กระทั่งได้ยินเสียงเรียกของซูฉางอัน คนอื่นๆจึงเดินเข้ามานั่งด้วยท่าทางเก้ๆ กังๆ ในที่สุด
“พวกเ้าเป็อะไรไป?” ซูฉางอันถามขึ้นอย่างอดไม่ได้ั้แ่เข้ามาในโรงเตี๊ยมแห่งนี้ ทุกคนก็ดูจะแปลกไปมากแม้แต่กู่หนิงที่มีกิริยาสำรวม ใจเย็นมาโดยตลอดก็ยังแลดูประหลาดไปเลยเหมือนกำลังอายอะไรอยู่ แต่ก็เหมือนกำลังกระวนกระวายกับอะไรบางอย่าง
“พวกเ้ากำลังกังวลเื่คนรับใช้ที่เอาของขวัญมาให้ใช่ไหม?” ซูฉางอันพยายามจะพูดปลอบพวกเขา “ไม่เป็ไรหรอกเมื่อกี้ข้าไปดูมาแล้ว เด็กเฝ้าประตูพวกนั้นขวางพวกเขาเอาไว้ข้างนอกแล้วพวกเรามากินอะไรกันก่อนเถอะ เมื่อกินจนอิ่มแล้ว พวกนั้นก็คงจะไปแล้วล่ะ”
ทันทีที่สิ้นเสียง เซี่ยโหวฟ่งอวี้ก็มองบนใส่เขาทันที
“ฉางอัน... เ้าไม่รู้จริงๆ หรือไงว่าที่นี่เป็ที่ไหน?” ซูโม่ที่อยู่ข้างกันกล่าวถามเสียงของนางเบามาก เหมือนกลัวว่าใครจะได้ยินอย่างนั้น
ซูฉางอันชะงักค้างไป จากนั้นก็ตอบกลับไปด้วยท่าทางจริงจัง “จะเป็ที่ไหนได้อีกล่ะก็โรงเตี๊ยมไง”
“สหายซู... ที่นี่คือ...” กู่หนิงมองมายังซูฉางอันด้วยสายตาพิลึกเขาราวจะกล่าวอะไร แต่สุดท้ายก็หยุดลงแค่นั้น
ซูฉางอันะเิความสงสัยออกมาทันทีเขามองไปยังกู่หนิงที่เกร็งไปทั้งตัว พลางถามถึงสาเหตุ “สหายกู่เ้าก็บอกมาสิว่าที่นี่มันที่ไหนกัน?”
ดูเหมือนเซี่ยโหวฟ่งอวี้จะยอมแพ้ให้กับศิษย์น้องที่แสนซื่อบื้อของตนเสียแล้วนางใช้เล็บงามหยิกไปที่บริเวณเอวของซูฉางอันแรงๆ อีกที จากนั้นจึงขมวดคิ้วมุ่นแล้วพูดด้วยท่าทางดุๆ “ที่นี่เป็หอนางโลมไงล่ะ!!!”
“หอนางโลม?” ซูฉางอันชะงักอึ้งไป เขามองไปรอบด้านอีกครั้ง รอบด้านเต็มไปด้วยบทเพลงและการร่ายรำ แลดูครึกครื้นเป็อย่างมาก ผู้หญิงทุกคนในนี้แต่งกายโชว์เนื้อหนังทั้งยังมีลูกเล่นลูกตามากมาย วาจาเต็มไปด้วยความยั่วยวนต่างกำลังกอดจูบลูบคลำอยู่กับลูกค้าภายในร้าน
ซูฉางอันกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก จากนั้นจึงพูดตะกุกตะกักขึ้น “นี่มัน... เป็...หอนางโลมจริงๆ หรือนี่”
เพิ่งสิ้นเสียง หญิงที่สวมชุดบางโชว์เนินอกออกมามากกว่าครึ่งหลายคนก็เดินเข้ามาหาพร้อมกับสุราอาหารพวกนางแต่งหน้าด้วยเครื่องสำอางจัดจ้าน ทั้งยังมีกลิ่นหอมที่น่าเย้ายวนใจประดับกายเมื่อวางอาหารเอาไว้บนโต๊ะ หญิงเ่าั้ก็เดินเข้ามานั่งข้างเด็กหนุ่มรุ่นเยาว์ทั้งหลายด้วยรอยยิ้มในที่สุด
