ชายหนุ่มและหญิงสาวอีก 2 คนต่างก็เดินมาถึงสถานที่ “ดงต้นงิ้ว“ เรียบร้อยแล้ว และหลังจากได้สวัสดีทักทายกันตามธรรมเนียมที่ดีกับเหล่าอสูรผู้คุมเรียบร้อยแล้ว ทั้งหมดก็เตรียมตัวเพื่อจะปีนต้นงิ้วหนามเหล็กที่จะว่าไปแล้วหนามเหล็กก็สึกกร่อนลงไปมากๆแล้ว แถมกว่าจะปีนได้วันหนึ่งๆนี่ยังต้องรอคิวกันนานมากๆ เพราะว่าวันหนึ่งๆมีเหล่า “คนบาป“ มาปีนกันไม่รู้กี่ล้านคน นี่ขนาดมี “ดงต้นงิ้ว“ อยู่ไม่น้อยนะ ก็ยังไม่พอต่อความ้าเท่าไหร่หรอก แล้วตามสเต็ปแล้วพอเหล่า “คนบาป“ปีนต้นงิ้วไปซักพัก ก็จะมีพวกอีกาปากเหล็กบินมาจิกตีตามคอนเซ็ตป์ แต่ทุกวันนี้ เหล่าอีกาปากเหล็กหลายตัวก็ออกแนวี้เี ทีนี้ก็จะบินมาจิกมั่ง ไม่จิกมั่ง จนบางทีเหล่าผู้คนต้องเป่านกหวีดเรียกจนคอเจ็บ เพราะอีกาบางตัวบางตัวก็จิกจนปากสึกปากทู่ไปหมดแล้ว พวกมันก็เหนื่อยก็ท้อกับจำนวนคนเป็เหมือนกัน บางวันนี่แทบจะไม่มีอีกาปากเหล็กบินมาทำหน้าที่ก็มี ส่วนเื่แทงหอกใส่ “คนบาป” นั้น ผู้คุมส่วนใหญ่ก็จิ้มหอกไปเรื่อยเปื่อยเปาะๆแปะๆ ไปอย่างนั้นแหล่ะ ก็คนมันเยอะ ลองคิดสภาพคนต้องไปยืนจิ้มหอกยกแทงๆ ดูซิแค่ทำแบบนี้แค่ชั่วโมงเดียว ส่วนใหญ่ก็แขนเป็เหน็บมือสั่น แทบจะยกหอกไม่ไหวกันแล้ว แทงมาก เหนื่อยมาก เบี้ยหัวกระโหลกก็ได้เท่าเดิมอยู่ดี ทุกคนก็เลยทำการลงโทษไปพอเป็พิธีเท่านั้นแหล่ะ ซึ่งที่เป็แบบนี้เพราะประชากรในโลกมันก็เพิ่มขึ้นทุกวัน เมื่อหลายพันปีก่อนคนมันยังไม่เยอะ เดี๋ยวนี้แค่คนผิดศีลข้อ 3 แค่ประเทศใหญ่ๆ อย่างจีนหรืออีกหลายๆประเทศในย่านที่ยมโลกฝั่งเอเซียต้องรับผิดชอบ ซึ่งประชากรที่ต้องมาลงนรกขุมนี้ก็แน่นจนไม่รู้จะแน่นยังไงแล้ว แต่พื้นที่ของนรกภูมิฝั่งเอเซียนี่ก็มีที่เท่าๆเดิมแบบสมัยก่อนนี่แหล่ะ เพราะจะขยายขึ้นไปบนพื้นพิภพโลกก็ไม่ได้
ส่วนบริเวณใต้ต้นงิ้วนั้นก็ผู้คนก็แน่นกันมากจนพอปล่อยมือตกลงมา ถ้าเป็สมัยก่อนก็คือตกมากระแทกพื้นแหลกเหลว แต่เดี๋ยวนี้พอปล่อยมือตกลงมา ก็มีคนมารับๆไว้เพียบเลย ซึ่งพวกอสูรผู้คุมก็ไม่ได้ว่าอะไร กลับรีบเร่งให้ไปต่อคิวทำรอบใหม่เสียด้วยซ้ำ บางทีก็ยังมีบอกให้ปีนๆไป แค่ 2 – 3 เมตร