ความตื่นเต้นและตื่นกลัวปะปนกันเข้ามา ประสบการณ์ที่ไม่เคยได้จากที่ไหน ทำใหู้เี่อันกรีดร้องสุดเสียง พลางจับมือของลู่เป๋าเหยียนไว้แน่น
ไม่ทันรอให้คนนั่งได้ดื่มด่ำกับบรรยากาศบนจุดสูงสุด รถไฟเหาะก็ตีลังกาลงมาในแนวดิ่งทันที
“กรี๊ด!” ูเี่อันกรีดร้องอีกครั้ง ลู่เป๋าเหยียนกุมมือของเธอเอาไว้แน่น “ไม่ต้องกลัว พวกเราปลอดภัยดี”
เดิมทีเธอหลับตาปี๋ แต่ในที่สุดก็เค้นความกล้าลืมตาขึ้นมา ตอนนั้นเองขบวนรถไฟก็พุ่งตัวลงอย่างรวดเร็ว...
ความรู้สึกราวกับตกลงมาจากตึกสูงสิบชั้น ร่างกายถูกมัดไว้แน่นอยู่ติดกับที่นั่ง สายลมแรงที่พัดผ่านปะทะลงบนใบหน้า ภาพของพื้นดินที่เข้าใกล้ขึ้นเรื่อยๆ เสียงกรีดร้องจากหญิงสาวดังขึ้นเป็ระลอก...
ความรู้สึกอันน่าอัศจรรย์ใจที่ได้รับหาที่ไหนไม่ได้อีกแล้ว เมื่อรถใกล้จะจอดูเี่อันถึงเรียกสติตัวเองกลับมาได้ เธอเรียกลู่เป๋าเหยียน แล้วก็พบว่าเขากุมมือเธอแน่นกว่าเดิมเสียอีก จนเธออดหัวเราะออกมาไม่ได้
หลายคนกำลังกรีดร้อง แตู่เี่อันกลับหัวเราะออกมา เพราะตอนนี้เธอไม่กลัวอีกแล้ว เธอกำลังรู้สึกสนุกสุดๆ
เธอนึกว่าชีวิตนี้ตนคงไม่ได้มาเที่ยวที่นี่เป็แน่ แต่ในที่สุดลู่เป๋าเหยียนก็ทำตามสัญญา เขาพาเธอมาสู่โลกที่เต็มไปด้วยความสุขแห่งนี้
เมื่อรถไฟเข้าเทียบจอดที่ชานชาลา ูเี่อันยังรู้สึกตั้งตัวไม่ค่อยได้ ลู่เป๋าเหยียนช่วยเธอปลดอุปกรณ์นิรภัยต่างๆ ก่อนจะประคองเธอลงไป เธอรู้สึกเข่าอ่อนไม่มีแรงไปทั้งตัว
ลู่เป๋าเหยียนรีบจับตัวเธอเอาไว้
“ไม่สบายตรงไหนหรือเปล่า” น้ำเสียงของเขาดูร้อนใจอย่างเห็นได้ชัด
ูเี่อันถอนหายใจยาว จู่ๆ เธอก็หัวเราะเสียงใสพลางจับมือลู่เป๋าเหยียนะโโลดเต้นอย่างดีใจ
“อันนี้สนุกมากๆ เลย!”
ลู่เป๋าเหยียนไม่นึกว่าเธอจะชอบมากขนาดนี้ เขาจึงยิ้มออกมา
“ต่อไปอยากเล่นอันไหนอีก?”