ซูฉางอันลอบเหล่มองหญิงที่นั่งอยู่ข้างตนนางมีอายุประมาณสามสิบกว่าๆ หน้าตาถือว่าสะสวยพอใช้ได้แต่กลับงามสู้ซูโม่ไม่ได้เลย ยิ่งเป็เซี่ยโหวฟ่งอวี้ ก็ยิ่งเทียบกันไม่ได้ไปใหญ่
ทว่านางกลับมีประสบการณ์ทางด้านนี้เป็อย่างมากนางทำให้รู้สึกแตกต่างไปจากหญิงวัยแรกแย้มอย่างสิ้นเชิง ทำให้ซูฉางอันลอบมองนางหลายครั้งอย่างอดไม่ได้
หรูเยี่ยนถูกขายเข้ามาในหอหมู่ตันแห่งนี้ั้แ่อายุสิบสี่จนถึงตอนนี้ นางอยู่ที่นี่มานานกว่าสิบปีแล้ว หรูเยี่ยนมีใบหน้าที่งดงามทั้งยังฉลาดมีไหวพริบ รู้จักเอาอกเอาใจแม่เล้าหรือที่เรียกกันในชื่อของมามาเป็อย่างดี เมื่อมีอายุได้สิบเจ็ดปีนางก็ถูกชายในหอนางโลมสอนสั่งจนช่ำชองเื่บนเตียงทั้งยังเคยเป็ยอดบุปผาของหอมาก่อนด้วย มาตอนนี้ แม้จะมีอายุมากไปหน่อย แต่ความงามก็ยังคงอยู่ดังนั้นนางจึงถือเป็หญิงที่มีชื่อเสียงของหอคนหนึ่ง นอกจากนี้นางยังมีห้องส่วนตัวของตัวเองอีกด้วยเมื่อนำไปเทียบกับหญิงที่ต้องนอนเบียดอยู่ในห้องเดียวกัน ต้องรอให้มีลูกค้าเข้ามาจึงจะมีโอกาสได้เปิดห้องส่วนตัวเพื่อบริการลูกค้าเป็ครั้งคราวแล้วตอนนี้หรูเยี่ยนก็รู้สึกพอใจมากแล้ว
แน่นอนว่าก่อนหน้านี้มีคุณชายคิดอยากไถ่ตัวนางออกไปจากหอแห่งนี้อยู่หลายคนด้วยกัน แต่นางก็ไม่ยอมเสียทีพี่น้องในหอที่เคยสนิทกันก็เคยเตือนนางมาก่อนว่าสำหรับหญิงที่ขายเนื้อหนังอย่างพวกเราแล้ว ยามเป็สาวแรกรุ่น หากมีรูปโฉมงดงามย่อมเป็ที่โด่งดังได้อยู่แล้วมีชายตั้งเท่าไหร่ที่ยอมแลกเงินเป็พันชั่งเพื่อให้ได้ตัวเรา แต่หากแก่ชราลงเล่า? หอโคมเขียวแห่งนี้มักจะครึกครื้น งดงาม และเต็มไปด้วยเสียงดนตรีที่แสนไพเราะเสมอ ทว่าความจริงแล้วที่นี่เป็สถานที่ที่โสโครกยิ่งนัก หากไม่มีความงามก็ไม่มีลูกค้า เมื่อไม่มีลูกค้าหอนางโลมย่อมไม่เลี้ยงคนไม่ประโยชน์เอาไว้อยู่แล้ว เมื่อถึงตอนนั้นไม่ต้องบอกก็รู้ว่าพวกเขาต้องพบเจอกับสถานการณ์ที่เลวร้ายมากขนาดไหน
ดังนั้น สำหรับหญิงโคมเขียวส่วนมากแล้ว หากมีคุณชายมาหลงรักและช่วยไถ่ตัวให้ ต่อให้เป็แค่อนุภรรยา ก็นับเป็เื่โชคดีที่สุดในชีวิตแล้วเรียกได้ว่าสำหรับหญิงโคมเขียวส่วนมากแล้วนั่นนับเป็เื่ที่พวกนางใฝ่ฝันมากที่สุดในชีวิตเลยก็ว่าได้
