สีหน้าของชิงผิงอ๋องไม่ดีเอาเสียเลย เขาไม่ได้กล่าวคำใดอีกนับั้แ่กลับจากเรือนของเหยาเชียนเชียน อีกทั้งยังไม่อนุญาตให้คนนอกมารบกวน เขาเพียงแค่กำชับว่าหวังเฟยจะไม่สามารถออกจากจวนได้ใน่สองสามวันนี้ เห็นได้ชัดว่าพวกเขาทะเลาะกัน
“เฮ้อ! เกิดอะไรขึ้นอีกเล่า” พ่อบ้านกระทืบเท้าอย่างร้อนรน “ไม่ง่ายเลยกว่าหวังเฟยและท่านอ๋องจะรักใคร่กันให้พวกเราเห็นจนต่างพากันอิจฉา เพียงเวลาชั่วพริบตาเดียวไฉนถึงกลายเป็เช่นนี้อีกเล่า”
อวี่เหลียนเอ๋อร์ส่ายหน้าและกล่าวว่าสิ่งที่นางได้ยินก็ไม่แน่ชัดนัก ทว่าหวังเฟยร้องไห้หลังจากท่านอ๋องออกไป ไม่ว่าจะพยายามเกลี้ยกล่อมอย่างไรก็ไร้ประโยชน์ ใน่สองสามวันนี้หวังเฟยไม่ได้รับอนุญาตให้ออกจากจวน นั่นแสดงให้เห็นว่าท่านอ๋องกริ้วมาก
“ข้าสงสารหวังเฟย” อวี่เหลียนเอ๋อร์ปาดน้ำตา “แม้ว่าจะไม่พอใจท่านอ๋องสักเท่าไร แต่ก็ทำได้เพียงร้องไห้อยู่คนเดียวในห้องเท่านั้น ข้าเห็นแล้วรู้สึกเ็ปเหลือเกิน”
หวังเฟยไม่พอใจท่านอ๋อง?
พ่อบ้านมองไปรอบๆ โดยไม่รู้ตัวและดึงอวี่เหลียนเอ๋อร์เข้ามากล่าวกำชับ “อย่ากล่าวเื่ไร้สาระ หากเื่ไปถึงหูท่านอ๋องพระองค์อาจจะกริ้วอีกได้ รีบปล่อยผ่านเื่นี้ไปเป็พอ และอย่าได้กล่าวสิ่งใดเพิ่มเติมอีก เข้าใจหรือไม่?"
อวี่เหลียนเอ๋อร์พยักหน้าอย่างลนลาน นางมองพ่อบ้านเดินจากไปจนลับสายตา หลังจากนั้นจึงค่อยๆ ยกยิ้มมุมปาก
ตกดึก แมวดำตัวหนึ่งะโขึ้นมาบนหน้าต่างอย่างคล่องแคล่วและผลักบานหน้าต่างออกอย่างช่ำชอง มันมองไปยังหญิงสาวที่ยังคงนอนหลับสนิทอยู่บนเตียง มุมปากกระตุกเล็กน้อยโดยไม่รู้ตัว
ภายในจวนกำลังเล่าลือกันว่าเขาบันดาลโทสะจึงสั่งกักบริเวณนาง และนางก็ร้องไห้เพียงลำพังจนฟ้าสาง
เหยาเชียนเชียนที่อยู่บนเตียงเกือบจะปรากฏตัวออกมาอย่างสวยงาม นางไม่รู้ตัวแม้แต่น้อยว่าภายในระยะเวลา่บ่ายของวันหนึ่ง นางได้กลายเป็นายหญิงใหญ่ผู้ขมขื่นในใจของทุกคนไปแล้ว และไม่รู้ว่านางนอนหลับฝันถึงสิ่งใดจึงได้มีรอยยิ้มบางประดับที่มุมปากเช่นนั้น
เขลา แมวดำวิจารณ์อย่างรังเกียจ จากนั้นก็ส่งอุ้งเท้าข้างหนึ่งไปทาบบนใบหน้าของนาง
“หืม?”