ูเี่อันยิ้มพลางชี้ไปยังรางรถไฟสีส้มที่ตั้งอยู่ไม่ไกลนัก นั่นคือ 10 Inversion Roller Coaster ที่ติดอันดับของกินเนส เวิร์ล เรคคอร์ด ด้วยความสูงกว่าสามสิบเมตร และรางรถไฟยาวเกือบหนึ่งกิโลเมตรที่หมุนเป็เกลียวเลี้ยวลดแตกต่างกันถึงสิบรอบ เป็เครื่องเล่นที่น่าตื่นตาตื่นใจเรียกเสียงกรี๊ดยิ่งกว่า Dive Coaster เมื่อครู่เสียอีก
“เธอแน่ใจ?” ลู่เป๋าเหยียนถามอย่างสงสัย
“แน่ใจสิ!” ูเี่อันพยักหน้ายืนยัน “นี่ อย่าดูมาดูถูกคนอื่นนะ อย่าลืมสิว่าฉันคือแพทย์นิติเวชที่ยืนถือมีดผ่าชันสูตรศพอยู่ทุกวัน อีกอย่างนายบอกเองว่าวันนี้จะตามใจฉันทุกอย่าง”
ได้ยินดังนั้นลู่เป๋าเหยียนจึงได้แต่พาเธอไปเข้าคิว ไม่กี่นาทีต่อมาทั้งสองคนก็ได้ขึ้นไปนั่งบนเครื่องเล่น
คราวนีู้เี่อันไม่ได้ดูหวาดหวั่นเหมือนเมื่อกี้แล้ว ลู่เป๋าเหยียนสอนเธอว่าจะดูแลความปลอดภัยของตัวเองอย่างไรพลางสาธิตให้ดู ขั้นตอนมีแค่ไม่กี่อย่าง เธอจึงเข้าใจและทำตามได้อย่างรวดเร็ว
ลู่เป๋าเหยียนยื่นมือมาให้เธอ “ถ้ากลัวก็จับมือฉันไว้”
ที่ 10 Inversion Roller Coaster มีชื่อเสียงก็เพราะเครื่องเล่นชนิดนี้เคลื่อนที่หมุนเป็เกลียวกว่าสิบแบบ ทั้งแบบหมุนตีลังกาก้นหอย แบบตางูและอื่นๆ อีกมากมาย ถึงูเี่อันจะไม่ตื่นตระหนกแบบเมื่อกี้นี้ แต่เธอก็ยังกลัวๆอยู่บ้าง จึงจับมือลู่เป๋าเหยียนไว้ไม่ปล่อย
ทันใดนั้นรถก็เคลื่อนตัวและค่อยๆ ไต่ระดับขึ้นไปเรื่อยๆ ตามมาด้วยเสียงกรีดร้องที่ดังตามมาติดๆ
ูเี่อันบีบมือลู่เป๋าเหยียนก่อนจะกรีดร้องสุดเสียง
เธอเป็คนเก็บความรู้สึกเก่ง ตลอดสิบกว่าปีที่ผ่านมาทั้งเื่สุขทุกข์ เื่น่าเศร้าทั้งหลาย เธอเก็บมันเอาไว้ในส่วนลึกของจิตใจ แต่วินาทีนี้เธอสามารถกรีดร้องออกมาซ้ำแล้วซ้ำเล่าโดยไม่ต้องกังวลอะไรทั้งสิ้น
นั่นทำให้รู้ว่าูเี่อันชอบเครื่องเล่นที่มีความท้าทายและน่าตื่นเต้นแบบนี้มากแค่ไหน หลังเล่น 10 Inversion Roller Coaster เสร็จ เธอก็ลากลู่เป๋าเหยียนไปเล่น Half Pipe ต่อด้วย Motorbike Coaster...
เธอเล่นเครื่องเล่นอย่างสนุกสนานราวกับเด็กน้อย จูงมือลู่เป๋าเหยียนวิ่งไปต่อคิวเล่นเครื่องเล่นเครื่องแล้วเครื่องเล่าอย่างร่าเริง
ั้แ่แต่งงานกันมา ลู่เป๋าเหยียนเพิ่งเคยเห็นเธอมีความสุขขนาดนี้ ดังนั้นเขาจึงตามใจเธอ เล่นเป็เพื่อนเธอโดยไม่ปริปากบ่น ตอนเธอกลัวเขาก็จะจับมือเธอไว้อยู่ข้างกาย
คู่รักหนุ่มสาวคู่หนึ่งที่มักบังเอิญเดินสวนกับลู่เป๋าเหยียนและูเี่อันเห็นดังนั้น ฝ่ายแฟนสาวก็อดบ่นแฟนของตัวเองไม่ได้
“ดูผู้ชายคนนั้นสิ ทั้งสูงทั้งหล่อทั้งใจดี! ไม่เหมือนนายสักนิด! เฮอะ!”
“งั้นเธอดูผู้หญิงคนนั้นบ้าง!” ฝ่ายชายแกล้งเลียนแบบแฟนสาวของตน “ทั้งสวยทั้งหุ่นดี แถมยังสดใสน่ารัก! แล้วดูเธอสิ ในสายตาฉัน เธอสวยกว่า หุ่นดีกว่า น่ารักกว่าเธอคนนั้นเสียอีก เฮอะ!”