มาจนถึงตอนนี้ บัดนี้หรูเยี่ยนก็มีอายุถึงสามสิบเอ็ดปีแล้วบวกกับงานของหญิงโคมเขียว เป็งานที่เหนื่อยยากมาก ทั้งยังมักจะติดโรคประหลาดมาอีกดังนั้น พวกนางจึงแก่เร็วกว่าหญิงทั่วไป หากลบเครื่องสำอางบนใบหน้าทิ้งไปจนหมดเกรงว่าตอนนี้ใบหน้าของหรูเยี่ยนคงไม่ต่างไปจากหญิงที่กำลังจะก้าวเข้าสู่เลขสี่เลยก็ว่าได้คุณชายที่เคยอยากจะไถ่ตัวนางก่อนหน้านี้ก็ค่อยๆ หายหน้าหายตาไปเรื่อยๆ หลายปีมานี้หญิงคนอื่นๆ ในหอหมู่ตันที่มีอายุเทียบเท่ากับหรูเยี่ยนต่างก็ถูกไถ่ตัวออกไปจนหมดแล้ว เหลือเพียงนางคนเดียวเท่านั้นที่ยังไม่ยอมไปไหนเสียทีแม้แต่มามาที่ดูนางมาั้แ่เล็กจนโตก็ยังเคยกล่อมนางเื่นี้เลย แต่หรูเยี่ยนก็ไม่ได้ให้ความสนใจเลยสักนิด
นางซ่อนผ้าเช็ดหน้าผืนหนึ่งเอาไว้ที่กลางอกเสมอมันเป็ผ้าเช็ดหน้าที่ธรรมดามาก ทว่าบนนั้นมีคำกลอนเขียนอยู่บรรทัดหนึ่งมันเป็คำกลอนที่คนซึ่งนางรอคอยมาโดยตลอดเขียนเพื่อนางนั่นเองนางรอเขามานานถึงสิบปีแล้ว รอั้แ่ตอนยังเป็ยอดบุปผาจนกลายเป็ใบหลิวที่ร่วงโรย รอั้แ่ตอนที่โด่งดัง มีลูกค้าเข้ามาหาเป็ว่าเล่นจนเหลือเพียงความเงียบเหงาอย่างเช่นทุกวันนี้ รอจนใบหน้ามีรอยตีนการอจนเส้นผมกลายเป็สีขาว รอจนผิวเนียนเต็มไปด้วยรอยเหี่ยวย่น
นางไม่เคยคิดจะหยุดรอเลยแม้แต่ครั้งเดียว แต่นางกลัวเหลือเกินกลัวว่าคนผู้นั้นจะปรากฏกายขึ้นอีกครั้งเมื่อตนแต่งกับคนอื่นไปแล้วกลัวว่าคนผู้นั้นจะจับไหล่ของนางเอาไว้ แล้วถามว่าทำไมถึงไม่รอให้เขากลับมาทุกครั้งที่คิดถึงเหตุการณ์ที่อาจจะเกิดขึ้นได้นี้นางก็เก็บความคิดที่อยากจะถูกไถ่ตัวกลับเข้าไปในส่วนลึกของหัวใจทุกครั้ง...
นางเป็เพียงหญิงโคมเขียวคนหนึ่งเท่านั้น ซึ่งแม้จะอ่านหนังสือออกแต่ก็ไม่เคยได้เล่าเรียนอะไรมากมาย ทำให้ไม่มีความรู้มากสักเท่าไหร่แม้จะร้องเพลงเป็ แต่กลับไม่เข้าใจเื่ของทำนองและเสียงดนตรีเลยแม้แต่น้อยนางจำได้เพียงคำสัญญาเท่านั้น คำสัญญาที่เป็ดั่งเปลวเพลิงในความมืดมิดเปลวเพลิงที่ให้ความอบอุ่นจนนางข้ามผ่านคืนวันอันแสนเหน็บหนาวมาได้เมื่อรู้สึกราวแทบจะอดทนต่อไปไม่ไหว เพียงหยิบผ้าเช็ดหน้าผืนนั้นออกมาแล้วอ่านคำกลอนที่เขียนอยู่บนนั้น นางก็จะมีความกล้าเพิ่มมากขึ้นอย่างไม่ทราบสาเหตุทำให้นางสามารถอดทนกับคืนวันที่แสนมืดมนนี้ต่อไปได้ ซึ่งความอดทนนี้ดำเนินต่อเนื่องมานานถึงสิบปีแล้ว