เหยาเชียนเชียนจับใบหน้า ััที่คุ้นเคยนั้นทำให้นางไม่ต้องคิดเสียด้วยซ้ำ นางไล่ััไปตามอุ้งเท้าอย่างช้าๆ จนถึงตัวเ้าแมวดำ จากนั้นจึงรั้งเข้ามาในอ้อมแขนและจูบมันไปหลายฟอดอย่างสับสนมึนงง
“ไกวไกว...”
แมวดำรอจนนางจูบเสร็จ ในขณะที่อีกฝ่ายพยายามลูบพุงที่เต็มไปด้วยขนปุกปุยของมันไปมา สุดท้ายก็อดไม่ได้ที่จะต้องดิ้นรนผลักนางออกไป
อย่าเพิ่งคลอเคลีย ข้ามีเื่จะคุยกับเ้า
“ห้ามดึงผมนะ” ในที่สุดก็ทรมานจนนางตื่นได้เสียที เหยาเชียนเชียนกักตัวแมวดำไว้ในอ้อมแขน “ดึกดื่นป่านนี้เ้ามาได้อย่างไร ถ้านอนไม่พอจะไม่โตเอาได้นะ ดูเ้ายังตัวเล็กอยู่เลย ต้องให้ร่างกายได้พักผ่อนอย่างเต็มที่สิ”
เ้ากล้าว่าเปิ่นหวังตัวเล็กหรือ?
แมวดำถลึงตา เขาอยากจะกลับคืนร่างมนุษย์และบอกนางเหลือเกินว่าเขาใหญ่...เอ้ย! สูงเพียงใด!
เหยาเชียนเชียนมองดวงตากลมดิกของมันแล้วก็อดที่จะหัวเราะไม่ได้ นางรู้สึกว่ามันค่อนข้างซื่อบื้อ พอดูอีกทีก็ไม่เห็นความเฉียบคมของมันเหมือนเมื่อยามพบกันครั้งแรกแล้ว ยามนี้เหลือเพียงแค่ลูกแมวที่ดูหยิ่งผยองเท่านั้น
“เ้าอย่าดิ้นสิ ข้านอนกอดเ้าดีหรือไม่?”
แมวดำกระดกก้นโก่งตัวออกจากอ้อมแขนของนาง อย่าเพิ่งหลับ เปิ่นหวังมีอะไรจะให้เ้าไปดู
“ทำอะไรน่ะ” เหยาเชียนเชียนถูกมันใช้กรงเล็บสะกิด จะนอนก็ไม่ให้นอน แม้แต่เอนตัวนอนให้เต็มที่ก็ยังไม่ได้ “ดึกดื่นค่อนคืน เ้าจะทรมานข้าไปทำอะไรอีก?”
แมวดำะโลงจากเตียง อดโมโหไม่ได้เมื่อเห็นนางยังคงนั่งอยู่บนนั้น รีบหน่อยสิ ไม่เช่นนั้นอีกเดี๋ยวจะไม่มีให้ดูแล้ว
เหยาเชียนเชียนมองแววตาสีมรกตที่เจือแววรังเกียจ นางเห็นนัยเร่งเร้าอยู่หลายส่วน จึงเอ่ยถามหยั่งเชิงว่า “เ้าอยากจะพาข้าไปที่ใดอย่างนั้นหรือ?”
แมวดำเดินไปพลางหันกลับมามองนางเป็ระยะ คราวนี้ชัดเจนมากว่ามันกลัวนางจะตามไม่ทัน
เหยาเชียนเชียนลงจากเตียงเดินตามไปด้วยความประหลาดใจ แมวในจวนอ๋องล้วนพิสดารเช่นนี้ทุกตัวเลยหรือ หรือว่ายามนี้นางยังคงฝันอยู่?
