อย่าถามว่าข้าคือใครส่งข้อความกลับมาอย่างรวดเร็ว “เป็อะไรไปเล่าพระชายา ต้องโมโหเพียงนี้เชียวหรือ หรือว่าท่านอ๋องของท่านได้ยินคำพูดของข้าไปหมดแล้ว? ”
“แหม ช่างบังเอิญเสียเหลือเกิน ท่านลองให้ท่านอ๋องของท่านดูสิว่าของใหม่ชุดนี้บนเถาเป่าของข้าน่าสนใจหรือไม่ ไม่ใช่ว่าข้าขี้โม้เกินจริงนะ มันใช้ดีมากจริงๆ ”
เยว่เฟิงเกอโกรธจนอยากจะเขวี้ยงโทรศัพท์ทิ้งแล้ว แต่ตอนนี้นางมีโทรศัพท์เครื่องนี้อยู่แค่เครื่องเดียวจึงไม่กล้าทำมันพัง
เยว่เฟิงเกอกดบันทึกข้อความเสียงอีกครั้งอย่างเกรี้ยวกราด “อย่าถามว่าข้าคือใคร หากเ้ายังกล้าตอบกลับมาอีก ข้าจะบล็อกร้านเ้าเสีย”
ครั้งนี้เยว่เฟิงเกอทำให้อย่าถามว่าข้าคือใครใได้สำเร็จ
ผ่านไปนานอีกฝ่ายก็ไม่กล้าตอบกลับมาอีก
เยว่เฟิงเกอโยนโทรศัพท์ทิ้งด้วยความโมโห แต่เมื่อเงยหน้าขึ้นก็เห็นว่าม่อหลิงหานกำลังใช้สายตาสอบสวนนางอยู่
นางกดความโกรธในใจลงไปแล้วพูดด้วยสีหน้าน้อยเนื้อต่ำใจ “ท่านอ๋อง ทรงฟังหม่อมฉันอธิบายก่อนเพคะ เื่ราวไม่ได้เป็เช่นที่พระองค์คิด”
“อ้อ? เช่นนั้นเป็เช่นไรเล่า? ” ม่อหลิงหานเองก็กดความโกรธในใจลงไป รอให้เยว่เฟิงเกออธิบายให้เขาฟัง
เยว่เฟิงเกอใช้ปลายนิ้วชี้ชนเข้าหากันราวกับเด็กที่ทำความผิด นางก้มหน้าลง เริ่มอธิบาย “ที่จริงแล้วคนผู้นี้เป็พ่อค้าที่ขายของให้หม่อมฉัน มีของหลายอย่างที่หม่อมฉันซื้อหามาจากร้านของเขา”
“ก่อนหน้านี้ที่หม่อมฉัน้าถอนพิษไฟหนาวในร่างของท่านและฮองเฮา ก็เป็เหตุให้ต้องหาซื้อเตาหลอมยาดีๆ สักอัน พอดีที่ร้านของเขามีขาย หม่อมฉันเลยซื้อมา”
“ตอนหลังหม่อมฉันกับเขาได้เพิ่มเพื่อนกัน นับกันเป็สหายเพื่อความสะดวกในการติดต่อซื้อของ หากหม่อมฉันมีอะไรที่อยากได้ ก็จะถามเขาว่าที่ร้านของเขามีของสิ่งนั้นหรือไม่”
“แต่ อันที่จริงหม่อมฉันกับเขายังไม่เคยพบหน้ากัน ท่านอ๋องต้องเชื่อหม่อมฉันนะเพคะ หม่อมฉันไม่ได้โกหกจริงๆ ”
เยว่เฟิงเกออธิบายยืดยาว ก่อนจะชำเลืองมองม่อหลิงหานและได้เห็นว่าสีหน้าที่ดำราวก้นกระทะของเขาค่อยๆ ดีขึ้นแล้ว