หญิงสาวอดขำไม่ได้ เธอหยิบกระดาษทิชชู่ออกมาเช็ดเหงื่อให้แฟนหนุ่ม เขาเลยถือโอกาสนี้จุ๊บแก้มเธอไปหนึ่งที ทั้งสองคนกอดกันกลม สวีทหวานเสียจนลืมโลกรอบข้าง
ูเี่อันนึกถึงสมัยเธอยังเป็วัยรุ่น ที่ได้แต่จ้องรูปถ่ายของลู่เป๋าเหยียนจากหน้าหนังสือพิมพ์พลางคิดอย่างเพ้อฝัน
ไม่ได้การแล้ว วันนี้เธอจะต้องให้ลู่เป๋าเหยียนตามใจเธอให้เต็มที่!
ว่าแล้วเธอจึงลากลู่เป๋าเหยียนไปเล่น Giant Frisbee กับเธอ ขณะที่กำลังต่อแถวอยู่นั้นูเี่อันก็เขย่าแขนเขาเบาๆ
“ฉันหิวน้ำ”
ลู่เป๋าเหยียนมองไปรอบๆ ก็เจอกับร้านสะดวกซื้อ
“เธอต่อแถวอยู่ที่นี่ เดี๋ยวฉันไปซื้อให้”
ูเี่อันพยักหน้าอย่างว่าง่าย ก่อนจะมองตามแผ่นหลังเขาไปอย่างมีความสุข
ไม่ช้าเธอก็ได้เครื่องดื่มอย่างที่้า ลู่เป๋าเหยียนเปิดขวดน้ำผลไม้ที่เธอชอบก่อนจะยื่นมาให้ เธอดื่มลงไปหลายอึกแก้ความกระหาย ก่อนจะเห็นว่าลู่เป๋าเหยียนไม่ได้ซื้อเครื่องดื่มของตัวเอง
“นายไม่หิวน้ำเหรอ”
ลู่เป๋าเหยียนดึงขวดน้ำผลไม้ในมือเธอขึ้นมาดื่มไปสองอึก
“ถือสองขวดมันลำบาก”
ูเี่อันจ้องตาค้าง เธอนึกไปถึงตอนที่พวกเสิ่นเยว่ชวนมาดูบอลที่บ้าน ลู่เป๋าเหยียนกินเค้กในมือต่อจากเธอเช่นเดียวกัน
ตอนนั้นเธอนึกว่าลู่เป๋าเหยียนลืมตัวจึงเผลอชิมเข้าไป ไม่ใช่เพราะว่าเขาไม่รังเกียจ แต่ดูจากตอนนี้แล้ว...เขาคงไม่รังเกียจเธอจริงๆ ใช่ไหม?
ไม่รู้ว่าทำไม จู่ๆ ูเี่อันก็รู้สึกว่าพวกเธอเองก็ไม่ได้ต่างไปจากคู่รักคู่อื่นที่มาที่นี่สักเท่าไร รอยยิ้มหวานจึงปรากฏบนใบหน้าของเธอ ความอ่อนหวานอิ่มเอมใจฉายชัดในดวงตาคู่งาม
หลังต่อแถวอยู่ไม่นานเธอกับลู่เป๋าเหยียนก็ได้ขึ้นไปนั่งบนเครื่องเล่น เสียงกรีดร้องระลอกใหม่กำลังจะเริ่มต้นขึ้นอีกครั้ง
หลังเล่นเครื่องเล่นมาตลอดเช้า เมื่อออกจากเครื่องเล่นอย่างสุดท้ายูเี่อันก็เหนื่อยจนแทบจะเดินไม่ไหว เธอเอนพิงลู่เป๋าเหยียนราวกับหมีโคโอล่าที่หาต้นไม้แอบอิง
“เหนื่อยจัง พวกเราไปพักกันก่อนเถอะ”
ลู่เป๋าเหยียนพาูเี่อันไปที่ร้านอาหาร เขาสั่งอาหารก่อนจะเดินไปนั่งตรงที่นั่งข้างหน้าต่าง จึงได้เห็น Theme Park ที่อยู่ติดกัน มันถูกออกแบบมาเพื่อเด็กๆ โดยเฉพาะ
เด็กน้อยวัยสี่ถึงสิบปี เป็่วัยที่กำลังน่ารักสดใส พ่อแม่ประคบประหงมดั่งแก้วตาดวงใจ เครื่องเล่นกว่าสิบชนิดที่ถูกออกแบบมาเป็อย่างดี ส่งผลให้เสียงหัวเราะอย่างสนุกสนานดังลอดเข้ามาในร้านอาหาร
ูเี่อันมองภาพตรงหน้าอย่างเหม่อลอย
ครอบครัวที่มีลูกถึงจะเรียกว่าครอบครัวที่สมบูรณ์สินะ? เหมือนอย่างที่คุณนายผังบอก การมีลูกทำให้ครอบครัวถูกเติมเต็ม
เด็กที่มาที่นี่โดยส่วนใหญ่มักจะซนเป็พิเศษ พ่อแม่ทั้งหลายต่างพากันดูแลอย่างใกล้ชิด คุณแม่บางคนถึงกับต้องยกมือปาดเหงื่อ ทว่าใบหน้ากลับเต็มไปด้วยรอยยิ้มแห่งความสุข ูเี่อันเห็นแล้วอดอิจฉาไม่ได้
ครอบครัวของพวกเขาดูสมบูรณ์แบบดีจัง
เมื่อเครื่องดื่มที่สั่งถูกยกเข้ามาเสิร์ฟ ลู่เป๋าเหยียนก็เลื่อนน้ำพั้นช์มาไว้ตรงหน้าเธอ
“คิดอะไรอยู่?”
