รูปโฉมของเด็กสาวอ่อนวัยน่าเอ็นดู อีกทั้งยังดูเปราะบางราวกับตุ๊กตากระเบื้องเคลือบที่เพียงแตะต้องก็แตกเป็เสี่ยงๆ โดยหารู้ไม่ว่าภายใต้ร่างกายงดงามเยาว์วัยนี้มีิญญากร้านโลกมาอาศัยอยู่
เสี่ยวชุ่ยรู้สึกได้ว่าเยี่ยนเจาเจาที่อยู่ตรงหน้าของนางมีบางอย่างที่อธิบายไม่ได้ แต่นางคิดไม่ออกเลยไม่คิดอีก รีบไปตักน้ำมาล้างหน้าให้เยี่ยนเจาเจาแทน
เมื่อเยี่ยนเจาเจาตื่น เหล่าสาวใช้ขั้นสองที่เตรียมตัวอยู่ด้านนอกก็เข้ามาจัดวางอาหารและยาตามลำดับ กระทั่งผลไม้เชื่อมรสหวานยังเตรียมพร้อมเสร็จสรรพ
เสี่ยวชุ่ยหวีผมคล่องแคล่วว่องไว เยี่ยนเจาเจาจึงปล่อยนางจัดการด้วยความเกียจคร้าน พร้อมกับเอ่ยปากถามเหมือนไม่ตั้งใจว่า “เสี่ยวชุ่ย ท่านแม่ไปไหนหรือ?”
สีหน้าของเยี่ยนเจาเจาสงบนิ่ง แต่ใจกลับมีคลื่นซัดโหมกระหน่ำ
มารดาของนางคือองค์หญิงใหญ่ฉงหยาง พระนามเต็มว่าเหลียงฉง พระขนิษฐาร่วมอุทรของฮองเฮาเหลียงฮุ่ยแห่งราชวงศ์ต้าซี ซึ่งเข้าร่วมกองทัพั้แ่อายุสิบสอง นำทหารออกรบตอนอายุสิบห้า และเมื่ออายุยี่สิบห้าปี นามของท่านแม่ก็เลื่องลือไปทั่วชายแดน กลายเป็ยอดแม่ทัพหญิงผู้โด่งดัง
แต่ชาติก่อนท่านแม่พลีชีพในสมรภูมิรบตอนนางอายุสิบขวบ พอมานับดูนางกับท่านแม่จากกันได้เกือบสิบปีแล้ว
บางทีอาจเพราะห่างหายกันไปนาน ั์ตาเยี่ยนเจาเจาจึงมีร่องรอยความกลัวขึ้นมา
นางคิดถึงท่านมาก
“เรียนคุณหนู องค์หญิงไปค่ายหทารเหลียงเป่ย อีกครึ่งเดือนถึงจะกลับเ้าค่ะ” เสี่ยวชุ่ยปักปิ่นดอกไม้กำมะหยี่ลงบนมวยผมของเยี่ยนเจาเจา และสวมเสื้อคลุมให้นางก็เป็อันแต่งตัวเสร็จ
เยี่ยนเจาเจาผงกศีรษะด้วยความผิดหวังเล็กน้อย ทว่าท่านแม่ยังมีชีวิตอยู่ นี่สำคัญยิ่งกว่าสิ่งอื่นใด
นางลุกขึ้นยืนจากหน้าโต๊ะเครื่องแป้ง เดินไปสำรวจร่างกายอ่อนเยาว์นี้ตรงหน้ากระจกชุบเงินบานใหญ่อีกฝั่ง
กระจกเป็สินค้านำเข้า ที่แคว้นทางมหาสมุทรตะวันออกส่งมาเป็เครื่องราชบรรณาการเพียงสามชิ้น ชิ้นหนึ่งอยู่กับฮองเฮาเหลียงฮุ่ย อีกชิ้นอยู่ที่สกุลเหยียนในจวนหรงกั๋วกง และชิ้นสุดท้ายอยู่ที่เยี่ยนเจาเจา
สาวน้อยในกระจกยังไม่สาวสะพรั่ง ตัวเตี้ยม่อต้อ แต่กลับงดงามน่าทะนุถนอมเป็พิเศษ นางอายุยังน้อย ไม่ต้องลงเครื่องประทินโฉมก็ยังดูสดใส
เยี่ยนเจาเจาเม้มริมฝีปาก ลักยิ้มบนใบหน้าของนางผุดขึ้นวับๆ แวมๆ ทว่าภายในใจกลับเ็ปเหลือคนา
