บทที่ 102 ยมทูตขาวมีเื่ขอร้อง
“พาตัวไป”
หลินซีเยว่มองหลิวเฉียงด้วยแววตาเยือกเย็น ตำรวจสองนายที่เธอพามาด้วยเข้าไปคุมตัวหลิวเฉียงขึ้นรถตำรวจทันที
“ซีเยว่ เป็ยังไงบ้าง เมื่อกี้พวกเธอคุยอะไรกันอยู่เหรอ?”
จ้าวจื่อิมองดูเล็กน้อย ก่อนจะเดินเข้ามาหาจากอีกทางหนึ่ง หลินซีเยว่ทำสีหน้าเป็ปกติ แล้วยิ้มตอบ
“ก็แค่ถามว่ามีคนอื่นชักนำอยู่เื้ัหรือเปล่า”
“แล้วเขาว่าไงบ้าง?” ในน้ำเสียงของเขามีความตื่นเต้นแฝงอยู่เล็กน้อย หลินซีเยว่ส่ายหน้ายิ้ม “ไม่ได้พูดอะไร เขาแค่บอกว่าเขามีความแค้นกับเย่จือเฉินมาก่อน”
“ถือซะว่าผมซวยเอง แต่ว่าตำรวจหลินต้องทวงคืนความยุติธรรมให้ผมนะครับ”
เย่จื่อเฉินถอนหายใจเบาๆ ก่อนจะเอื้อมมือไปดึงหลี่เจียอี๋เข้าหาตัว แล้วพูดขึ้น
“ดูเหมือนว่าจะไม่มีเื่อะไรแล้ว งั้นผมขอตัวก่อน”
พอออกมาจากสถานีตำรวจ หลี่เจียอี๋ก็อดถามขึ้นด้วยความสงสัยไม่ได้
“เย่จื่อเฉิน เมื่อกี้หลิวเฉียงก็สารภาพแล้ว ทำไมพวกนายถึงไม่จับคนที่ชื่อจ้าวจื่อินั่นเลยล่ะ”
ป๊อก
เย่จื่อเฉินยกมือขึ้นเคาะศีรษะเธอเล็กน้อย แล้วพูด
“เธอนี่ยังโง่เหมือนเดิมเลยจริงๆ พูดปากเปล่าไม่มีหลักฐาน จะจับเขาได้ยังไง? ถึงหลิวเฉียงจะสารภาพ แต่ก็ไม่ได้บันทึกเสียงไว้ แบบนี้ไม่ถือว่าเป็หลักฐานได้หรอกนะ”
“อ๋อ”
หลี่เจียอี๋ยู่ปากยกมือสางผม เย่จื่อเฉินยิ้ม ก่อนจะบิดเอวด้วยความี้เี
“บ่ายนี้ฉันโดนเล่นงานแทบตาย ไปหาอะไรกินกันหน่อยไหม ฉันรู้มาว่ามีร้านสเต๊กยุโรปอยู่ร้านหนึ่งอร่อยมาก”
“สเต๊ก…อุ๊บ!!”
หลี่เจียอี๋ดูปกติมาตลอด จู่ๆ ก็ทำท่าจะอาเจียนขึ้นมา
เย่จื่อเฉินรีบประคองเธอไว้ ตบหลังเธอเบาๆ พร้อมเอ่ยถามอย่างห่วงใย
“เธอเป็อะไร โอเคหรือเปล่า ให้พาไปโรงพยาบาลไหม?”
หลี่เจียอี๋เงยหน้าขึ้นมองเขาด้วยสายตาที่มีหลากหลายความรู้สึก เธอขบกัดริมฝีปากก่อนจะพูด
“จนถึงตอนนี้นายยังอยากรับผิดชอบไหม?”
“……”
เย่จื่อเฉินทำหน้างง
“ให้ฉันรับผิดชอบอะไร?”
“ฉัน…ฉันอาจจะท้อง”
หลี่เจียอี๋กัดปาก ดวงตาคู่สวยจ้องตาเย่จื่อเฉินเขม็ง
เย่จื่อเฉินอึ้งไปทันที ก่อนจะพูดเสียงแตกตื่น
“ลูกใคร พ่อของเด็กเป็ใคร ทำไมฉันถึงไม่เคยเห็นเลย เขาจะขาดความรับผิดชอบเกินไปแล้วนะ”
เนิ่นนาน หลี่เจียอี๋ถึงได้ใช้สายตาหลากหลายความรู้สึกมองเขา
“ก็นายไม่ใช่เหรอ?”
“...”
“...”
“...”
