ในวันถัดมา เหยาเชียนเชียนก็ไปยังจวนตระกูลเหยาเพียงลำพังด้วยคุณธรรมของตนจริงๆ
“นางไปเองโดยไม่แม้แต่จะถามเลยหรือ?” เป่ยเหลียนโม่โกรธจนอยากจะหัวเราะ สตรีผู้นี้นับวันก็ยิ่งใจกล้า หรือว่านางไม่อยากให้เขากลับไปเยี่ยมครอบครัวด้วยกันั้แ่แรกกันแน่
“หวังเฟยให้คนเตรียมรถม้าแล้วก็เสด็จออกไปเลยเพคะ หม่อมฉันก็คาดไม่ถึง...บางทีหวังเฟยอาจจะไม่กล้ารบกวนท่านอ๋องก็ได้เพคะ”
ไม่กล้ารบกวนหรือ เป่ยเหลียนโม่ยิ้มเย็น เกรงว่านางจะรังเกียจเขานี่สิ คงไม่อยากให้เขากลับบ้านแม่ด้วยกันกระมัง ถึงอย่างไรการแต่งงานนี้เขาก็เป็ฝ่ายสู่ขอ ถือเป็การบังคับแต่งงาน เกรงว่ายามนี้นางคงยังคะนึงหาท่านพี่สามผู้นั้นของเขาอยู่
“คุณหนู ข้าจะทำอย่างไรกับท่านดีเ้าคะ” ภายในรถม้า แม่นมกำลังบ่นอย่างเป็กังวล “ข้าบอกให้ท่านลองขอร้องท่านอ๋องดูไม่ใช่หรือเ้าคะ?”
ขอร้องอะไรเล่า เหยาเชียนเชียนแกล้งทำเป็หลับตา เมื่อคืนวานชิงผิงอ๋องไม่เสด็จกลับมา ส่วนนางออกเดินทางั้แ่เช้าตรู่ จะให้ไปหาเขาที่ใดหรือ?
นอกจากนี้ อย่างไรเสียเขาก็ไม่อยากเห็นนาง เช่นนั้นนางจะพาตัวเองไปให้เขาไม่พอใจเพื่อสิ่งใดกัน
“ข้ารู้น่า” เหยาเชียนเชียนกล่าว “อีกเดี๋ยวค่อยหาเหตุผลสักข้อไปอธิบายก็ไม่มีปัญหาแล้ว”
ั์ตาของแม่นมฉายประกายบางอย่าง ทว่าสุดท้ายก็ไม่ได้พูดสิ่งใดอีก ล้อรถเคลื่อนที่ไปเรื่อยจนถึงหน้าประตูจวนตระกูลเหยา เหยาเชียนเชียนดีใจไม่น้อยเมื่อยกม่านขึ้น หน้าประตูจวนมีคนยืนอยู่สองแถว คนที่อยู่หน้าสุดคงจะเป็บิดามารดาของเ้าของร่างเดิมกระมัง
จวนตระกูลเหยาค่อนข้างโอ่อ่า นางเดินเข้าไปพร้อมกับใบหน้ายิ้มแย้ม ทว่าสายตาของทุกคนล้วนจับจ้องไปที่ข้างหลังนาง เหยาเชียนเชียนยิ้มอยู่ครู่หนึ่งถึงรู้สึกไม่ชอบมาพากล
ดูเหมือนว่าคนที่พวกเขารออยู่จะไม่ใช่นาง
“อุ๊ย! เหตุใดน้องหญิงถึงกลับมาคนเดียวเล่า หรือท่านอ๋องไม่มีเวลาแม้แต่จะกลับมาเยี่ยมครอบครัวกับเ้าเลยหรือ?”
