เมื่อถูกถามกะทันหันเช่นนี้ ซ่งอวี้ก็หยุดชะงัก แล้วพยักหน้าด้วยความฉงน "อืม ตอนนั้นเป็เพียงแผนการรับมือชั่วคราวที่เหมาะสมเท่านั้น ไม่ได้คิดมาก ในตอนหลัง...ดังนั้นตลอดเวลาที่ผ่านมานี้จึงไม่ได้เข้าพิธี"
ดังนั้นเป็เพราะระหว่างพวกเขายังไม่ได้เข้าพิธี เขาจึงถอนหายใจเสียงสั้นเสียงยาวที่นี่เช่นนั้นหรือ? เื่นี้ไม่ยาก ทำพิธีวันนี้ก็ได้ ถึงอย่างไรนางก็ไม่เชื่อเื่เลือกฤกษ์ยาม ไม่มีความจำเป็ต้องทำเื่ยุ่งยากเช่นนั้น
"ไป พวกเราไปซื้อสุรา แล้วกลับมาชดเชยพิธีแต่งงานกันเถอะ!”
ความเป็จริงซ่งอวี้อยากจะลดแม้กระทั่งพิธีกราบไหว้ฟ้าดิน แต่เมื่อนางเห็นสีหน้าเศร้าสลดของหลี่เฉิง จึงคิดว่าเขาให้ความสำคัญกับเื่นี้มาก ดังนั้นนางจึงพาเขาออกไปซื้อสุรา
หลี่เฉิงมองซ่งอวี้ด้วยความตกตะลึง เขาลืมตัวไปเสียสนิท ไม่แม้แต่จะขัดขืนที่ถูกนางลากออกไป กระทั่งซ่งอวี้ยกจอกสุราขึ้นแล้วยิ้มให้เขาดั่งบุปผา เขาจึงยิ้มแก้มปริ
ความรู้สึกที่ผู้อื่นให้ความสำคัญกับตนเช่นนี้ ช่างเป็ความรู้สึกที่สุขล้นเหลือเกิน
ความเศร้าสลดและผิดหวังของเขา เดิมทีคิดว่าซ่อนเร้นเป็อย่างดี ทว่าซ่งอวี้กลับมองเห็นอย่างทะลุปรุโปร่ง ถึงขั้นเพื่อที่จะทำให้เขาดีใจ นางเดินมาซื้อสุราด้วยความเบิกบานใจ แล้วเข้าพิธีแต่งงานกับเขา
ระหว่างทางมีคนเห็นซ่งอวี้และหลี่เฉิงเดินถือสุราคนละหนึ่งจอกกลับไปที่เรือน จึงพูดหยอกล้อ "ว้าว ซ่งอวี้ ซื้อสุราเยอะขนาดนี้ อยากจะดื่มสุราให้เมามายไปพร้อมกับคุณชายหลี่หรือ? อย่าหาว่าป้าจุ้นจ้านเลย ถึงแม้พวกเ้าจะเพิ่งแต่งงานกันไม่นาน แต่ต้องควบคุมเื่นั้น หากดื่มสุรามากจนเกินไป เกิดเมามายเวียนหัวไม่ได้สติ..."
