บ่าวรับใช้ผู้หนึ่งราดน้ำมันลงบนกองฟืน จากนั้นบ่าวอีกคนที่ถือคบไฟก็ค่อยๆ เดินเข้ามา
หนีเจียเอ๋อร์พยายามดิ้นรนอย่างสิ้นหวัง “ท่านพ่อ ข้าเป็บุตรสาวของท่านนะ เหตุใดถึงใจดำขนาดนี้? สวีซื่อกำลังใส่ร้ายข้า แต่ท่านกลับนิ่งนอนใจปล่อยให้นางทำเช่นนี้ ทำไมถึงเข้าข้างคนชั่วแบบนั้น!”
“ทั้งหมดนี้ก็เพื่อตระกูลของเรา พ่อไม่มีทางเลือก” กล่าวจบก็สั่งให้จุดไฟ ก่อนเบือนหน้าหนี เพราะเขาเองก็ทนมิได้ หากต้องเห็นบุตรสาวถูกเผาทั้งเป็
บ่าวผู้หนึ่งเดินตรงเข้ามา พลางเอ่ยเสียงสั่น “คุณหนูรอง ข้าน้อยขออภัยขอรับ”
หนีเจียเอ๋อร์มองสวีซื่อกับหนีจวิ้นหว่าน ซึ่งกำลังแสยะยิ้มเย้ยหยัน แววตาที่สองแม่ลูกมองมา เต็มไปด้วยความเกลียดชัง ต่างกับผู้เป็บิดาซึ่งมีสายตาเศร้าโศก ที่หญิงสาวก็ไม่รู้ว่าจะเชื่อได้สักเพียงใด
“หยุดเดี๋ยวนี้นะ!” จู่ๆ เสียงหนึ่งก็ดังขึ้น
พร้อมกันนั้น ร่างของบ่าวรับใช้ก็ล้มลง ทำให้คบไฟในมือร่วงหล่น เปลวเพลิงพลันลุกลามไปตามรอยน้ำมันราด จนกองฟืนติดไฟลุกพรึ่บ!
หนีเจียเอ๋อร์ดิ้นรน พลางกรีดร้องด้วยความตื่นตระหนก “ว้าย... ช่วยด้วย!”
ตอนนั้นเอง บุรุษในชุดคลุมสีม่วงก็ทะยานฝ่ากองเพลิงเข้าไป ช่วยหญิงสาวออกมาได้อย่างทันท่วงที
หนีเจียเอ๋อร์เงยหน้ามองผู้มาช่วยเหลือ พลางทำหน้านิ่ว “อาการาเ็ของเ้าดีขึ้นแล้วหรือ?”
โจวชิงหวาก้มลงมามอง ก่อนยกยิ้มมุมปาก “ข้าไม่เป็อะไรแล้ว ดีจริงๆ ที่เ้าปลอดภัย”
สวีซื่อตั้งสติได้เป็คนแรก รีบร้องะโ “เร็ว จับตัวพวกมันไว้!”
นักพรตเต๋าจึงเสริมว่า “ใช่! จับตัวพวกมัน แล้วมัดเอาไว้ด้วยกัน ตอนนี้แรงอาฆาตของิญญาร้ายรุนแรงมาก หากมันหลุดออกมาได้ พวกเราจะตายกันหมด!”
ผู้คนที่กำลังตกอยู่ในความหวาดกลัวรีบปรี่เข้ามา หมายจะจับคนทั้งสองเอาไว้
พอเห็นเช่นนั้น โจวชิงหวาก็โอบร่างหนีเจียเอ๋อร์เข้าหาตัว แล้วชักกระบี่ออกมาจ่อหน้าทุกคน จิตสังหารที่แผ่กำจาย ทำให้ผู้คนพากันตัวแข็งทื่อด้วยความหวาดหวั่น
แรงกดดันอันมหาศาล ทำให้เหล่าบ่าวรับใช้เริ่มถอยร่นไปทีละคน
พอเห็นสถานการณ์เริ่มบานปลาย นายท่านหนีก็ทำท่าจะกล่าวบางอย่าง แต่ก็ต้องกลืนคำพูดทั้งหมดลงไป เมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าดังขึ้นที่ด้านหลัง
พอหันไปมอง ก็พบว่าเป็หนีเจียเฮ่อ สวีเพ่ยหราน และมู่หรงจิ่งหลี กำลังวิ่งหน้าตั้งเข้ามา
หนีเจียเฮ่อมองไปยังกองเพลิงตรงหน้าด้วยความตื่นตระหนก แต่เมื่อเห็นว่าหนีเจียเอ๋อร์ยังคงปลอดภัยดี ก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก ทว่าเพียงพริบตา ท่าทีที่ผ่อนคลายก็กลับมาถมึงทึงอีกครั้ง เขาชักกระบี่ออกมา ชี้ไปยังสวีซื่อทันที “ฮูหยินจอมโฉด ข้าจะสังหารเ้าเสีย!”
