อู๋เยวี่ยอยู่ในชุดสูทแฟชั่นรุ่นเก่าเธอเดินเข้ามาด้านในอย่างรวดเร็วพร้อมกระเป๋าเอกสารและมือถือของเธอเธอไม่แม้แต่จะเหลียวมองหยางเฉินหรือจ้าวหงเยี่ยนเลยแม้แต่น้อยและโค้งตัวทำความเคารพหลินรั่วซีทันที
“บอสหลิน มีอะไรหรือคะ?”
“ช่วยฉันคำนวณบางอย่างหน่อยประวัติการทำงานสามปีย้อนหลังของจ้าวหงเยี่ยนและเงินเดือนของเธอสามปีย้อนหลังเทียบกับแผนกประชาสัมพันธ์ทั้งหมด”
อู๋เยวี่ยเปิดแล็ปท็อปของเธอขึ้นมาทันทีและหลังจากกดแป้นพิมพ์ด้วยความเร็ว 16 ครั้งต่อวินาทีแล้ว เธอก็เอ่ยขึ้นว่า “ใน่ 3 ปีที่ผ่านมาจ้าวหงเยี่ยนได้รับเงินไปทั้งสิ้น 1.56 ล้าน 1.73 ล้าน และ 2.1 ล้านตามลำดับเงินเดือนรวมโบนัสของเธอเฉลี่ยแล้วประมาณ 200,000 ต่อปีและเมื่อพิจารณาแล้ว เธอได้รับสูงกว่าค่าเฉลี่ยของแผนกประชาสัมพันธ์ค่ะ”
หลินรั่วซีพยักหน้า “ช่วยฉันร่างสัญญา สำหรับค่าจ้างของจ้าวหงเยี่ยนในอีก10 ปีข้างหน้า ตัดส่วนของโบนัสของเธอออกครึ่งหนึ่งบริษัทจะจ่าย 1.5 ล้านโอนตรงเข้าบัญชีของเธอเหมือนเป็เงินพิเศษ”
อู๋เยวี่ยขมวดคิ้ว “บอสคะ ขอฉันพูดอะไรหน่อยได้มั้ยคะ”
“หืม? เธอไม่เห็นด้วยอย่างนั้นหรือ?”หลินรั่วซีถาม
“ใช่ค่ะสำหรับตำแหน่งเ้าหน้าที่ของแผนกประชาสัมพันธ์ 10 ปีถือว่านานเกินไปค่ะเป็การยากที่เราจะสามารถร่างข้อตกลงทางธุรกิจระยะยาวเช่นนี้ได้โดยเฉพาะผู้หญิงที่ยังสาว อายุของพวกเธอที่เพิ่มขึ้นนั้นทำให้ยอดขายลดลงอย่างเห็นได้ชัด สัญญาลักษณะอย่างนี้มีความเสี่ยงมากเกินไปค่ะ”อู๋เยวี่ยตอบอย่างไร้ความรู้สึก
ก่อนหลินรั่วซีจะตอบ หยางเฉินก็หัวเราะแทรกขึ้นมาก่อนจะกล่าวว่า
“เฮ้ ยัยลานบินสมองของเธอทำด้วยแผงวงจรไฟฟ้าหรือไง? ก่อนหน้านี้ฉันคิดว่าเธอแค่มีรูปร่างต่ำกว่ามาตรฐานแต่ปรากฏว่าสมองของเธอก็บกพร่องไปด้วยหรือไง? บริษัทนี้ไม่ใช่ของเธอเงินที่จ่ายไปก็ไม่ใช่ของเธอ 1.5 ล้านมากไปสำหรับบริษัทนี้เหรอ?ถ้าเธอไม่มีเหตุฉุกเฉิน เธอจะเซ็นสัญญาทาส 10 ปีเช่นนี้งั้นหรือ?”
