กริ๊งงงงง ~
“อื้อ…ตีห้าครึ่งแล้วหรอเนี่ย หาววว ~” สาวน้อยร่างเล็กปรือตาขึ้นอ้อยอิ่งก่อนจะเอื้อมมือเรียวๆ ของตนขึ้นไปที่หัวเตียงเพื่อกดปิดนาฬิกาปลุกแสนหนวกหู
ร่างบางลุกขึ้นตั้งตัวนั่งช้าๆ ด้วยความสะลึมสะลือแล้วค่อยๆ หย่อนขาลงที่ข้างเตียงนอนเพื่อสอดปลายเท้าเข้ากับรองเท้าสลิปเปอร์แล้วลุกเดินออกจากห้องตรงไปที่ห้องน้ำเพื่อทำธุระส่วนตัว…
ไมอาเดินกลับออกมาจากห้องน้ำด้วยใบหน้าที่สดชื่นขึ้นในเวลาหกโมงเช้าพอดิบพอดี เธอเดินไปเปิดม่านตามจุดต่างๆ ของบ้านที่เป็ทั้งที่อยู่อาศัยและร้านกาแฟของเธอในสถานที่เดียวเพื่อรับแสงจากอาทิตย์ให้สาดส่องเข้ามา ก่อนจะคว้าฝักบัวรดน้ำใบใหญ่แล้วออกไปรดแปลงดอกไม้นานาพันธุ์ที่เธอเป็คนปลูกไว้เองที่สวนด้านหลังบ้าน พอเสร็จเรียบร้อยร่างแบบบางก็เดินกลับเข้ามาด้านในแล้วตรงไปที่เครื่องทำกาแฟสดพร้อมกับใส่เมล็ดกาแฟลงไปแล้วตั้งเวลาทิ้งไว้ก่อนจะหมุนตัวกลับมาที่เคาน์เตอร์ของครัวขนาดกลางเพื่อชั่งตวงวัตถุดิบในการอบขนมที่เป็เมนูหลักของวันนี้
กิจวัตรประจำวันของเธอก็จะมีประมาณนี้ ตื่นนอน รดน้ำดอกไม้ ทำกาแฟ ทำขนม เปิดร้านขายของ…ก็เหมือนคนธรรมดาทั่วไปล่ะนะแล้วจะนับว่าโชคดีหรือไม่ดีดีเพราะเธอกำพร้าพ่อแม่ั้แ่ยังเด็กตอนนั้นอายุแค่ประมาณห้าขวบ แต่ชีวิตก็ไม่ได้โตมากับสถานรับเลี้ยงเด็กหรอกเพราะคุณย่ารดารับเธอมาอุปถัมภ์หลังจากที่เข้าสถานรับเลี้ยงไปได้แค่สองวัน ชีวิตของเธอเลยไม่ได้ลำบากตรากตรำอะไรเพราะมีคุณย่าคอยส่งเสียค่าเล่าเรียนและให้ที่อยู่อาศัยจนจบปริญญา รวมไปถึงร้านกาแฟที่อยู่ในอาณาเขตของวังเปรมนี่ด้วย สิ่งเดียวที่ทำให้เธอแตกต่างจากคนวัยเดียวกันเห็นจะเป็การที่เธอไม่มีสังคมหรือคบเพื่อนฝูงอย่างใครเขาเพราะคิดอยากจะหาแต่เงินเพื่อไม่ให้เป็ภาระของคนอื่น ทำให้คนสนิทในชีวิตที่เป็ทุกอย่างสำหรับเธอก็มีแต่ย่ารดาเท่านั้นและด้วยอุปนิสัยส่วนตัวที่ค่อนข้างเก็บตัวและชินกับการใช้ชีวิตคนเดียวทำให้เวลามีหนุ่มๆ มาสนใจหรือเข้ามาขายขนมจีบเธอเลยไม่คิดจะยุ่งหรือมีความรู้สึกกับใครจนเริ่มคิดว่าตัวเองตายด้านไปเสียแล้ว…
อ้อ! เกือบลืมไปเลยกิจวัตรอีกอย่างของเธอก็คือเอาขนม น้ำ ไม่ก็ดอกไม้สดหอมๆ ไปส่งให้ย่ารดาในทุกๆ วันนี่แหละ
