อวิ๋นโส่วจงผิดหวังอย่างมาก แม้จะเตรียมใจไว้บ้างแล้ว แต่เขาไม่เคยคิดเลยว่าเถาซื่อจะกล้าสาปแช่งให้บิดาของเขาตายต่อหน้าลูกหลานมากมายโดยไม่สนใจอะไรเช่นนี้
ที่สำคัญคือต่อให้เถาซื่อจะพูดจาร้ายกาจเพียงใด บิดาดูเหมือนจะตำหนิอย่างแรงแต่ก็ปล่อยผ่านไปด้วยการตำหนิเบาๆ ที่ไม่แสบไม่คันเพียงไม่กี่คำ
ในเวลานี้ ความหวังสุดท้ายในใจของอวิ๋นโส่วจงพังทลายลงหมดสิ้นแล้ว
“จะไปไหนอีก? กลับมาทั้งทีก็อยู่เสียที่นี่ ไม่ต้องไปไหนแล้ว! ต่อไปนี้ก็ใช้ชีวิตอยู่ที่นี่ให้ดีเถอะ!”
เด็กที่ชื่อหู่หยาจื่อถูกแม่ของเขาพาออกไปแล้ว ในห้องโถงพลันเงียบสงบลงมาก
เมื่อได้ยินอวิ๋นโส่วจงเอ่ยปากขอตัวกลับ ผู้เฒ่าอวิ๋นใอวิ๋นโส่วกวงก็ใไม่ต่างกัน เขารีบเอ่ยหว่านล้อมต่อ “น้องรอง กลับมาทั้งทีก็อยู่เสียที่นี่เถอะ!”
กล่าวจบอวิ๋นโส่วกวงก็หยิบผ้าสองพับที่ฟางซื่อมอบให้ยื่นให้กับเถาซื่อ พร้อมกับเอ่ยด้วยท่าทางระมัดระวัง “ท่านแม่ เช่นนั้นก็เอาผ้าสองพับนี้ไปให้เหมยเอ๋อร์เถิด ผ้าสองพับนี้สีสันสดใสดี”
เถาซื่อไม่ปริปากแต่ก็ยอมรับผ้าจากมืออวิ๋นโส่วกวง ก่อนจะส่งต่อให้อวิ๋นเหมยเอ๋อร์
อวิ๋นเหมยเอ๋อร์พิจารณาผ้าสองพับนั้นอย่างถี่ถ้วนก่อนจะเอ่ยขึ้นว่า “สีสันฉูดฉาดเกินไป พี่สะใภ้ใหญ่เอาไม่อยู่หรอก เก็บไว้ก็เสียของเปล่า”
ทัศนคติของอวิ๋นเจียวถูกสองแม่ลูกคู่นี้เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง นางสบตากับฉี่เยว่และฉี่ซาน สามคนพี่น้องต่างเห็นแววความตกตะลึงในดวงตาของกันและกัน
อวิ๋นโส่วจู่ น้องชายคนที่สี่นึกถึงม้าตัวใหญ่สองตัวที่อยู่หน้าบ้าน ดวงตาวาววับกลอกไปมา ก่อนจะส่งสายตาให้เถาซื่อ แล้วเอ่ยปากหว่านล้อมพี่ชายด้วยรอยยิ้ม “พี่รอง ท่านพ่อท่านแม่ชอบพูดจาล้อเล่น ท่านอย่าใส่ใจเลย กลับมาแล้วก็อยู่เสียที่นี่เถอะ พวกเราเป็ครอบครัวเดียวกัน ยิ่งไปกว่านั้นพระอาทิตย์ใกล้ตกดินแล้ว พวกท่านจะพาทั้งครอบครัวไปไหนเล่า?”