“เสี่ยวไกวไกว เ้าคงไม่กลายร่างเป็มารหรอกกระมัง?” ทว่าการสถาปนาแคว้น...โอ๊ะ! ขอโทษที
ฝีเท้าแมวดำหยุดชะงัก เมื่อเห็นว่านางเตรียมจะตามออกไปแล้วจึงะโไปบนราวแขวนผ้าที่อยู่ด้านข้างและดึงเสื้อคลุมตัวหนึ่งลงมาลากไปถึงปลายเท้าของนาง
ยามนี้เหยาเชียนเชียนตื่นเต็มตา นางหยิบเสื้อคลุมขึ้นมาอย่างสั่นเทาและพาดไว้บนไหล่ ทุกอณูในร่างกายนางกำลังสั่นไหวด้วยความตกตะลึง
อากาศเย็น แมวดำสะบัดขนเล็กน้อยแล้ววิ่งไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว นำเหยาเชียนเชียนไปยังเรือนของเหล่าบ่าวไพร่
บริเวณมุมในสุดปรากฏแสงสว่างเลือนราง ตรงนั้นคือห้องเดี่ยวที่พ่อบ้านเตรียมไว้ให้อวี่เหลียนเอ๋อร์โดยเฉพาะตามคำสั่งของเหยาเชียนเชียน
ยามนี้ไม่ว่าแมวดำจะขอให้เหยาเชียนเชียนทำอะไรนางล้วนไม่ปฏิเสธ เมื่อเห็นมันมองกลับมาที่นาง เหยาเชียนเชียนจึงก้าวไปข้างหน้าอย่างระมัดระวัง ดึกดื่นป่านนี้เหตุใดเหลียนเอ๋อร์ถึงยังไม่นอนอีก?
ภายในห้องมีเพียงแสงสลัวๆ คล้ายกับว่าเ้าของห้องที่อยู่ข้างในกลัวว่าจะดึงดูดความสนใจของผู้อื่นเข้า เหยาเชียนเชียนอดไม่ได้ที่จะนึกถึงเื่ผีสางซึ่งดูเหมือนว่าจะเป็ไปตามแบบแผนนี้
นางสูดลมหายใจเข้าลึก ปิดปากและมองผ่านร่องหน้าต่างเข้าไปข้างใน พบว่าเป็อวี่เหลียนเอ๋อร์จริงๆ ทว่าสีหน้าของอีกฝ่ายเป็สีหน้าแบบที่นางไม่เคยเห็นมาก่อน
กระจกสำริดบานหนึ่ง รวมถึงชาดและแป้งน้ำจำนวนหนึ่งถูกจัดวางไว้บนโต๊ะ อวี่เหลียนเอ๋อร์กำลังบรรจงทาชาดลงบนริมฝีปากของตัวเอง
เห็นได้ชัดว่ารูปลักษณ์ของนางดูเป็เพียงเด็กอายุราวเจ็ดถึงแปดปี ทว่าทุกกิริยานุ่มนวลของนางกลับคล้ายสตรีที่มีอายุราวยี่สิบห้าถึงยี่สิบหกปี คิ้วและตาเปี่ยมไปด้วยอารมณ์ความรู้สึก ท่วงท่ากรีดกรายก็เปี่ยมไปด้วยเสน่ห์
ระดับความสยดสยองของภาพนี้ไม่น้อยไปกว่าผีร้ายที่แนบชิดกับใบหน้างดงาม เหยาเชียนเชียนปิดปากแน่น อยากจะเดินออกไปแต่กลับไม่สามารถละสายตาได้ นางมองอวี่เหลียนเอ๋อร์ส่องกระจกสำริดอยู่นานก่อนที่จะค่อยๆ ลบเครื่องประทินโฉมออกด้วยความอาลัยอาวรณ์
ไปได้แล้ว แมวดำสะกิดนาง มันอดขมวดคิ้วไม่ได้เมื่อเห็นใบหน้าที่เต็มไปด้วยความหวาดกลัว นางกลัวมากเพียงนั้นเชียวหรือ
ทว่าในยามกลางวันอวี่เหลียนเอ๋อร์ไม่ได้แต่งหน้า ดังนั้นจึงสามารถเห็นภาพนี้ได้ในยามกลางคืนเท่านั้น
ขี้กลัวขนาดนี้ ไม่รู้ว่ายามที่ลอบทำร้ายอาเหยียนนางไปเอาความกล้ามาจากที่ใด แมวดำยิ่งรู้สึกแปลกใจเข้าไปอีก มันงับชายอาภรณ์ของนางและดึงกลับไปที่ห้อง
“ไกวไกว เ้าเห็นแล้วหรือ?”