สตรีในอาภรณ์สีสดสวยก้าวมาข้างหน้า ดูแล้วอายุไม่เกินสิบหกถึงสิบเจ็ดปี อีกฝ่ายพินิจมองอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็หัวเราะป้องปากมาทางเหยาเชียนเชียน
“หรือว่าข่าวลือในเมืองจะเป็เพียงข่าวลือจริงๆ แท้จริงแล้วท่านอ๋องก็ไม่ได้โปรดปรานในตัวน้องหญิงมากขนาดนั้น”
“อวี้เอ๋อร์” เหยาซื่อเฟิงขมวดคิ้วพลางห้ามปราม “ให้น้องเข้ามาในเรือนก่อน”
เหยาเชียนเชียนมองสำรวจไปรอบๆ อย่างไม่ให้เป็ที่สังเกต ทุกคนล้วนมีสีหน้าแปลกๆ คนที่พูดเมื่อครู่คือเหยาอวี้เอ๋อร์พี่หญิงรองของนาง ส่วนคนที่ยืนอยู่ข้างหน้าพร้อมกับกลอกตาใส่นางน่าจะเป็มารดาของเหยาอวี้เอ๋อร์ที่เป็คนจากตระกูลจ้าว
ระหว่างที่เดินทางมาก็ได้ฟังแม่นมพร่ำพรรณนาถึงคนในตระกูล นางบอกว่าคุณหนูรองและฮูหยินใหญ่ต่างก็รอคอยท่านอ๋องอย่างสุดจิตสุดใจ ยามนี้ไม่เห็นเขาก็คงจะไม่พอใจเป็แน่
เดิมทีเหยาเชียนเชียนเพียงรู้สึกว่าการพบกันครั้งนี้เป็การให้แม่ยายได้พบกับลูกเขย นางจึงค่อนข้างเป็กังวล แต่ยามนี้เมื่อเห็นท่าทางของเหยาอวี้เอ๋อร์แล้วจะยังมีสิ่งใดที่ไม่เข้าใจอีก ที่แท้ตำแหน่งหวังเฟยของนางก็เป็เพียงแค่สินค้าที่มีแต่คนรอแย่งชิงเท่านั้น
“เชียนเชียนตามข้ามาที่ห้องหนังสือ”
เหยาซื่อเฟิงกล่าวทิ้งไว้เพียงประโยคเดียวหลังจากเข้ามาในจวนแล้ว แม้ว่าจะไม่ยินยอม แต่เหยาอวี้เอ๋อร์ก็บิดเอวเดินไปคล้องแขนมารดา ทำให้เหยาเชียนเชียนอดไม่ได้ที่จะคาดหวังเล็กน้อยว่าอีกครู่จะได้พบมารดาของนางหรือไม่
“คุกเข่าลง!” ทันทีที่ก้าวเข้ามาในห้องหนังสือ เหยาซื่อเฟิงก็ะโใส่นาง พร้อมกับคว้าไม้หวายบนโต๊ะหนังสือขึ้นมา “เ้ารู้หรือไม่ว่าเ้าสร้างปัญหาใดเอาไว้!”
นอกจากทำความสะอาดหลุมศพใน่เทศกาลเช็งเม้งแล้ว เหยาเชียนเชียนก็ไม่เคยคุกเข่าอีกเลย ต่อให้คนผู้นี้จะเป็บิดาของเ้าของร่างเดิม แต่ก็ไม่นับว่ามีสัมพันธ์ใดๆ กับนางเลย เจอกันครั้งแรกก็สั่งให้คุกเข่าเสียแล้ว ดูจะเกรงใจเกินไปหรือไม่?
เมื่อเห็นว่านางยังคงนิ่งอยู่ เหยาซื่อเฟิงจึงฟาดไม้ลงมาครั้งหนึ่ง “เ้าอยากให้ทั้งตระกูลเหยาถูกฝังไปพร้อมกับเ้าหรืออย่างไร เ้าทำเช่นนี้เพราะตั้งใจจะแก้แค้นข้าใช่หรือไม่?”
เหยาเชียนเชียนถูกเขาตีโดยไม่ทันตั้งตัวอีกครั้ง นางเจ็บเสียจนน้ำตาไหลออกมา เื่ที่เ้าของร่างเดิม้าฆ่าอาเหยียนนางก็ไม่รู้มาก่อน แม้อยากจะขัดขวางแต่ก็ไม่มีหนทางเลย เหตุใดคนที่ถูกตีถึงต้องเป็นางเล่า
“อ๊ะ!” เหยาเชียนเชียนหลบไปทางซ้ายโดยไม่รู้ตัว นางรีบร้อนพูดขึ้นว่า “ต่อไปข้าไม่กล้าแล้วเ้าค่ะ ต่อไปข้าจะดูแลอาเหยียนให้ดี โอ๊ย!”