สวีซื่อถึงกับตัวสั่นทันที
พอเห็นเช่นนั้น สวีเพ่ยหรานก็รีบเข้ามาขวางเอาไว้ “เจียเฮ่อ ใจเย็นๆ ก่อน บางทีเื่นี้อาจจะมีการเข้าใจผิดกันก็เป็ได้”
มู่หรงจิ่งหลีเสริมขึ้นว่า “สิ่งสำคัญที่สุดในตอนนี้ คือเราควรจะถามไถ่เสียก่อน ว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่!”
พวกเขาจึงให้โอกาสสวีซื่ออธิบายเื่ราวทั้งหมด ได้ความว่าทุกครั้งที่หนีเจียเอ๋อร์ขยับตัว ระฆังในมือนักพรตเต๋าก็สั่นไหว ซึ่งนั่นหมายความว่านางถูกิญญาร้ายสิงสู่ ดังนั้นเพื่อความปลอดภัยของทุกคน จำต้องกำจัดิญญาร้ายตนนี้
โจวชิงหวาเลิกคิ้ว พลางพยุงร่างหนีเจียเอ๋อร์ส่งไปให้เสี่ยวเสวียน ก่อนยืมระฆังมาจากนักพรต หลังพิจารณาครู่หนึ่ง ก็หลับตาลง เพียงเขาใช้กำลังภายใน ก็สามารถทำให้ระฆังสั่นไหวได้โดยไม่ต้องอาศัยกระแสลม
หนีเจียเฮ่อลองทำตามที่อีกฝ่ายบอก ก็ปรากฏว่าเป็เช่นนั้นจริงๆ
ถึงนักพรตเต๋าจะปฏิเสธ ไม่ยอมรับความจริง แต่บ่าวรับใช้หลายคนก็เริ่มลังเล แม้แต่นายท่านหนีเองก็ยังสับสน เพราะสิ่งที่โจวชิงหวากล่าว ใช่ว่าจะไร้เหตุผล
ด้วยเห็นแก่สวีเพ่ยหรานกับมู่หรงจิ่งหลี นายท่านหนีจึงยกเลิกการไล่ผีในครั้งนี้ และเชิญนักพรตเต๋าออกจากจวนไป แต่ยังคงยืนยันว่าจะกักขังหนีเจียเอ๋อร์เอาไว้เช่นเดิม
...
พอหมดเื่ โจวชิงหวาก็เดินทางกลับจวนของตน แต่กระนั้นก็ใช่ว่าเขาจะยอมจบเพียงเท่านี้ เพราะสวีซื่อเอาแต่มุ่งร้ายหนีเจียเอ๋อร์ครั้งแล้วครั้งเล่า ดังนั้นคราวนี้ คงต้องให้บทเรียนอีกฝ่ายสักหน่อย...
ชายหนุ่มทิ้งตัวลงบนเก้าอี้ไม้ เคาะนิ้วกับที่เท้าแขนเป็จังหวะอยู่ครู่ใหญ่ขณะใช้ความคิด ก่อนเอ่ยเสียงต่ำ “สือหวู่!”
พริบตา เด็กหนุ่มชุดดำก็ผลักบานประตูเข้ามา “นายท่าน ้าสิ่งใดหรือขอรับ?”
โจวชิงหวาตอบว่า “นำคำสั่งของข้า ส่งไปยังเหล่าพ่อค้าทั่วเมืองหลวง ห้ามทุกคนขายของให้สวีซื่อ หากผู้ใดแอบค้าขาย ถือว่าขาดกับข้าทันที!”
“ขอรับ!” สือหวู่โค้งคำนับ แล้วก้าวจากไป
ในคืนวันนั้น สือหวู่ก็ได้เผยแพร่คำสั่งไปยังพ่อค้าทั่วเมืองอย่างรวดเร็ว ดังนั้น ทั้งพ่อค้ารายเล็กไปจนถึงเถ้าแก่รายใหญ่ ต่างก็ปฏิบัติตามคำสั่งของโจวชิงหวาทันที
...
เช้าวันถัดมา
สวีซื่อมุ่งหน้าไปยังเรือนของหนีเจียเอ๋อร์ เพื่อเยี่ยมเยือนอีกฝ่าย
แม้จะเพิ่งพ้นเคราะห์จากการเกือบถูกเผาทั้งเป็ แต่ยามนี้ อารมณ์ของหญิงสาวยังคงสงบนิ่ง นางกำลังรับประทานอาหาร ที่เสี่ยวเสวียนยกมาให้อยู่เงียบๆ ภายในห้อง
สวีซื่อมองบุตรีอนุด้วยสายตาเย้ยหยัน “กินข้าวอยู่หรือ?”
เสี่ยวเสวียนในตอนนี้ กำลังแค้นเคืองยิ่งนัก หากแต่ทำอันใดมิได้ จึงเดินมาคุกเข่าอย่างจำใจ “คารวะฮูหยิน”
หนีเจียเอ๋อร์ก็ยืนขึ้นเช่นกัน “คารวะท่านแม่ ท่านแม่รับประทานอะไรมาหรือยังเ้าคะ? หากยัง เชิญมารับประทานด้วยกันเถิด”
“ไม่ละ ข้ากินมาแล้ว” สวีซื่อกลอกตา ก่อนวาดนิ้วลงบนโต๊ะไม้ “เห็นเ้าแข็งแรงดีเช่นนี้ ข้าก็หายห่วง”
หนีเจียเอ๋อร์ยกยิ้ม “ไม่ต้องกังวล ข้าไม่ตายง่ายๆ หรอกเ้าค่ะ เพราะข้าต้องมีชีวิตอยู่ เพื่อลากคอคนที่้าจะสังหารข้า มารับโทษให้ได้เสียก่อน...”