ทันทีที่เหยาเชียนเชียนกลับมาถึงห้อง นางก็กลิ้งตัวไปมาอยู่บนเตียงและห่อหุ้มตัวเองด้วยผ้าห่มอย่างแ่า เหลือไว้เพียงครึ่งศีรษะที่โผล่ออกมา
“เหลียนเอ๋อร์...เหตุใดนางถึงต้องทำเช่นนั้น นางกำลังทำสิ่งใดอยู่ นั่นมัน...เ้าดูสภาพของนางสิ...”
แมวดํามองคนบนเตียงที่กำลังตื่นตระหนกและพูดสะเปะสะปะอย่างสงบนิ่ง มันะโขึ้นไปบนเตียงและเดินไปข้างๆ นางด้วยท่าทางสบายๆ
ไม่ต้องกลัว เ้ามีเปิ่นหวังอยู่
เหยาเชียนเชียนเอื้อมมือไปอุ้มแมวดําเข้ามาในอ้อมแขน มันอบอุ่นและนุ่มนิ่ม ทำให้จิตใจที่ว้าวุ่นของนางค่อยๆ สงบลงได้
เหยาเชียนเชียนฝังใบหน้าครึ่งหนึ่งไว้ในชั้นขนนุ่มนั้นก่อนจะถอนหายใจยาวด้วยความโล่งอก
“เหลียนเอ๋อร์ค่อนข้างแปลก เดิมทีข้าคิดว่าข้าเพียงแค่คิดมากไปเองเท่านั้น ถึงอย่างไรนางก็เพิ่งมาที่นี่ได้ไม่กี่วัน จะไม่คุ้นชินไปบ้างก็เป็เื่ปกติ แต่สิ่งที่เกิดขึ้นคืนนี้ ข้าไม่สามารถหาข้ออ้างให้นางได้อีกแล้ว”
เหยาเชียนเชียนจัดระเบียบความคิดเกี่ยวกับเหตุการณ์ใน่สองสามวันที่ผ่านมา จริงๆ แล้วสิ่งที่นางทําไม่ถือว่าเป็ภูษาฟ้าไร้ตะเข็บ [1] เพียงแต่นางไม่้าสงสัยในตัวเด็กคนหนึ่งจากก้นบึ้งของหัวใจ ดังนั้นนางจึงเลือกที่จะมองข้ามเบาะแสและร่องรอยเหล่านี้ไป
“แต่ในยามนั้นนางช่วยข้าไว้ อีกทั้งยังเอาแต่กล่าวว่าซาบซึ้งใจที่ข้าซื้อนางมาจากเงื้อมมือของชายผู้นั้น หรือว่านี่จะเป็แผนที่วางไว้ั้แ่แรกและพุ่งเป้ามาที่ข้า?”
แมวดำตีนางเบาๆ ด้วยอุ้งเท้า ใน่สองสามวันที่ผ่านมานี้ คำกล่าวของอวี่เหลียนเอ๋อร์ผู้นั้นล้วนแปลกประหลาด หากจะให้พูดจริงๆ ก็น่าจะพุ่งเป้ามาที่พวกเขาทั้งคู่กระมัง
“ข้าไม่รู้เื่จดหมายพวกนั้นเลย” เหยาเชียนเชียนนึกขึ้นมาได้ แล้วก็เป็เพราะอวี่เหลียนเอ๋อร์ ดังนั้นเป่ยเหลียนโม่ถึงได้เห็นภาพเหตุการณ์เช่นนั้น เมื่อลองคิดอย่างถี่ถ้วนแล้วนางก็ไม่เคยเห็นกล่องใบนั้นมาก่อน
“ทำให้ท่านอ๋องรังเกียจข้ามีผลดีต่อนางอย่างไร?”