สิบปีมานี้ นางเจอผู้ชายมาแล้วทุกรูปแบบ ั้แ่ขุนนาง ชนชั้นสูงไปจนถึงคนชั้นรากหญ้า ั้แ่นักรบที่กำยำแข็งแกร่งไปจนถึงชายผู้ดีที่แสนเรียบร้อยทว่า นี่เป็ครั้งแรกเลยที่นางได้เจอคนที่น่าสนใจหรือจะพูดอีกแบบก็คือเด็กผู้ชายอย่างซูฉางอันกับพรรคพวก
ในตอนที่ควรจะปลดปล่อยตัวเอง ปลดปล่อยความรู้สึกออกมาอย่างเต็มที่คนกลุ่มนี้กลับมีท่าทางร้อนรนและอยู่ไม่เป็สุข ในตอนที่ควรจะกอดจูบลูบคลำกับสาวๆภายในหอ พวกเขาก็กลับพาเด็กสาวที่สวยมากๆ มาด้วยถึงสองคน
หรูเยี่ยนรู้สึกว่าเื่ตรงหน้าช่างน่าสนใจเหลือเกิน จึงนึกอยากแกล้งขึ้นมาอย่างอดไม่ได้
“ดูจากท่าทางแล้วคุณชายทั้งหลายคงจะมาที่หอหมู่ตันเป็ครั้งแรกสินะเ้าคะ?” พูดไปพลางนางก็ใช้มือไล้ไปที่ใบหน้าของชายข้างกายเบาๆ
ชายคนนั้นถอยหลบไปทางด้านหลัง ราวกับถูกฟ้าผ่าอย่างไรอย่างนั้นทั้งยังขยับตัวออกไปไกลอีก ทางด้านหญิงหน้าตางดงามที่อยู่ข้างกันเองก็เอาแต่มองนางและชายคนนั้นตาเขม็ง ราวกำลังจะพ่นไฟออกมาทางดวงตาอยู่แล้ว
เมื่อเห็นดังนั้น นางก็ส่งเสียงหัวเราะออกมาเบาๆ อย่างอดไม่ได้ร่างกายที่อ่อนระทวยปานไม่มีกระดูกเอนพิงลงบนร่างของชายคนนั้น ขณะที่ปากก็กล่าวระคนหัวเราะเบาๆไปด้วย “คุณชาย ในเมื่อมาเพื่อหาความสนุก ก็น่าจะสนุกให้เต็มที่สิไยต้องหักห้ามตัวเองกันด้วย?”
ทางด้านซูฉางอัน เขารู้สึกว่ามีกลิ่นหอมโชยมาหาจากนั้นััเนียนนุ่มก็ถูกส่งผ่านมาทางท่อนแขน เขาพยายามจะถอยออกไปให้ห่างแต่หญิงคนนั้นก็เอาแต่พิงแนบร่างของเขาเอาไว้ ราวกับถูกกาวติดเอาไว้เช่นนั้นยิ่งเขาขยับตัวมากขึ้นเท่าไหร่ ก็จะััโดนร่างนั้นมากขึ้นเท่านั้นมันทำให้เขารู้สึกอึดอัด และทรมานเป็อย่างมากสุดท้ายเขาก็ทำได้เพียงนั่งตัวแข็งทื่อ ไม่กล้าขยับอีก
ในขณะเดียวกันนั้น หญิงหลายคนที่นั่งอยู่ข้างกู่หนิงกับพวกก็เริ่มเคลื่อนไหวแล้วเช่นกันทันใดนั้น ทั้งโต๊ะก็เต็มไปด้วยความวุ่นวายมีเพียงซูโม่กับเซี่ยโหวฟ่งอวี้เท่านั้น ที่คนหนึ่งก็มองเขม็งไปที่กู่หนิงอีกคนก็มองเขม็งไปที่ซูฉางอัน ดวงตาคู่สวยของพวกนางเต็มไปด้วยรังสีอำมหิต ราวกำลังจะฆ่าคนเช่นนั้น
“คุณชาย ท่านยังไม่ได้บอกข้าเลย ว่าท่านชื่ออะไร?” หรูเยี่ยนทำราวกับมองไม่เห็นสายตาของเซี่ยโหวฟ่งอวี้นางเป่าลมหอมไปที่หูของซูฉางอันเบาๆ แล้วพูดกระซิบขึ้น