กล่าวจบอวิ๋นโส่วจู่ก็หันไปถามบิดา “ท่านพ่อ บอกพี่ใหญ่ให้รีบไปเก็บกวาดห้องสองห้องให้พี่รองกับครอบครัวพักผ่อนก่อนแล้วค่อยว่ากันเถิด”
ผู้เฒ่าอวิ๋นได้ยินก็พยักหน้าพลางสั่งอวิ๋นโส่วกวง “เ้าใหญ่ เ้าไปเก็บกวาดห้องที่เรือนตะวันออกสองห้องให้น้องรองของเ้า”
เมื่อได้ยินผู้เฒ่าอวิ๋นบอกว่าจะให้อวิ๋นโส่วจงพักที่เรือนตะวันออกเถาซื่อก็ไม่ยอมทันที “เรือนตะวันออกไม่ได้ นั่นเป็ห้องของโส่วหลี่ หากจะเก็บกวาดห้องให้พวกเขา งั้นก็ไปเก็บกวาดสองห้องที่สร้างใหม่ทางทิศตะวันตกนั่นสิ!”
“เ้านี่นะยายแก่ สองห้องทางทิศตะวันตกเป็ห้องเก็บฟืน จะให้อยู่ได้อย่างไร?”
“ทำไมจะอยู่ไม่ได้ ห้องนั้นมีน้ำรั่วลมพัดหรืออย่างไร นั่นไม่ใช่ห้องที่เพิ่งสร้างเมื่อปีที่แล้วหรอกหรือ?”
เมื่อเห็นทั้งสองคนเริ่มโต้เถียงกันอวิ๋นโส่วจงจึงรีบเอ่ยขึ้น “ท่านพ่อ ไม่ต้องลำบากแล้วมีที่ให้อยู่ก็ดีแล้วขอรับ!”
เมื่ออวิ๋นโส่วจงเอ่ยปากเช่นนั้น ผู้เฒ่าอวิ๋นจึงไม่ขัดขืนอีก “เ้าใหญ่ พาลูกๆ ไปเก็บกวาดห้องให้น้องรองของเ้าด้วย”
“ท่านพ่อ ข้าก็ไปด้วย” กล่าวจบอวิ๋นโส่วจงก็พาครอบครัวเดินตามอวิ๋นโส่วกวงออกไป
ผู้เฒ่าอวิ๋นกำชับ “ไปเถอะ เก็บกวาดเสร็จแล้วก็มากินข้าวกัน พวกเราพ่อลูกจะได้ดื่มสุราฉลองกันเสียหน่อย”
“ท่านพ่อ พวกข้าไปช่วยอีกแรง” อวิ๋นโส่วเย่า น้องชายคนที่สามก็พาภรรยาตามไปด้วย
ห้องเก็บฟืนทางทิศตะวันตกสองห้องนั้นจริงๆ แล้วเป็ห้องดินสองห้องที่สร้างต่อออกมาจากลานบ้านตระกูลอวิ๋น ซึ่งเป็สองห้องที่อยู่ห่างไกลที่สุดของตัวบ้าน
อวิ๋นเจียวสังเกตเห็นว่าเรือนตะวันออกที่ปู่ของนางเอ่ยถึงนั้น เป็บ้านอิฐมุงกระเบื้อง แม้ลานบ้านตระกูลอวิ๋นจะกว้างขวาง แต่นอกจากเรือนตะวันออก ห้องโถง และห้องของผู้เฒ่าอวิ๋นกับเถาซื่อแล้ว ห้องที่เหลือล้วนเป็บ้านดิน
ผู้ชายหลายคนช่วยกันคนละไม้คนละมือ ไม่นานก็ขนย้ายข้าวของออกจากห้องเก็บฟืนหมด จากนั้นสะใภ้ใหญ่และสะใภ้สามก็ช่วยกันทำความสะอาดทั้งสองห้อง
จ้าวซื่อ สะใภ้ใหญ่ตระกูลอวิ๋นรูปร่างเตี้ยและผอม ใบหน้าธรรมดา สีหน้าซีดเหลือง ดูแล้วก็รู้ว่าเป็เพราะขาดสารอาหาร
ส่วนเฉาซื่อ สะใภ้สามตระกูลอวิ๋นแลดูดีกว่ามาก รูปร่างค่อนข้างสูงใหญ่ สีหน้าดูดีแต่ใบหน้าดูหยาบกระด้าง โครงหน้าไม่หวานละมุนเท่าใดนัก ทว่าดูไปแล้วก็เป็คนซื่อๆ