เหยาเชียนเชียนลูบไล้แมวดำโดยไม่รู้ตัว และไม่ได้สังเกตเห็นว่าข้างในใบหูที่เต็มไปด้วยขนปุกปุยคู่นั้นเปลี่ยนเป็สีชมพูระเรื่อไปเสียแล้ว
เปิ่นหวังไม่สามารถเปิดเผยตัวตนได้ต่างหาก ไม่ใช่เพราะเพลินมากเสียหน่อย
“เด็กเล็กเช่นนั้นคงไม่ได้เอาแต่หมกมุ่นอยากได้ตำแหน่งหวังเฟยนี้หรอกกระมัง” เหยาเชียนเชียนหลุดเอ่ยขึ้นมา “นางเชื่อฟังเมื่ออยู่ข้างกายข้า แต่สามารถทำให้ข้าและท่านอ๋องมองหน้ากันไม่ติดภายในระยะเวลาสั้นๆ เพียงไม่กี่วัน ต่อไปก็ไม่รู้ว่านางจะทำอะไรอีก”
เปิ่นหวังไม่เคยเข้าหน้าเ้าไม่ติดเสียหน่อย แมวดำเลียปลายคางของนางเบาๆ เพียงเพื่อให้ความร่วมมือกับคนเขลาผู้นั้นเท่านั้น เปิ่นหวังจึงจงใจกล่าวคำพูดเช่นนั้น เ้าคงไม่ได้เข้าใจเปิ่นหวังผิดเพราะเหตุนี้หรอกกระมัง
“เ้าว่านางทำไปเพียงเพื่อให้ข้าและท่านอ๋องแตกกันแค่นั้นหรือ” เหยาเชียนเชียนนิ่วหน้า “ข้าจะไม่เป็อันตรายถึงชีวิตใช่หรือไม่?”
เด็กอายุราวเจ็ดแปดปีคนหนึ่งกลับมีความคิดมากมายเช่นนี้ โลกนี้อันตรายเกินไป นางอยากกลับไปโลกเดิมแล้ว
แมวดำวางอุ้งเท้าบนมือของเหยาเชียนเชียนและมองนางด้วยสายตาจริงจัง เปิ่นหวังจะไม่ปล่อยให้เ้าตกอยู่ในอันตราย เปิ่นหวังขอสัญญากับเ้า
เหยาเชียนเชียนหายใจเข้าลึกๆ สองสามครั้งติดต่อกัน จนกระทั่งเริ่มรู้สึกขาดอากาศจึงทิ้งศีรษะเอนตัวนอนลงบนเตียง แมวดำในอ้อมแขนช่วยนางเขี่ยผ้าห่มและพยายามคลุมลงบนไหล่ของนางที่โผล่พ้นผ้าออกมา
“ช่างเถิด นอนกันก่อน” เหยาเชียนเชียนจูบแมวดำเบาๆ “อย่างไรข้าก็อาศัยอยู่ในจวนอ๋อง รอบด้านล้วนเป็คนของพวกเราทั้งนั้น เด็กเช่นนางจะทำอะไรข้าได้เล่า ขอรอดูก่อนว่านาง้าจะทำอะไร”
แมวดำคลอเคลียอยู่ในอ้อมกอดของนาง อืม ‘พวกเรา’
วันรุ่งขึ้น อาเหยียนมาหานางด้วยใบหน้าเปื้อนน้ำตา และถามเหยาเชียนเชียนว่าชิงผิงอ๋องกักบริเวณนางไว้ที่นี่จริงๆ หรือ
“อาเหยียน แม่กับท่านพ่อเพียงแค่เข้าใจผิดกันเล็กน้อย ไม่ใช่เื่ใหญ่อันใด อีกประเดี๋ยวแม่ไปอธิบายกับท่านพ่อให้ชัดเจนก็ไม่มีปัญหาแล้ว”
อาเหยียนส่ายหน้า บอกว่าคนที่เฝ้าหน้าประตูได้รับคำสั่งจากเป่ยเหลียนโม่ อย่างมากเหยาเชียนเชียนทำได้เพียงเดินเล่นอยู่ในจวนเท่านั้น เห็นได้ชัดว่าเป่ยเหลียนโม่ถือสาเื่จดหมายเ่าั้จึงไม่อนุญาตให้นางออกไปข้างนอก
“อาเหยียน เ้าไปฟังเื่นี้มาจากผู้ใด?”
