ฮั่วเยี่ยนไหวไม่ใช่คนโง่ ย่อมมองออกว่าไป๋ซูเหอคิดอะไรอยู่
สายตาของเขาเย็นเยียบถึงขีดสุด
สกุลไป๋สมควรถูกเตือนสติได้แล้ว
เห็นสตรีของเขารังแกง่าย ทั้งยังทำเหมือนเขาไม่รู้ความ
หลังจากเขาเอ่ยเช่นนั้น ก็ไม่ส่งเสียงใดๆ อีก
ทว่าความเงียบของเขาราวกับไอสังหารอันไร้เมตตา โอบล้อมร่างของสองคนที่กำลังคุกเข่าอยู่
ไป๋ซูเหอตัวสั่น ริมฝีปากซีด
ไป๋เหล่าฮูหยินที่คุกเข่าอยู่ข้างๆ รู้สึกโกรธเคือง นางมองไปทางไป๋ซูเหอด้วยสายตาที่แฝงไว้ด้วยการตำหนิ ทำให้ผู้ใดขุ่นเคืองไม่ทำ ดันทำให้พญายมผู้นี้ขุ่นเคืองเสียได้!
เป็อย่างที่นางคาด ไป๋ซูเหอกระทำการสิ่งใดด้วยความบุ่มบ่ามเพราะยังเยาว์วัยอยู่
เพียงแต่ไม่ทราบว่าตอนนี้พวกนางจะมีจุดจบเช่นไร?
ไป๋เหล่าฮูหยินไม่เคยรู้สึกเช่นนี้มาก่อน นางกำลังคาดหวังให้ไป๋เซี่ยเหอปรากฏตัว
“คุณหนูใหญ่มาถึงแล้ว”
น้ำเสียงฟังชัดเจน
ไป๋เซี่ยเหอสวมชุดกระโปรงยาวสีฟ้าอ่อน ท่วงท่าดูสง่างามราวกับเทพเซียนมาจุติ ใบหน้าไม่ได้แต่งแต้ม ทว่ากลับเต็มไปด้วยความงามที่ไม่อาจพรรณนาได้ แววตาที่ดูเอ้อระเหยเปี่ยมไปด้วยเสน่ห์
“เกิดอะไรขึ้น?”
ไป๋เหล่าฮูหยินที่ปกติดูดุดันราวกับแม่เสือ จู่ๆ กลับกลายเป็แมวที่ถูกถอนฟันไปเสียได้
ส่วนไป๋ซูเหอคุกเข่าสะอึกสะอื้นอยู่ด้านข้างด้วยท่าทีราวกับฟ้าถล่ม
การเปลี่ยนแปลงอย่างใหญ่หลวงเช่นนี้ทำให้ไป๋เซี่ยเหอปรับตัวไม่ได้ในชั่วขณะ มุมปากประดับด้วยรอยยิ้มคล้ายมีคล้ายไม่มี
อำนาจคือของดีอย่างที่คาด
“ไม่มีอะไร มีคนทำน้ำชาหกใส่ชุดคลุมของข้า จากนั้นคิดจะชดใช้ด้วยความตายก็เท่านั้น”
ร่างของทั้งสองสั่นสะท้านทันที
ไป๋เหล่าฮูหยินถลึงตามองไป๋ซูเหอที่คุกเข่าอยู่ข้างๆ ด้วยความเกลียดชัง
ไม่มีความสามารถในการทำหน้าที่ให้สำเร็จลุล่วง ทว่ากลับมีความสามารถเหลือเฟือในการทำลายแผนการ!
ไป๋เซี่ยเหอเป็คนมีไหวพริบ นางจึงเข้าใจได้ในทันที นางเดินเข้ามาพร้อมรอยยิ้มบางๆ
“น้ำชาหกเพียงนิดเดียวก็จะฆ่าจะแกงเลยหรือ? ช่างไม่กลัวว่าจะทำให้ชื่อเสียงของตนเองเสื่อมเสียจริงๆ”
ฮั่วเยี่ยนไหวมองสตรีที่ยืนอยู่ตรงหน้า รอยยิ้มอันลึกซึ้งปรากฏในแววตาที่เ็า “มานี่สิ”
ไป๋เซี่ยเหอเดินไปยืนอยู่ข้างกายเขา ก่อนจะแสร้งเอ่ยว่า “มิสู้เห็นแก่หน้าของข้าและละเว้นพวกนาง เช่นนี้ดีหรือไม่?”