ผู้ใดกันที่บอกว่าคนสมัยโบราณอ้อมค้อม ยามป้าในยุคสมัยโบราณพูดขึ้นมา นางที่เป็คนจากยุคปัจจุบันยังไม่รู้จะพูดอย่างไร! ซ่งอวี้รีบพาหลี่เฉิงกลับเรือน ไม่กล้าทนฟังต่อ
พูดตรงไปตรงมาเช่นนี้ ดีจริงๆ หรือ? รู้จักคำว่าอ้อมค้อมหรือไม่? ตอนอยู่ในยุคปัจจุบันซ่งอวี้ไม่เคยถูกผู้ใดหยอกล้อเช่นนี้มาก่อน เวลานี้นางอายจนอยากจะมุดดินหนี
"ฮ่าๆ..." ซ่งอวี้จับมือหลี่เฉิง เขาหัวเราะเสียงเบา ทว่ามือกลับจับมือของซ่งอวี้ตอบ นิ้วมือทั้งสิบของพวกเขาประสานเข้าด้วยกัน ความหวานของทั้งสองแผ่ซ่านโดยไร้ซึ่งคำพูดใดๆ
ในเมื่อวันนี้จะชดเชยพิธีแต่งงาน ซ่งอวี้จึงตัดสินใจที่จะทำตามความรู้สึกของตนเองสักครั้ง ไปซื้อไก่ที่บ้านป้าหวังหนึ่งตัว แล้วรวดซื้อผักเล็กน้อย
หลี่เฉิงก็ไม่ยอมแพ้ ใช้วิชายุทธ์ชั้นสูงของเขาจับปลากลับมาสามตัว
ซ่งอวี้ยกมุมปากขึ้น อยากจะพูดบ่น วิชายุทธ์แกร่งกล้าไม่ควรใช้กับเื่นี้ ท่านไม่รู้สึกผิดต่อท่านอาจารย์ของตนหรืออย่างไร? อีกทั้งข้าก็ไม่มีวันชื่นชมท่าน ดังนั้นเก็บสีหน้า '้าคำชื่นชม' ของท่านไปเสีย ไร้ประโยชน์
ระหว่างทางกลับเรือนซ่งอวี้และหลี่เฉิงเจอผู้ใหญ่บ้าน เมื่อเห็นเขาถือขาหมูหนึ่งข้าง ซ่งอวี้จึงเข้าไปทักทายด้วยความกระตือรือร้น หลังจากนั้นจ่ายเงินให้กับผู้ใหญ่บ้านเพื่อแลกขาหมูมา
ผู้ใหญ่บ้านจนปัญญาเล็กน้อย แต่ว่าตลอดทางเขาได้ยินแล้วว่าวันนี้ซ่งอวี้และหลี่เฉิงจะชดเชยพิธีแต่งงานของทั้งสอง ผู้ใหญ่บ้านจึงรับเงิน แล้วอวยพรทั้งสองคนที่ถือว่าเป็บ่าวสาว
ซื้อวัตถุดิบมาครบก็ใกล้จะพลบค่ำแล้ว ซ่งอวี้และหลี่เฉิงถลกแขนเสื้อขึ้นแล้วเริ่มทำงาน
เพราะหลี่เฉิงทำอาหารอร่อย ดังนั้นซ่งอวี้จึงให้เขาเป็คนทำอาหาร ส่วนตนเป็ลูกมือช่วยล้างผักและหั่นผัก ทั้งสองใช้เวลาประมาณเกือบครึ่งชั่วยาม ทำอาหารหน้าตาน่ารับประทานและรสชาติเอร็ดอร่อยเต็มโต๊ะ
เวลานี้ ท้องฟ้ามืดแล้ว
ซ่งอวี้ร้อนใจอยากจะเริ่มทานอาหาร ทว่าหลี่เฉิงปรามเอาไว้ เขาหยิบผ้าสีแดงออกมาหนึ่งผืน "ในเมื่อจะเข้าพิธีแต่งงาน เช่นนั้นไม่อาจขาดผ้าคลุมหน้า"
เขาคลี่ผ้าคลุมสีแดงออกด้วยสีหน้าเคร่งขรึม ที่แท้ผ้าสีแดงนี้ก็ใช้สำหรับคลุมหน้านี่เอง
ซ่งอวี้เม้มริมฝีปาก แล้วพยักหน้า
"์อยู่เบื้องบน ปฐีอยู่เบื้องล่าง วันนี้ข้าหลี่เฉิงยินดีรับซ่งอวี้เป็ภรรยา นับจากนี้ขอร่วมเป็ร่วมตายด้วยกัน อยู่เคียงข้างแม้ในยามสุขและยามทุกข์ เคียงบ่าเคียงไหล่กันชั่วนิรันดร์" หลี่เฉิงจับมือซ่งอวี้แล้วคุกเข่าช้าๆ พูดกับนางด้วยน้ำเสียงหนักแน่น คำสัตย์นี้อยู่ในใจของเขานับร้อยนับพันรอบแล้ว