ก็ปล่อยตัวลงมาได้แล้ว เพราะเหล่า “คนบาป“ ยังรอคิวให้ปีนอีกเยอะเลยทีเดียว ดังนั้นต้องเร่งทำรอบหน่อย เดี๋ยวเป้าการลงโทษไม่ได้ตามที่ควรจะเป็ เสีย KPI แล้วโบนัสจะไม่ได้อีก ดังนั้นต้องรีบทำรอบให้เยอะๆ เพื่อให้ได้คนบาปไปเข้ารอบการลงโทษให้มากๆ ตามมาตรฐาน จะมารอให้ปีนไปสูงๆ แบบสมัยก่อนที่คนมาลงนรกกันน้อยๆ หรอก คงไม่ทันกินหรอก เวลานับมาตรฐานการทำงานเขานับว่า งานคือ “คนบาป“ขึ้นไปบนต้นงิ้วเท่าไหร่ ไม่ได้วัดว่าใครจะตกมาท่าสวยยังไง เ็ปทรมานแค่ไหนซักหน่อย ไอ้เื่พวกนั้นไม่มีใครมานั่งวัดเอาเป็ผลงานเพราะมันประเมินค่าเป็ตัวเลขไม่ได้ แล้วที่สำคัญจะว่าไปแล้ว ก็ไม่รู้ว่านรกจะลงโทษไปทำไมก็ไม่รู้ เพราะว่าในตอนที่ “คนบาป“ กำลังจะไปเกิดใหม่ ทางยมโลกนั้นก็มีการให้กิน “น้ำลืมอดีตชาติ“ เข้าไปก่อนจะให้ไปเกิด สุดท้ายแล้วเกือบทุกคนนั้นก็ลืมทุกอย่างที่เคยเกิดขึ้นในนรกกันเกือบหมด จะมีแค่คนที่พอจะ “ระลึกชาติ“ได้บ้างก็ไม่กี่คน ที่พอจะจำได้ในว่าเคยตกนรกขุมไหนมาแล้วบ้าง ซึ่งจริงๆแล้วถ้าไม่ต้องกินน้ำนี่ก็น่าจะดี เผื่อพวกคนทำชั่วในโลกทั้งหลายจะได้นึกขึ้นได้ว่าเคยตกนรกมาก่อน จะได้ไม่ทำชั่วอีก ซึ่งเื่นี้ชายหนุ่มก็ยังคิดสงสัยเหมือนกัน แต่เขาก็ทำแบบนี้ตามๆกันมาเป็พันๆปีแล้วนี่นะ ก็ไม่รู้จะทำยังไง ตัวเองก็ตกลงมาในนรกไปแล้ว เขาให้ทำอะไรก็ทำแหล่ะ อย่าไปฝืน ทำให้มันจบๆ จะได้รอไปเกิดใหม่อีกที
ชายหนุ่มเดินไปที่ต้นงิ้วที่สภาพแสนจะสมบุกสมบัน ก่อนจะก้าวขาไปที่หนามแท่งแรก แต่เขาก็เห็นว่าตัวของหนามนั้นก็แสนจะห่อเหี่ยวหมดสภาพเต็มที่แล้ว ก็อย่างว่าแหล่ะ ไม่รู้ว่าวันนี้กว่าจะมาถึงรอบที่เขาได้เหยียบนี่ ก็โดนเหยียบไปกี่เท้าแล้วก็ไม่รู้ โดยที่ชายหนุ่มพอก้าวไปเหยียบหนามต้นงิ้วได้หน่อยหนึ่ง หนามก็หักตามคาด ชายหนุ่มก็เลยลงมาที่พื้นแล้ว บอกให้พวกผู้คุมทราบ แต่ผู้คุมก็โบกให้เขาไปต่อคิวรอบใหม่ได้แล้ว