หลังจากพวกผู้ชายช่วยกันขนย้ายหีบสัมภาระเข้าห้อง อวิ๋นโส่วเย่าน้องชายคนที่สามก็พาภรรยากลับไป ปล่อยให้อวิ๋นโส่วกวงได้คุยกับอวิ๋นโส่วจงตามลำพัง
ตอนแรกที่บ้านตระกูลอวิ๋นสร้างห้องเก็บฟืนสองห้องนี้ จริงๆ แล้วคิดไว้สำหรับบุตรชายทั้งสองคนของอวิ๋นโส่วกวงที่จะถึงวัยแต่งงานในอีกสองสามปี ถึงเวลานั้นจะได้มีห้องให้ใช้ ด้วยเหตุนี้แม้สร้างเสร็จแล้วจะเอามาใช้เก็บข้าวของ แต่ก็สร้างตามรูปแบบห้องชุดอยู่อาศัย มีห้องนอนและห้องนั่งเล่น แม้จะไม่มีเครื่องเรือน แต่ก็มีเตียงอุ่นก่อเอาไว้แล้ว
“พี่ใหญ่ พี่ไปเยี่ยมผู้ใหญ่บ้านกับหัวหน้าตระกูลกับข้าหน่อยสิ”
เดิมทีอวิ๋นโส่วจงตั้งใจว่าจะพักผ่อนสักคืน แล้วพรุ่งนี้ค่อยไปคารวะผู้ใหญ่บ้านกับหัวหน้าตระกูล แต่พอคิดถึงเื่ที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ เขาก็เริ่มไม่สบายใจ จึงตัดสินใจไปตอนนี้เลยเพื่อป้องกัน...
“ได้สิ!”
แน่นอนว่าอวิ๋นโส่วกวงไม่มีทางปฏิเสธ ตอนนี้ในสมองเขาคิดแต่ว่าน้องรองกลับมาแล้ว เขาก็สามารถอธิบายให้ท่านแม่ได้แล้ว
ด้านสองพี่น้องนำของขวัญออกจากบ้านไปคารวะผู้ใหญ่บ้าน ส่วนด้านจ้าวซื่อและฟางซื่อก็เริ่มพูดคุยกัน
อากุ้ยนำก้อนอิฐที่เหลืออยู่รอบๆ มาก่อเตาติดกำแพงแบบง่ายๆ สองเตา ส่วนชุนเหมยก็ต้มน้ำชงชาแล้วนำเข้าไปในห้อง
“ฮูหยินใหญ่ เชิญดื่มชาเ้าค่ะ!”
จ้าวซื่อที่ไม่เคยมีใครปรนนิบัติมาก่อนก็รีบลุกขึ้นจากเตียงอุ่นด้วยท่าทางประหม่า รีบโบกมือปฏิเสธ “แม่นาง ไม่ต้องลำบากแล้ว ข้าไม่คู่ควร...”
ฟางซื่อยิ้มๆ “พี่สะใภ้ใหญ่ ไม่ต้องเกรงใจหรอก เด็กคนนี้นางเป็สาวใช้ของเจียวเอ๋อร์หลานสาวของท่าน ปรนนิบัติให้ท่านดื่มชาสักถ้วยก็เป็เื่ที่สมควรแล้ว”
อวิ๋นโส่วจงมักจะเล่าเื่ความดีของพี่ชายให้ครอบครัวฟังเสมอ มารดาแท้ๆ ของเขาจากไปั้แ่เขาอายุเพียงสองขวบ บิดาของเขาแต่งแม่เลี้ยงเข้ามาตอนเขาอายุได้สามขวบ หากไม่ใช่เพราะพี่ชายคอยปกป้องดูแล เวลามีอาหารก็แบ่งอาหารให้เขาก่อนเสมอ อวิ๋นโส่วจงคิดว่าตนเองคงไม่อาจรอดชีวิตมาได้
ฉะนั้นไม่ว่าจะเป็ฟางซื่อ หรือลูกๆ ทั้งสามคนต่างก็เคารพอวิ๋นโส่วกวงและครอบครัวเป็อย่างยิ่ง
“ท่านป้าใหญ่ ลองชิมขนมนี้สิเ้าคะ!”