ไป๋เหล่าฮูหยินมีสีหน้าดีขึ้นเล็กน้อย แทบอยากจะให้ไป๋เซี่ยเหอรีบเกลี้ยกล่อมเทพอสูรตรงหน้าผู้นี้เสีย ทำให้เขาลืมความไม่สบอารมณ์เมื่อครู่ให้หมดก็ยิ่งดี
ฮั่วเยี่ยนไหวไม่ได้คิดจะสังหารสองคนนี้จริงๆ ั้แ่แรก เพียงข่มขวัญพวกนางเท่านั้น
เมื่อไม่ได้อยู่ในระหว่างการนำทัพออกศึก เซ่อเจิ้งอ๋องจะคำนึงถึงครอบครัวของตนเองเสมอ
ตอนนี้เขา้าให้ไป๋เหล่าฮูหยินและไป๋ซูเหอตระหนักว่า ทั่วทั้งจวนนี้ ผู้ใดสูงศักดิ์ที่สุด!
ถูกต้อง เขามาที่นี่เพื่อให้ท้ายพระชายาในอนาคตของเขา
“ในเมื่อเ้าบอกให้ละเว้น เช่นนั้นก็ละเว้นแล้วกัน”
แววตาของฮั่วเยี่ยนไหวทอประกายเล็กน้อย เต็มไปด้วยการให้ท้าย
หากไป๋เซี่ยเหอไม่รู้ว่านี่คือการแสดง ขนที่ลุกทั้งหมดคงนำมาผัดเป็อาหารได้จานหนึ่งแล้ว
“ขอบพระทัยเพคะท่านอ๋อง” ไป๋เหล่าฮูหยินลุกขึ้นยืน เมื่อเห็นไป๋ซูเหอยังคงคุกเข่าอยู่ด้านข้างด้วยแววตาอิจฉาและไม่ยินยอม ไป๋เหล่าฮูหยินก็ใจนเหงื่อแตกพลั่ก ก่อนจะถีบไป๋ซูเหอไปหนึ่งที “ยังไม่รีบขอบพระทัยอีก!”
ไป๋ซูเหอได้สติ นางกล่าวด้วยน้ำเสียงอ่อนหวาน “ขอบพระทัยท่านอ๋องและพระชายาเพคะ”
คำเรียกขานว่าพระชายาซึมลึกเข้าไปถึงหัวใจของฮั่วเยี่ยนไหว
เขาโบกมือคราหนึ่งทันที “ตบรางวัล!”
ไป๋ซูเหอกวาดสายตามองด้วยความกระวนกระวายทันที ทว่าไป๋เหล่าฮูหยินกลับรู้สึกโชคดีที่ไป๋ซูเหอรู้จักรับมืออย่างมีไหวพริบ
ริมฝีปากของฮั่วเยี่ยนไหวค่อยๆ ยกขึ้นเป็เส้นโค้ง เขามองไป๋ซูเหอด้วยสายตาที่มีความหมายลึกซึ้ง
“สาวใช้ของจวนสกุลไป๋รูปโฉมไม่เลวเลย”
ไป๋เหล่าฮูหยินหน้าซีดในชั่วพริบตา ความอัปยศอดสูเกิดขึ้นในจิตใจ ใบหน้าแก่ชราโมโหจนแดงก่ำ
ทว่าไป๋ซูเหอไม่คิดเช่นนี้ นางคิดว่าเขาไม่รู้ว่าตนเองคือคุณหนูสามแห่งจวนสกุลไป๋
เขาชมว่านางมีรูปโฉมไม่เลว
นั่นหมายความว่านางมีความหวังใช่หรือไม่?
จวนเซ่อเจิ้งอ๋องยินดีต้อนรับนางใช่หรือไม่?