ซึ่งเขาก็ผายมือบอกกับผู้คุมประมาณว่า “เขายังไม่ทันปีนเลย” ถึงแม้ว่าเขานั้นจะเรียกได้ว่าเป็ “คนบาป“ ก็จริง แต่ก็มีสปิริตนะครับ...แต่ผู้คุมก็กลับโบกไม้โบกมือแบบไล่ๆเขาไปจากในจุดนั้นเหยงๆ ประมาณว่าให้ไปต่อคิวรอปีนรอบใหม่ไปเลย เพราะทางนั้นก็ได้จดนับรอบให้เรียบร้อยแล้ว ี้เีลบแล้วเขียนให้ใหม่ว่าอย่างนั้นเถอะ ชายหนุ่มเมื่อเห็นท่าทางของผู้คุมเป็แบบนั้นแล้ว ก็เลยต้องจำต้องยอมรับสภาพไปแบบตกกะไดพลอยโจน แล้วเขาก็เตรียมที่จะเดินกลับไปต่อคิวใหม่ ทันได้นั้นก็ได้ยินเสียงที่เหมือนมีอะไรที่กำลังจะตกลงมา พอเงยหน้าขึ้นไป ก็เห็นร่างๆหนึ่งกำลังหล่นลงมาที่เขา และด้วยความใก็เลยเผลอยื่นมือออกไปรับ แล้วร่างๆหนึ่งก็ตกลงมาในอ้อมกอดของเขาอย่างรุนแรง จนร่ำๆจะหกล้มหน้าคะมำไปทั้งคู่ ซึ่งก็ไม่ใช่ใครอื่นเลย ที่แท้แล้วก็เป็สาวเ้าคนที่เพิ่งมีเื่โวยวายกับตัวเขาไปก่อนหน้านี้นั่นเอง ซึ่งตอนแรกคนทั้งสามคนนั้นต่างก็เดินแยกจากกันไปหมดแล้ว เพื่อที่จะไปรับโทษของแต่ละคนกันเอง แต่สุดท้ายแล้วก็ยังได้กลับมาเจอกันใหม่อยู่ดี ชายหนุ่มอุ้มหญิงสาวไปอย่างคนที่ทำอะไรไม่ถูก พลางมองสบตากับคนที่อยู่ในอ้อมแขนของเขาแบบงงๆ จนนิ่งงันกันไปทั้งคู่อยู่พักหนึ่ง และในที่สุดก็มีเสียงของหญิงสาวพูดทำลายความเงียบ เสียงดุดันขึ้นมาว่า...
“อย่าได้ใจไปนะยะ...แล้วนี่นายจะอุ้มฉันไปถึงไหน...วาง...วางฉันได้แล้ว !!! พวกผู้ชายนี่พอใจดีเข้าหน่อย...ก็ถือโอกาศถึงเนื้อถึงตัวเลย นี่ฉันไม่ได้ตั้งใจจะหล่นลงมาให้นายช่วยนะยะ...นายคนบื้อ...เอ้าจะยืนอึ้งอยู่อีกทำไม...วางฉันลงได้ซักทีได้แล้ว...!!!”
ว่าแล้วหญิงสาวก็สะบัดมือปัดใส่หน้าของชายหนุ่มไปเบาๆ ดังเพี๊ยะ!!! พอเป็การตักเตือน เหมือนกับบอกว่าอย่ามาทำตัวรุ่มร่ามกับฉันนะ แต่จริงๆแล้วก็ไม่ได้ทำรุนแรงอะไร ก่อนที่จะเดินจากไปช้าๆ แต่ก็ไปได้ไม่กี่ก้าว ก่อนจะหันหน้ากลับมาบอกชายหนุ่มอีกครั้งว่า
“อ้าว...ยืนบื้ออยู่ได้...รีบเดินตามมาเร็วๆ ซิ เดี๋ยวกว่าจะครบรอบในวันนี้ ก็ช้าพอดีหรอก โอ้เอ้จริงนะนายเนี่ย...เป็ผู้ชายก็อย่าชักช้าซิ...รีบๆเดินตามฉันมาไปเข้าคิวใหม่ได้แล้ว !!!“
ชายหนุ่มถึงกับออกลูกมึนๆงงๆ เอ้า ตกลงจะเอายังไงกับเราเนี่ย พอจะอยู่ใกล้ๆกัน ก็ดูเหมือนจะไม่พอใจ แต่พอทำท่าไม่สนใจ ก็ทำท่ามาโวยใส่ แบบนี้จะให้เขาทำยังไงต่อดีล่ะเนี่ย ?