เหยาเชียนเชียนขมวดคิ้ว เห็นว่าอาเหยียนเบะปาก อ้ำอึ้งอยู่นานแต่ก็ไม่ยอมปริปาก นางจึงเอ่ยถามหยั่งเชิงว่า “เหลียนเอ๋อร์บอกเ้าหรือ?”
“ไม่ใช่แค่นางขอรับ คนอื่นก็บอกเช่นนี้เหมือนกัน” อาเหยียนปาดน้ำตา “ท่านแม่จะถูกใส่ร้ายอย่างไร้เหตุผลไม่ได้นะขอรับ อาเหยียนจะไปหาท่านพ่อพร้อมกับท่านแม่ และขอให้ท่านพ่อยกเลิกคำสั่งกักบริเวณท่านแม่”
เสี้ยมอาเหยียน ทำให้เป็เื่ใหญ่ เด็กคนนั้น้าทำอะไรกันแน่?
เหยาเชียนเชียนโน้มกายลงไปจูบเด็กน้อยและกล่าวด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลว่า “ไม่เป็ไร เดิมทีแม่ก็จะไปหาท่านพ่ออยู่แล้ว อาเหยียนกลับเรือนตัวเองไปก่อนเถิด รอแม่คุยกับท่านพ่อเสร็จแล้วจะไปหาอาเหยียน แม่ยังอยากพาอาเหยียนออกไปเล่นว่าวอยู่นะ”
เด็กน้อยมองนางเดินห่างออกไปอย่างไม่วางใจ เหยาเชียนเชียนออกจากเรือนมาได้ไม่ไกลก็ได้พบกับอวี่เหลียนเอ๋อร์ อีกฝ่ายรีบคุกเข่าลงและกล่าวว่าตนทนเห็นเหยาเชียนเชียนอยู่ในเรือนด้วยความรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจไม่ได้ และเสี่ยวซื่อจื่อถามขึ้นมานางถึงได้เล่าไป
“ข้ารู้ ข้าไม่ได้จะกล่าวโทษเ้า ยามนี้ข้ากำลังจะไปพบท่านอ๋องเพื่ออธิบายเื่ราวให้ชัดเจน เ้าไปก่อนเถิด”
เหยาเชียนเชียนมองอีกฝ่ายเล็กน้อย นางไม่ได้เรียกให้อีกฝ่ายติดตามไปที่ห้องหนังสือของเป่ยเหลียนโม่ ทว่าบังเอิญที่ในห้องไม่มีคนอยู่ มีเพียงแมวดำนอนฟุบอยู่บนโต๊ะอย่างสงบและสะบัดหางใส่นางเท่านั้น
“ดูท่าว่าต้องหาโอกาสคุยกับท่านอ๋องให้ชัดเจน อย่างน้อยที่สุด จดหมายเฮงซวยเ่าั้ก็ไม่เกี่ยวข้องกับข้า เื่เมื่อคืนวานก็ต้องแจ้งแก่ท่านอ๋องด้วยเช่นกัน”
นางทำได้เพียงอุ้มแมวดำกลับไปก่อน และตั้งใจว่าจะรอให้เป่ยเหลียนโม่กลับมาแล้วค่อยเล่าเื่ของอวี่เหลียนเอ๋อร์ ทว่าหลังจากนางเดินจากไป ร่างเล็กร่างหนึ่งก็ะโเข้าไปทางหน้าต่าง
เป่ยเหลียนโม่กลับมาจากเรือนของเหยาเชียนเชียน ั์ตาสีดำกวาดมองความเปลี่ยนแปลงเล็กน้อยภายในห้อง เขาเปิดช่องลับในตู้ออกมา และมันก็เป็ไปตามคาด แผนที่จัดวางกำลังคุ้มกันนครหลวงหายไป
เชิงอรรถ
[1] ภูษาฟ้าไร้ตะเข็บ เป็สำนวนเปรียบเทียบถึงเหตุการณ์ที่เรียบร้อยราบรื่นรอบด้าน ไร้ปัญหา อุปสรรค หรือข้อตำหนิใดๆ