หลังจากฮั่วเยี่ยนไหวเอ่ยประโยคนั้นจบ เขาก็หันไปมองไป๋เซี่ยเหอ พลางชี้ไปที่คราบน้ำบนเสื้อคลุม “ชุดของข้าเปียก เ้าพาข้าไปเปลี่ยนชุดเถิด”
ไป๋เซี่ยเหอเห็นแววตาจริงจังของฮั่วเยี่ยนไหว จู่ๆ ก็เกิดลางสังหรณ์ไม่ดีในใจ
“...”
“จวนสกุลไป๋จะมีชุดของท่านได้อย่างไร?”
ฮั่วเยี่ยนไหวเอามือวางบนศีรษะของไป๋เซี่ยเหอ ก่อนจะลูบเบาๆ และคลี่ยิ้มอย่างเ้าเล่ห์ “เ้าลืมไปแล้วหรือ? ชุดนั้นที่ข้าลืมไว้ในเรือนของเ้าเมื่อครั้งก่อนอย่างไรเล่า”
“...”
ไป๋เซี่ยเหอไม่ต้องหันกลับไปมองก็รู้ว่า เปลวเพลิงสองสายกำลังลุกโชนและทิ่มแทงแผ่นหลังของนาง
นางไม่ขยับเขยื้อน
ฮั่วเยี่ยนไหวเอ่ยต่อทันที “เสื้อคลุมของข้าถูกคนในจวนสกุลไป๋ทำเปียก ข้าย่อมไม่อาจกลับจวนไปทั้งอย่างนี้ได้ หากข้าป่วยขึ้นมา...”
“ข้าไม่ได้เป็คนทำเสื้อคลุมของท่านเปียก!”
หากวันนี้นางพาฮั่วเยี่ยนไหวไปที่เรือนของนาง ถึงจะมีสิบปากก็ไม่อาจแก้ต่างอะไรได้
เหตุใดนางถึงไม่รู้มาก่อนว่าฮั่วเยี่ยนไหวมี่เวลาที่มีนิสัยหน้าเนื้อใจเสือปานนี้ด้วย?
เขาคิดจะฉุดนางลงน้ำชัดๆ!
“เช่นนั้น...”
ฮั่วเยี่ยนไหวกวาดตามองสองคนนั้นอย่างเ็า น้ำเสียงอันทุ้มต่ำเต็มไปด้วยการข่มขู่
ไป๋เซี่ยเหอกอดอกยืนอยู่ด้านข้างโดยไม่ขยับเขยื้อน นางอยากรู้ว่าบุรุษผู้นี้้าเล่นลูกไม้อะไร
ทั้งสองที่คิดว่ารอดพ้นจากอันตรายแล้ว กลับถูกสายตาอันดุดันของฮั่วเยี่ยนไหวกวาดตามองก็ใจนเหงื่อแตกพลั่ก
“ไป๋เซี่ยเหอ เ้าไม่ได้ยินหรือว่าท่านอ๋องทรง้าไปเปลี่ยนชุดที่เรือนของเ้า? ยังไม่รีบพาไปอีก มัววางมาดคุณหนูอะไรอยู่?”
ผู้เป็ย่าถูกข่มขู่จนแทบจะถึงแก่ชีวิตแล้ว ผู้เป็หลานสาวกลับยังนิ่งเฉยอยู่ได้ ช่างอกตัญญูจริงๆ!
“มาดคุณหนู? ท่านหมายถึงแบบนี้หรือ?”