“ดูแลให้ดีหรือ? เ้าอยากให้ข้าโกรธตายหรืออย่างไร?”
เหยาซื่อเฟิงถลึงตามองด้วยความโกรธ เขาโบกไม้หวายไปมาและฟาดลงมาโดยไม่มองแม้แต่น้อย “ข้าให้เ้าฆ่าเด็กคนนั้นทิ้งเสีย แต่เ้ากลับยังกล้าพูดกับข้าว่าจะดูแลให้ดี หากเื่ไปถึงองค์ชายสามเข้า เ้าจะให้ข้าอธิบายกับพระองค์ว่าอย่างไร!”
เหยาเชียนเชียนกุมไม้หวายไว้อย่างตื่นตระหนก แววตาไม่ได้ปรากฏแววรู้สึกผิดเช่นเมื่อครู่แล้ว สองคิ้วขมวดเข้าหากันเป็ปมพลางเอ่ยถามทีละคำ “ท่านว่าอย่างไรนะ องค์ชายสาม้าให้ข้าฆ่าอาเหยียนหรือ?”
เหยาซื่อเฟิงคาดไม่ถึงว่านางจะต่อต้าน เขาชะงักเล็กน้อยก่อนจะดึงไม้หวายกลับมาเต็มแรงและยกขึ้นสูง “ข้าให้เ้ายอมรับผิด เ้าทำเช่นนี้เพราะไม่พอใจหรือ?”
คิดไม่ถึงเลยว่าเื่จะเป็เช่นนี้จริงๆ เ้าของร่างเดิมนี่นะ เ้าจะทำแบบนี้ไปเพื่อสิ่งใดกัน รนหาที่ตายเองแต่กลับเป็ข้าที่ต้องมาลำบากแทน เหยาเชียนเชียนทุกข์ระทมในใจ สายตาพลันเห็นว่าไม้หวายจะฟาดลงมาอีกครั้ง นางจึงหลบไปด้านข้างตามสัญชาตญาณ
พื้นที่ในห้องหนังสือไม่กว้างนัก สองคนผลัดกันตามผลัดกันหลบก็ยิ่งหนีกันไปไม่พ้น เหยาเชียนเชียนทนไม่ไหวอีกต่อไป เดิมทีก็ไม่ใช่ความผิดของนางอยู่แล้ว และพวกเขายังไร้ยางอายถึงขั้นที่ปรึกษากันว่าจะทำร้ายเด็ก พวกเขาสติฟั่นเฟือนไปแล้วจริงๆ
“หยุดนะ” เหยาเชียนเชียนคว้าไม้หวายก้านนั้นมาไว้เอง
“เื่ของอาเหยียนจบลงเท่านี้ ต่อไปข้าจะไม่ให้ผู้ใดทำร้ายเขาได้ ส่วนสิ่งที่พูดในวันนี้ เห็นแก่ที่ท่านเป็พ่อของข้า ข้าจะทำเป็ไม่ได้ยิน แต่หากยังมีครั้งต่อไปอีก ก็อย่าโทษว่าข้าไม่สำนึกถึงสายสัมพันธ์พ่อลูกแล้วกัน”
เหยาซื่อเฟิงมองนางเหยียบย่ำไม้หวายต่อหน้าต่อตา เหยาเชียนเชียนยืนเหยียดหลังตรง ความเ็าและความเกลียดชังในดวงตานั้นไม่ใช่บุตรสาวที่เขาคุ้นเคยคนนั้นแล้ว
“เ้าบ้าไปแล้วหรือ เ้ารู้หรือไม่ว่าตัวเองกำลังพูดอะไรอยู่!”
ชิงผิงอ๋องใช้เวลาเพียงไม่กี่วันก็สามารถทำให้ลูกสาวคนนี้ยอมจำนนได้แล้วหรือ ไม่ได้เื่ ความสัมพันธ์ชายหญิงเช่นนี้จะเป็ประโยชน์ได้อย่างไร!
“เ้าไม่กลัวว่าองค์ชายสามรู้เข้าแล้วจะต่อว่าเ้าหรือ?”