“ในเมื่อความสัมพันธ์ระหว่างเขาและชายารักไม่มีอะไรเกินเลยต่อกัน แล้วเหตุใดเขาต้องพูดเื่เช่นนั้นกับชายารักด้วย? ” น้ำเสียงของม่อหลิงหานไม่เ็าเท่าก่อนหน้านี้แล้ว
เยว่เฟิงเกอรับรู้ได้ว่าม่อหลิงหานไม่โกรธเพียงนั้นแล้ว ก็รีบจับมือเขาไว้ ออดอ้อนเขา “หม่อมฉันเองก็ไม่รู้ว่าเพราะอะไร จู่ๆ เขาถึงได้มาพูดเื่พวกนี้กับหม่อมฉัน ทำให้หม่อมฉันวางตัวลำบากเช่นกันเพคะ”
“คาดว่าคนคนนี้คงจะสติไม่ดี มีปากก็พูดไปเรื่อยเท่านั้นแหละเพคะ”
“ท่านอ๋องอย่าไปฟังคำพูดเขา แล้วก็อย่าโกรธอีกเลยได้ไหมเพคะ? ”
ม่อหลิงหานเห็นว่าเยว่เฟิงเกออธิบายด้วยท่าทีสัตย์ซื่อจริงใจ ก็เลือกที่จะเชื่อนาง
เขาดึงเยว่เฟิงเกอเข้ามาในอ้อมแขน เขยิบหน้าเข้าไปใกล้หูเยว่เฟิงเกอ กล่าวเสียงเบาว่า “ถ้าอย่างไรคืนนี้ชายารักก็ลองดูด้วยตนเองเถิดว่า เื่นั้นของเปิ่นหวางใช้ได้หรือไม่? ”
เยว่เฟิงเกอหน้าแดงลามไปถึงหู นางหัวเราะแหะๆ สองเสียงแล้วผลักม่อหลิงหานออกไป
ตอนนี้ม่อหลิงหานไม่โกรธโดยสมบูรณ์แล้ว กลับกันใบหน้ายังปรากฏรอยยิ้มเ้าเล่ห์ออกมาอีกด้วย
เยว่เฟิงเกอกำลังจะพลิกตัวหนี ก็ถูกม่อหลิงหานดึงมาอีกครั้ง คนกักขังนางไว้ในอ้อมแขนอย่างแแ่
เขาก้มหน้าลงจุมพิตริมฝีปากเยว่เฟิงเกอ...
เช้าวันถัดมา หลังจากล้างหน้าล้างตาเสร็จ เยว่เฟิงเกอก็แต่งกายเป็ชาวยุทธ์คนหนึ่ง นางตั้งใจว่าจะทำภารกิจให้ซูมู่เจ๋อเรียกนางว่าพี่ใหญ่แห่งโลกพนันสามครั้งนั่นให้สำเร็จให้ได้ภายในสามวันนี้
เยว่เฟิงเกอยังคงเดินออกไปทางประตูหลังจวนเช่นเดิม วันนี้นางรีบร้อนออกไปแต่เช้า โดยที่ยังไม่ทันได้กินข้าวเช้าด้วยซ้ำ นางเพียงหยิบเงินมาจำนวนหนึ่งแล้ววิ่งปรู๊ดออกไปทันที
เมื่อมาถึงถนนของอร่อยสายนั้น เยว่เฟิงเกอก็แวะซื้อซาลาเปาไปสองลูก เมื่อกินเสร็จก็กินของว่างไปอีกสองสามอย่างแล้วถึงได้มุ่งหน้าไปยังโรงพนันว่านจินด้วยความพออกพอใจ
เยว่เฟิงเกอเดินก้าวยาวๆ เข้าไปในโรงพนันว่านจิน ที่นี่ยังคงมีบรรยากาศชวนคลื่นไส้เช่นเดิม
เสียงพนันขันต่อดังเซ็งแซ่
