“นั่นเป็เื่ไม่แน่นอน!” แววตาของเฟิ่งเฉี่ยนจ้าขึ้นน้อยๆ เกิดเป็ประกายที่ทำให้คนตกตะลึง มุมปากของนางยกขึ้นเล็กน้อยปรากฏให้เห็นเป็รอยยิ้มเ้าเล่ห์ “หนึ่งบวกหนึ่ง ไม่เท่ากับสองเสมอไป อาจจะเป็ตัวเลขคู่กันก็ได้!”
“เลขคู่หรือ” มู่ชิงเซียวชะงักงันและดูเหมือนจะแจ่มแจ้งขึ้น “ความหมายของเ้าคือ...”
เฟิ่งเฉี่ยนหัวเราะแฝงเลศนัย “ข้าจะเล่นกับพวกเขาสักตั้ง!”
บนกระดานหมากใหญ่ หมากดำและหมากขาวเริ่มปะทะและสังหารกันอย่างดุเดือด!
พุ่งชน!
อุด!
เปิดค่ายกล!
หลบหลีก!
โจมตี!
ปะทะ!
กิน!
ทำลายค่ายกล!
...
ชั่วพริบตา หมากดำกินหมากขาวไปสามตัว หมากขาวกินหมากดำไปสามตัวเช่นกัน
ทั้งสองฝ่ายผลัดกันรุกและรับ
เมื่อหมากขาวเดินมาถึงก้าวที่หนึ่งร้อยหนึ่ง สถานการณ์บนกระดานหมากพลันเปลี่ยนไป เห็นเพียงมุมบนด้านขวากระดานหมากใหญ่ปรากฏให้เห็นปากสามเหลี่ยมขนาดใหญ่ คล้ายเห็นรูปทรงของเจดีย์โผล่ออกมา
คนทั้งหมดตื่นเต้นขึ้นมาอีกครั้ง
“เจดีย์สามเหลี่ยม! เป็เจดีย์สามเหลี่ยมอีกแล้ว!”
“ให้ตายเถอะ! ท่ามกลางสถานการณ์อันดุเดือดถึงกับก่อเจดีย์สามเหลี่ยมออกมาได้อีก! สุดยอดจริงๆ!”
“อย่าได้ดีใจเร็วเกินไปนัก! เจดีย์สามเหลี่ยมจะก่อตัวสำเร็จได้หรือไม่ ยังต้องดูว่าหมากดำยินยอมหรือไม่”
“หมากกระดานนี้สังหารกันอย่างดุเดือด! จะพูดว่าระมัดระวังทุกย่างก้าวก็ไม่เกินไป!”
“ไม่เสียแรงที่เป็การประลองเดินหมากของยอดฝีมือ ดูจนข้าเหงื่อออกแล้ว!”
“ข้าก็เหมือนกัน ไม่กล้าพลาดแม้แต่ก้าวเดียว!”
ในขณะเดียวกันภายในห้องพิเศษ เสวียน หานไท่ฟู่ หานหลินเยว่และลู่ซงเทียนทะเลาะกันหน้าดำหน้าแดง
“มุมเหลี่ยมปรากฏออกมาแล้ว จะต้องเป็ค่ายกลเจดีย์สามเหลี่ยมแน่นอน!” เสียงของหานไท่ฟู่ดังที่สุด
“หากเป็ค่ายกลเจดีย์สามเหลี่ยม แล้วด้านข้างหายไปไหน ข้าคิดว่าไม่ใช่ค่ายกลเจดีย์สามเหลี่ยม นางจงใจที่จะหลอกล่อเราแน่นอน เพื่อให้พวกเราหลงทาง!” หานหลินเยว่ยังคงหวาดระแวงเกินไปอยู่ดี
หานไท่ฟู่คัดค้าน “เยว่เอ๋อร์ ข้อเสียของเ้าคือระมัดระวังเกินไป! เมื่อสักครู่พวกเรามิใช่หารือกันแล้วหรือ ให้เดินหมากตามวิธีการของปู่! หากเดินตามความคิดของปู่ ควรจะเดินมาที่ตำแหน่งนี้!”
เขาชี้นิ้วไปที่จุดหนึ่งบนกระดานหมาก
หานหลินเยว่ยังคงส่ายหน้ายืนกราน “แต่หากมิใช่ค่ายกลเจดีย์สามเหลี่ยมเล่า หากเดินมาตรงนี้ ทันทีที่นางเปลี่ยนกลยุทธ์ พวกเราก็จะถูกโจมตี! เดินผิดก้าวเดียวจะแพ้ทั้งกระดาน! ตามความเห็นของข้ายังคงควรเดินมาตรงนี้!”
นิ้วเรียวเล็กของนางชี้ไปยังอีกตำแหน่งหนึ่งบนกระดาน
สองปู่หลานมีความเห็นแตกต่างกัน ไม่มีใครยอมใคร
ลู่ซงเทามองคนทั้งสองสลับกันไปมาแล้วไกล่เกลี่ยสถานการณ์ “พวกท่านอย่าทะเลาะกันเลย! ตอนนี้เป็่เวลาหัวเลี้ยวหัวต่อ พวกเราอย่าได้เดินพลาดเอง!”
