เมื่อได้ยินจ้าวฉินเสวียตอบตกลงในที่สุด หลิ่วอีอีก็แอบยิ้มเย็นะเื
"งั้นก็เก็บของเตรียมตัวไว้เลยนะ รอฉันกับเฉินเฟิงจดทะเบียนเสร็จแล้ว เธอติดรถพวกเราไปบริษัทเลย"
หลิ่วอีอีอ่านความคิดจ้าวฉินเสวียออก
จ้าวฉินเสวียรีบตอบรับทันที คงไม่มีเหตุผลใดให้ปฏิเสธการปั้นตัวเธอเองเป็ดาราดังในอีกสองปีข้างหน้าจากเฉินเฟิง
ยิ่งกว่านั้น เธอกำลังคิดหาวิธีเข้าใกล้เพื่อยั่วยวนเฉินเฟิง
เฉินเฟิงตามตื๊อเธอยาวนานถึงสามปี แม้ตอนนี้จะเกลียดสุดหัวใจ แต่เฉินเฟิงก็ไม่อาจลบเลือนรักสามปีที่ทุ่มเทให้เธอได้แน่ ความรักและความเกลียดชังนั้นพันผูกกันจนยากจะแยกออก
ใช้เล่ห์ใช้เหลี่ยมเล็กน้อย เธอก็น่าจะเอาชนะใจเฉินเฟิงได้อย่างง่ายดาย
ถ้าเธอเอาชนะใจเขาได้ เงินของเฉินเฟิงจะกลายเป็ของใครได้ ถ้าไม่ใช่ของเธอ?
ประสบการณ์ถูกหนุ่มหล่อหลายคนในมหาวิทยาลัยตามจีบ ทำให้จ้าวฉินเสวียมั่นใจในเสน่ห์ของตัวเองอย่างล้นเหลือ
ลองดูหลิ่วอีอีเป็ตัวอย่าง ถึงแม้ว่าเธอจะได้ตำแหน่งรองดาวมหาลัย แต่ตลอดสามปีในมหาวิทยาลัยกลับมีเพียงเพื่อนร่วมชั้นตามจีบเธอแค่สองสามคน
ผลลัพธ์ก็เป็อย่างที่รู้ๆ กัน พวกเขาถูกหลิ่วอีอีปฏิเสธหมด หลังจากนั้นก็ไม่มีใครกล้าจีบเธออีก
"โอเค ดีเลย ปกติฉันนั่งแต่เฟอร์รารี ไม่เคยลองนั่งรถยี่ห้ออื่นเลย" จ้าวฉินเสวียตอบอย่างรวดเร็วด้วยน้ำเสียงที่เปี่ยมไปด้วยความเย่อหยิ่ง
จ้าวฉินเสวียคิดว่า ต่อให้เฉินเฟิงกับหลิ่วอีอีจะรวยแค่ไหน ยังไงก็คงไม่มีวันกล้าซื้อเฟอร์รารีหรอก
เมื่อได้ยินดังนั้น เฉินเฟิงก็ยิ้มเยาะ "งั้นก็ไปนั่งเฟอร์รารีมือสองของฮูอวี่ซะสิ รถฮงฉีของหลิ่วอีอีคงไม่คู่ควรกับแผ่นหลังสวยๆ ของเธอหรอกมั้ง!"
สิ้นเสียงพูด เฉินเฟิงก็คว้ามือหลิ่วอีอีออกไป มืออีกข้างถือรูปถ่ายงานแต่งงานออกไปด้วย
จ้าวฉินเสวียนี่น่ารังเกียจซะจริง ชอบพูดจี้ใจดำคนอื่น เฉินเฟิงเห็นคุณค่าของเธอและ้าใช้ประโยชน์จากเธอต่อจากนี้อีกยี่สิบปีก็จริง แต่ทั้งหมดนี้มีเงื่อนไขที่ขึ้นอยู่กับอารมณ์เขาเองด้วย!
จ้าวฉินเสวียย้ำจุดอ่อนของเฉินเฟิงแบบนี้ ไฟโทสะที่เพิ่งมอดดับก็กลับลุกโชนโหมให้ถึงจุดแตกหัก
"จะดารานางแบบ เพื่อนร่วมชั้นของเราอย่างจางหลิงเจี๋ยหรือหลินชิวหยุนก็เป็ตัวเลือกที่ดีเหมือนกัน เธอไม่ใช่คนเดียวที่มีศักยภาพพอจะเข้าวงการบันเทิง!"
