จูชิงเพียงยิ้มมิได้อธิบายอันใด ท่ามกลางความฉงนสงสัยของซั่งกวานจือหนิง จากนั้นก็โยนนางขึ้นไปบนต้นไม้โบราณ เผชิญหน้ากับหมาป่าวายุคลั่งนับร้อยด้วยตัวคนเดียว
ซั่งกวานจือหนิงมองจูชิงอย่างตกตะลึง จอมยุทธ์ขั้นหลอมกายาสามชั้นฟ้าคิดจักประมือกับหมาป่าวายุคลั่งทั้งฝูงอย่างนั้นรึ เ้านี่ไปเอาความมั่นใจมาจากที่ใด
แม้ว่าจักเป็หมาป่าวายุคลั่งตัวที่อ่อนแอที่สุด หากก็ยังแข็งแกร่งกว่าจอมยุทธ์ขั้นหลอมกายาสามชั้นฟ้าหลายต่อหลายเท่า ลำพังแค่หมาป่าวายุคลั่งตัวเดียวก็เต็มกลืนแล้ว ฉะนั้นอย่าได้กล่าวถึงหมาป่าวายุคลั่งเป็ร้อยตัวเลย
มีศิษย์นิกายขุนเขากระบี่เทียนหยวนที่อยู่ในขั้นหลอมกายาจำนวนไม่น้อยล่าสังหารสัตว์อสูรเพื่อบำเพ็ญเพียร ทว่าล้วนแล้วอยู่ภายใต้การผสานค่ายกลทั้งสิ้น!
ซั่งกวานจือหนิงเห็นจุดจบของจูชิงแล้ว เผชิญหน้ากับฝูงหมาป่าวายุคลั่ง จูชิงไม่มีทางชนะ
“บรู้ววว!” เสียงหอนของหมาป่าใกล้เข้ามาเรื่อยๆ ฝูงหมาป่าวายุคลั่งหลายร้อยตัวกำลังวิ่งวุ่นอยู่ในป่า กระทั่งผืนดินยังสั่นะเื
อสูรดึกดำบรรพ์ก็คืออสูรดึกดำบรรพ์ มิว่าพลังของพวกมันจะอยู่ในขั้นระดับใด แค่รูปร่างก็เหนือขั้นยิ่งกว่าอสูริญญาทั่วไปหลายเท่าแล้ว!
ในโลกภายนอก หมาป่าซึ่งเป็สัตว์อสูรทั่วไปนั้นมีขนาดเท่ากับวัว ทว่าหมาป่าวายุคลั่งนั้นสูงถึงหนึ่งฟุต เขี้ยวคมกริบดุจดั่งใบมีด
หมาป่าวายุคลั่งเพียงตัวเดียวสามารถสร้างแรงกดดันได้อย่างมหาศาล นับประสาอะไรกับหมาป่าวายุคลั่งเป็ร้อยตัว!
“หมาป่าวายุคลั่ง มาลองกันสักตั้ง!” จูชิงถอนหายใจ ลมปราณในตันเถียนพลุ่งพล่าน อักขระาหลัวโหวสลักอยู่บนแขนขวาเปล่งแสงจรัสแจ้งเยี่ยงแสงทิวา!
“ลมปราณบริสุทธิ์ ไม่มีคุณสมบัติพิเศษอื่น เขายังมิได้ฝึกปรือวิชา” ซั่งกวานจือหนิงหลับตาลงเพราะทนดูสิ่งที่จะเกิดขึ้นต่อไปไม่ได้
หลังจากบำเพ็ญเพียรลมปราณแรกเริ่ม ปกติแล้วจอมยุทธ์ส่วนใหญ่มักจะมองหาวิทยายุทธที่เหมาะสมกับตัวเองเพื่อปรับเปลี่ยนลมปราณในร่างกายให้เป็ลมปราณที่มีคุณสมบัติพิเศษ
ตัวอย่างเช่นซั่งกวานจือหนิงฝึกปรือวิชาธาตุไฟ สามารถเปลี่ยนลมปราณให้กลายเป็เปลวเพลิง เมื่อใดที่ขับเคลื่อนลมปราณนั้นก็จักกลายเป็ไฟโหมกระหน่ำผลาญเผาศัตรู ซึ่งพลานุภาพมิรู้ว่าแข็งแกร่งยิ่งกว่าลมปราณบริสุทธิ์ไม่รู้กี่เท่า
วิชาธาตุที่พบเห็นได้บ่อยที่สุดในทวีปเฉียนหยวนก็คือปัญจธาตุ ได้แก่ ทอง ไม้ น้ำ ไฟ และดิน เกือบจักครอบคลุมจอมยุทธ์เก้าสิบเก้าเปอร์เซ็นต์ในทวีปเฉียนหยวน
จูชิงเป็จอมยุทธ์ขั้นหลอมกายาสามชั้นฟ้า โดยทั่วไปแล้วควรจะเลือกวิชาธาตุที่เหมาะสมกับตัวเองตั้งนานแล้ว ทว่าเขายังใช้แค่ลมปราณบริสุทธิ์อยู่
หากไม่มีคุณสมบัติพิเศษ จูชิงก็จักกลายเป็ฝ่ายเสียเปรียบั้แ่ยังไม่ได้เริ่มสู้!
