เสียงจากกิ่งไม้ยาวเอ่ยตอบ “บทอิสระจรในคัมภีร์ของจวงจื่อมีบันทึกไว้ว่า ต้าชุนเป็ต้นไม้า แปดพันปีผลิบาน แปดพันปีดอกใบร่วงโรย ว่ากันว่าเป็ต้นไม้ที่มีอายุยืนยาวที่สุด”
ิหยวนนอนไขว่ห้างอยู่บนกิ่งไม้ใหญ่ มือหนึ่งถือผลไม้ ปากก็คบเคี้ยวไม่หยุด นอนหนุนม้วนตำราอยู่
่นี้เขาได้รับอนุญาตให้หยุดเรียนเพื่อมาสอนพิเศษให้คุณชายสาม ทั้งยังมีแมวลายสลิดจากสวนหลังวัดก่วงจี้นอนหลับตาพริ้มอยู่บนหน้าท้องของเขา “เ้าอยากชื่อว่าอู่จู [1] หรือปั้นเหลี่ยง [2] ดีล่ะ?”
“เมี๊ยว”
“ก็ได้ เ้าชื่อปั้นเหลี่ยง”
มีเพียงิเยี่ยที่นั่งอ่านสรุปบทเรียนที่ิหยวนเป็คนเขียนอยู่ใต้ต้นไม้ พออ่านแล้วก็กลอกตา “ต้นอะไรนี่มีจริงหรือ? เช่นนั้นหากเราโค่นมันแล้วเอามาทำเป็เครื่องเรือน มันก็จะไม่มีโอกาสได้เป็ต้นไม้าหลายพันปีแล้ว!”
“แค่ก ๆ” ิหยวนสำลักจนเกือบพ่นผลไม้ป่าในปากออกมา ไออยู่นานจนเ้าแมวตื่นใ กลิ้งลงจากหน้าท้องของคนที่มันนอนทับ พยายามกางกรงเล็บไขว่คว้ากลางอากาศ ก่อนจะตกลงบนหัวของิเยี่ย
“เฮ้ย!”
“คุณชายสามที่เคารพ ยามอยู่ในงานเลี้ยง ท่านอย่าได้กล่าวเช่นนี้เชียวนะขอรับ” ิหยวนเอ่ยหน้าตาตื่น “ผู้คนเปรียบต้นไม้นี้เป็ดั่งบิดาผู้ให้กำเนิด เ้าไม่เคยได้ยินคำกล่าวที่ว่า ‘ชุนเซวียนงอกงาม [3]’ หรือ? ตัดต้นไม้? เ้าคิดสิ่งใดอยู่?”
“ข้าเปล่า! ข้าไม่ได้หมายความเช่นนั้น!” ิเยี่ยใใบหน้าถอดสีเผลอกอดเ้าแมวไว้แน่น
“อ่านต่อเถิด”
ิเยี่ยก้มหน้าอ่านต่อพลางถอนหายใจ “ต้นไม้ของฮุ่ยจือคือสิ่งใดอีกเล่า เป็ต้นไม้าเหมือนกันหรือ?”
“มันคือต้นไม้ไร้ประโยชน์ ฮุ่ยจือมีต้นไม้อยู่ต้นหนึ่ง เป็ต้นไม้ที่ผู้คนกล่าวหาว่ามันไร้ประโยชน์ ลำต้นไม่สวยงาม นำมาทำสิ่งใดก็ไม่ได้ สหายผู้หนึ่งจึงแนะนำ ว่าเหตุใดไม่นำไปปลูกไว้ในผืนดินว่างเปล่า ต้นไม้ใหญ่ให้ร่มเงา ใช้เป็ที่พักผ่อนหย่อนใจ ไม้ต้นนี้ผู้ใดก็เห็นว่าไร้ประโยชน์ มันย่อมแคล้วคลาดจากภัยคมขวาน” ิหยวนอธิบายอย่างละเอียด แต่อีกฝ่ายกลับยังทำหน้างง เขาจึงถอนหายใจก่อนจะสรุปเป็ใจความสั้นๆ “สรุปก็คือ ในความไร้ประโยชน์ก็ยังมีประโยชน์ นี่เป็บทสนทนาระหว่างสองปัญญาชน ถกปัญหาวิถีแห่งเต๋า อภิปรัชญา และพุทธปรัชญาสนทนาลึกซึ้ง สอนให้อย่าตัดสินสิ่งใดจากรูปลักษณ์ภายนอก”
“เอ๊ะ เรากำลังศึกษาคำสอนวิถีแห่งเต๋ามิใช่หรือ เหตุใดต้องท่องเื่พวกนี้ด้วย?”