ซูฉางอันรู้สึกเสียวไปทั้งหูแล้วไม่รู้เหมือนกันว่ามันเป็ความรู้สึกสบาย หรืออึดอัดกันแน่เขาตอบคำถามกลับไปอย่างลืมตัว “ซู...ซูฉางอัน”
ซูฉางอัน? หญิงคนนั้นกล่าวขึ้นในใจเหมือนว่านางจะเคยได้ยินชื่อนี้จากปากใครสักคน แต่ก็จำไม่ได้ว่าเขาเป็ใครกันแน่และในขณะที่นางเตรียมจะแหย่ซูฉางอันต่อไปนั้น จู่ๆ หญิงที่มองเขม็งไปที่ชายอีกคนก็ะโโหยงขึ้น
ทุกคนตกตะลึงไปตามๆ กัน ซูโม่ขึ้นไปยืนอยู่บนเก้าอี้ดวงตาของนางแทบจะมีไฟลุกอยู่แล้ว นางชี้ไปที่หญิงที่กำลังนัวเนียอยู่กับกู่หนิงแล้วแผดเสียงด่าขึ้น “นังผู้หญิงหน้าด้าน! ออกไปให้ห่างจากพี่กู่เดี๋ยวนี้นะ! ” นางยืนมือเท้าเอวใบหน้าแดงก่ำเพราะการตวาดด่าเมื่อครู่ดูคล้ายเป็สิงโตตัวเมียที่กำลังปกป้องอาหารของตัวเองอยู่เช่นนั้น
หญิงที่ถูกด่าอึ้งไปแล้ว นางไม่เคยเจอเื่แบบนี้มาก่อนจึงไม่รู้ว่าจะจัดการกับเหตุการณ์นี้อย่างไรดีเสียงตวาดของซูโม่ดึงดูดให้ลูกค้าคนอื่นๆ หันมามองเป็ตาเดียว ต่างก็วิพากษ์วิจารณ์ซูฉางอันกับพวกไปต่างๆนานา
หรูเยี่ยนส่งสายตาเป็เชิงไปให้หญิงคนนั้นเมื่อเข้าใจความหมายที่แฝงอยู่ในสายตา หญิงคนนั้นก็เบะปากแล้วเดินจากไปอย่างไม่พอใจในที่สุด
“สหายของคุณชายมีนิสัยตรงไปตรงมา ข้าขอดื่มเคารพหนึ่งจอก” หรูเยี่ยนลุกยืนขึ้นด้วยรอยยิ้มจากนั้นก็หยิบแก้วเหล้าขึ้นมาถือเอาไว้ พลางบอกกับกู่หนิง
กู่หนิงเองก็รู้สึกซาบซึ้งที่หรูเยี่ยนช่วยกันไม่ให้หญิงคนนั้นมายุ่งเกี่ยวกับตนเช่นกันเขารีบยกแก้วเหล้าขึ้น จากนั้นก็ลุกยืนพลางกล่าว “ช่างน่าละอายยิ่งนัก พวกข้ามาที่นี่อย่างกะทันหันจึงไม่รู้ว่านี่ที่เป็...เออ คิดว่าเป็เพียงโรงเตี๊ยมธรรมดาๆ เท่านั้นหากล่วงเกินอันใด ต้องขออภัยแม่นางด้วย” กู่หนิงมองไปที่ลิ่นหยูกับจี้เต้าที่ยังมีหญิงสาวนั่งคลอเคลียอยู่ไม่ห่างพลางกล่าวขึ้น
“คุณชายเกรงใจกันเกินไปแล้ว หรูเยี่ยนทราบแล้ว” พูดจบนางก็ดื่มเหล้าในแก้วจนหมดภายในรวดเดียวจากนั้นก็ส่งสายตาเป็เชิงไปให้หญิงอีกสองคนที่เหลือ ทางด้านหญิงทั้งสองเองแม้จะไม่พอใจกับคำสั่งนี้ แต่ก็รู้ดีว่าหรูเยี่ยนสนิทสนมกับมามามากจึงจำต้องออกไปพร้อมกับความโกรธในที่สุด
เมื่อเห็นดังนั้น กู่หนิงก็รีบรินเหล้าจนเต็มจอกจากนั้นจึงดื่มจนหมดภายในรวดเดียว “ขอบคุณแม่นาง”