เหยาเชียนเชียนขมวดคิ้วอย่างขยะแขยง นางไม่รู้จักเขาด้วยซ้ำ นอกจากนี้หากคาดโทษนางเพราะเื่เช่นนี้ องค์ชายสามผู้นั้นก็ไร้ยางอายเกินไปแล้ว
“อาเหยียนเป็เพียงแค่เด็กน้อยคนหนึ่งเท่านั้น มีความเกลียดชังต่อเด็กคนหนึ่ง ได้ยินท่านกล่าวเช่นนี้ ถ้าอย่างนั้นก็เกรงว่าองค์ชายสามผู้นั้นก็คงมิใช่สุภาพบุรุษผู้มีคุณธรรม”
“บังอาจ!”
เหยาซื่อเฟิงตวาดจนคอแทบแตก เขาโกรธเสียจนตัวสั่นไปทั้งร่าง พลันหมุนตัวไปหยิบเครื่องลายครามและขว้างออกไป ทว่าพอเห็นเหยาเขียนเชียนหลบได้อย่างง่ายดายก็ยิ่งทวีความโกรธมากยิ่งขึ้น
“องค์ชายสามให้ความสำคัญกับเ้าถึงเพียงนี้ แต่เ้ากลับทิ้งเขาไว้ข้างหลังเพราะเห็นแก่ความมั่งคั่งตรงหน้า เ้าไม่คิดบ้างหรือว่าทุกคนในจวนตระกูลเหยาจะอยู่อย่างไร หากองค์ชายสามลงโทษ เ้าสามารถปกป้องร้อยกว่าชีวิตที่อาศัยอยู่ในจวนแห่งนี้ได้หรือ?”
เหยาเชียนเชียนถอนหายใจเบาๆ ข้อผิดพลาดมันเยอะเกินไปจนนางไม่รู้ว่าควรจะเริ่มพูดจากจุดใดก่อนดี
หรือการที่เ้าของร่างเดิมลอบฆ่าเด็กคนหนึ่งก็ทำไปเพียงเพื่อให้ตนมีค่ากับองค์ชายสามผู้นั้นหรือ?
ยิ่งไปกว่านั้น เ้าของร่างเดิมและเหยาซื่อเฟิงไม่ได้ยืนอยู่ฝั่งที่ถูกต้อง ฟังดูแล้วองค์ชายสามผู้นั้นก็ไม่ใช่เ้านายที่มีคุณธรรมเป็ทุนเดิมอยู่แล้ว เช่นนั้นเหตุใดจึงต้องทุ่มเทให้เขา ทางที่ถูกต้องคือควรสนับสนุนเ้านายที่มีคุณธรรมั้แ่ต้น เช่นนี้ก็สามารถปกป้องทุกคนในจวนตระกูลเหยาแห่งนี้ไว้ได้แล้ว
“เมื่อเดินคนละเส้นทางกัน ก็ไม่อาจอยู่ร่วมกันได้ ในเมื่อองค์ชายสามไม่้าตระกูลเหยาของพวกเราแล้ว เช่นนั้นก็ดีเลย ท่านพ่อรีบเปลี่ยนนายจะดีกว่า เพียงแต่ครั้งนี้ต้องทำตาให้สว่าง เพื่อที่จะได้ไม่ซ้ำรอยกับครั้งที่แล้วอีก ดูสิว่าท่านจะเลือกอะไร”
เหยาเชียนเชียนร่ายยาวเื่ของเขาอย่างรังเกียจ ดีที่ยามนี้นางเป็ชายาของชิงผิงอ๋องแล้ว แม้แต่สาวใช้ในจวนล้วนรู้ว่าองค์ชายสามและชิงผิงอ๋องไม่ลงรอยกัน แม้กระทั่งที่ชิงผิงอ๋องเกือบจะคร่าชีวิตของนางก็เพียงเพราะมีองค์ชายสามเป็ต้นเหตุ
เื่มาถึงขั้นนี้แล้ว ยังไม่รีบกลับตัวกลับใจอีก หรือว่าเขา้าให้นางตายอยู่ในจวนชิงผิงอ๋องหรืออย่างไร?