะไม่ปล่อยให้ท่านแม่เหนื่อย"
"ดีมาก..." เธอลูบหัวเขาเบาๆ จากนั้นมองนางจ้าว "ท่านแม่ ข้าจะไปเก็บเห็ดบนเขาแล้วค่อยไปหานะ"
"ไม่ต้องหรอก กลับมาแล้วก็พักเถอะ อย่าเหนื่อยเลย งานในทุ่งไม่ยากหรอก” นางจ้าวรีบโบกมือปัด กลัวลูกสาวที่ยังไม่หายดีจะเหนื่อยอีก
หลี่ชิงหลิงยิ้ม ไม่ได้ฟังให้เข้าหู ก้มหัวกำชับหลี่ชิงเฟิงอีกสองสามคำ จากนั้นขึ้นูเาพร้ะกร้าบนหลัง
คราวนี้จดจ่ออยู่กับการเก็บเห็ดเท่านั้น ในไม่ช้าเห็ดก็เต็มตะกร้า เมื่อกลับถึงบ้านก็รีบไปที่ทุ่งนาโดยไม่ทันได้พัก เธออยากแบ่งเบาภาระของนางจ้าว
เด็กสาวเดินไปที่ทุ่งนาผ่านความทรงจำเดิม เห็นนางจ้าวแล้วเพิ่งทันร้องเรียกมารดา
เอ้อโก่วจื่อจากในหมู่บ้านก็ร้องะโพลางวิ่งมา “แย่แล้วท่านป้าจ้าว ชิงเฟิงตกลงไปในแม่น้ำ"
นางจ้าวเซเกือบจะล้มลง หลี่ชิงหลิงใกลัว "ท่านแม่ ไม่ต้องห่วง ข้าไปดูเอง” จากนั้นก็ถามเอ้อโก่วจื่อซึ่งกำลังหอบตัวงอ " โก่วจื่อ ช่วยข้าพยุงท่านแม่หน่อย ท่านยังท้องอยู่ จะขยับตัวรีบร้อนไม่ได้”
เมื่อเห็นเอ้อโก่วจื่อพยักหน้า หลี่ชิงหลิงก็สาวเท้าวิ่งทันที หากเกิดอะไรขึ้นกับชิงเฟิง แม่ของเธอคงไม่สามารถใช้ชีวิตต่อไปได้ จะปล่อยเื่แบบนั้นเกิดขึ้นไม่ได้
เมื่อวิ่งไปถึงแม่น้ำก็พบว่ามีผู้คนมากมายล้อมรอบอยู่แล้ว ทุกคนพูดแค่ว่าช้าไปแล้ว ไม่หายใจแล้ว
หัวใจของเธอจมดิ่งรีบผลักฝูงชนออก หลี่ชิงเฟิงนอนอยู่บนพื้นเปียกโชกไปทั้งตัว ใบหน้าซีดเซียว ดวงตาของเด็กสาวแดงก่ำขึ้นมาโดยพลัน
“นี่ ชิงหลิงมาแล้วเหรอ” มีคนะโเรียก
หลี่ชิงหลิงบีบฝ่ามือตนเองอย่างรุนแรงเพื่อสงบสติอารมณ์ ก่อนจะรีบคุกเข่าลงข้างๆ หลี่ชิงเฟิงโดยไม่สนใจสายตาสมเพชเ่าั้ และเริ่มปฐมพยาบาลตามที่ได้เรียนรู้มาในชาติก่อน
หวังว่ายังคงทันเวลา
"ชิงหลิงกำลังทำอะไร? เสียสติไปแล้วหรือ?" ชาวบ้านเห็นว่าหลี่ชิงหลิงกำลังกดหน้าอกของหลี่ชิงเฟิง เป่าลมจากปากต่อปาก จึงเริ่มคุยกันขึ้นมา
นางจ้าวที่เอามือกุมท้องไว้เดินมาถึงอย่างรวดเร็ว เห็นชาวบ้านที่มุงกันเป็วงก็ยิ่งรีบร้อน เอ้อโก่วจื่อต้องวิ่งเหยาะๆ เพื่อให้ตามทัน "ท่านป้าจ้าว ช้าๆ หน่อย"
เมื่อชาวบ้านเห็นนางมาก็พากันถอยห่าง ต่างบอกให้นางดูแลตัวเองและไม่ต้องเสียใจมากนัก
หัวใจของนางจ้าวสะดุด เมื่อเห็นชิงเฟิงนอนไร้ชีวิตอยู่บนพื้นก็ะโ "ลูกชายข้า!"
ร่างกายของนางอ่อนแรงล้มลง แต่โชคดีที่ชาวบ้านรับไว้ได้ทัน
หลี่ชิงหลิงไม่สนใจนางจ้าวที่สลบไป นางยังคงผายปอดช่วยหลี่ชิงเฟิง หลังจากทำไปนานเท่าไรก็สุดที่จะรู้ จนรู้สึกว่าตัวเองก็กำลังจะขาดอากาศหายใจ หลี่ชิงเฟิงก็ยังคงนิ่งไม่ขยับ
"เด็กน้อย พอได้แล้ว พาเ้าชิงเฟิงกลับไปเตรียมงานเถอะ!" คุณย่าอู่จู่ที่อายุมากที่สุดในหมู่บ้าน ที่แม้แต่ผู้นำหมู่บ้านยังเคารพ เรียกหลี่ชิงหลิงด้วยตาแดงก่ำ
ไม่ได้จริงหรือ?
นางบีบจมูกของหลี่ชิงเฟิงและเป่าลมเข้าปากของเขาอีกครั้งโดยไม่ยอมแพ้ กระทั่งน้ำตารินไหลลงมาตามคาง และเข้าไปในปากของหลี่ชิงเฟิง
เสียงไอดังขึ้น หลี่ชิงเฟิงเริ่มเคลื่อนไหว
นางดีใจ พลิกตัวเด็กชายและกดเข่าเข้ากับท้อง
หลี่ชิงเฟิงพ่นน้ำออกมาจำนวนมาก หลังจากนั้นครู่ใหญ่จึงดึงแขนเสื้อของหลี่ชิงหลิงร้องเรียกพี่สาว
"รอดแล้ว รอดแล้ว ช่วยจนรอดแล้ว” ชาวบ้านอุทาน
หลี่ชิงหลิงกลับมีสีหน้าเ็า และตีหลี่ชิงเฟิงทันที "ข้าบอกกี่ครั้งแล้วว่าอย่ามาเล่นริมแม่น้ำ เ้าก็ยังไม่ฟัง" ก่อนจะหันหน้าไปชี้นางจ้าวที่ยังหมดสติ “ต้องให้ท่านแม่ตายก่อน เ้าถึงจะฟังเข้าหัวใช่หรือไม่?”
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้