“หยางเฉินเงียบนะสิ่งที่เลขาอู๋พูดเป็ความจริง” จ้าวหงเยี่ยนรีบพูดแทรกหยางเฉินขึ้นอย่างรวดเร็วแม้ว่าคำพูดของเขาจะกินใจเธอก็ตามแต่เธอไม่้าทำให้เป็เื่ยากสำหรับหลินรั่วซี
อู๋เยวี่ยมองหยางเฉินอย่างเ็า
“ฉันพิจารณาเื่นี้ในจุดยืนของฉันและฉันแค่คำนึงถึงผลประโยชน์ของบริษัทและผู้บริหารค่ะ”
“พอแล้ว...” หลินรั่วซีรู้สึกปวดหัวเมื่อเธอมองสองคนนี้เธอถอนหายใจออกมา แล้วกล่าวว่า “อู๋เยวี่ย ทำอย่างที่ฉันบอกฉันเชื่อใจในตัวหงเยี่ยน”
อู๋เยวี่ยไม่พูดอะไรมากเธอพยักหน้าตอบรับคำสั่งของหลินรั่วซี จากนั้นเดินออกจากห้องไปทันที
จ้าวหงเยี่ยนลุกขึ้นยืนพร้อมดวงตาสองข้างบวมแดงระเรื่อและโค้งเคารพอย่างเต็มพิธีการให้หลินรั่วซีพร้อมพูดออกไปด้วยความซาบซึ้งว่า “ขอบคุณค่ะ”
“เธอไม่จำเป็ต้องขอบคุณฉัน ฉันแค่หวังว่าฉันจะสามารถทานขนมข้าวปั้นฝีมือคุณจ้าวได้อีกในอนาคต”หลินรั่วซีกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ยังมีอีกหลายอย่างที่เธอจะต้องรับมือในวันนี้ไม่ต้องกลับไปทำงานแล้ว ถ้าตระกูลหยูไม่ปล่อยเื่นี้หรือพยายามตอแยเธออีกก็มาบอกฉันได้ ฉันจะให้ทนายจบเื่นี้ให้เธอเอง”
ความเมตตาที่ยิ่งใหญ่คือการให้ความช่วยเหลือในยามคับขันเมื่อจ้าวหงเยี่ยนเดินออกจากออฟฟิศของหลินรั่วซีเธอได้พยายามกลั้นน้ำตาเอาไว้เต็มที่ และเมื่อเธอหันกลับไปมองหลินรั่วซีในจังหวะนั้นเอง เธอสามารถเข้าใจได้แค่อารมณ์ความรู้สึกภายในตัวเธอเท่านั้น
หลินรั่วซีมองหยางเฉินที่ยังยืนอ้อยอิ่งอยู่ในออฟฟิศของเธอขณะที่เขามองมาที่เธอพร้อมยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ นั่นทำให้เธอรู้สึกหนาวสันหลังแปลกๆแต่เธอก็ปกปิดมันไว้อย่างมิดชิด พร้อมเอ่ยถามเขาว่า
“มีเื่สำคัญอะไรหรือเปล่า?”
“ผมคิดไม่ถึงเลยว่ารั่วซีน้อยของเราจะมีมุมดีๆ แบบนี้กับเขาด้วย การแสดงออกของคุณวันนี้น่ารักมากและควรได้รับการสรรเสริญ”
“ถ้าจะพูดอะไรไร้สาระก็กรุณาออกไปจากที่นี่ให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้อย่ารบกวนการทำงานของฉันจะได้ไหม?” หลินรั่วซีไม่มีอารมณ์โต้เถียงกับหยางเฉินในเวลานี้เธอหันกลับไปที่หน้าจอคอมพิวเตอร์ของตัวเองต่อทันที
หยางเฉินไม่ได้ใส่ใจกับสิ่งที่เธอพูดเขาเพียงยักไหล่น้อยๆ และเดินจากไป หลังจากที่เขาเดินออกไปได้แค่ 2-3 ก้าวหลินรั่วซีก็ะโเรียกตามหลังเขามา...