“ฉันกำลังคิดว่า...” ูเี่อันยิ้ม “ถ้าสิบสี่ปีที่แล้วนายไม่ได้ไปอเมริกา แล้ววันต่อมานายพาฉันมาที่นี่ล่ะก็ นายจะเป็เหมือนบรรดาผู้ปกครองของเด็กๆ พวกนั้นไหม”
เขาจะคอยมองเธอไม่ให้ห่าง คอยปกป้องดูแลไม่ให้เธอได้รับาเ็หรือเผลอไปชนอะไรเข้าหรือเปล่านะ
ลู่เป๋าเหยียนมองบรรดาพ่อแม่ที่อยู่ด้านนอกก่อนตอบว่า
“คงจะไม่”
“นายจะไม่เล่นเป็เพื่อนฉันงั้นเหรอ” ูเี่อันเบ้ปากเล็กน้อย “นายคงตั้งใจทิ้งฉันเอาไว้แล้วหนีไปเล่นคนเดียวสินะ!”
“ฉันจะกล้าทำแบบนั้นได้ยังไง” ลู่เป๋าเหยียนกล่าว “ตอนเธอสิบขวบรับมือยากกว่าเด็กพวกนี้เยอะ ฉันมีแต่จะเหนื่อยกว่าพวกเขามากกว่าน่ะสิ”
“...” ูเี่อันโดนเขาพูดเสียจนไปต่อไม่ถูก จึงได้แต่ก้มหน้าก้มตาดื่มน้ำของตัวเองต่อไป
ไม่นานมื้อเที่ยงของพวกเธอก็เสร็จเรียบร้อย อาหารชุดสไตล์จีนหน้าตาดูดี ูเี่อันรู้สึกว่ารสชาติก็พอรับได้ แต่ดูจากสีหน้าของลู่เป๋าเหยียนแล้วเขาคงไม่ค่อยพอใจสักเท่าไร
เขาเป็พวกเลือกกิน ลุงสวีเคยบอกเธอ
“ฝืนกินหน่อยเถอะ” ูเี่อันพูดขึ้น “ไว้ตอนเย็นกลับไปบ้าน ฉันจะทำของอร่อยให้กินนะ”
ลู่เป๋าเหยียนจึงได้แต่กล้ำกลืนฝืนกินข้าวสวยแห้งๆ กับเนื้อที่ยังสุกไม่ได้ที่ลงคอไป
ูเี่อันเป็คนกินไม่เยอะ เธอกินไปได้สองในสามส่วนก็วางตะเกียบลง
“ฉันไปเข้าห้องน้ำก่อนนะ นายรออยู่ที่นี่แหละ”
เมื่อเข้าห้องน้ำเสร็จเธอก็ออกมาล้างมือ อ่างล้างมือของที่นี่เป็แบบใช้ร่วมกันทั้งชายและหญิง เพราะร้านอาหารที่นี่ราคาค่อนข้างสูง ลูกค้าที่มาใช้บริการจึงบางตา ยิ่งบริเวณห้องน้ำด้วยแล้วยิ่งไม่มีคนเข้าไปใหญ่
ตอนที่เธอเดินออกมาจากห้องน้ำเพื่อล้างมือ มีผู้ชายคนหนึ่งยืนอยู่หน้าอ่างล้างมืออยู่ก่อนแล้ว เขาเท้าแขนกับอ่างตรงหน้า เดิมที่เธอไม่คิดจะใส่ใจหรอก แต่บังเอิญเห็นจากในกระจกว่ามืออีกข้างหนึ่งของเขากำลังเืไหล ชายคนนั้นขมวดคิ้วมองาแของตัวเองราวกับมองคนแปลกหน้า
าแของเขาไม่ใช่แผลเล็กน้อยเลย ควรได้รับการห้ามเืโดยด่วน แต่คนคนนี้กลับไม่ทำอะไรสักอย่างเลยเนี่ยนะ?