เยว่เฟิงเกอสาดสายตาไปรอบหนึ่งก็สามารถมองเห็นเงาร่างของจินว่านหลี่ได้อย่างรวดเร็ว
นางรีบเดินเข้าไปตบบ่าจินว่านหลี่
จินว่านหลี่ที่กำลังตั้งอกตั้งใจดูไพ่ในมือถูกเยว่เฟิงเกอตบไหล่เช่นนี้ก็ตกอกใจนเกือบทำไพ่หล่น เขาตวาดไล่ด้วยท่าทีรำคาญใจยิ่ง “ใครกันที่ไร้ตา ไม่เห็นหรือว่าข้ายุ่งอยู่? ไปเล่นไกลๆ ไป”
เยว่เฟิงเกอเห็นว่าจินว่านหลี่ไม่แม้แต่จะหันศีรษะมา มือนางที่จับไหล่จินว่านหลี่อยู่ก็ยิ่งออกแรงมากขึ้น
จินว่านหลี่ถูกบีบจนเจ็บ เขาขมวดคิ้วแล้วหันหน้ามา เห็นเพียงแม่นางน้อยแปลกหน้าคนหนึ่งกำลังยืนอยู่เื้ัเขา
จินว่านหลี่แน่ใจมากว่าตนไม่รู้จักนาง
เขาขมวดคิ้วถามเยว่เฟิงเกอ “เ้ามีเื่อะไร? ”
เยว่เฟิงเกอส่งยิ้มเ้าเล่ห์ให้จินว่านหลี่ และเพราะรอยยิ้มนี้ทำให้จินว่านหลี่ใจเต้นตึกตัก
เขาคุ้นเคยกับรอยยิ้มนี้เป็อย่างดี เป็รอยยิ้มของคนที่ไถ่ตัวฉิงเอ๋อร์ไปคนนั้น
“เ้า เ้าคือเยว่เฟิงเกอ? ” จินว่านหลี่พูดตะกุกตะกัก
เยว่เฟิงเกอยิ้มพยักหน้า “ดูท่าความทรงจำเ้าจะไม่เลวเลย ยังจำรอยยิ้มข้าได้เสียด้วย”
จินว่านหลี่หัวเราะแหะๆ “รอยยิ้มของแม่นาง ชั่วชีวิตนี้จินว่านหลี่ลืมไม่ลงหรอกขอรับ ไม่ทราบว่าวันนี้ที่แม่นางมาที่นี่ เพราะตั้งใจมาหาข้าหรือขอรับ? ”
จินว่านหลี่ร้อนรนใจยิ่ง ไม่ใช่ว่าเขาไปล่วงเกินอะไรนางเข้านะ
เยว่เฟิงเกอยิ้มกล่าวว่า “เ้าไปตามเถ้าแก่โรงพนันมาหาข้า บอกเขาว่าเยว่เฟิงมาหาเขา มีเื่สำคัญ”
เมื่อจินว่านหลี่ได้ยินว่าเยว่เฟิงเกอตั้งใจมาหาเ้าของโรงพนัน จิตใจเขาก็ให้ไม่สงบทันที
“แม่นางคงไม่ได้คิดจะเปลี่ยนใจไม่ชำระหนี้ให้ข้าแล้วกระมัง? ” ตอนนี้จินว่านหลี่คิดถึงความเป็ไปได้อื่นไม่ออกแล้ว
มือที่จับอยู่บนไหล่จินว่านหลี่ของเยว่เฟิงเกอยิ่งออกแรงมากขึ้นกว่าเดิม แต่ใบหน้าของนางยังประดับไว้ด้วยรอยยิ้มเ้าเล่ห์เย้ายวน
“ให้เ้าไป เ้าก็ไป อย่าพูดมาก”
เนื้อบนไหล่ของจินว่านหลี่ถูกบีบจนเจ็บราวกับเนื้อจะหลุดติดออกมาแล้ว
เขาไม่กล้าเอ่ยวาจาใดอีก ทำได้แค่รีบวางไพ่ในมือลงแล้วไปเคาะประตูห้องพักของเถ้าแก่โรงพนัน
