จ้าวซีเหอยืนอยู่ด้านข้างมองไซพานอันถูกบิดาใส่ความด้วยอารมณ์ดียิ่ง เขามีหรือจะช่วยอธิบายให้อีกฝ่าย ที่เขาชอบที่สุดก็คือชมเื่สนุกนี่แหละ
กลับเป็หนิงมู่ฉือที่ก้าวออกมาช่วยอธิบายแทนไซพานอัน นางทนเห็นอีกฝ่ายถูกใส่ความไม่ได้ ในเมื่อจ้าวซีเหอไม่อธิบาย ก็ต้องเป็นางที่อธิบายแทน
แม้จ้าวซีเหอจะเป็คุณชายเ้าสำราญ แต่หนิงมู่ฉือเป็สตรีที่ดี ครั้นใต้เท้าไซได้ฟังคำอธิบายของหนิงมู่ฉือก็รู้สึกโล่งใจยิ่งนัก ในเมื่อทั้งสองคนมาหาบุตรชายของตัวเอง หากเขายังรั้งอยู่ที่นี่ต่อก็ดูจะเป็การรบกวนเสียเปล่าๆ
“ถ้าเช่นนั้นข้าจะให้บุตรชายผู้ไม่รักดีของข้าอยู่คุยกับทั้งสองคนในห้องนี้ก็แล้วกัน ข้ายังมีเื่ที่ต้องไปจัดการ ไม่อาจอยู่คุยเป็เพื่อนได้ หวังว่าซื่อจื่อจะไม่ถือสา”
จ้าวซีเหอพยักหน้า คนเราทุกคนล้วนมีความสามารถในการวิเคราะห์สถานการณ์ด้วยกันทั้งนั้น
รอจนใต้เท้าไซเดินออกจากห้องไป ไซพานอันก็กลับมาทำตัวไม่อยู่ในกฎระเบียบ เป็ตัวของตัวเองดั่งเดิม
“แม่นางหนิง ในที่สุดท่านก็กลับมาเสียที ที่ผ่านมาท่านไปอยู่ที่ใดมา ไปก็ไปเสียนานเลย แม้แต่จดหมายก็ไม่มีส่งมาสักฉบับ” ไซพานอันนั่งลงบนเก้าอี้ หยิบลูกผิงกั่วขึ้นมาแทะ พร้อมกับไขว้ขานั่งไขว่ห้าง ท่าทางผิดกับคุณชายผู้อยู่ในกฎระเบียบเมื่อสักครู่ราวกับคนละคน
หนิงมู่ฉือเห็นท่าทางเช่นนี้ของไซพานอันก็รู้สึกว่าน่าขบขันยิ่งนัก อีกฝ่ายคงลำบากไม่น้อยที่ต้องทำตัวเรียบร้อยอยู่ในกฎระเบียบเวลาอยู่ต่อหน้าบิดา
“ข้าไปเยี่ยนฉือมา เพิ่งจะกลับมาไม่กี่วันนี้เอง” เมื่อใต้เท้าไซไม่อยู่ นางเองก็กลับมาทำตัวตามสบายเช่นกันจึงนั่งลงพร้อมกับเอ่ยว่า
“ไหนบอกว่าพวกเราเป็สหายกัน เหตุใดเมื่อไปเที่ยวถึงไม่ชวนข้าไปด้วย ข้าอยู่แต่ในจวนเบื่อจะตายอยู่แล้ว” ไซพานอันบ่นโดยไม่รู้เลยว่าการไปเยี่ยนฉือในคราวนี้ หนิงมู่ฉือเจอกับอันตรายมากมายจนเกือบจะต้องเอาชีวิตไปทิ้ง ไม่ได้ไปเที่ยวสนุกอย่างที่คิด
คุณชายเ้าสำราญอย่างไซพานอันซึ่งไม่เคยออกจากเมืองหลวงเลยสักครั้ง จึงมีความอยากรู้อยากเห็นในโลกข้างนอกเป็ธรรมดา ชายหนุ่มเอาแต่ตื๊อถามให้หนิงมู่ฉือเล่าให้ฟังว่าระหว่างทางเจอเื่น่าสนใจใดบ้าง แต่หนิงมู่ฉือไหนเลยจะมีเื่น่าสนใจมาเล่าให้ฟัง
จ้าวซีเหอมองไซพานอันที่เอาแต่ตื๊อถามหนิงมู่ฉือ ไม่สนใจตัวเอง เห็นเขาเป็อากาศธาตุ ทำให้เขาไม่พอใจจนเส้นเืที่หน้าผากปูดโปนแทบจะะเิออกมา
แล้วในที่สุดเขาก็ทนไม่ไหว เดินเข้าไปจับมือไซพานอันเอาไว้แน่น ยิ้มด้วยแววตาคมกริบ ทำให้ไซพานอันใจเต้นแรงด้วยความประหวั่นและหวาดระแวง