“เ้าหัวขโมยนั่นสมองพังไปแล้วรึ?” ซั่งกวานจือหนิงพูดอย่างกราดเกรี้ยว
“แคร้ง!” อักขระาหลัวโหวทั้งสองสาดแสงเจิดจ้า ลมปราณแกร่งกล้าเคลือบคลุมแขนของจูชิง!
ขณะนั้นจูชิงััได้ว่าแขนขวาของเขาเปรียบเสมือนดาบไร้ทานเทียม ไม่ว่าอะไรก็ตามที่ขัดขวางอยู่เบื้องหน้าย่อมสามารถตัดขาดมันได้อย่างง่ายดาย
หมาป่าวายุคลั่งอยู่ห่างจากจูชิงเพียงร้อยก้าว แต่สำหรับหมาป่าวายุคลั่งนั้นใช้เวลาเพียงชั่วพริบตาเดียวเท่านั้น!
“โฮกกก!” หมาป่าวายุคลั่งตัวหนึ่งโจนทะยานเข้ามาเป็ตัวแรก แขนขาอันแข็งแกร่งเหยียบลงบนพื้นดุดันรุนแรง พุ่งตัวลงมากลางอากาศแยกเขี้ยวแหลมคมน่าหวั่นสะพรึง
แสงเย็นเยือกสะท้อนออกมาจากปลายเขี้ยวแหลม ด้วยพลังแห่งลมความเร็วของหมาป่าวายุคลั่งพุ่งทะยานสูงยิ่งกว่าเดิม เพียงพริบตาเดียวมันก็ประจักษ์อยู่ตรงหน้าของจูชิง อยู่ห่างกับเขาเพียงฟุตเดียวเท่านั้น
จูชิงยกแขนซ้ายสกัดกั้นเขี้ยวหมาป่าวายุคลั่ง!
หากแต่มันยังไม่จบ พลังของหมาป่าวายุคลั่งเหลือล้ำเกินพรรณนา จูชิงถอยหลังไปหลายสิบฟุตทิ้งรอยลากยาวเอาไว้บนพื้น
“เป็ไปได้ยังไง!” ซั่งกวานจือหนิงจ้องมองจูชิงอย่างตกตะลึง
จูชิงมิได้กังวลแม่แต่นิดว่าจักต่อต้านเขี้ยวคมของหมาป่าวายุคลั่งมิได้ เขารับแรงพลังจากมันอย่างหาญกล้าปราศจากความกลัว นั่นคือสิ่งที่จอมยุทธ์ขั้นหลอมกายาสามชั้นฟ้าทำได้อย่างนั้นรึ?
ครั้นเห็นลมปราณปัดป้องที่อยู่แขนซ้ายกำลังจะแหลกสลาย เขาก็ถอนหายใจออกมาอย่างอดมิได้ การโจมตีของหมาป่าวายุคลั่งรุนแรงเสียจริง แม้ว่าจักขับเคลื่อนลมปราณปัดป้องเต็มกำลังกลับต้านทานได้เพียงแค่หนึ่งการโจมตี
ถ้าซั่งกวานจือหนิงรู้ว่าจูชิงคิดอะไรบ้าๆ เยี่ยงนี้อยู่ในหัว นางคงตบกะโหลกเขาไปแล้ว
แรกเริ่มเดิมทีร่างกายของมนุษย์นั้นมิได้แข็งแกร่ง ขั้นพลังก่อนสำเร็จเป็ขั้นสร้างลมปราณล้วนอ่อนแอกว่าสัตว์อสูรทั้งสิ้น แน่นอนว่ามิต้องกล่าวถึงอสูรดึกดำบรรพ์
จูชิงสามารถรับมือกับหมาป่าวายุคลั่งด้วยขั้นหลอมกายาสามชั้นฟ้า นั่นก็น่าภาคภูมิใจมากแล้ว ทว่าเขายังรู้สึกว่ามันยังไม่พอ
ฟ้า ฟ้าผ่า…
ซั่งกวานจือหนิงฉุกคิดอะไรบางอย่าง ครั้นนึกภาพจูชิงที่ถูกฟ้าผ่าจนตัวไหม้เกรียม นางก็ยิ้มออกมาอย่างอดมิได้ นั่นสินะ ถูกฟ้าผ่าเช่นนั้นแล้วยังรอดมาได้ นับประสาอันใดกับแค่หมาป่าวายุคลั่งกัน
“ฟึ่บ!” จูชิงหมุนควงแขนขวา ลมปราณครอบคลุมทั่วทั้งแขนขวาดุจดั่งกระบี่อันคมกล้า ตัดผ่านิัของหมาป่าวายุคลั่งทะลวงผ่านไปถึงกระดูกของมัน!