“หยางเฉิน”
"ว่าไงไม่อยากให้ผมไปใช่มั้ยครับ?” หยางเฉินหันกลับมาและพูด
“งานแต่งงานหลอกๆ ของเรา จะจบลงเหมือนพวกเขามั้ย?”หลินรั่วซีก้มศีรษะลง และถามเหมือนกับเธอกำลังถามตัวเอง
หยางเฉินมึนงงไปชั่วขณะเขานึกถึงเื่นี้ขึ้นมาและพูดด้วยรอยยิ้มเ้าเล่ห์ “มันไม่เป็เช่นนั้นแน่นอนอย่างน้อยพวกเราจะไม่เป็แบบนั้น รั่วซีที่รักถ้าคุณ้าไปคลับหรือบาร์คุณแค่บอกผม ผมเป็คนใจกว้างมาก เราสามารถไปสนุกด้วยกันได้...”
“ไปให้พ้น!!”
...
หลังจากออกมาจากออฟฟิศของซีอีโอหยางเฉินไม่ได้ตั้งใจจะกลับไปทำงานในทันทีมีเหตุการณ์หลายอย่างเกิดขึ้นก่อนหน้านี้ ถ้าเขากลับไปที่แผนกประชาสัมพันธ์เขาก็ต้องมานั่งตอบคำถามมากมาย ดังนั้นเขาจึงตัดสินใจกลับไปวันพรุ่งนี้เมื่อทุกคนในแผนกให้ความสำคัญกับเื่นี้น้อยลง
หยางเฉินต้องออกจากจงไห่เพื่อไปทำธุระหลายวันเริ่มั้แ่วันพุธ ดังนั้นเขาคิดว่าเขาควรแวะไปไปเยี่ยมเฉียงเวยเขาไม่ได้เจอเธอมาหลายวันแล้ว ถึงแม้เขาจะรู้ว่า่นี้เฉียงเวยยุ่งอยู่ตลอด การจัดการกับความยุ่งเหยิงของพันธมิตรตะวันตกนั้นใช้เวลามากเหตุผลหลักเป็เพราะเขามีเวลาให้เธอน้อยมากความผิดของเขาที่มีต่อเธอเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ และไม่เคยลดลงเลย
หยางเฉินขับรถไปที่บาร์โรสพนักงานเสิร์ฟท่าทางอ่อนแรงหลายคนหลับคาโต๊ะ เมื่อพวกเขาสังเกตเห็นหยางเฉินเข้ามาพวกเขาเด้งตัวขึ้นและกล่าวต้อนรับเขาในทันที หยางเฉินโบกมือให้พวกเขา จากนั้นเดินตรงไปตามทางเดินเขาสังเกตเห็นบอดี้การ์ดของแก๊งหนามแดงยืนเฝ้าอยู่
ผนังบริเวณทางเดินมีประตูอีกบานหนึ่งปรากฏขึ้นประตูบานนั้นกลืนไปกับพื้นหลังและสังเกตเห็นได้ยาก นี้เป็ครั้งแรกที่หยางเฉินสังเกตเห็นด้วยตนเอง
บอดี้การ์ดสังเกตเห็นหยางเฉินเดินเข้ามาและะโทักทันที “สวัสดีครับพี่หยาง”
หยางเฉินชี้ไปที่ความมืดด้านหลังประตู “มีอะไรตรงนั้นเหรอ?”