“ฉันว่าเขาชอบนายนะ...รีบๆตามเขาไปเถอะ...ฮิฮิฮิ...ทรงแบบนี้ถ้านายใส่ใจเอาใจเขาอีกซักหน่อย สงสัยจะจีบเขาติดได้ไม่ยากหรอกนะ แล้วรับรองนะถ้าจีบติดเมื่อไหร่ รับรองยายนี่หลงนายหัวปักหัวปำ...ฉันรับประกันได้...ผู้หญิงด้วยกันน่ะดูกันออกนะ จริงๆเขาไม่ได้รังเกียจอะไรนายหรอก...เมื่อตะกี้นี้นะ ตอนที่นายอุ้มเขาไว้น่ะ เขาหน้าแดง ตัวอ่อนระทวย หายใจติดๆขัดๆกันเลยทีเดียวล่ะ...“
เป็เสียงของหญิงสาวอีกคนหนึ่งซึ่งพูดขึ้นมาด้านหลังเขา ซึ่งก็ไม่ใช่ใครอื่น...ก็คือเพื่อนสาวของหญิงสาวร่างเล็ก คนที่เขาเคยเดินชนจนล้มคว่ำไปก่อนหน้านั้นนั่นเอง ที่เนื้อตัวนั้นมีเืไหลออกมาเล็กน้อยตามลักษณะของคนที่หล่นกระแทกพื้น แต่ก็กำลังจะหายกลับไปเป็ปกติ ซึ่งเป็ลักษณะของเหล่า “ คนบาป “ ที่ต้องวนเวียนชดใช้กรรมไปซ้ำแล้วซ้ำเล่านั่นเอง
“เอ่อ...คุณ...”
ชายหนุ่มอ้ำอึ้งเหมือนกับไม่รู้ว่าจะพูดว่าอะไรต่อดี และตัวเองควรที่จะต้องทำตัวต่อไปอย่างไร
“ฉันชื่อ “ แววดาว“ แล้วยายนั่นน่ะ ชื่อ“แสงเดือน“จริงๆก็เพิ่งมารู้จักกันที่นี่เหมือนกันแหล่ะ ยาย“แสงเดือน“ปีนต้นงิ้วแล้วหล่นมาทับฉันพอดี ก็เลยสนิทกันมาั้แ่ตอนนั้น จะว่าไปแล้วเขาก็เกือบหล่นมาทับนายเหมือนกันนะ เพียงแต่นายรับเขาเอาไว้ได้ ก็แปลกดีเหมือนกันนะ พวกเราอาจจะมีชะตาที่ต้องกันก็ได้...ยังไงเสียในนรกที่มืดหม่นแบบนี้ มีเพื่อนร่วมชะตากรรมเอาไว้เดินคุยกันบ้างก็ไม่เลวหรอก ยังไงตอนที่เป็่พักเบรคจากการรับโทษ ถ้านายไม่มีคิวกลับไปหาญาติที่โลกในวันปล่อยผีแล้ว พวกเราน่าจะแวะไปนั่งกินกาแฟด้วยกันที่ “Hell “S Café“ นะ...”
“กาแฟที่นั่นก็อร่อยใช้ได้เลยนะ แต่ “เบี้ยหัวกระโหลก“นี่ต้องต่างคนต่างจ่ายนะ ถ้าญาติๆนายไม่ทำบุญมาให้เอานายเอาผลบุญไปแลก “เบี้ยหัวกระโหลก“ มาแลกกาแฟกิน ฉันก็คงช่วยอะไรนายไม่ได้เหมือนกันนะ“
หญิงสาวพูดแบบติดตลก แต่ก็ทำให้ชายหนุ่มอดยิ้มและหัวเราะตามไม่ได้ ก่อนที่ชายหนุ่มจะพูดว่า
“ยินดีที่ได้รู้จักนะครับ ส่วนของผมชื่อ “สายชล“ ครับ...อืมส์ ไม่ต้องเป็ห่วงหรอกครับ ญาติๆของผมก็ใจบุญ ทำบุญ ทำทาน และกรวดน้ำมาให้กับทางผมตลอด ดังนั้นผมก็เลยพอมีผลบุญมากเพียงพอที่จะไปแลก “เบี้ยหัวกระโหลก“กินใช้ในนรกได้เพียงพออยู่ครับ ขอโทษนะครับ ที่แนะนำตัวกันช้า ผมก็ไม่แน่ใจว่าทางพวกคุณอยากจะคุยกับผมหรือเปล่า“