“ท่านป้าใหญ่ ขนมไส้พุทราอร่อยมาก เจียวเอ๋อร์ชอบกินมากที่สุด”
“ท่านป้าใหญ่ ขนมไส้ถั่วแดงก็อร่อยนะเ้าค่ะ”
ทันทีที่ฟางซื่อพูดจบเด็กๆ ก็รีบหยิบขนมที่ซื้อติดมือจากในตำบลมาวางเรียงรายตรงหน้าจ้าวซื่อ
ดวงตาของจ้าวซื่อแดงก่ำ นางแต่งงานเข้าตระกูลอวิ๋นมานานกว่ายี่สิบปี อย่าว่าแต่ขนมเลย แม้แต่อาหารยังไม่เคยได้กินอิ่มท้องสักมื้อ ยิ่งไปกว่านั้น นอกจากสามี และลูกๆ ของนางกับคนของบ้านสามแล้ว ทุกคนในตระกูลอวิ๋นต่างก็เรียกใช้งานนางราวกับคนรับใช้
“เจียวเอ๋อร์เด็กดี ฉี่เยว่ ฉี่ซานก็เป็เด็กดี พวกเ้ากินเถิด ป้าใหญ่ไม่หิว ป้าใหญ่ไม่กินหรอก”
เมื่อเห็นเช่นนั้นอวิ๋นเจียวจึงหยิบขนมไส้พุทราขึ้นมาป้อนจ้าวซื่อพลางเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ท่านพ่อท่านแม่บอกว่าของอร่อยต้องแบ่งกันกินถึงจะอร่อยเ้าค่ะ!”
“พี่สะใภ้ใหญ่ นี่เป็น้ำใจของเด็กๆ ท่านก็กินเถิด!”
“อืมๆ งั้นป้าใหญ่ขอลองชิมสักหน่อย” จ้าวซื่อแทบจะกินขนมไส้พุทราทั้งน้ำตา รสชาติหวานละมุนในปากแผ่ซ่านไปถึงหัวใจ
“เอาล่ะ ข้ามีเื่อยากจะคุยกับป้าใหญ่ของพวกเ้า ฉี่เยว่ พาน้องๆ ไปเล่นที่ห้องข้างๆ ก่อน”
“ขอรับ! ท่านป้าใหญ่นั่งพักก่อนนะขอรับ พวกข้าไปเล่นแล้ว”
“ท่านป้าใหญ่ ลองชิมขนมไส้พุทราอีกสักชิ้นสิเ้าคะ!” ก่อนจากไปอวิ๋นเจียวยังคงไม่ลืมหยิบขนมไส้พุทราให้จ้าวซื่ออีกชิ้น
เมื่อเด็กๆ ออกไปหมดแล้ว ฟางซื่อจึงเอ่ยขึ้น “พี่สะใภ้ใหญ่ อีกประเดี๋ยวเอาของกลับไปอีกสักหน่อย”
เดิมทีฟางซื่อเตรียมของขวัญไว้ให้ครอบครัวอวิ๋นโส่วกวงเป็พิเศษ เพราะพวกเขากับบ้านพี่ใหญ่มีความสัมพันธ์ที่พิเศษกว่าคนอื่นๆ
ทว่าทันทีที่นางพูดจบ จ้าวซื่อก็รีบปฏิเสธ “น้องสะใภ้ ไม่ต้องหรอก ไม่ต้องจริงๆ”
ฟางซื่อยิ้มๆ พลางเอ่ยตำหนิ “พี่สะใภ้ใหญ่ พี่ใหญ่กับโส่วจงของพวกข้าเป็พี่น้องร่วมมารดากัน ท่านไม่ต้องเกรงใจพวกเราไปหรอก เราสองครอบครัวก็ไม่จำเป็ต้องเกรงใจกันขนาดนั้น”
จ้าวซื่อยิ้มเจื่อนๆ “น้องสะใภ้ ข้าเข้าใจที่เ้าพูด แต่... ต่อให้ข้ารับไว้ เดี๋ยวกลับไป... ท่านแม่ก็จะมาเอาไปอยู่ดี ไม่เหลือให้บ้านใหญ่ของพวกข้าแม้แต่น้อย เชื่อข้าเถอะ ปิ่นปักผมเงินที่เ้าให้มาก่อนหน้านี้ก็คงรักษาไว้ไม่ได้”
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้