ชิวซานอวิ๋นและซูอวิ๋นข้ามวังวนพลังหลากสีเป็ครั้งแรกในก้าวเดียว แต่สิ่งที่เกิดขึ้นภายหลังก็คล้ายกับหนิงเทียน
ด้วยความช่วยเหลือของอาวุธิญญา ทั้งสองจึงข้ามห้องโถงด้านหน้าและมาถึงห้องโถงใหญ่ได้สำเร็จ
นี่คือหนึ่งในห้องโถงกลาง ซึ่งมุ่งเป้าไปที่เชื้อสายหยวนซิวโดยเฉพาะ
หลังจากซูอวิ๋นและชิวซานอวิ๋นเข้าไปในห้องโถงหลัก เสาอากาศจำนวนหนึ่งปรากฏขึ้นภายใน สิ่งนี้แตกต่างเล็กน้อยจากเสาหินทรงกลมที่หนิงเทียนเห็น
เสาอากาศเหล่านี้กระจัดกระจายทั้งสูงและต่ำ ้ามีลวดลายหลากหลาย ซึ่งสอดคล้องกับอาวุธิญญาที่แตกต่างกัน
จำนวนเสาอากาศมีหนึ่งร้อยแปดต้นเช่นเดียวกัน แต่จำนวนหยวนซิวที่เข้ามาในห้องโถงนั้นมากกว่าจือซิ่วอย่างเห็นได้ชัด
ซูอวิ๋นและชิวซานอวิ๋นยืนอยู่บนเสาอากาศที่แตกต่างกัน และรอคอยการมาถึงของผู้ที่จะตามหลังมา
เมื่อจำนวนถึงเจ็ดสิบสองคน เสาอากาศก็เริ่มเปลี่ยนแปลง ลาดลายใต้ฝ่าเท้าของทุกคนมีสามทางเลือก นั่นคือไปข้างหน้า ถอย และร่อน
ชิวซานอวิ๋นและซูอวิ๋นต่างพิจารณาว่าทั้งคู่เป็คนเ้าแผนการ ขอบเขตเปลี่ยนผ่านขั้นแรกไม่ดีเท่าคนในระดับบน แต่ยังดีกว่าคนในระดับล่าง แน่นอนว่าเมื่อได้มาถึง ณ จุดนี้แล้วพวกเขาย่อมไม่เต็มใจที่จะถอย แต่หากพวกเขาเลือกที่จะก้าวไปข้างหน้า ฝ่ายตรงข้ามที่พวกเขาต้องเผชิญคือขอบเขตเปลี่ยนผ่านขั้นปลายเป็แน่
การร่อนนับว่าเป็อีกทางเลือกหนึ่ง แต่กั้งทองสีม่วงและพัดหิมะลอยล่องที่ทั้งสองได้รับมานั้นค่อนข้างพิเศษ พวกเขาจึงไม่เต็มใจที่จะยอมแพ้
ในท้ายที่สุด ทั้งคู่ก็เลือกที่จะก้าวไปข้างหน้าและลองเสี่ยงโชค!