แววตาของสวีซื่อไหววูบไปชั่วขณะ ก่อนทำทีเป็หัวเราะกลบเกลื่อน “อย่างที่คิดเอาไว้ เป็ถึงบุตรสาวสกุลหนี ย่อมต้องแข็งแกร่งและมีความทะเยอทะยาน เช่นนั้นแม่ขอให้เ้าเอาชีวิตรอดไปได้ตลอดก็แล้วกัน”
หนีเจียเอ๋อร์ค้อมตัวลง “ขอบคุณท่านแม่ที่อวยพร”
สวีซื่อปรายตามองอยู่ครู่หนึ่ง แล้วหมุนตัวเดินจากมา ใบหน้าที่เคยฉาบไปด้วยรอยยิ้ม พลันแปรเปลี่ยนเป็สีหน้าอันชั่วร้าย
พอเดินไปถึงสวนหน้าเรือนหนีเจียเอ๋อร์ หลินมามาที่ติดตามมาก็เอ่ยขึ้น “นายหญิง คุณหนูรองช่างดวงแข็งยิ่งนัก ทั้งๆ ที่เราลอบสังหารนางตั้งหลายครั้งก็ยังไม่ได้ผล จะทำอย่างไรต่อไปดีเ้าคะ?”
สวีซื่อหักกิ่งดอกโบตั๋นออกมา ก่อนขยี้จนแหลกคามือ “ไม่ช้าก็เร็ว ข้าจะทำให้นางหายไปจากโลกใบนี้!”
...
ตกบ่าย หลินมามาสั่งให้คนไปจ่ายตลาด เพื่อซื้ออาหารหวานและของว่าง แต่สาวใช้ที่ได้รับมอบหมาย กลับต้องกลับมาด้วยมือเปล่า
พอซักถามก็ได้ความว่า ทั้งๆ ที่ร้านขนมหวานและติ่มซำมีสินค้า แต่กลับไม่ยอมขายให้ ทั้งยังไล่พวกนางออกมา เมื่อไปซื้อของที่ร้านอื่นๆ ก็พบเหตุการณ์เดียวกัน
ได้ยินเช่นนั้น หลินมามาก็เริ่มสังหรณ์ใจพิกล จึงนำเื่นี้ไปรายงานสวีซื่อทันที
พอทราบเื่ สวีซื่อพลันโมโหอย่างหนัก สั่งให้หลินมามาลองออกไปซื้อของด้วยตัวเองทันที แต่ในไม่ช้า นางก็กลับมามือเปล่าเช่นกัน
เมื่อสืบสาวราวเื่ ก็พบว่าเมื่อคืนนี้ มีคนของโจวชิงหวามาเยือนร้านค้าทุกแห่งในเมืองหลวง และออกคำสั่ง ห้ามมิให้พวกเขาขายของให้ฮูหยินสกุลหนี
สวีซื่อกัดฟันกรอด หยิบเงินออกมาอีกสิบเท่า เพื่อให้หลินมามานำไปซื้อของอีกครั้ง แต่ก็ยังคงไม่มีใครขายให้เช่นเดิม
ไม่ยากจะเชื่อเลย ทั้งๆ ที่ยอมซื้อของในราคาสูงถึงสิบเท่า แต่กลับไม่มีพ่อค้าคนใดกล้าขายของให้ สวีซื่อจึงเริ่มเดือดดาล จนอยากจะสั่งให้คนมาทุบร้านเ่าั้เสียบัดนี้ ทว่าไม่อาจทำได้
...
ล่วงเลยมาถึงห้าวัน ทุกร้านก็ยังคงปฏิเสธนางเช่นเดิม ตอนแรก สวีซื่อคิดว่าเื่นี้คงจะจบลงภายในหนึ่งถึงสองวัน แต่บัดนี้เข้าสู่วันที่ห้าแล้ว แม้จะส่งคนไปซื้อของในนามบ้านสกุลหนี หรือยื่นข้อเสนอต่างๆ ให้เหล่าพ่อค้า ทว่าก็ไม่มีใครกล้าขายของให้
พ่อบ้านและเหล่าสาวใช้ ถูกนางด่าทอทุกวัน ยิ่งรู้ว่าข้าวของเครื่องใช้ทุกอย่างของเว่ยอี๋เหนียงและหนีเจียเอ๋อร์ ยังคงถูกโจวชิงหวาส่งมาให้มิได้ขาด สวีซื่อก็ยิ่งโมโห
หลังจากพ่อบ้านออกไป สวีซื่อก็พาหลินมามาไปยังจวนสกุลสวี
นางไม่เชื่อหรอก ว่าจะมีสิ่งใดในโลก ที่เงินซื้อมิได้...