ไป๋เซี่ยเหอนั่งลงบนเก้าอี้ ก่อนจะเอนกายอย่างสบายอารมณ์ทันที
ไป๋เหล่าฮูหยินโมโหจนปากเบี้ยว นางปรารถนาจะปรี่เข้าไปทุบไป๋เซี่ยเหออย่างโเี้ถึงจะคลายโทสะได้
เมื่อเห็นว่าไป๋เซี่ยเหอไม่ขยับเขยื้อน ไป๋ซูเหอก็กลอกตา ก่อนจะยื่นมือไปดึงแขนเสื้อของไป๋เหล่าฮูหยิน
ไป๋เหล่าฮูหยินเข้าใจความหมายทันที นางเอ่ยประจบประแจงฮั่วเยี่ยนไหวด้วยความยำเกรง
“ท่านอ๋อง จวนของหม่อมฉันไม่ได้มีไป๋เซี่ยเหอเป็หลานสาวเพียงคนเดียว หากท่านอ๋องไม่ถือสา มิสู้ไปเปลี่ยนอาภรณ์ที่เรือนของหลานสาวคนที่สามของหม่อมฉันเถิดเพคะ”
“หลานสาวคนที่สามของหม่อมฉันไม่ได้ด้อยไปกว่าไป๋เซี่ยเหอเลย หากท่านอ๋องชมชอบนาง ยังสามารถทูลต่อฝ่าาได้ทันที หากท่านอ๋อง้าเปลี่ยนตัวพระชายา จวนสกุลไป๋ก็ไม่มีความเห็นใดๆ เพคะ”
ไป๋ซูเหอยืดตัวตรงทันที นางเชิดใบหน้ารูปไข่ของตนเองขึ้นคล้ายตั้งใจคล้ายไม่ตั้งใจ หางตาของนางมีไฝน้ำตาเม็ดหนึ่ง ทำให้นางยิ่งดูมีเสน่ห์
“เ้าคิดว่าข้าคือคนที่ว่าง่ายขนาดนั้นเลยหรือ?”
น้ำเสียงเย็นะเืมาพร้อมกับความหนาวเย็นที่สามารถพรากิญญาผู้คนได้ ไป๋เหล่าฮูหยินตัวสั่นเทิ้มทันที
นางทำผิดมหันต์เสียแล้ว!
คนตรงหน้าคือผู้ใด?
เขาคือเซ่อเจิ้งอ๋องที่กระหายเืและไร้เมตตา นึกไม่ถึงว่านางจะกล้าตัดสินใจแทนเซ่อเจิ้งอ๋อง นางคู่ควรที่จะทำเช่นนั้นด้วยหรือ?
“หม่อมฉันสมควรตายเพคะ”
“ผู้ใดก็ได้เข้ามานี่ ลากนางออกไปโบยให้ตาย!”
สีหน้าของฮั่วเยี่ยนไหวดำมืดราวกับก้นหม้อ เขาจับมืออันขาวผ่องและอ่อนนุ่มของไป๋เซี่ยเหอเอาไว้ ฝ่ามือของเขาร้อนระอุ
แววตาของไป๋เซี่ยเหอสั่นไหวเล็กน้อย ความรู้สึกอันแปลกประหลาดผุดขึ้นจากก้นบึ้งหัวใจ
“ท่านอ๋อง หม่อมฉันสำนึกผิดแล้ว พระองค์โปรดละเว้นหม่อมฉันด้วยเพคะ!”
ไป๋เหล่าฮูหยินร้องไห้น้ำหูน้ำตาไหล ไม่หลงเหลือมาดใดๆ อีกต่อไป หัวใจของนางเย็นเยียบ
เมื่อคนเรามีอายุเท่านี้ก็ไม่มีอะไรสำคัญไปกว่าชีวิตอีกแล้ว ในเรือนของนางมีเครื่องประดับล้ำค่ามากมายปานนั้น นางยังมองไม่เบื่อเลย แล้วจะตายได้อย่างไร?
เมื่อเห็นว่าฮั่วเยี่ยนไหวไม่ตอบสนองใดๆ เพียงใช้ดวงตาสีดำอันอ่อนโยนจับจ้องเสี้ยวหน้าของไป๋เซี่ยเหอตลอดเวลา
ไป๋เหล่าฮูหยินก็เข้าใจโดยพลัน
นางคลานเข่าไปหาไป๋เซี่ยเหอ ท่าทางนั้นดูต่ำต้อยยิ่งนัก
“เซี่ยเหอ หลานรักของย่า เ้าโปรดช่วยย่าด้วยเถิด ย่าสำนึกผิดแล้ว ย่าตาบอดไปเอง ย่ารับรองว่าวันหน้าไม่กล้าทำอีกแล้ว ย่ารู้ว่าเ้าคือผู้มีใจกตัญญูมากที่สุด ใช่หรือไม่?”
------------------------