ชีวิตของนางคล้ายกับเยี่ยนเหิง ผู้เป็บิดา และเป็คุณชายสายเืฮูหยินเอกเพียงหนึ่งเดียวของบ้านสามสกุลเยี่ยน อีกทั้งยังเป็จอหงวนผู้ได้อันดับหนึ่งทุกระดับการสอบเคอจวี่คนแรกแห่งต้าซี บุคคลที่เหล่าปัญญาชนใฝ่ฝันอยากจะเป็
ซึ่งเป็ฝันที่ยากจะจับต้องของนางเช่นกัน
หายนะของนางในชาติก่อน เริ่มต้นขึ้นจากบิดาตรอมใจเสียชีวิตพราะคิดถึงท่านแม่
หากกล่าวว่าเยี่ยนเจาเจาก่อนอายุสิบสองคือไข่มุกล้ำค่าที่คนคอยพะเน้าพะนอ นางหลังอายุสิบสองปีคงเป็ตาปลาไร้คนสนใจ
เยี่ยนเจาเจาสูดลมหายใจลึก หยุดความหม่นหมองทุกอย่างในขณะนั้น และซ่อนมันไว้ภายใต้ั์ตา นางมีโอกาสกลับมาเกิดใหม่อีกครั้ง ชีวิตนี้ย่อมไม่เหมือนเดิม
เมื่อเสี่ยวชุ่ยเลิกม่านให้ นางก็ก้าวออกไปข้างนอกอย่างมั่นคง
เยี่ยนเจาเจาไม่ได้เดินเต็มฝีเท้าอย่างนี้มานานแล้ว ชาติก่อนนางคุกเข่าอยู่สามวันสามคืนท่ามกลางหิมะตกหนักหน้าตำหนักจินหลวนเพื่อช่วยบ้านใหญ่สกุลเยี่ยนจากเื่ไสยเวท หลังจากนั้นเข่าของนางก็เสียหาย ไม่อาจเดินได้ถนัดอีก
คิดมาถึงตรงนี้ เยี่ยนเจาเจาถึงกับกลั้นยิ้มไม่อยู่
ชีวิตนี้ไม่มีนาง เกรงว่าบ้านใหญ่จวนเยี่ยนคงรอดพ้นโทษปะายาก นางอยากเห็นนักว่าเยี่ยนฟางหวาจะงัดลูกไม้อะไรออกมา
คนที่ปรนนิบัตินางทานข้าวคือเฝ่ยชุ่ย ที่มีความสัมพันธ์อันดีกับเยี่ยนเจาเจามาตลอด พอเห็นเจาเจาเดินมาหน้าโต๊ะอาหารแล้วจู่ๆ ก็ยิ้ม จึงอดหยอกเย้าไม่ได้ “คุณหนู อาหารวันนี้ใช้ได้หรือเ้าคะ?”
เยี่ยนเจาเจาพยักหน้าตอบ ส่วนทานอย่างไรย่อมไม่พูดถึง
เมื่อถึงเวลากินยาหลังอาหาร เสี่ยวชุ่ยจึงหยิบผลไม้เชื่อมมาเอาใจนางตามปกติ แต่กลับเห็นนางดื่มยาสีเข้มหมดถ้วยในอึกเดียว ไม่ร้องว่าขมสักแอะแม้ใบหน้าจะแดงก่ำด้วยความฉุน
่ยากลำบากที่สุดในชีวิตเมื่อชาติก่อน คือการที่เยี่ยนเจาเจาต้องซ่อนตัวอยู่ในสลัมกับเหลียงอิน ทุกวันได้กินเพียงมะระดองเน่าๆ เหลือขายจากพ่อค้าข้างบ้าน มันทั้งขมและเปรี้ยว ยากจะกลืนลงท้อง
แต่หากไม่กินนางก็ต้องอดตาย และตอนนั้นเองที่นางตระหนักว่าความทุกข์มิใช่เื่ใหญ่เลย ขอเพียงมีชีวิตรอด วันดีๆ ก็รออยู่ภายหน้าแล้ว
เยี่ยนเจาเจาเช็ดมุมปาก สะกดกลั้นความรู้สึกอยากสำรอกที่ตีตื้นขึ้นมาในลำคอ
เื่ราวในอดีตผ่านพ้น เยี่ยนเจาเจาตอนนี้มีชีวิตใหม่แล้ว
“จริงสิคุณหนู ตอนท่านยังไม่ตื่น คุณชายิเหอส่งคนนำสิ่งนี้มาให้จากวัดม้าขาวเ้าค่ะ”
เสี่ยวชุ่ยราวกับนึกอะไรบางอย่างได้ จึงหมุนตัวกลับไปที่ห้องของเจาเจา หยิบเครื่องรางออกจากกล่องแปดช่องมาส่งให้นาง
คุณชายิเหอ?