หานไท่ฟู่หันมาถลึงตาใส่เขา “เช่นนั้นเ้าพูดมาว่าเ้าสนับสนุนนาง หรือสนับสนุนข้า”
หานหลินเยว่หันไปมองเขา “ศิษย์พี่ลู่ ท่านออกความเห็นมาว่าควรจะฟังใคร”
ลู่ซงเทาตกที่นั่งลำบาก เขาสับสนเหลือเกิน
เห็นเขาไม่ยอมเอ่ยปาก สองปู่หลานต่างร้อนใจพูดออกมาพร้อมกันว่า “เ้าพูดออกมาเถิด!”
ลู่ซงเทาหัวเราะไม่ได้ร้องไห้ไม่ออก ท่ามกลางสายตากดดันของสองปู่หลาน เขาถอนใจพูดว่า “ตามความเห็นข้า ในเมื่อไม่อาจบอกได้ว่าจุดประสงค์ที่แท้จริงของอีกฝ่ายคืออะไร ไม่สู้สังเกตการณ์ต่อไป ไม่ดีกว่าหรือ!”
หานไท่ฟู่ครุ่นคิดแล้วพยักหน้าเห็นด้วย “ได้ ตกลงตามนี้!”
หานหลินเยว่หัวเราะไม่ได้ร้องไห้ไม่ออก เมื่อตกอยู่ใน่เวลาวิกฤติ เหตุใดจึงไม่รุกแต่กลับเลือกที่จะสังเกตการณ์ ทว่าความเห็นของท่านปู่ทำให้นางลังเลใจเช่นกัน การเดินหมากของพวกเขาตอนนี้คือเดินสวนทางกันและปะทะกับฝ่ายตรงข้าม ณ วินาที หากว่ากันตามเหตุผลพวกเขาควรจะกลับไปใช้วิธีการเดินหมากวิธีแรกจึงจะถูก ทว่าเมื่อมองสถานการณ์ตรงหน้าแล้วกลับทำให้นางไม่แน่ใจ สัญชาตญาณของสตรีบอกกับนางว่า หมากดำไม่ได้กำลังสร้างค่ายกลเจดีย์สามเหลี่ยมแน่นอน แต่มุมเหลี่ยมบริเวณมุมบนขวาเล่าจะอธิบายอย่างไร
นางสับสน!
รู้สึกเหมือนตนเองตกลงไปในบ่อน้ำลึกที่มองไม่เห็นก้น!
หมากดำยังคงไม่เคลื่อนไหว คนที่อยู่ในห้องโถงชั้นล่างเริ่มสิ้นความอดทน นี่เป็การใคร่ครวญที่นานที่สุดในการเดินหมากกระดานนี้ก็ว่าได้
“ไฉนจึงช้าเช่นนี้”
“พวกเรารออยู่นานมากแล้ว!”
“ท่านาุโหานสุขภาพไม่ดีใช่หรือไม่ นอนหลับไปแล้วหรือ”
“ฮ่าๆๆ เ้าช่างน่าขัน!”
มีเพียงคนในวงการเดินหมากเท่านั้นที่จะมองเห็นถึงพิรุธ
“ไฉนข้าจึงรู้สึกว่าการเดินใน่แรกและ่หลังราวกับเปลี่ยนคน วิธีการเดินหมากแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง!”
“ข้าก็รู้สึกเช่นนั้นเช่นกัน! ตอนเริ่มลักษณะการเดินหมากไม่เหมือนท่านาุโหาน เมื่อถึง่ครึ่งหลังการเดินหมากท่านาุโหานกลับมาแล้ว”
“คงมิใช่มีคนเดินหมากแทนอยู่หรอกนะ”
“นั่นก็ไม่แน่! เป็เพราะท่านาุโหานกลัวเสียหน้า เขากลัวว่าจะพ่ายแพ้ ดังนั้นจึงหาคนมาเดินหมากแทน!”
“ไม่ว่าจะเป็ใครที่กำลังเดินหมากอยู่ เอาเป็ว่าหมากกระดานนี้ต่อสู้กันได้อย่างสนุกสนาน ทุกก้าวล้วนเยี่ยมยอด!”
“เื่นี้จริง”
ภายในวังหลวง องค์ไท่จื่อชี้ไปที่กระดานหมากอย่างดีอกดีใจ “เสด็จพ่อ นี่คือค่ายเจดีย์สามเหลี่ยมใช่หรือไม่พ่ะย่ะค่ะ เมื่อท่านและเสด็จแม่เดินหมากล้อมด้วยกันก็ใช้ค่ายกลนี้!”