พอทุกอย่างเรียบร้อยใกล้เวลาเปิดร้านไมอาก็หยิบถุงขนมที่ทำแยกใส่ถุงไว้ต่างหากแล้วเดินออกมาจากทางประตูหลังผ่านแปลงดอกไม้เพื่อตรงไปที่วัง…ชีวิตอันแสนจะธรรมดาของเธอมันจะดูไม่ธรรมดาก็ตรงลูกค้าประจำเป็คนของพระราชวังและเหล่าบรรดาลูกท่านหลานเธอนี่แหละที่แวะเวียนมาอุดหนุนอยู่เรื่อยๆ จนเธอสามารถสร้างรายได้จากธุรกิจเล็กๆ นี้ได้
ไมอาเดินตรงไปตามทางเท้าที่เป็ถนนเลียบเข้าไปจนถึงตัวพระราชวังด้านในโดยใช้เวลาเดินประมาณห้านาทีจากร้านของเธอก็ถึงแล้วเพราะอยู่ในรั้วเดียวกัน เท้าเล็กก้าวขาขึ้นบันไดต่างระดับเพื่อตรงไปหาคุณหญิงย่าและทันทีที่เธอเดินผ่านตรงประตูบานสูงขนในกายก็จะลุกชันเสมออย่างไม่มีสาเหตุ จนบ่อยครั้งเข้าก็เริ่มชินไปเอง…
“วันนี้อารมณ์ดีหรอคะคุณย่า” ไมอาเอ่ยทักหญิงผมขาวที่กำลังนั่งถักไหมพรมอยู่บนวีลแชร์ด้วยน้ำเสียงสดใส
“ใช่แล้ว ยัยหนูเอาขนมวางก่อนสิ วันนี้มาเช้าเชียว” เสียงหญิงชราเอ่ยบอกโดยยังมีรอยยิ้มจางๆ ปรากฏอยู่บนใบหน้า
“พอดีวันนี้หนูอบขนมเสร็จไวน่ะค่ะ…ว่าแต่ย่ารดาอารมณ์ดีเพราะอะไรคะเนี่ย?” เธอถามเสียงหวานพร้อมกับย่อตัวลงนั่งพับเพียบที่ข้างวีลแชร์ของผู้อุปถัมภ์
โชคดีอีกอย่างของเธอคือไม่ต้องใช้คำทางการหรือพวกคำาาศัพท์ต่างๆ เวลาพูดคุยกับคุณย่า…ไม่งั้นก็คงลำบากอยู่ไม่น้อย
“อาจจะเพราะหลานชายกลับมาล่ะมั้งจ๊ะ เลยไม่ต้องอยู่ในวังคนเดียวแบบเหงาๆ”
“อ๋อ ที่ย่าเคยเล่าให้ฟังบ่อยๆ ใช่ไหมคะ”
ไมอาที่พอจะนึกออกเพราะย่ารดาชอบพูดถึงหลานชายของตนที่อยู่ต่างประเทศให้เธอฟังอยู่บ่อยๆ ถึงแม้จะไม่เคยเจอเลยก็ตามแต่ถ้าจำไม่ผิดน่าจะโตกว่าเธอสองปี…เขาก็น่าจะอายุ 28 สินะ
หลังจากที่เธออยู่พูดคุยกับคุณย่าอีกสักพักก็ขอปลีกตัวออกมาก่อนเพราะใกล้ถึงเวลาเปิดร้านและไหนจะมีนัดรับขนมที่ถูกออเดอร์ไว้เมื่อวานด้วยใน่เช้า ร่างเล็กก้าวเดินในจังหวะที่ไม่เร็วมากเพื่อกลับไปยังร้านกาแฟของตนโดยมีรถโรลส์รอยซ์สีเทาเงินฟิล์มทึบขับเคลื่อนสวนทางผ่านไป เธอมองเพียงแวบเดียวก็หันใบหน้ากลับเพราะกลัวจะเป็คนใหญ่คนโตเลยเกรงว่าจะดูไม่สำรวม ร่างแบบบางเดินต่อจนถึงหลังร้านของตนแล้วเปิดประตูหายเข้าไปด้านใน…
อีกฟากหนึ่งในรถหรู
“นั่นใครน่ะ มาเดินอยู่แถวนี้ คนของวังหรอ?” คามินเอ่ยถามนนท์ทันทีที่สายตาของเขามองออกไปด้านนอกตัวรถแล้วเห็นผู้หญิงตัวเล็กคนหนึ่งกำลังเดินตามทางเท้าสวนทางกับรถของเขาที่ขับเข้าด้านใน