"์อยู่เบื้องบน ปฐีอยู่เบื้องล่าง วันนี้ข้าซ่งอวี้ยินดีเป็ภรรยาของหลี่เฉิง นับจากนี้ขอร่วมเป็ร่วมตายด้วยกัน อยู่เคียงข้างแม้ในยามสุขและยามทุกข์ เคียงบ่าเคียงไหล่กันชั่วนิรันดร์" สีหน้าของซ่งอวี้อยู่ภายใต้ผ้าคลุมสีแดง ดังนั้นหลี่เฉิงจึงมองไม่เห็น เวลานี้นางน้ำตาคลอเบ้า
ั้แ่เดินทางทะลุมิติมา นางใช้ชีวิตในแต่ละวันด้วยความสับสน ว้าวุ่นและหวาดกลัว
ทุกอย่างในโลกใบนี้ล้วนแปลกใหม่ ผู้คนที่ไม่รู้จัก สภาพแวดล้อมที่ไม่รู้จัก วิถีชีวิตที่เปลี่ยนไป นางกลัวเหลือเกินว่าหากตนก้าวผิดเพียงก้าวหนึ่ง ชีวิตน้อยๆ นี้ของตนก็จะจบลง ทั้งยังกลัวอำนาจจักรพรรดิที่ยิ่งใหญ่ การฆ่าฟันและแก่งแย่งล้วนเป็ความคิดเพียงครู่หนึ่งของพวกเขาเท่านั้น
ความหวาดกลัวนี้ราวกับเงาตามตัว ทำให้นางหวาดกลัวทุกคืนวัน ดังนั้นนางจึงอยากไปจากที่นี่ อยากจะไปจากแคว้นนี้ ทว่าในตอนหลังนางกลับได้พบเจอกับหลี่เฉิง
หากตอนแรก นางเพียงปรารถนาที่จะใช้อำนาจของหลี่เฉิงเพื่อมีชีวิตอยู่รอดที่นี่ เช่นนั้นตอนนี้นางเห็นหลี่เฉิงเป็ญาติของตนแล้ว
ญาติเพียงคนเดียวในโลกใบนี้ของนาง
ทั้งสองคำนับฟ้าดินสามครั้ง คำนับกันและกันสามครั้ง กว่าหลี่เฉิงจะถอดผ้าคลุมของซ่งอวี้ น้ำตาของนางก็แห้งเหือดแล้ว หลี่เฉิงจึงมองไม่เห็น
หลี่เฉิงรินสุราสองจอก ยิ้มแล้วแลกสุรากับซ่งอวี้ ถึงแม้จะไม่มีคนมาร่วมพิธีและไม่มีสักขีพยาน แต่ทั้งสองต่างอิ่มเอมใจอย่างมาก
พิธีการทั้งหมดนี้ใช้เวลาไม่มากเท่าใดนัก เวลานี้อาหารยังอุ่นๆ
ทั้งสองดื่มสุรา พูดคุยเื่ต่างๆ ในครอบครัว เ้าหนึ่งจอก ข้าหนึ่งจอก จับตะเกียบคีบอาหารเพียงไม่กี่ครั้งก็ดื่มสุราจนเกือบหมดจอกแล้ว
ดวงแก้มของซ่งอวี้แดงระเรื่อ ดวงตาของนางทอประกาย ท่ามกลางแสงเทียน แววตาของนางดั่งดวงิญญาดวงใหม่สิงสถิต ปากเล็กๆ พูดไม่หยุด เทียบกับปกติที่นั่งเงียบแล้ว เวลานี้นางเปลี่ยนไปมาก
หลี่เฉิงอยากจะห้ามปราม อยากให้นางดื่มน้อยลง แต่สุดท้ายซ่งอวี้กลับร้องไห้แล้วยกจอกสุราขึ้นดื่ม กล้าหาญราวกับวีรสตรีในบทละคร
"เ้าเมาแล้ว อย่าดื่มเลย" หลี่เฉิงจนปัญญาเล็กน้อย ทว่าไม่อาจใจร้ายกับนางได้ ทำได้เพียงตามใจนางและพูดเกลี้ยกล่อมเท่านั้น เขาปวดหัวยิ่งนัก
"ข้าไม่เมา!”