เยว่เฟิงเกอนั่งลงตรงที่นั่งของจินว่านหลี่ นางไม่แม้แต่จะมองไพ่ ก็ตบโต๊ะทีหนึ่ง ทำให้ไพ่ทั้งสามใบนั้นพลิกเปิดขึ้นมาเพราะแรงสั่นะเื
ไพ่ทั้งสามใบนั้นเป็แต้มสูงทั้งหมด ซึ่งครั้งนี้จินว่านหลี่เองก็ได้วางเดิมพันไว้ข้างสูงพอดี
ตานี้จินว่านหลี่ชนะแล้ว เพียงแต่เขายังไม่รู้เื่ที่ตนชนะ
ตอนนี้จินว่านหลี่กำลังเคาะประตู เป็นานถึงได้ยินเสียงดังลอดมาจากด้านใน “เื่อะไร ว่ามา”
จินว่านหลี่พูดกับคนหลังบานประตูด้วยท่าทีร้อนรน “เถ้าแก่ มีคนอยากพบท่าน”
“บอกคนให้กลับไป” ซูมู่เจ๋อปฏิเสธทันที
คนที่อยากพบเขามีตั้งมากมาย หากต้องไปพบเสียหมดทุกคนก็ไม่ต้องพักผ่อนกันพอดี
เขาเป็เถ้าแก่โรงพนัน ไม่ใช่หญิงคณิกาของหอชมบุปผาที่ใครๆ อยากพบก็ต้องไป
เมื่อจินว่านหลี่ได้ยินซูมู่เจ๋อปฏิเสธเสียงแข็ง เขาก็ร้อนใจอยู่หน้าประตูครู่หนึ่ง คิดอยู่ว่าควรจะไปบอกเยว่เฟิงเกอว่าเถ้าแก่โรงพนันพักผ่อนอยู่ดีหรือไม่
แต่เมื่อนึกถึงว่าเยว่เฟิงเกอผู้นั้นเป็คนที่อันตรายยิ่ง ต่อไปเขาจะยังเล่นพนันที่นี่ต่อไปได้อีกหรือไม่ก็ล้วนขึ้นอยู่กับนางแล้ว เขาจึงทำได้แค่ย้อมใจแล้วเคาะประตูอีกครั้ง
“เถ้าแก่ คนผู้นั้นคือเยว่เฟิง คนบอกว่ามีเื่สำคัญขอรับ” จินว่านหลี่ตัดสินใจพูดชื่อเยว่เฟิงออกมา แม้จะไม่เข้าใจว่าเหตุใดนางถึง้าให้เขาเอ่ยถึงนามนี้ก็ตาม
นี่ไม่ใช่ชื่อจริงๆ ของเยว่เฟิงเกอเสียหน่อย
ครั้งนี้ประตูเปิดออกอย่างรวดเร็วจากข้างใน
จินว่านหลี่ยืนอึ้งอยู่หน้าประตู คิดไม่ถึงว่าแค่พูดชื่อเยว่เฟิงออกมา เถ้าแก่โรงพนันจะเปิดประตูออกมาทันที
หากรู้ก่อนเขาคงพูดชื่อเยว่เฟิงออกมาแต่แรก เพียงเท่านี้ก็พอแล้วไม่ใช่หรือ
ซูมู่เจ๋อหรี่ตาลงอย่างอันตราย เขาผลักจินว่านหลี่ที่ขวางอยู่หน้าประตูออกไปแล้วเดินมุ่งหน้าไปยังโต๊ะพนัน
เพียงแต่สิ่งที่ซูมู่เจ๋อเห็นกลับไม่ใช่เงาร่างที่คุ้นเคยนั้น เขาตวัดสายตาดุร้ายใส่จินว่านหลี่ “แล้วเยว่เฟิงที่เ้าพูดถึงเล่า? ”
จินว่านหลี่ยกมือสั่นเทาขึ้นมาชี้ไปที่เยว่เฟิงเกอ “นางอยู่นั่นขอรับ”
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้