ิหยวนะโลงจากต้นไม้ “เหล่าผู้ดีมีอำนาจมักใช้งานประลองปัญญาแข่งขันชิงดีชิงเด่นกัน เพื่อสร้างผลงานให้เข้าตาใต้เท้าผู้ตรวจการ [4] ให้ตนมีชื่อเสียงโดดเด่น ถือเป็ใบเบิกทางสำหรับคนที่้ารับราชการ หากไม่พยายามตอนนี้ แล้วจะรอทำเมื่อใด? การประลองปัญญามิได้ทดสอบเพียงความรู้เื่กวีนิพนธ์ของขงจื๊อและเมิ่งจื่อเท่านั้น ยามนี้พุทธศาสนาเป็ที่นิยม เ้าควรจะเรียนรู้เพิ่มเติมให้มาก ต้องเตรียมตัวให้พร้อมที่สุด”
“ข้าน่าจะหนีไปบวชซะให้รู้แล้วรู้รอด” ิเยี่ยปวดหัวแทบจะะเิ “เหตุใดถึงไม่มีวิธีเอาสมองเ้าออกมาให้ข้ายืมบ้างนะ?”
“แต่ข้ากลับคิดว่าเ้าตั้งใจศึกษาบทเรียนมันง่ายกว่านะ” ิหยวนส่ายหัวเดินจากไป “ข้าจะไปดูว่ามีปลาติดเบ็ดหรือยัง”
“เมี๊ยว”
“เ้าไปไม่ได้ รอที่นี่แหละ”
“เมี๊ยว!”
……
ิหยวนได้ปลามาสองตัวก็รีบทำความสะอาดพวกมันแล้วเสียบกิ่งไม้ ก่อกองไฟด้วยกิ่งไม้และใบไม้แห้ง ผ่านไปไม่นาน กลิ่นหอมก็อบอวลไปทั่วสารทิศ ดึงดูดให้ิเยี่ยกับเ้าแมวลายสลิดหันมองอย่างพร้อมเพรียง
“ไยถึงหอมขนาดนี้?”
“เมื่อวันก่อนข้าช่วยเหลือเพื่อนบ้านบางอย่าง เขาจึงสอนทักษะเฉพาะที่สืบทอดมาจากบรรพบุรุษของเขาให้”
อันที่จริงเขาเรียนรู้มาจากท่านน้าเว่ยชิงต่างหากที่สอนเขา เมื่อคราวที่เว่ยชิงยังเป็เด็ก เขาอาศัยอยู่กับตระกูลเจิ้ง มีชีวิตลำบากยากเข็ญ หากวันใดกินไม่อิ่ม เขาก็จะแอบไปจับปลามาทำอาหารง่ายๆ กินเอง ทว่ารสชาติดีมากทีเดียว
ยามที่ได้เครื่องปรุงรสชาติแปลกใหม่มาจากซีเป่ย เขาจะออกล่าสัตว์ที่เขตล่าสัตว์หลวง นำเหยื่อที่ล่าได้มาปรุงอาหารด้วยตนเอง และนำไปถวายเสด็จพ่อ เสด็จพ่อชื่นชอบมากๆ ท่านน้าจึงบอกเขาว่าฝ่าาเสวยอาหารชั้นเลิศทุกวัน พอได้เสวยอะไรง่ายๆ บ้างจึงรู้สึกเจริญอาหารขึ้น
พอหวนคิดถึงเื่นี้ เขาก็นึกถึงขั้นตอนสำคัญที่ท่านน้าเคยบอกไว้ ิหยวนจึงหมุนกิ่งไม้พร้อมโรยเครื่องเทศให้ทั่ว “ไม่ต้องมองแล้ว อ่านไม่จบไม่ให้กิน”
“แล้วเหตุใดเ้าต้องย่างสองตัว!”