"ได้ๆๆ เ้าไม่เมา พวกเราเข้านอนกันดีหรือไม่?" ไม่รู้ว่าผู้ใดเป็คนบอกว่าคนเมามักจะบอกว่าตนไม่เมา เวลานี้อย่าเถียงอีกฝ่าย คอยตามใจก็พอแล้ว
"ท่านไม่เชื่อข้า!” ซ่งอวี้พูดเสียงดัง เสียงของนางเคล้าไปด้วยความน้อยอกน้อยใจ
หลี่เฉิงยกมือขึ้นยอมแพ้ "ข้าจะไม่เชื่อเ้าได้อย่างไร ข้าเพียงเป็ห่วงเ้าเท่านั้น เ้าเป็หมอ เ้าควรจะรู้ว่าสุราเมรัยไม่ดีต่อร่างกาย"
"เช่นนั้นก็ได้ พวกเราเข้านอนกันเถอะ นอนด้วยกัน!” การคล้อยตามได้ผลจริงๆ ด้วย ในที่สุดซ่งอวี้ก็ยอมเข้านอนแล้ว
แต่เขากลับไม่รู้เลยว่า 'ความทรมาน' ที่แท้จริงรออยู่ด้านหลัง
ซ่งอวี้เมาจนเดินไม่ตรงแล้ว ทั้งที่ห้องไม่ใหญ่ แต่กลับเดินอยู่นาน หลี่เฉิงหมดความอดทน เขาช้อนตัวซ่งอวี้ขึ้น แล้ววางนางลงบนเตียง
ขืนเดินต่อไป เกรงว่าจะเดินวนอยู่ที่เดิมอีกนาน
มองดูซ่งอวี้ที่เมาไม่ได้สติ เวลานี้ไม่รู้ว่าเกิดเื่อะไรขึ้น และไม่รู้ว่าเขากำลังหงุดหงิดกับเื่ใด นางเพียงยิ้มด้วยความโง่เขลา ยามอ้าปากก็ฟุ้งไปด้วยกลิ่นน้ำเมา
หลี่เฉิงถอนหายใจด้วยความจนปัญญาอีกครั้ง เขาเปลี่ยนเสื้อผ้าให้ซ่งอวี้ ถอดถุงเท้าและรองเท้าให้นาง จากนั้นยัดนางเข้าไปในผ้าห่มเพื่อไม่ให้นางเป็หวัด สุดท้ายเพิ่งยัดตัวนางเข้าไปในผ้าห่มได้นางก็เริ่มบ่นว่ากระหายน้ำ ้าจะดื่มน้ำ ทั้งยังจะดื่มน้ำร้อน ด้วยเหตุนี้หลี่เฉิงจึงต้องรีบไปต้มน้ำให้นาง
รอให้ซ่งอวี้อยู่นิ่งก็ผ่านไปครึ่งชั่วยามแล้ว หลี่เฉิงเหนื่อยจนเหงื่อแตก ทั้งที่สีหน้าของเขาเปี่ยมไปด้วยความจนปัญญา แต่กลับมีความรู้สึกหวานชื่นก่อตัวในใจ
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้