ความทรงจำเกี่ยวกับเขาในชาติก่อนมีมากมาย แต่นางกลับเก็บกดมันไว้ในใจ พอเวลานี้ได้ยินนามของเขากะทันหัน ความทรงจำพวกนั้นจึงล้นทะลักออกมา
หนานิเหอคือญาติผู้พี่ของนาง เป็คุณชายรองในจวนเยี่ยน แม้นพูดไม่ได้ ทว่าเติบโตมาพร้อมนาง ความสัมพันธ์พี่น้องลึกซึ้ง ทั้งยังดูแลนางเหมือนพี่ชายแท้ๆ เขาโอ๋นางยิ่งกว่าท่านพ่อท่านแม่เสียอีก
น่าเสียดายที่ภายหลังใจนางมีเพียงเหลียงอิน มารู้ตัวอีกทีก็ได้ยินว่าหนานิเหอป่วยตายไปแล้ว
เยี่ยนเจาเจามองเครื่องรางในมือ จำได้ว่าเ้าอาวาสวัดม้าขาวปลุกเสกเองกับมือ เมื่อลองดมดูก็พบว่าข้างในผสมผงยาสงบจิตใจและลดไข้ไว้ แล้วน้ำตาก็พลันเอ่อคลอขึ้นมาอย่างห้ามไม่อยู่
ชาติก่อนนางโดนอะไรสะกดจิตกันแน่ ถึงไม่ทะนุถนอมคนรอบข้างที่รักนางเท่าชีวิตเช่นนี้?
เยี่ยนเจาเจาผูกเครื่องรางไว้ข้างเอว กลั้นน้ำตา แล้วสั่งเสี่ยวชุ่ยให้นำสร้อยลูกปัดหยกล้ำค่าคู่หนึ่งที่ได้รับเมื่อปีก่อนส่งกลับไปเป็ของขวัญตอบแทน
นางตระหนักแล้วว่านอกจากท่านพ่อท่านแม่ ยังมีพี่ชายรองผู้รักและทะนุถนอมตนอีกคนหนึ่ง ที่ชีวิตนี้นางยัง้าปกป้อง
ความจริงการตกน้ำคราวนี้ ก็มีส่วนพัวพันกับเยี่ยนฟางหวาและหนานิเหอ
เมื่อปีก่อน เยี่ยนเจาเจาพบนกแก้วหยกขาวสวยสะคราญ งดงามน่ารักมากคู่หนึ่งในพระราชวัง เลยนึกถึงญาติผู้พี่ที่พูดไม่ได้ของตนเองขึ้นมา จึงขอพระราชทานจากฮองเฮา แล้วนำกลับมามอบให้หนานิเหอ เพื่อบอกเป็นัยๆ ว่าเขาก็สามารถพูดได้เหมือนนกแก้ว
เยี่ยนฟางหวาเห็นเข้าก็ต้องตาความงามของนกแก้วนั้น อดใจกับมันมาหลายเดือน
พอต้นเดือนสามหนานิเหอไปไหว้พระให้องค์หญิงที่วัดม้าขาวยังไม่กลับ เยี่ยนฟางหวาจึงส่งคนไปขโมยมันเงียบๆ แต่กลับเก็บอาการไม่อยู่จนเอามาอวดต่อหน้าบุตรสาวอนุของบ้านใหญ่ จนโดนเยี่ยนเจาเจาจับได้คาหนังคาเขา
ทั้งคู่ถกเถียงกันทันที เยี่ยนฟางหวาไม่สนเหตุผล ลงมือกับเสี่ยวชุ่ยก่อน เสี่ยวชุ่ยโดนทุบตีจนล้มหัวแตก เยี่ยนเจาเจาจึงก้มลงไปประคอง แต่ใน่โกลาหลนั้น ไม่รู้ใครเป็คนผลักนาง นางจึงร่วงลงบ่อน้ำข้างๆ จนจับไข้
ขณะนั้นองค์หญิงไม่อยู่ในจวน อำนาจเลยครอบคลุมไม่ถึง ส่วนเยี่ยนเหิงเองก็โดนฮองเฮารั้งอยู่ในวังหลายวันเพราะปัญหาด้านการศึกษาขององค์ชาย จึงไม่มีใครจัดการ
เมื่อเยี่ยนเหิงกลับมา เื่นี้ก็ถูกตัดสินโดยท่านหญิงผู้เฒ่าแล้ว เยี่ยนเจาเจาได้แต่กล้ำกลืนความไม่เป็ธรรมทั้งเป็
แต่ชาตินี้นางไม่ยอมเสียเปรียบแน่!
เยี่ยนฟางหวาติดหนี้นางอยู่ นางจะทวงคืนมาทีละอย่าง
พูดถึงโจโฉ โจโฉก็มา เยี่ยนเจาเจาเพิ่งลุกขึ้น ก็ได้ยินเสียงอ่อนโยนของเยี่ยนฟางหวาดังแว่วมา “น้องหญิงห้า เ้าสบายดีหรือไม่? พี่ผิดไปแล้ว ไม่ควรทะเลาะกับเ้าเพราะของนิดๆ หน่อยๆ เ้าให้พี่เ้าเข้าไปเยี่ยมเ้าเถอะนะ?”
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้