“ส่วนของเ้าปั้นเหลี่ยงน้อยน่ะสิ หากอ่านไม่จบ เ้าก็นั่งมองพวกข้ากินไปเถิด”
“อันนี้ของเ้า กินเลยๆ กินเก่งจริงๆ” เป็สหายมาหลายปี ตอนแรกก็แค่ลอกการบ้านและซื้อโพยข้อสอบจากิหยวนเท่านั้น ต่อมาเริ่มสนิทสนมและออกไปเที่ยวด้วยกันบ่อยๆ ิเยี่ยจึงถือว่าตนพอจะรู้จักคนผู้นี้ดีไม่น้อย นอกจากเื่ครอบครัวแล้ว ิหยวนไม่สนใจสิ่งอื่นใดเลย ไม่มีงานอดิเรกใด นอกจากอ่านตำรา แล้วก็ทำอาหารอร่อย แม้ิเยี่ยจะชอบพูดเหน็บแนมว่า “บัณฑิตอยู่ห่างจากห้องครัว [5]” แต่ก็ชอบขอกินด้วยอยู่เรื่อย และแน่นอนว่าเขาออกเงิน ส่วนิหยวนออกแรง
“ข้าจะกิน ผู้ใดจะทำไม? ขงเล่าก็คือน้ำหนึ่งใจเดียวกัน”
“อย่างไรนะ? นี่มันคำพูดเหลวไหลแบบใดกัน?”
“การทำอาหารยิ่งพิถีพิถันเท่าไรก็ยิ่งดีเท่านั้น ขงเล่าสองท่านกล่าวไว้เช่นนี้แน่หรือ?” ิหยวนจดจ้องอยู่ที่ปลาบนกองไฟพลางส่ายหัว “จักรพรรดิเว่ยโปรดปรานไก่อบ เซี่ยไท่ฟู่ในเวลานั้นไม่กินเนื้อสัตว์อื่นเลย นอกจากเนื้อแกะ หากไม่ใช่เพราะชื่นชอบอาหารอร่อย ราชวงศ์ซางจะปกครองใต้หล้ายาวนานถึงหกร้อยปีได้อย่างไร?”
“์! ใต้หล้านี้ยังมีคนชอบเถียงข้างๆ คูๆ เช่นเ้าอยู่สินะ” ิเยี่ยไม่ยอมเชื่อ ลุกเดินไปหยิบปลาย่างมากัดเต็มคำ ทั้งความร้อนและความหอมตลบอบอวลในปาก ร้องอู้อี้พยายามเป่าควันร้อนออกมา เพราะไม่อยากคายทิ้ง ทนร้อนอยู่นานกว่าจะได้กลืนกินของอร่อย จนต้องแอบเอ่ยปากชมเบาๆ
“ไม่รู้ว่าอาหารที่งานเลี้ยงเ้าเมืองเฉินจะเป็อย่างไร?”