บอดี้การ์ดตอบ ”มันเป็ชั้นใต้ดินที่บอสสั่งให้ทำขึ้นเพื่อจัดการกับพี่น้องหรือศัตรูที่ทรยศครับ”
อันที่จริงแล้วที่นี่สมควรเป็สถานที่ที่เอาไว้ฆ่าและทรมานคน
หยางเฉินไม่ได้ติดใจสงสัยอะไรเขาแค่ไม่ค่อยพอใจกับสถานที่ตั้งของมันแค่นั้น เนื่องจากมันใกล้ห้องนอนของเฉียงเวยการฆ่าคนเป็ประจำในบริเวณนี้ทำให้บรรยากาศมืดครึ้ม และหม่นหมอง
“พี่หยาง อยากเข้าไปข้างในมั้ย?พี่สามารถเข้าพบท่านบอสได้ตลอดเวลาโดยไม่ต้องแจ้งล่วงหน้านี่เป็คำสั่งของบอสครับ” บอดี้การ์ดคนหนึ่งตอบอย่างสุภาพ
หยางเฉินโบกมือ “ช่างมัน การฆ่าคนมันน่าเบื่อ”
หยางเฉินกลัวว่าความคิดของเขาจะคลุ้มคลั่งหลังจากที่เห็นฉากนองเื
บอดี้การ์ดไม่ได้คิดอะไรมากเพราะการฆ่าคนก็ไม่ใช่เื่น่าสนใจจริงๆดังนั้นพวกเขาจึงแค่พยักหน้าให้หยางเฉิน
แต่แล้วในเวลานี้ปรากฏร่างเล็กในชุดเดรสสีขาวบริสุทธิ์วิ่งออกมาจากทางเดินมือข้างหนึ่งปิดหน้าตัวเองและก้มศีรษะลงต่ำเธอเลื่อนประตูออกและวิ่งออกไปบริเวณทางเดิน ขณะเดียวกันร้องไห้ไปด้วย แม้ว่าเขาเห็นแค่เพียงแวบเดียวหยางเฉินก็ยังคงสามารถระบุได้อย่างชัดเจนว่าเด็กสาวคนนั้นคือใครเธอคือเฉินหรงนั่นเอง
เฉินหรงวิ่งออกไปทั้งน้ำตาโดยไม่ได้สังเกตเห็นหยางเฉินเลย นั่นทำให้เขารู้สึกงุนงงเป็อย่างมากดังนั้นเขาจึงถามกับบอดี้การ์ดว่า
“เกิดอะไรขึ้นกับหรงหรง?”
บอดี้การ์ดฝืนยิ้มและตอบกลับไป “วันนี้บอสพาคุณเฉินลงมาข้างล่างเพื่อให้คุณเฉินสามารถฆ่าสมาชิกบางคนของพันธมิตรตะวันตกด้วยตนเองครับ”
หยางเฉินพูดไม่ออกแม้ว่าเขาจะรู้ว่าเฉียงเวยจะตั้งใจจะให้เฉินหรงเป็ผู้สืบทอดแต่เขาไม่คิดว่าจะได้มาเห็นเฉินหรงฆ่าคนเร็วขนาดนี้จากเด็กสาวไร้เดียงสาที่เดินทางมาจากชนบท กลายเป็คนที่ต้องจับอาวุธ และฆ่าคนนี่เป็สิ่งที่กดดันเป็อย่างมาก แม้จะรู้ว่าคนที่ถูกฆ่าจะเป็คนไม่ดีก็ตาม
เพราะหลังจาก ที่คุณได้ฆ่าใครสักคนไปแล้วคุณจะไม่สามารถหันหลังกลับได้อีก
มีความสับสนเล็กๆ ก่อตัวขึ้นภายในจิตใจหยางเฉินนึกทบทวนสิ่งที่เกิดขึ้นไม่ว่าจะเป็ความผิดพลาดที่เกิดจากเขาที่พาเฉินหรงมาที่นี่ก่อนหน้านี้และการที่เขาไม่ได้สนใจเฉินป๋อเลยตอนที่เขาเพิ่งออกจากงานไป