หลิ่วอีอีทิ้งคำพูดไว้กับจ้าวฉินเสวียที่ตะลึงงัน ก่อนเฉินเฟิงจะคะยั้นคะยอพาเธอออกไป
แต่เมื่อได้ยินคำพูดเหล่านี้ จ้าวฉินเสวียที่เก็บความลับไว้ไม่อยู่ก็พลั้งปากพูดออกมาจนหมด
"เฉินเฟิง ถึงฉันจะเปิดโรงแรมกับฮูอวี่ถึงสองคืน เขาใช้ดูเร็กซ์ไปสองกล่องก็จริง แต่เขาไม่ได้ใช้กับฉัน ฉันมอมเขาให้เมานิดหน่อยแล้วซื้อสาวมาบริการเขาที่โรงแรม สามร้อยหยวนต่อคืน ส่วนฉันแค่แกล้งทำเป็นอนกับเขา แต่ฉันไม่ใช่ผู้หญิงแบบนั้น เข้าใจไหม? ฉันยังบริสุทธิ์อยู่
ฉันไม่ได้โง่ ฮูอวี่แค่อยากยั่วโมโหนาย ฉันรังเกียจพวกลูกเศรษฐีเ้าชู้พวกนี้ที่สุด! ฉันไม่คิดจะเสียตัวให้เขาจนกว่าจะจดทะเบียนกันจริงๆ!"
เมื่อได้ยินดังนั้น เฉินเฟิงก็หยุดเดินและหัวเราะในที่สุด
"กลายเป็ว่าคนที่ฉลาดที่สุดคือเธอ หลอกทั้งฉันทั้งฮูอวี่แเีมาก เหมาะกับวงการบันเทิงจริงๆ ผู้กำกับพวกนั้นคงเอาเธอไม่อยู่"
"แต่ฉันอยากจะบอกว่าตอนนี้ฉันมีทั้งหลิ่วอีอี จางหลิงเจี๋ย หลินชิวหยุนด้วย ทุกคนเป็ผู้หญิงของฉัน"
ใบหน้างามของจ้าวฉินเสวียบิดเบี้ยวไปด้วยความตระหนก เธอไม่เชื่อว่าเฉินเฟิงมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกับทั้งสามได้ในเวลาเพียงแค่สองวัน
โดยเฉพาะอย่างยิ่งตอนนี้ที่เฉินเฟิงกำลังจะจดทะเบียนสมรสกับหลิ่วอีอี แต่เขากลับกล้าพูดเสียงดังต่อหน้าเธอเช่นนี้ หมายความว่าหลิ่วอีอีคงรู้และยอมรับเรี่องนี้แล้ว
แต่ท่าทีของหลิ่วอีอีแสดงออกชัดเจนว่า เธอ้ากันซีนไม่ให้ใครเข้าไปยุ่มย่ามกับเฉินเฟิงภายในบริษัท
เธอจะไม่ยอมให้จ้าวฉินเสวียไปยุ่งกับเฉินเฟิงอย่างแน่นอน!
นอกจากนั้น ทั้งจางหลิงเจี๋ยกับหลินชิวหยุนต่างก็เป็สาวสวยตัวท็อปของมหาวิทยาลัย จ้าวฉินเสวียจึงรู้จักพวกเธออยู่แล้ว
"ถ้าเป็นายในตอนนี้ ถึงไม่ให้สถานะอะไร ฉันก็ยินดีมอบความบริสุทธิ์ให้"
หลังจากแสดงสีหน้าอับอายอยู่ครู่หนึ่ง จ้าวฉินเสวียก็พูดด้วยเสียงอันเเผ่วเบาราวกับปล่อยวางได้อย่างสิ้นเชิง
เธอเอ่ยปากบอกแล้วว่าเธอไม่มีอะไรกับฮูอวี่ ดังนั้นการบอกว่าจะมอบครั้งแรกให้เฉินเฟิงก็คงไม่ต่างกัน
"โทษที แต่ม้าดีไม่กินหญ้าย้อนหลัง [1] ฉันไม่สนเธอหรอก เก็บไว้ให้สามีเธอเถอะ เป็สาวเป็นางรักนวลสงวนตัวหน่อยก็ดีแล้วนี่"
เฉินเฟิงพูดทิ้งท้ายก่อนจะหันหลังเดินจากไป
นิสัยจ้าวฉินเสวียเ้าเล่ห์เกินไป ไม่เหมาะจะเป็พนักงานในบริษัทเขา
รอตั้งบริษัทด้านความบันเทิงแล้วค่อยเซ็นสัญญากับเธอน่าจะดีกว่า
"ที่รัก เธอส่งตัวเองถึงหน้าประตูขนาดนี้ จะไม่เอาจริงๆ เหรอ?"
หลิ่วอีอีถามอย่างสงสัยขณะโอบกอดเฉินเฟิง
"อย่าแหย่ฉันเลย ฉันเจ็บกับจ้าวฉินเสวียมาเยอะ ต่อให้เธอยืนแก้ผ้าตรงหน้าฉันก็ไม่สน! ถ้าฉันขาดแคลนผู้หญิง ฉันมีเธอ จางหลิงเจี๋ย หลินชิวหยุน แค่นี้ก็น่าจะพอแล้วนะ?"
เฉินเฟิงหยอกล้อทั้งน้ำตา แล้วเดินกลับไปพร้อมกับหลิ่วอีอี
เชิงอรรถ
[1] ม้าดีไม่กินหญ้าย้อนหลัง หมายถึงคนที่ตัดสินใจแล้วจะไม่เปลี่ยนใจ