เย่จื่อเฉินทำเหมือนมีอะไรจะพูด
ทำไมถึงชอบมีเื่ให้ได้เป็พ่อคนนักนะ ตอนนั้นเถียนเถียนเห็นเขา ก็พุ่งเข้ามากอดแล้วเรียกเขาว่าพ่อ
ครั้งนี้หลี่เจียอี๋ท้อง ก็มาบอกว่าพ่อเด็กคือเขาอีก
ทำไมกัน หรือว่าเขาเหมาะที่จะเป็พ่อคน?
เมื่อเห็นความตื่นตระหนกในดวงตาของเย่จื่อเฉิน ดวงตาของหลี่เจียอี๋ก็ฉายแววความเศร้าออกมาทันที แต่เธอก็ฝืนมันไว้แล้วพูดขึ้น
“ฉันไม่้าให้นายมารับผิดชอบ ฉันจะเอาเด็กออก สิ่งที่ฉัน้า ก็แค่ประโยคเดียวจากนาย”
“ประโยคเดียวจากฉันอะไรล่ะ ฉันยังไม่ได้แตะต้องตัวเธอเลย แล้วเด็กจะเป็ลูกฉันได้ยังไง?”
เย่จื่อเฉินเบิกตากว้าง ถ้าเขาทำเขาก็ต้องรับผิดชอบแบบไม่มีข้อโต้แย้งใดๆ อยู่แล้ว แต่นี่เขาไม่ได้ทำ เขาจึงไม่สามารถแบกรับเื่นี้ได้
“นาย…” หลี่เจียอี๋ขบกัดฟันพร้อมกับพูดอย่างขุ่นเคือง “คืนนั้นฉันโดนคนมอมยา แล้วนายก็อยู่กับฉันทั้งคืน พอวันต่อมาเราสองคนก็ตื่นขึ้นมาบนเตียง แถมฉันก็ตัวเปลือยเปล่า บนเตียงยังมีรอยเือีก นายยังบอกว่าไม่ใช่นายอีกเหรอ?”
หลี่เจียอี๋ก็ไม่ละความพยายาม เธอไม่สามารถทำร้ายลูกของเธอเพียงเพราะผู้ชายที่ยังไม่เข้าใจอะไรแบบนี้ได้
อย่างน้อยเธอก็้าการยอมรับจากเย่จื่อเฉินบ้าง
แต่ใครจะไปรู้ว่าเย่จื่อเฉินที่เมื่อครู่นี้เพิ่งจะทำหน้างงอยู่ จู่ๆ ก็ได้หัวเราะออกมา
“ตลกมากเหรอ นายคิดว่าฉันตลกมากไหม?” หลี่เจียอี๋บันดาลโทสะ “ฉันรู้ว่านายยังเรียนอยู่ ฉันก็ไม่ได้คิดว่าจะให้นายมารับผิดชอบเื่นี้ ค่าทำแท้งฉันจะค่อยๆ เก็บเงินเอาก็ได้ แต่อย่างน้อย นายก็ช่วยอธิบายให้ฉันเข้าใจหน่อยได้ไหม”
เย่จื่อเฉินยิ้มพร้อมกับเอื้อมมือไปลูบผมหลี่เจียอี๋ แล้วพูดขึ้น
“เธอคิดมากไปแล้ว”
“อะไร?”
“คืนนั้นฉันยังไม่ได้ทำอะไรเธอเลย” เย่จื่อเฉินยิ้มบาง แล้วพูด “วันนั้นเธอโดนมอมยาก็จริง แต่ฉันก็ไม่ได้ทำอะไรเธอจริงๆ ส่วนที่เธอตื่นขึ้นมาแล้วเห็นสีแดงบนที่นอน ก็เพราะว่าประจำเดือนเธอมาพอดีไม่ใช่เหรอ?”
“เป็ไปไม่ได้” หลี่เจียอี๋ส่ายหน้าอย่างแรง ตอนนั้นเธอก็สงสัยอยู่เหมือนกันว่ารอยเืบนที่นอนอาจจะเป็ประจำเดือน
แต่เธอไปเช็คดูในอินเทอร์เน็ต ก็พบว่าถ้าโดนมอมยาแล้ว้าบรรเทาอาการก็มีแต่…
“ที่จริงตอนนั้นฉัน…” เย่จื่อเฉินหน้าแดงขึ้นมาทันที แล้วพูดด้วยรอยยิ้ม “ที่จริงแล้ว ฉันคือปรมาจารย์ยูโด”
ยูโด!
ยูโด!