หลังจากสูบบุหรี่ตรงทางเดินเฉียงเวยก็ก้าวออกมาบริเวณทางเดิน เธอสวมชุดเดรสสีดำทำให้ผิวที่กระจ่างใสของเธอดูสะอาดและเรียบเนียนยิ่งขึ้นเหมือนกับราชินีในยามราตรีที่งดงามและสูงศักดิ์กำลังก้าวออกมาจากความมืดมิด
ใบหน้าของเฉียงเวยเผยความเหนื่อยล้าออกมาเล็กน้อยแต่เมื่อเธอเห็นหยางเฉินยืนอยู่ตรงประตู เธอค่อยๆ คลี่ยิ้มพราวเสน่ห์ออกมาทันทีเธอก้าวเข้ามาและมอบจูบให้กับหยางเฉิน โดยไม่สนใจว่าบอดี้การ์ดของเธอจะอยู่ตรงนั้น
“คิดถึงฉันหรือคะ?” เธอเอ่ยถามหยางเฉิน ในขณะที่แขนของเธอโอบรอบคอของเขา
หยางเฉินพยักหน้า “ผมเพิ่งจะสูบบุหรี่มา อย่าจูบเลย”
“กลิ่นบุหรี่ยังไงก็ดีกว่ากลิ่นคาวเื”เฉียงเวยกล่าว แววตาของเธอดูเหนื่อยล้าอย่างมาก
หยางเฉินลูบผมยาวนุ่มลื่นของเธอพลางกล่าวว่า “แม้ว่าคุณจะไม่เป็อะไรแต่การให้หรงหรงจัดการหน้าที่นี้ มันจะไม่เร็วไปหน่อยเหรอ?”
ตอนนี้เหล่าบอดี้การ์ดรอบๆ ตัวหายไปหมดแล้วมีเพียงพวกเขาสองคนที่เหลืออยู่ในทางเดินที่ว่างเปล่านี้ เฉียงเวยแสดงสีหน้าปั้นยากออกมา
“ฉันถามเธอหลายรอบแล้วเธอมั่นใจในเส้นทางที่เธอกำลังเดินไป”
“แต่การฆ่าคน...”
“แทนที่จะฆ่าคนในอนาคตทำไมไม่ฆ่าเสียวันนี้เลยล่ะ ทำมันตอนที่เธอยังไม่ได้เข้าใจโลกทั้งหมดดีกว่าและมันเป็กฎ ถ้าเรารอไปอีกหลายปี มันจะกลายเป็เื่ที่ยากขึ้นสำหรับหรงหรงตอนนี้เธอจะแค่พบว่าการฆ่าเป็เื่น่าขยะแขยง และรู้สึกว่ามันน่ากลัวแต่ถ้าเรารอไปอีกหลายๆ ปี เธอจะคิดว่าสวนทางกับสิทธิมนุษยชนกับค่านิยมของสังคม...ถ้าเธอฆ่าคนตอนนั้น เธอหัวใจเธอจะแตกสลายเป็ชิ้นๆ” เฉียงเวยอธิบาย
หยางเฉินขมวดคิ้วพลางกล่าวว่า “เธอเริ่มฆ่าแล้วงั้นหรือ?”
“ใช่ เธอลงมือไปแล้ว 3 คน เป็หัวหน้าแก๊งสาขาของพันธมิตรตะวันตก ฉัน้า 3 รอยบนร่างของพวกมัน และเธอก็ทำได้สำเร็จซึ่งนั่นทำให้ฉันประหลาดใจเป็อย่างมาก” เฉียงเวยพูดด้วยน้ำเสียงเหมือนไม่ใช่เื่ใหญ่
หยางเฉินถอนหายใจออกมา “ยินดีด้วยเธอได้คนรับ่ต่อที่มีแววแล้วล่ะ”
เฉียงเวยลูบใบหน้าของหยางเฉิน “ที่รักคุณคิดว่าฉันเป็คนโหดร้ายและเห็นแก่ตัวมากเลยใช่มั้ย? บางทีฉันก็คิดนะว่าฉันเป็คนเืเย็นฉันสังเกตเห็นได้เพียงแค่แวบเดียว ่เสี้ยววินาทีที่หรงหรงเกลียดชังฉัน...”