ภายในหุบเขาอันลึกลับ พระราชวังขนาดั์แบ่งออกเป็ห้องโถงด้านหน้า ห้องโถงกลาง และห้องโถงหลัก รวมทั้งหมดเก้าห้องโถง
มีห้องโถงด้านหน้าสี่ห้อง ตั้งอยู่ทางทิศอาคเนย์[1]และทิศพายัพ[2]ในบริเวณขอบนอกสุด
นอกจากนี้ยังมีโบสถ์สี่แห่งซึ่งตั้งอยู่ทางตะวันออกเฉียงใต้ ตะวันตกเฉียงเหนือ และบนชั้นกลางด้วย
มีห้องโถงใหญ่เพียงห้องเดียวเท่านั้นตั้งอยู่ตรงกลาง เหมือนจุดศูนย์กลางที่ถูกล้อมรอบด้วยห้องโถงกลางและห้องโถงด้านหน้า
ประตูห้องโถงด้านหน้าทางด้านทิศบูรพาเปิดออก ผู้แข็งแกร่งหลายพันคนจากสายบำเพ็ญทั้งสามมารวมตัวกัน
แต่มียอดฝีมือเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่สามารถผ่านวังวนหลากสีและไปถึงห้องโถงกลางได้
หลังจากที่ผู้โชคดีเหล่านี้ข้ามวังวนหลากสีไปแล้ว จือซิ่ว หยวนซิว และซิงซิวก็ถูกจำแนกตามลำดับ ในหมู่พวกเขาจือซิ่วเข้าสู่เส้นทางกลางทางด้านทิศบูรพา หยวนซิวเข้าสู่เส้นทางในทิศทักษิณ ขณะที่ซิงซิวเข้าสู่เส้นทางในทางทิศอุดร
เมื่อห้องโถงกลางทั้งสามได้รับการปลุกขึ้นอย่างสมบูรณ์ และผู้บำเพ็ญที่อยู่ข้างในได้ตัดสินใจเลือกแล้ว ห้องโถงด้านหน้าทางทิศบูรพาก็ได้พบกับการเปลี่ยนแปลงที่น่าใเช่นกัน
“ทุกคนดูนั่น วังวนหลากสีหายไปแล้ว ลุยเลย”
อยู่ดีๆ วังวนหลากสีที่สร้างปัญหาให้กับยอดฝีมือของฝ่ายต่างๆ ก็หายไป วัตถุหายากและแปลกใหม่เ่าั้ล้วนหายไปจนหมดสิ้นไม่ต่างกัน
ยอดฝีมือหลายพันคนต่างรุมเข้ามาในห้องโถงด้านหน้า ผ่านใจกลางห้องโถง ยามนี้ตรงหน้าคือจุดเคลื่อนย้ายมวลสารอันแสนลึกลับ
“นี่คือ...”
มีคนอุทานขึ้นมา ก่อนจะถูกเตะเข้าไปในจุดเคลื่อนย้ายมวลสารและถูกย้ายออกไปในพริบตา
“ดูเหมือนจะไม่มีอันตรายใดๆ ทุกคนเร็วเข้า”
บางคนเป็ผู้นำและบางคนติดตามอย่างใกล้ชิด ยอดฝีมือจำนวนมากรีบเข้าไปในจุดเคลื่อนย้ายมวลสาร แต่ท้ายที่สุดแล้วพวกเขาถูกเคลื่อนย้ายไปที่ใดไม่มีใครทราบ
เสิ่นซินจู๋ที่เลือกที่ถอย นางถูกเคลื่อนย้ายโดยตรงไปยังขอบหุบเขาลับ
ซิ่งอวี่เจวียนเลือกร่อน และจบลงที่พระราชวังลึกลับ
“ที่นี่ที่ไหน?”
ซิ่งอวี่เจวียนไม่ใช่คนเดียวที่มีข้อสงสัย ไม่ว่าจะเป็ซิงซิว หยวนซิว หรือจื๋อซิวคนที่เลือกร่อนล้วนเข้ามาในวังเดียวกัน
นี่คือโถงกลางซึ่งตั้งอยู่ทางทิศประจิมของโถงหลัก ผู้ที่เลือกร่อนล้วนเข้ามาที่นี่