“ท่าน…ท่านจะทำอะไร” เมื่อถูกจับมือเอาไว้แน่น ไซพานอันใจนพูดไม่ออก
“ให้พูดที่นี่ไม่สะดวก สู้พวกเราไปคุยเื่นี้กันข้างนอก สั่งสุราและอาหารมาทานไปด้วยระลึกความหลังกันไปด้วยดีกว่า”
มือจ้าวซีเหอที่จับแขนไซพานอันออกแรงเพิ่มอีกหลายส่วน หากหนิงมู่ฉือไม่อยู่ตรงนี้ด้วย ไซพานอันคงจะร้องอย่างเ็ปไม่สนใจภาพลักษณ์ไปแล้ว
เป็จริงดั่งคาด ได้เจอจ้าวซีเหอทีไรย่อมไม่มีเื่ดี ซึ่งคนที่เดือดร้อนก็มักจะเป็ไซพานอัน
“ได้…ได้ ข้าเชื่อฟังท่าน” ไซพานอันเอ่ยตะกุกตะกัก หากเขาไม่ฟังข้อมือเขาก็หักกันพอดี
หนิงมู่ฉือที่ยืนอยู่ด้านข้างถึงกับพูดไม่ออก จ้าวซีเหอคือดาวมฤตยูของไซพานอันจริงๆ
ระหว่างทางไซพานอันเอาตัวเข้าไปใกล้หนิงมู่ฉืออยู่ตลอด ไม่กล้าเดินข้างจ้าวซีเหอ ทำราวกับหญิงสาวคือเทพคุ้มครองของตน ทำราวกับว่าการเดินใกล้หนิงมู่ฉือ จ้าวซีเหอจะไม่อาจทำอะไรตนเองได้
เดินมาถึงโรงพนัน ไซพานอันเอ่ยถามอย่างงุนงงว่า “ไหนบอกว่าจะไปหาข้าวทานไม่ใช่หรือ เหตุใดถึงมาที่นี่เล่า”
หนิงมู่ฉือเองก็ไม่เข้าใจเช่นกัน มาคุยที่โรงพนันคนไม่เยอะเกินไปหรือ พูดคุยกันที่นี่จะปลอดภัยได้อย่างไร
“พูดอันใดให้มากความ ก่อนหน้านี้บอกว่าจะเชื่อฟังข้ามิใช่หรือ” จ้าวซีเหอถลึงตาใส่ ซึ่งไซพานอันได้แต่กลอกตามองบนตอบกลับไป
ความจริงแล้วจ้าวซีเหอไม่อยากจะยอมรับว่าอาหารฝีมือหนิงมู่ฉือทำให้ระดับการทานอาหารของเขาสูงขึ้น อาหารตามภัตตาคารล้วนไม่ถูกปาก เขาอยากใช้่เวลาทานข้าวเที่ยงพูดคุยธุระให้เสร็จ จะได้รีบกลับตำหนักไปให้หนิงมู่ฉือทำอาหารให้เขาทานไวๆ
ทันทีที่ทั้งสามคนเดินเข้าไปในโรงพนัน เถ้าแก่เห็นลูกค้าซึ่งคุ้นหน้าคุ้นตาเป็อย่างดีจึงยิ้มพร้อมกับเดินเข้ามาต้อนรับ “ไอโยว คุณชายทั้งสอง นานแล้วที่ไม่ได้มาที่นี่ วันนี้้าจะเล่นอะไรดีขอรับ”
ไม่ต้องพูดถึงไซพานอันที่เป็ขาประจำของโรงพนันแห่งนี้ ส่วนจ้าวซีเหอที่แกล้งทำเป็คุณชายเ้าสำราญเสเพล ย่อมเป็ขาประจำของโรงพนันแห่งนี้อยู่แล้ว ซึ่งทุกครั้งที่มาเล่นก็จะแกล้งทำเป็แพ้ไม่มีเงินจ่ายอยู่เสมอ ทั้งหมดเพื่อให้คนภายนอกเห็นว่าตนเองคือคุณชายผู้ไม่เอาไหนจริงๆ
“ไม่ได้มานาน พอมาก็เริ่มคันไม้คันมือขึ้นมาทันที อยากจะเล่นกับสหายข้าสักตาสองตา เพียงแต่เงินพนันของคนที่อยู่ในที่นี้มันน้อยเกินไป ไม่สมฐานะคุณชายอย่างข้า ข้าเล่นพนันครั้งละเท่าไหร่เถ้าแก่ก็น่าจะรู้ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงสหายของข้าคนนี้เลย ข้าจึงอยากให้เถ้าแก่หาห้องส่วนตัวให้เข้ากับสหายสักห้อง ให้ข้ากับสหายได้พนันกันตาสองตา!”