รอยยิ้มที่อ่อนหวานปรากฏขึ้นมาบนใบหน้าของหญิงสาวอีกครั้ง ก่อนที่ทั้งสองคนจะชักชวนกันเดินตามไปหญิงสาวร่างเล็กไปเพื่อไปเข้าคิวสำหรับทำการทำรอบการลงฑัณฑ์ประจำวันของแต่ละคนให้ครบ จะได้ๆ พักตามกฏของนรกภูมิกันต่อไป แต่ในขณะที่ทั้งสามคนกำลังจะเดินไปต่อคิวเพื่อเตรียมไปขึ้นต้นงิ้วใหม่อีกรอบนั้น ก็มีเหล่ายมฑูตเดินเข้ามาหาพวกเขา ก่อนจะสอบถาม “รหัสประจำตัวคนบาป“ กับทั้งสามคน แล้วเมื่อยืนยันรหัสประจำตัวกันถูกต้องเรียบร้อยแล้ว เหล่ายมฑูตจึงกล่าวกับพวกเขาทั้งสามคนว่า
“เอาล่ะ... พวกข้าขอยินดีกับพวกเ้าด้วย พวกเ้าได้ชดใช้กรรมหนักในนรกขุมนี้ไปจนหมดแล้ว จากนี้ไปก็จะเหลือเพียงกรรมย่อยๆอีกนิดๆหน่อยๆ ขอให้พวกเ้าตามพวกข้าไปที่ห้องโถงใหญ่ เพื่อเตรียมตัวสำหรับการไปรับเศษกรรมที่เหลือเล็กๆน้อยๆ แล้วก็คงจะได้เตรียมตัวสำหรับการไปเกิดใหม่ยังโลกมนุษย์ต่อไป
“อย่างไรก็ตามวันนี้จะมีผู้หลักผู้ใหญ่มาจากพิภพยมโลกฝั่งทวีปอื่นมาเยี่ยมเยียนเพื่อแลกเปลี่ยนเทคโนโลยีของทางยมโลกกันต่อไป ซึ่งท่านพญายมฯฯ ได้บอกให้พวกที่ใกล้พ้นโทษวันนี้ไปรอทำการต้อนรับ “ท่านผู้นั้น“ ให้สมเกียรติของท่านอาคันตุกะผู้มาเยือนด้วย...”
ยมฑูตร่างใหญ่ที่ดูแล้วน่าจะเป็หัวหน้าของเหล่ายมฑูตที่มาด้วยกันหลายตน ได้กล่าวกับชายหนุ่มและหญิงสาวทั้งสองคน และหลังจากนั้นเสียงตามสายก็ดังขึ้นไปทั่วนรกขุมที่ 3
“ติ๊งติ่งติงต่อง ต่องตองติ๊งติ๊ง , Attention Please , Attention Please เรียนท่าน “สัตว์นรก“ และ “เหล่าคนบาป“ ทุกๆท่าน ที่มีอุปการะคุณใช้ “เบี้ยหัวกระโหลก”ในนรกภูมิสาขาเอเซียนี้มาอย่างยาวนาน สำหรับท่านที่หมดรอบการชดใช้กรรมของท่านประจำวันนี้แล้ว ขอให้ทุกๆท่านไปรวมตัวกันที่ ศาลากลางของนรกขุมที่ 3 นะคะ ส่วนท่านยมฑูต และผู้คุมการลงฑัณท์ทุกท่านๆ ถ้าท่านได้เสร็จภารกิจประจำวันแล้ว ขอให้ไปรายงานตัวที่ศาลา 2 สำหรับเ้าหน้าที่ของยมโลกเพื่อเตรียมตัวสำหรับการต้อนรับคณะผู้มาเยี่ยมชมพิภพยมโลกเขตเอเซียของเราด้วยค่ะ...ทางฝ่ายประชาสัมพันธ์ของพิภพยมโลกสาขาเอเซีย ขอขอบพระคุณในความร่วมมือของทุกท่านทุกฝ่ายมา ณ ที่นี้ด้วยค่ะ“
จากนั้นยมฑูตสาวผู้เป็ประชาสัมพันธ์ประจำยมโลกสาขาเอเซีย ก็ได้ทำการพูดประโยคชุดนี้ในหลายๆภาษาของประเทศใหญ่ๆในโซนเอเซียทั้งหมด ที่นับถือศาสนาที่มีคติความเชื่อเกี่ยวกับการมีอยู่ของ “นรก“ และตบท้ายด้วยภาษาอังกฤษ ที่เป็ภาษาสากลของโลกเบื้องบนได้อย่างฉะฉานเลยทีเดียว จนชายหนุ่มอดนึกชื่นชมในใจไม่ได้เลยทีเดียว เก่งขนาดนี้ดูทรงแล้ว ตอนมีชีวิตอยู่เธอนี่คงจบการศึกษาระดับสูงทางด้านเกี่ยวกับอักษรศาสตร์ของมหาวิทยาลัยชั้นนำมาแน่ๆเลย