นอกจากนี้หลังจากกระแสวังวนพลังหลากสีในห้องโถงด้านหน้าหายไป ยอดฝีมือจำนวนมากจากฝ่ายต่างๆ ที่เข้ามาในจุดเคลื่อนย้ายมวลสารต่างก็ถูกเคลื่อนย้ายมายังห้องโถงกลางทางทิศประจิม แต่พวกเขาล้วนอยู่ในพื้นที่ด้านนอกของตรงห้องโถงเท่านั้น
ทางในทิศประจิมแตกต่างจากทางอื่นๆ อีกสามทาง โดยแบ่งออกเป็พื้นที่ชั้นนอกกับพื้นที่ชั้นใน พื้นที่ชั้นในมีขนาดใหญ่กว่าที่ปรากฏจากชั้นนอกมาก
ผู้โชคดีที่ร่อนล้วนเข้ามาในพื้นที่ชั้นในซึ่งมีพื้นที่ทับซ้อนมากมาย ทั้งยังประกอบไปด้วยโอกาสและโชคลาภทุกประเภท
หลังจากที่ซิ่งอวี่เจวียนเข้ามา ประตูสามแห่งก็ปรากฏขึ้นตรงหน้านาง แสดงถึงสามทางเลือก นางสามารถเลือกเข้าไปได้เพียงหนึ่งแห่งเท่านั้น
มีกำแพงกั้นระหว่างพื้นที่ชั้นนอกกับพื้นที่ชั้นในของโถงทิศประจิม กำแพงนี้ซ่อนความลึกลับไว้ ใครก็ตามที่สามารถถอดรหัสความลึกลับบนผนังได้ ย่อมมีความหวังที่จะผ่านกำแพงนี้เข้าสู่พื้นที่ชั้นในและได้รับโอกาส
โอกาสนี้มีน้อยมาก แต่อย่างน้อยก็ทำให้ทุกคนมีความหวัง
พื้นที่หลักของพระราชวังขนาดั์คือโถงใหญ่ซึ่งมีรูปทรงสี่เหลี่ยมจัตุรัส และมีประตูสี่บานในทิศบูรพา ทิศประจิม ทิศอุดร และทิศทักษิณ
หลังจากหนิงเทียนถูกเคลื่อนย้ายออกไป เขาก็หยุดอยู่นอกประตูทิศบูรพาของห้องโถงหลัก พร้อมด้วยยอดฝีมือจื๋อซิวสิบเอ็ดคน ซึ่งรวมถึงชิวอีเซี่ยน ตู๋กูหู่ เฮ่ออีเซียน และหยางวั่นอวิ๋น
ในหมู่พวกเขามีสามคนจากสำนักกายา สี่คนจากสำนักวั่นจื๋อ และห้าคนจากสำนัก์
ชิวอีเซี่ยนมองประตูวังขนาดใหญ่ที่ตั้งสูงตระหง่านแล้วพูดว่า “เด็กดีของข้า ประตูบานใหญ่ขนาดนี้จะเปิดออกได้อย่างไร?”
ตู๋กูหู่กล่าวว่า “เมื่อถึงเวลามันจะเปิดออกเอง เ้าจะรีบร้อนไปทำไม?”
โถงหลักมีขนาดใหญ่มาก ที่นี่ดูเหมือนั์เมื่อมองระยะไกล แต่จริงๆ แล้วเมื่อเข้ามาใกล้จะพบว่ามีพื้นที่ทับซ้อนซ่อนอยู่
พื้นที่ที่แท้จริงของห้องโถงใหญ่มีขนาดใหญ่กว่าที่ปรากฏจากภายนอกอย่างน้อยร้อยเท่า
ด้านนอกประตูทิศอุดรของห้องโถงหลัก มีผู้บำเพ็ญซิงซิวที่ทรงพลังยี่สิบสี่คนมารวมตัวกัน ซึ่งล้วนเป็ผู้ที่อยู่ขั้นแปดหรือสูงกว่าในขอบเขตเปลี่ยนผ่าน
ด้านนอกประตูทิศทักษิณของห้องโถงหลัก มียอดฝีมือหยวนซิวมากถึงสามสิบหกคนมารวมตัวกัน รวมถึงซูอวิ๋นและชิวซานอวิ๋นด้วย
ทั้งสามฝ่ายกำลังเฝ้ารออยู่ เพราะประตูพระราชวังดูสง่างามเกินไปและสลักด้วยลวดลายโบราณแสนลึกลับ ทั้งยังไม่สามารถผลักเปิดได้
สิ่งที่น่าสงสัยก็คือแม้ว่าทั้งสามฝ่ายจะมาถึงแล้ว แต่เหตุใดห้องโถงหลักจึงยังไม่เปิด?