“คุณคะ ้าความช่วยเหลือหรือเปล่า ฉันก็นับว่าเป็หมอ สามารถทำแผลให้ได้นะคะ”
ูเี่อันพูดออกไปอย่างลืมตัว ทำไงได้ มันเป็ความเคยชินของคนอาชีพอย่างเธอเสียแล้ว เธอเห็นแผลเมื่อไรก็อดไม่ได้ที่จะเข้าไปทำแผล ก็เหมือนกับเวลาผ่าชันสูตรศพที่ต้องเย็บร่างกายของผู้ตายให้เรียบร้อยเพื่อเป็การให้ความเคารพ
ชายคนนั้นหันหน้ามา ูเี่อันถึงเห็นหน้าตาของเขาได้อย่างชัดเจน
ใบหน้าที่หล่อเหลาคมคาย ผิวสีแทนที่ดูแข็งแกร่งทรงพลัง โครงหน้าของเขาเด่นชัด ั์ตาสีดำขลับที่ดูอ่านยากเจือรังสีอันตรายเล็กๆ
หากคนปกติทั่วไปมาเจอเขาคงจะต้องกลัว แต่เพราะูเี่อันเคยเจอคนที่น่ากลัวยิ่งกว่า ไม่ว่าจะเป็คนร้ายฆาตกรต่างๆ นานา ฉะนั้นชายคนนี้จึงไม่ได้ส่งผลกระทบอะไรกับเธอเลย
ชายคนนั้นมองเธออย่างประหลาดใจ นอกจากสวี่โย่วหนิงแล้ว เธอคนนี้เป็คนแรกที่กล้าสบตากับเขาตรงๆ
“นับว่าเป็หมอ...หมายความว่าไง” เขาถาม
“ฉันเป็แพทย์นิติเวชค่ะ” ูเี่อันตอบตามจริง
ใบหน้าของชายหนุ่มดูไม่ออกว่ากำลังคิดอะไร เขาจ้องูเี่อันด้วยสายตาอันตรายราวกับงูพิษ แตู่เี่อันก็ไม่สะทกสะท้าน เขาจึงหลุดยิ้มออกมา
“ผมเชื่อแล้วว่าคุณเป็แพทย์นิติเวช” มีแต่ผู้หญิงที่มีอาชีพพิเศษเท่านั้นที่จะไม่เกรงกลัวเขา
“ว่าแต่ คุณจะช่วยผมยังไง”
เธอเดินไปหาพนักงานในร้าน ก่อนจะยืมชุดปฐมพยาบาลและช่วยทำแผลให้ชายหนุ่มอย่างคล่องแคล่ว
“คุณจะไม่ถามหน่อยเหรอว่าผมไปได้แผลมาจากไหน? บางทีผมอาจจะเป็คนเลวก็ได้” ชายหนุ่มถามขึ้น
“ฉันไม่สนหรอกค่ะ” เมื่อใส่ยาเสร็จ ูเี่อันก็หยิบผ้าพันแผลขึ้นมาพันแผลให้เขา
“อย่าให้แผลโดนน้ำ พรุ่งนี้ไปล้างแผลที่โรงพยาบาลด้วยนะคะ แผลลักษณะนี้ควรระวังไว้หน่อยดีกว่า”
ชายหนุ่มมองจ้องูเี่อันไม่วางตา แววตาของเขาทอประกายราวกับหมาป่า
“คุณชื่ออะไร”
“พวกเราคงไม่ได้เจอกันอีก คุณไม่จำเป็ต้องรู้ชื่อฉันหรอกค่ะ ฉันเองก็ไม่ได้อยากรู้ชื่อของคุณเหมือนกัน” ูเี่อันทำแผลให้เขาเรียบร้อย
“เสร็จแล้วค่ะ ขอตัวนะคะ”
“เดี๋ยวก่อน!” ชายหนุ่มรั้งมือเธอไว้
“คุณมีแฟนหรือยัง?”
ูเี่อันยิ้มก่อนตอบไปว่า
“ไม่มีค่ะ”