“ผมสามารถพูดได้เพียงว่าสิ่งต่างๆที่ผมเคยทำลงไปนั้นห่างไกลกว่าสิ่งที่คุณบอกว่าเืเย็นนัก สำหรับหรงหรงมันก็คงเป็เื่ปกติ ยังไงซะเธอก็เป็ปีศาจจริงๆ” หยางเฉินพูดอย่างตรงไปตรงมา
“เธอโดดเด่นจริงๆ แม้เธอจะดูอ่อนแอแต่เธอก็เติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว และจะค่อยๆ แข็งแกร่งกว่าผู้อื่นเธอฉลาดมากและสามารถจับสังเกตได้อย่างว่องไวมีอีกหลายอย่างที่ไม่ต้องพูดเธอก็เข้าใจที่สำคัญกว่านั้นคือเธอแสดงออกชัดเจนมากว่าเธอ้าอะไรและเมื่อถึงเวลาที่ต้องตัดสินใจเื่สำคัญ เธอก็รับมือกับความกดดันได้มีเพียงคนแบบนี้เท่านั้นที่จะสามารถพาแก๊งนี้ให้เดินหน้าต่อไปได้”
เมื่อหยางเฉินจินตนาการถึงดอกนาร์ซิสซัสที่ละเอียดอ่อนอย่างเฉินหรงกลายมาเป็หัวหน้าขององค์กรใต้ดิน เขารู้สึกปวดหัวขึ้นมาทันทีและเข้ากอดร่างนุ่มนิ่มของเฉียงเวยจนตัวเธอชิดติดกับผนังจากนั้นลูบไล้ส่วนเว้าโค้งบนร่างกายที่สมส่วนของเธอ
“เฉียงเวยที่รักเราเลิกพูดเื่นี้กันดีกว่า ผมกำลังจะบินไปฮ่องกงเพื่อคุยเื่ธุรกิจมะรืนนี้อาจใช้เวลาเป็อาทิตย์ ผมมาที่นี่เพื่อบอกลา”
เฉียงเวยกลับกลายมาเป็ลูกพีชสุกชุ่มฉ่ำที่ถูกลูบไล้และลิ้มรสโดยคนรักของเธอ และถูกกระตุ้นโดยความโหยหาที่หอมหวาน
“ไม่… ไป… ไปที่ห้องกัน”
“เราจะไปที่ห้องก็ต่อเมื่อเราเสร็จจากที่นี่แล้ว” หยางเฉินแสยะยิ้มอย่างชั่วร้ายและเริ่มกลับมาวนเวียนรอบสะโพกของเธอ ในขณะที่ทำเขาเริ่มดัน่ล่างของเขาเข้าไปยืนกลางหว่างขาของเฉียงเวย
ความรู้สึกของิันวลเนียนบริเวณหน้าอกที่กำลังถูกห่อหุ้มและนวดคลำโดยมือหยาบขนาดใหญ่ร่างกายของเฉียงเวยเริ่มสั่นไหวด้วยความกระสัน
“อือ… แต่… แต่มีกลิ่นคาวเื…บนร่างกายของฉัน… ฉัน… ฉัน... จะไปอาบน้ำก่อน”
“ผมชอบกลิ่นคาวเืบนเรือนร่างของคุณ...”หยางเฉินคำรามเสียงแหบต่ำ ในระหว่างนั้นเขาขบกัดลงบนเนื้ออวบของเฉียงเวย เกิดเป็รอยริ้วสีแดงขึ้นเรื่อยๆ
ไม่นานหลังจากนั้นเสียงทุ้มต่ำของชายหนุ่มและเสียงครวญครางของหญิงสาวก็สอดประสานกันดังก้องภายใต้โถงทางเดินนี้