ทั้งสามคนก็ได้เดินไปที่ส่วนที่เป็ศาลาว่ากลาง ซึ่งในขณะนี้ มีการจัดเตรียมงานต้อนรับกันอย่างวุ่นวาย เหล่าผู้คุมทั้งหลายต่างวิ่งวุ่นกันเตรียมจัดสถานที่อย่างยิ่งใหญ่ตระการตาแบบที่พวกเขาไม่เคยได้เห็นเลยทีเดียว โดยพอไปถึงแล้ว พวกเขาทั้งสามก็ถูกนำตัวไปนั่งแถวหน้าสุด ก่อนที่จะมีเ้าหน้าที่ๆเป็ยมฑูตของทางนรกภูมิสาขาเอเซีย เขามาพูดคุยทำความเข้าใจกับพวกเขาว่า
“ตามรายชื่อแล้วพวกเ้านั้นได้ชดใช้กรรมกันจนพ้นกรรมใหญ่แล้ว เหลือแค่เศษกรรมนิดๆหน่อยๆ อีกนิดเดียวเท่านั้น ไปใช้กรรมอีกนิดๆหน่อยๆที่ไม่กี่ขุมนรก ก็จะได้ไปเกิดใหม่แล้ว วันนี้เลยจะขอพาพวกเ้าเอาไปต้อนรับแขกคนสำคัญ เผื่อให้ทางนรกภูมิสาขาเอเซียของเราได้ทำการสาธิตการใช้งานระบบการแยกเหล่าบรรดา “ คนบาป “ ไปอยู่ยังนรกขุมต่างๆรวมทั้งการส่งไปเกิดใหม่ ที่ทางเราเพิ่งพัฒนาขึ้นมาอย่างภาคภูมิใจ ให้อาคันตุกะผู้ยิ่งใหญ่ของเราเ่าั้ได้ชมกัน เื่นี้ถือว่าเป็เกียรติของพวกเ้าเลยนะเนี่ย ยังไงพวกเ้าก็สงบปากสงบคำแล้วทำตัวให้เรียบร้อยเอาไว้ก็แล้วกันที่เหลือก็ให้ผู้หลักผู้ใหญ่เขาคุยกันก็พอ“
เื่นี้ทำเอาพวกเขาได้แต่หันมามองหน้ากัน ทำนองว่า คนพวกนั้นจะเป็พวกไหนกันแน่นะ ทำไมถึงต้องมีการเตรียมการต้อนรับกันอย่างยิ่งใหญ่กันถึงเพียงนี้...อย่างไรก็ตามพวกเขาต่างก็รู้สึกเศร้าอยู่นิดๆเพราะต่างคนต่างก็เริ่มรู้สึกผูกพันกันบ้างแล้ว ถึงแม้ว่าจะเป็การเจอกันแค่ในเวลาไม่นานก็ตามแต่ก็อดนึกเสียใจไม่ได้
โดยเฉพาะทั้งสองสาวที่ดูจะรู้จักกันมานานพอสมควร สังเกตได้เลยว่าทั้งสองคนดูเหงาหงอยและดูเงียบขรึมไปเยอะเลยทีเดียว ทั้งๆที่ปกติแล้วสองคนนี้มักจะชักชวนกันคุยนู่นคุยนี่กันอยู่ตลอดเวลา และแน่นอนว่าสำหรับทั้งสองสาวนี้แล้ว ด้วยใจจริงของทั้งสองคนก็ไม่ได้อยากที่จะต้องจากชายหนุ่มไปเท่าไหร่เหมือนกัน โดยเฉพาะหญิงสาวร่างเล็กที่มักคอยบ่นนั่นบ่นนี่ใส่ชายหนุ่มนั้นถึงกับหน้าเสียกันไปอย่างเห็นได้ชัดเลยทีเดียว แต่ก็ยังปากแข็งไม่ปริปากพูดคำใดๆออกมาให้ชายหนุ่มนั้นใด้รู้ว่าตัวเองนั้นก็ “ใจหาย“ เหมือนกันที่ เมื่อตัวเองใกล้ถึงเวลาที่จะต้องจากชายหนุ่มคนนี้ไปตามหนทางแห่ง “กรรม“ ของแต่ละคน
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้