ฉ่า
ใบหน้าของหลี่เจียอี๋แดงเถือกขึ้นมาทันที ในตอนนั้นเย่จื่อเฉินก็จับมือของเธอเอาไว้ สักพักก็คลายออก
“ถ้าฉันเดาไม่ผิด ่นี้เธอน่าจะเป็ภาวะกระเพาะอาหาร และม้ามบกพร่องถึงได้ทำให้อยากอาเจียน ส่วนที่เธอได้กลิ่นของกินเลี่ยนๆ พวกนั้นแล้วจะอาเจียน ก็บ่งบอกได้ว่ามีปัญหาด้านจิตใจ อาการจะคล้ายกับการตั้งครรภ์”
หลี่เจียอี๋ขบกัดริมฝีปาก ไม่พูดอะไรอยู่นาน ทำไมเธอถึงคิดไม่ถึงกันนะ ว่าทุกอย่างนี้เป็สิ่งที่เธอคิดไปเองมาตลอด
“เอ่อ…ถ้าเธอยังกังวลอยู่ เราสองคนไปตรวจดูที่โรงพยาบาลก็ได้นะ”
เย่จื่อเฉินยืนยิ้มอยู่ข้างๆ หลี่เจียอี๋ส่ายหน้า แล้วตอบกลับ
“ไม่ต้องหรอก ฉันเชื่อที่นายพูด”
บรรยากาศอึดอัดขึ้นมาทันที
“จริงสิ ฉันต้องรีบกลับร้านแล้ว ไม่อย่างนั้นผู้จัดการร้านต้องเป็ห่วงแน่”
ท่ามกลางความเงียบ จู่ๆ หลี่เจียอี๋ก็เปิดปากพูดขึ้นมา เย่จื่อเฉินเลิกคิ้วขึ้น แล้วพูด
“งั้นเดี๋ยวฉันไปส่งเธอ”
“ไม่ต้องหรอก ฉันกลับเองได้”
หลี่เจียอี๋ยื่นมือออกไปโบกรถแท็กซี่ ก่อนจะหายไปจากสายตาของเย่จื่อเฉินทันที
เย่จื่อเฉินที่ยังยืนอยู่กับที่อดส่ายหน้ายิ้มขำไม่ได้ มิน่าล่ะตอนนั้นเธอถึงได้พูดจาออกมาแปลกๆ แบบนั้น
ที่ไหนได้ก็เข้าใจผิดนี่เอง
แต่เื่พวกนี้ก็ไม่ได้สำคัญอะไร ที่สำคัญคือจ้าวจื่อิคนนั้น
กรอด
พอคิดถึง เย่จื่อเฉินก็กำหมัดแน่นทันที หมอนี่ต้องเป็คนร้ายแน่นอน
เมื่อกลับมาถึงบ้าน
เถียนเถียนก็พุ่งเข้าใส่อ้อมกอดของเขา ่นี้เด็กน้อยคนนี้มีความสุขมาก มีเสี่ยวไป๋คอยเล่นด้วย จึงดูสดใสขึ้นมาก
เย่จื่อเฉินเล่นกับเถียนเถียนอยู่ในห้องนั่งเล่นสักพัก ก็ซื้อเพ็ดดีกรีให้เสี่ยวไป๋อีก
อย่าว่าอย่างนั้นอย่างนี้เลยนะ เพ็ดดีกรี์ในเถาเป่าแพงมากจริงๆ
ห่อล่ะ 100 วิทยายุทธ
แต่เพื่อให้ในอนาคต เสี่ยวไป๋กลายเป็สัตว์เทพเหมือนกับสุนัข์ เย่จื่อเฉินจึงยอมแลกเืเนื้อ
กดซื้อมา 20 ห่อ เพื่อให้มันกิน
แต่พอคิดกลับกัน การมีวิทยายุทธมันก็ทำให้เขาใช่จ่ายอย่างสุรุ่ยสุร่าย
เย่จื่อเฉินที่นอนอยู่บนเตียงกดเปิดดูบัตรเซียนของตัวเอง
บัตรเซียน : เง็กเซียนนิรนาม (วิทยายุทธ 3,612 ตำแหน่งเซียนระดับสี่)
ใช้วิทยายุทธไปแล้ว แต่ตำแหน่งเซียนไม่ได้ลดลงไป จนถึงตอนนี้เย่จื่อเฉินก็ยังไม่รู้ว่าตำแหน่งเซียนนี้เอาไว้ทำอะไร
นอกจากนี้ยังมีการสำรวจระบบโปรโมชันด้วย
เย่จื่อเฉินยีหัวไปมา แล้วเตรียมกดออกจากวีแชทเพื่อเข้านอน
ติ๊ง!
จู่ๆ เสียงแจ้งเตือนโทรศัพท์ก็ดังขึ้นมา
คนที่ทักมาหาเขาในเวลานี้ทุกวัน ดูเหมือนจะมีแต่พี่สาวยมทูตขาวคนนั้นแล้วแหละ
ไม่ผิดไปจากที่คิด เมื่อกดเปิดหน้าแชท ก็เห็นว่าเป็ยมทูตขาวทักมาหาเขาจริงๆ
ยมทูตขาว : เอ่อ…อยู่ไหม? ฉันมีเื่จะรบกวนเธอหน่อย
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้