“เป็อย่างไรแล้วอย่างไร ผู้ใดเขาไปที่นั่นเพียงเพื่อกินข้าวกัน” ิเยี่ยยิ้มเยาะ “ได้ยินมาว่าใต้เท้าเฉินถูกไล่ออกจากเมืองหลวงจนต้องมารับตำแหน่งในพื้นที่ห่างไกล เพราะมีคนไม่ชอบขี้หน้าเขา มันเป็ธรรมเนียมที่ผู้มารับตำแหน่งจะต้องจัดงานเลี้ยงและเชิญตระกูลชั้นสูงในท้องถิ่นมาร่วมดื่มกิน ท่านพ่อข้าไม่เท่าไร แต่งานเลี้ยงอีกงานน่ะสิ คนตระกูลหลิวผู้นั้นทำเื่น่าอับอายขนาดนั้น เขาก็ยังส่งเทียบเชิญให้อีก ไม่รู้คนตระกูลนั้นจะกล้าไปร่วมงานหรือไม่ แต่ก็นับว่าเขาใจกว้างมาก หากข้าเป็ท่านเ้าเมือง ข้าจะไล่มันออกจากงานทันทีที่พบหน้า”
แต่พอเห็นิหยวนกลั้นขำ ิเยี่ยพลันโมโห คว้าถ่านขึ้นมาปาใส่อีกฝ่าย “ขำอะไรของเ้า เห็นข้าเป็เช่นนี้ ข้าก็ถือเป็คนมีความสามารถคนหนึ่ง คิดว่าข้าจะเป็เ้าเมืองไม่ได้เลยหรืออย่างไร?”
“ได้ๆ เป็ได้ ถึงอย่างไรวันหน้าท่านก็คือิฝู่จวิน” ิหยวนรีบหาทางออกให้ตนเอง แต่แล้วก็นึกถึงสิ่งที่อีกฝ่ายเพิ่งพูด “เมืองนี้มีตระกูลชนชั้นสูงไม่เยอะ เหตุใดต้องจัดงานเลี้ยงแยกกัน?”
“เื่นี้เ้าไม่รู้ แม้เหล่าคนตระกูลใหญ่จะเกี่ยวข้องกันผ่านการแต่งงาน แต่พวกเขาแบ่งออกเป็สองฝ่าย ฝ่ายแรกคือผู้ที่ตั้งรกรากที่เจียงหนานั้แ่ปลายราชวงศ์ฮั่น และเกิดเป็แคว้นอู๋ในเวลาต่อมา ส่วนอีกฝ่ายเป็พวกที่ถูกห้าชนเผ่ารุกรานจนต้องติดตามราชวงศ์อพยพหนีจากเหนือลงใต้ ตระกูลิของเราอยู่ฝ่ายหลัง พวกเขาคิดว่าตนเองอยู่มาก่อนจึงทำตัวเหมือนงูเ้าที่ ส่วนเราดูถูกพวกเขาที่หยาบคายไร้อารยะ สองฝ่ายต่างไม่ถูกกัน เพียงไม่ได้แสดงออกเปิดเผย ก็เลยต้องทำเช่นนี้”
----------------------------------------------------------------------
เชิงอรรถ
[1] อู่จู (五铢) หมายถึง เหรียญอู่จู เหรียญกษาปณ์ที่มีรูตรงกลาง มีน้ำหนักห้าบาท (หน่วยทองคำ)
[2] ปั้นเหลี่ยง (半两) หมายถึง เหรียญกษาปณ์ครึ่งตำลึง
[3] ชุนเซวียนงอกงาม (椿萱并茂) หมายถึง ชุนคือชื่อต้นไม้อายุยืนในตำนาน ใช้สื่อถึงพ่อ ส่วนเซวียนคือดอกไม้ลักษณะคล้ายดอกลิลลี่ ใช้สื่อถึงแม่ จึงเป็การอุปมาว่าพ่อแม่ยังมีชีวิตอยู่และสุขภาพแข็งแรง
[4] ใต้เท้าผู้ตรวจการ (中正) หมายถึง ขุนนางผู้มีหน้าที่ออกตรวจราชการตามเขตพื้นที่ (เมือง) รับผิดชอบของตน มีอำนาจในการตรวจสอบการบริหารงาน และตรวจสอบการทำงานของขุนนางท้องถิ่น
[5] บัณฑิตอยู่ห่างจากห้องครัว (君子远庖厨) หมายถึง ปัญญาชนผู้มีจิตใจอ่อนโยน เปี่ยมเมตตา ทนเห็นการเข่นฆ่าไม่ได้
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้