ชนชั้นสูงเล่นพนันกันมักจะเล่นกันตาละเป็หมื่นตำลึงซึ่งแตกต่างกับคนธรรมดาสามัญทั่วไปที่กำลังเล่นพนันกันอยู่ คนธรรมดาก็มีวิธีการเล่นพนันของคนธรรมดา ชนชั้นสูงก็มีวิธีการเล่นพนันของชนชั้นสูง ขอแค่จ่ายเงินมากพอ ้าสิ่งใดเถ้าแก่เ้าของโรงพนันย่อมยินดีที่จะเติมเต็มความ้าให้
“ได้เลยขอรับ! ทั้งสามท่านเชิญตามข้าน้อยมาทางนี้เลยขอรับ!” แค่มีเงินต่อให้คนผู้นั้นเป็คนโง่ก็ย่อมได้รับการต้อนรับที่ดี เถ้าแก่ยิ้มพร้อมกับเดินนำทั้งสามคนไป
ภายในห้องส่วนตัวชั้นสอง แม้ขนาดห้องจะเล็กไปสักเล็กน้อย ทว่าอุปกรณ์ในการเล่นพนันทุกชนิดกลับมีครบครัน
“ระลึกความหลังเป็เื่โกหก มีธุระต่างหากถึงจะคือเื่จริง เช่นนั้นก็พูดมาเถอะว่ามาหาข้ามีธุระใด” ไซพานอันที่เดินเข้ามาในห้องส่วนตัวตามหลังจ้าวซีเหอไหนเลยจะมีกะจิตกะใจเล่นพนัน เขาพูดออกมาทันทีที่เข้ามาในห้อง
ไซพานอันไม่ใช่คนโง่ แม้เขาจะเป็เพื่อนกับหนิงมู่ฉือ ทว่าแต่ไหนแต่ไรมาหญิงสาวไม่ค่อยมาหาเขาสักเท่าใด แต่ถึงอย่างไรเป็สหายกันก็ต้องช่วยเหลือกัน ความสัมพันธ์ถึงจะยืนยาวและยิ่งสนิทกันมากขึ้น
“ฉลาด!” จ้าวซีเหอที่อยู่ด้านข้างเอ่ยพร้อมกับเล่นตัวไผจิ่ว[1] ไปด้วย
ไซพานอันไม่สนใจจ้าวซีเหอ หากหนิงมาฉือยังอยู่ในห้องนี้ด้วย เขาจะไม่มีวันสนใจจ้าวซีเหอที่ชอบทำตัวน่ารังเกียจเด็ดขาด
“คือว่า…คุณชายไซ ความจริงแล้วข้ามีเื่อยากจะขอร้อง” หนิงมู่ฉือเอ่ยตะกุกตะกักเมื่อเห็นประกายไฟระหว่างทั้งสองคน
“แล้วเหตุใดไม่รีบบอก พวกเราเป็สหายกัน มีปัญหาใดก็พูดมาได้เลย ข้าต้องช่วยท่านแน่นอน เพียงแต่…” กล่าวถึงตรงนี้ไซพานอันก็ออกอาการลังเล ความจริงพูดไปแล้วก็คือไม่เข้าใจมากกว่า
“เพียงแต่อันใดหรือ” หนิงมู่ฉือเห็นไซพานอันไม่พูดเสียที จึงเป็ฝ่ายเอ่ยถามเอง
“เพียงแต่ท่านยังมีซื่อจื่อ หากมีปัญหาจริง เขาก็สามารถช่วยท่านได้ เหตุใดถึงยังต้องมาหาข้าอีก”
ครั้นจ้าวซีเหอได้ฟังคิ้วถึงกับกระตุก ไซพานอันฉลาดเช่นนี้ั้แ่เมื่อใด เื่ที่ควรฉลาดกลับไม่ฉลาด แต่เื่ไหนที่ไม่ควรฉลาดดันฉลาดขึ้นมาเสียอย่างนั้น
“แหะๆ คือเื่นี้ซื่อจื่อช่วยข้าไม่ได้ คนที่สามารถช่วยข้าได้มีแต่คุณชายไซเท่านั้น” แม้จะเป็ความจริงแต่จ้าวซีเหอฟังแล้วรู้สึกไม่สบอารมณ์ยิ่ง พูดราวกับว่าเขาไร้ความสามารถ แต่ความจริงเื่นี้เขาเองก็ช่วยไม่ได้จริงๆ นั่นแหละ
[1] ไผจิ่ว คือ โดมิโนของจีน