ซึ่งสิ่งนี้เกี่ยวข้องกับประตูทิศประจิมของห้องโถงหลัก บนบันไดหินด้านนอกประตู มีรูปปั้นนั่งอยู่ ร่างนั้นกำลังมองออกไปไกลราวกับหวนนึกถึงอดีต
เมื่อถึงจุดหนึ่งร่างนั้นก็ถอนสายตาแล้วส่งเสียงต่ำแปลกๆ จากนั้นเขาก็ยืนขึ้นและหันมามองที่ประตูวัง
ในขณะนั้นห้องโถงใหญ่ก็คำรามลั่น ประตูทั้งสี่เรืองแสงและสั่นะเืในเวลาเดียวกัน ปลดปล่อยแสงศักดิ์สิทธิ์สุกใสที่ไม่มีใครเทียบได้ส่องสว่างไปทั่วออกมา
ประตูเปิดออกอย่างช้าๆ ท่ามกลางเสียงฟ้าคำรามที่ดังกึกก้อง ประกายสีขาวพราวแสงจากภายในทำให้ทุกคนไม่สามารถลืมตาได้
ที่ประตูทิศประจิมของห้องโถงหลัก แสงสีขาวพร่างพรายส่องไปที่ร่างนั้น ภาพที่เห็นนั้นน่าใ
นั่นคือชายผู้มีสามหัวหกแขนซึ่งมีร่างกายเหมือนมนุษย์ หัวสามหัวเป็ตัวแทนของชายผู้แข็งแกร่งในวัยสี่สิบ เด็กอายุมากกว่าสิบปี และผู้หญิงในวัยยี่สิบต้นๆ
มันมีสามหัว หกแขน แต่มีขาคู่เดียว ทั้งร่างปกคลุมไปด้วยชั้นเกล็ดเหมือนชุดรบ และกำลังเดินเข้าไปในห้องโถงใหญ่
หนิงเทียนหลีกเลี่ยงแสงสีขาวสุกใสแล้วมองเข้าไปในห้องโถงผ่านประตูทิศบูรพาที่เปิดอยู่ กลิ่นอายที่ยิ่งใหญ่และยาวนานราวกับมีแดนลับถูกเปิดออก ซึ่งส่งผลกระทบต่อจิติญญาของหนิงเทียนเป็อย่างมาก
ยุทธศาสตร์ครอง์กระตือรือร้นอย่างยิ่ง อีกทั้งกล้วยไม้เซียนเก้าชีวิตยังตื่นขึ้นจากการหลับลึกอีกด้วย
ห้องโถงนี้มีแรงดึงดูดที่แข็งแกร่งสำหรับหนิงเทียน แต่ในขณะเดียวกันเขาก็ััได้ถึงวิกฤตบางอย่าง
ชิวอีเซี่ยนมองไปด้วยดวงตาที่สดใส เขาเป็คนแรกที่รีบเข้าไปในห้องโถง ก่อนจะตามมาด้วยเฮ่ออีเซียนจากสำนักวิหคเหิน
ตู๋กูหู่ตบไหล่หนิงเทียนก่อนพูดด้วยรอยยิ้ม “มาเร็ว ข้าเชื่อในตัวเ้านะ”
หนิงเทียนยิ้มตอบ ก่อนที่ยอดฝีมือขอบเขตเปลี่ยนผ่านจะทยอยข้าไปทีละคน
หยางวั่นอวิ๋นเดินมาในตอนท้ายและถามอย่างสงสัย “หนิงเทียน ทำไมเ้าไม่เป็ผู้นำล่ะ?”
“ในทฤษฎีแห่งโอกาสอะไรคือเร็วหรือช้า? ในห้องโถงนี้มีเจตนาฆ่าซ่อนเร้น ศิษย์พี่โปรดระวังด้วย”
หยางวั่นอวิ๋นพูดด้วยรอยยิ้มว่า “เ้าควรดูแลตัวเองก่อน มีหลายคนในหมู่ซิงซิวและหยวนซิวที่้ากำจัดเ้า”
ทั้งสองเดินเข้าไปในห้องโถงหลักเคียงข้างกัน ก่อนประตูด้านทิศบูรพาจะปิดลงอย่างช้าๆ
“นี่คือ?”