เซวียนหยวนเช่อมองหมากบนกระดานเงียบๆ ไม่พูดจา
องค์ไท่จื่อน้อยตบมือเล็กๆ เขาพูดอย่างดีอกดีใจ “ค่ายกลเจดีย์สามเหลี่ยมของเสด็จพ่อร้ายกาจที่สุด ไม่มีคนทำลายลงได้! เสด็จแม่ใช้ค่ายกลเจดีย์สามเหลี่ยมของเสด็จพ่อ จะต้องชนะแน่นอนพ่ะย่ะค่ะ!”
เซวียนหยวนเช่อส่ายหน้ายิ้มๆ “นี่ไม่ใช่ค่ายกลเจดีย์สามเหลี่ยม!”
องค์ไท่จื่อน้อยตกตะลึง “นี่ไม่ใช่ค่ายกลเจดีย์สามเหลี่ยม? เช่นนั้นคืออะไรพ่ะย่ะค่ะ”
ดวงตาของเซวียนหยวนเช่อเปล่งประกายน้อยๆ แววตานั้นหม่นวูบลง...
ในห้องพิเศษ หานไท่ฟู่เอ่ยวาจาเร่ง “พอแล้ว อย่าคิดอีกเลย! ทำตามที่เทาเอ๋อร์ว่า เดินหมากเพื่อสังเกตการณ์ไปก่อน!”
หานหลินเยว่ยิ้มเฝื่อนและพยักหน้าในที่สุด “ก็ได้เ้าค่ะ!”
ในห้องพิเศษฝั่งตรงข้ามมู่ชิงเซียวหัวเราะหยอกเย้า “ฝ่ายตรงข้ามน่าจะทะเลาะกันจะแย่แล้ว ไม่รู้ว่าควรฟังใคร...เฉียนเฉี่ยน เ้าพูดถูกแล้ว หนึ่งบวกหนึ่ง ไม่เท่ากับสองเสมอไป อาจจะเป็เลขคู่ก็ได้!”
เฟิ่งเฉี่ยนดื่มน้ำชาแล้วพูดเรียบๆ “ข้าเดินหมากตามความคิดของพวกเขาก่อน ให้พวกเขาคิดว่าพวกเขาใช้กลยุทธ์ถูกต้องแล้ว จากนั้นค่อยโยนกับะเิลูกหนึ่ง...เวลานี้ พวกเขาน่าจะมีความคิดแตกต่างกัน เ้าก็มีเหตุผลของเ้า เขาก็มีเหตุผลของเขา จะรับะเิลูกนี้หรือไม่ก็ต้องดูว่าใครเป็ผู้มีอำนาจตัดสินใจเลือกใช้กลยุทธ์อย่างแท้จริง! แต่ตามที่ข้าคาดเดา พวกเขาใคร่ครวญนานเช่นนี้ มีความเป็ไปได้อย่างมากว่าผลสรุปสุดท้ายจะเป็การหักมุมอันเศร้าสลด...”
คำพูดของนางเพิ่งจะสิ้นเสียง หมากดำเคลื่อนไหวแล้วเช่นกัน หมากดำเดินในตำแหน่งที่ไม่สลักสำคัญอะไร
มู่ชิงเซียวชูนิ้วโป้งให้นางแล้วพูดว่า “เฉียนเฉี่ยน เ้าทายถูกแล้ว!”
เฟิ่งเฉี่ยนยกยิ้มมุมปากเมื่อถูมือ ั์ตาดำขลับของนางมีความตื่นเต้นพาดผ่าน “เยี่ยม ได้เวลาเก็บแหแล้ว!”
การปะทะกันอีกหลายก้าวในเวลาต่อมา สำหรับหานหลินเยว่สองปู่หลานแล้วถือว่าเป็การความทุกข์ทรมานจิตใจอย่างหนึ่ง!
เมื่อหมากขาวเดินก้าวที่สาม สองปู่หลานถึงกับทึ่มทื่อทีเดียว!
เห็นเพียงบนกระดานหมากใหญ่ปรากฏปลายแหลมขนาดใหญ่สองจุด คล้ายจามรีที่กำลังเดินอยู่บนทะเลทราย ปรากฏตัวขึ้นต่อหน้าสายตาของคนทั้งหมดอย่างเหี้ยมโหด
มือของหานไท่ฟู่สั่นเทิ้ม เสียงที่กล่าวออกมาก็สั่นสะท้าน “ไม่ใช่ค่ายกลเจดีย์สามเหลี่ยม! ไม่ใช่ค่ายกลเจดีย์สามเหลี่ยม! เป็...เป็...”
พูดคำว่าเป็ตะกุกตะกักอยู่นาน ก็ยังไม่อาจพูดอะไรออกมาได้
“เป็ค่ายกลเจดีย์คู่!” หานหลินเยว่พูดแทนเขา
นางยิ้มเฝื่อน สัญชาตญาณของนางนั้นถูกต้อง ไม่ใช่ค่ายกลเจดีย์สามเหลี่ยม แต่นางคิดอย่างไรก็คิดไม่ถึงว่าอีกฝ่ายถึงกับยกเอาค่ายกลเจดีย์คู่ที่ร้ายกาจกว่าค่ายกลเจดีย์สามเหลี่ยมออกมา!