หนิงเทียนและหยางวั่นอวิ๋นอุทานพร้อมกัน พวกเขาต่างไม่อยากเชื่อสายตาของตน
เนินเขาทอดยาวไปสุดลูกหูลูกตา ต้นไม้ั์สูงตระหง่าน เถาวัลย์อสูรลอยว่อน หญ้าเขียวขจียาวหลายพันจั้ง และดอกไม้ประหลาดอีกนับพันดอก ภาพนี้ให้ทุกคนรู้สึกราวกับอยู่ในโลกแห่งความฝัน
แม้ว่าหนิงเทียนจะเตรียมตัวไว้ก่อนแล้ว แต่เขาก็ยังตกตะลึงและรู้สึกพูดไม่ออกกับภาพตรงหน้า
“เราฝันไปหรือ?”
หยางวั่นอวิ๋นไม่เข้าใจว่าทำไมเขาถึงมองไม่เห็นเสาหรือยอดพระราชวังแม้จะอยู่ในห้องโถงใหญ่ แต่กลับดูเหมือนเขาเข้าสู่อีกโลกหนึ่งแล้ว?
ูเาตระหง่านเต็มไปด้วยพลังทางจิติญญา น้ำพุแห่งจิติญญาผุดขึ้นทุกหนแห่ง น้ำอมฤตมีอยู่ทุกที่ นกั์บินวนอยู่บนท้องฟ้า อสูรดุร้ายต่างห้ำหั่นกันภายในป่าเขา
“โอ้์ ข้าไม่อยากไปต่อแล้ว”
ชิวอีเซี่ยนหันหลังและวิ่งหนีไป เขาอยากออกจากที่นี่ แต่น่าเสียดายที่ประตูวังปิดลงแล้ว และด้านหลังมีเพียงผืนป่าบนูเาที่ไม่มีที่สิ้นสุด รอบด้านไร้ซึ่งร่องรอยของทางออก
“บ้าไปแล้ว!”
ชิวอีเซี่ยนะโลั่น ขณะที่ตู๋กูหู่ขมวดคิ้วแน่น ห้องโถงใหญ่แตกต่างไปจากจินตนาการของทุกคนอย่างสิ้นเชิง พวกเขารู้สึกว่าที่นี่อันตรายอย่างยิ่ง
หนิงเทียนใช้ทักษะเก้าเนตร์ก่อนจะค้นพบว่านี่ไม่ใช่ภาพลวงตา แต่เป็โลกแห่งความจริง
“ศิษย์พี่หยางเข้าใจสิ่งที่เกิดขึ้นหรือไม่?”
หยางวั่นอวิ๋นรู้สึกประหลาดใจและพึมพำ “เราอยู่ในห้องโถงใหญ่ แต่ดูเหมือนว่าจะมีพื้นที่ทับซ้อนอยู่ด้านใน และมีพลังที่ไม่อาจจินตนาการได้ซึ่งสามารถบังคับให้รวมมิติบางอย่างเข้ากับห้องโถงนี้ ยามนี้พวกเราไม่ต่างจากติดอยู่ในโลกของมนุษย์ต่างดาว พื้นที่นี้อาจจะไม่ใหญ่จนเกินไป แต่มันอันตรายและลึกลับอย่างแน่นอน”
เมื่อมองไปรอบๆ หนิงเทียนก็ขมวดคิ้วแล้วพูดว่า “ทางถอยถูกตัดขาดไปแล้ว ดังนั้นเราจึงทำได้เพียงก้าวไปข้างหน้า อันตรายและโอกาสเป็ของคู่กัน เราจึงทำได้เพียงก้าวไปข้างหน้าด้วยกันเท่านั้น!”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ ชิวอีเซี่ยนก็พึมพำ “ช่างพูดนักนะ เ้าเห็นนกตัวใหญ่บนท้องฟ้าหรือไม่? มันเป็อสูรระดับสี่ที่ดุร้ายอย่างยิ่ง เ้าเห็นอสูรร้ายตัวใหญ่ตรงนั้นไหม มันยาวสามร้อยจั้ง การเตะเพียงครั้งเดียวก็สามารถเหยียบย่ำเ้าให้ตายได้”
หนิงเทียนพูดติดตลก “เหล่าศิษย์ของสำนักกายา กลายเป็คนโลภในชีวิตและกลัวความตายได้ถึงขนาดนี้ั้แ่เมื่อใด?”
ชิวอีเซี่ยนโต้กลับ “นี่เรียกว่าเหตุผล ไม่ใช่กลัวตาย”
“เช่นนั้นท่านก็หาที่ซ่อนตัวเถอะ หลังจากผ่านไปสามถึงห้าร้อยปี บางทีท่านอาจออกไปได้”
“หยุดคิดบ้าๆ กับข้าได้แล้ว ในอีกสามถึงห้าร้อยปีข้างหน้าร่างข้าคงแห้งเหี่ยวไปเสียก่อน”
ชิวอีเซี่ยนมองหนิงเทียนแล้วมาอยู่เคียงข้างเขา ทั้งยังปฏิเสธที่จะจากไป
เสียงคำรามดังมาจากในป่าเขา ดึงดูดความสนใจของยอดฝีมือจื๋อซิวทั้งสิบสองคน
พยัคฆ์บินบินขึ้นไปบนท้องฟ้า ปีกกางออกกว้างประมาณหนึ่งพันจั้ง เปลวเพลิงแห่งจิติญญาลุกโชนจนดูคล้ายเมฆสีชาด
พยัคฆ์คำรามจากในูเา ดูิ่ฟ้าดิน
พยัคฆ์บินตัวนี้เปรียบเสมือนาาแห่งขุนเขาที่กำลังประกาศอำนาจ
ดวงตาของหนิงเทียนเหมือนคบเพลิง ดวงตาจิติญญาสามารถมองผ่านภาพลวงตาได้ เขาเห็นกระบี่สีน้ำตาลขนาดเล็กงอกออกมาจากหางของพยัคฆ์บินตัวนี้ เมื่อมันแกว่งกระบี่ ปราณกระบี่ก็เผยออกมาด้วยอำนาจที่ล้นเหลือ ทำให้ยากจะต่อกร
“ปลูกอาวุธิญญา!”
ความคิดนี้แวบขึ้นมาในใจของหนิงเทียน กระบี่ที่หางพยัคฆ์เป็อาวุธิญญาที่เติบโตตามธรรมชาติ และมีพลังที่แข็งแกร่งมาก
“กระบี่หางพยัคฆ์ ฮ่าๆ ข้าพบมันแล้ว”
ชิวอีเซี่ยนค้นพบความลับของพยัคฆ์บิน จึงส่งเสียงร้องออกมาด้วยความตื่นเต้น
หยางวั่นอวิ๋นเตือน “อย่าตื่นเต้นไปเลย คลื่นผันผวนของพยัคฆ์บินตัวนี้น่ากลัวมาก มันอยู่เหนือยิ่งกว่าอสูรระดับสี่ในชนิดเดียวกัน”
ชิวอีเซี่ยนพูดอย่างตื่นเต้น “ิญญาอสูรและอสูรที่สามารถให้กำเนิดอาวุธิญญาจื๋อซิวล้วนมีความโดดเด่น และพวกมันก็เป็ผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในระดับเดียวกัน...”
ขณะที่เขากำลังพูด ยอดเขาที่อยู่ไม่ไกลจากพยัคฆ์บินก็ะเิขึ้น น้ำพุจิติญญาผุดขึ้นมาจากพื้นดิน แสงจิติญญารวมตัวกันในเสาน้ำ พันรอบก้อนหยกขนาดเท่ากำปั้น!
“นั่นคืออะไร?”
“อัญมณีชิ้นนี้เป็ของข้า!”
เสียงนี้มาพร้อมกับร่างของชิวอีเซี่ยนที่พุ่งตัวออกไปอย่างรวดเร็วราวกับสายฟ้า
---------------------------------------
[1] ทิศอาคเนย์ (东南) คือทิศตะวันออกเฉียงใต้
[2] ทิศพายัพ (西北) คือทิศตะวันตกเฉียงเหนือ