หมาป่าวายุคลั่งถูกฟันหัวขาด โลหิตสาดกระเซ็นย้อมทั่วปฐี หมาป่าวายุคลั่งหนึ่งตัวถูกฆ่าตายแล้ว!
ทว่าฝูงหมาป่าวายุคลั่งมิได้แตกตื่นแต่อย่างใด ในทางกลับกันกลับยิ่งทำให้พวกมันคลุ้มคลั่งยิ่งกว่าเดิม หมาป่าวายุคลั่งนับร้อยแผดเสียงคำรามอึกทึกทั้งฟ้าดิน!
ถึงจะเป็การปะทะใน่ระยะเวลาสั้นๆ ทว่าก็ทำให้จูชิงตระหนักถึงความแข็งแกร่งของหมาป่าวายุคลั่ง แค่ลมปราณปัดป้องก็เพียงพอที่จักใช้ต่อกรกับหมาป่าวายุคลั่งแล้ว ซึ่งกลยุทธ์ของฝูงหมาป่าใช้มิได้ผลกับเขา
ทั้งยังมีหินโลหิตช่วยเติมเต็มลมปราณตลอดไม่ขาดสาย เรียกได้ว่าพลังลมปราณไร้ซึ่งขีดจำกัด ไม่มีอะไรต้องเกรงกลัวหมาป่าวายุคลั่ง!
“เข้ามา!” แววตาของจูชิงดูร้อนแรงดุจดั่งมีเปลวเพลิงปะทุอยู่ จูชิงสู้ยิบตาไม่ท้อถอย บุกบั่นฟาดฟันกับฝูงหมาป่าวายุคลั่ง
แขนขวาของจูชิงเปรียบดั่งศัสตราวุธสังหาร ทุกครั้งที่ขยับ หยาดเืพร่างพรายดั่งสายพิรุณโลหิต!
หมาป่าเป็สัตว์ที่มีเอวเป็เต้าหู้ หัวเป็ทองแดง หางเป็เหล็ก หัวและหางกล่าวได้ว่าเป็อาวุธที่ทรงพลังที่สุดของหมาป่า หากแต่เบื้องหน้าแขนขวาของจูชิง มันกลับมิต่างอันใดกับกากเต้าหู้ที่จูชิงสามารถบั่นศีรษะพวกหมาป่าวายุคลั่งได้ในพริบตาเดียว
“แขนขวาของเขาจะต้องผสานวิชาลับอะไรบางอย่างเป็แน่ ไม่อย่างนั้นไม่น่าจักมีพลานุภาพเหนือชั้นเช่นนั้นได้” ซั่งกวานจือหนิงมองดูจูชิงสำแดงพลานุภาพท่ามกลางฝูงหมาป่าวายุคลั่งด้วยความตกตะลึง
แขนขวาของจูชิงอยู่ในระดับศัสตราวุธิญญาแล้ว อีกทั้งมิใช่ศัสตราวุธสามัญ เพราะมันแข็งแกร่งยิ่งกว่าศัสตราวุธิญญาชั้นสูงหลายเท่าเทียบเท่าได้กับศัสตราวุธิญญาชั้นยอด
ซั่งกวานจือหนิงคิดไม่ถึงเลยว่า จูชิงจักพัฒนามาถึงขั้นนี้ได้ในระยะเวลาไม่นาน!
“โฮกก!” หลังจากจูชิงฆ่าหมาป่าวายุคลั่งไปทั้งหมดห้าสิบตัว หมาป่าวายุคลั่งที่เหลือเริ่มกลัวขึ้นมา พวกมันแผดเสียงคำรณทุ้มต่ำหนึ่งครั้งแล้วหนีไปจากที่นี่
หมาป่าเป็สัตว์มีแรงอาฆาตแกร่งกล้า เมื่อใดที่มันล่าสังหารก็จักตามล่าไม่จบไม่สิ้น หากแต่หมาป่าวายุคลั่งกลับอกสั่นขวัญแขวนกับการกระทำของจูชิงจนถึงกับต้องหนี ช่างเป็สิ่งที่น่าเหลือเชื่อยิ่งนัก
จูชิงกวาดสายตามองศพบนพื้นพลางถอนหายใจ ในที่สุดเขาก็ทำสำเร็จ!
“โง่เขลา!” เฒ่าปีศาจพูดอย่างไม่สบอารมณ์
“ทำไมล่ะ ข้ายังทำดีไม่พองั้นรึ?” จูชิงขมวดคิ้ว
“ดีไม่พอ? คิดเข้าข้างตัวเองเสียจริง เ้าทำผิดไปแล้วหนึ่งร้อยแปดสิบข้อ มิว่าข้อไหนล้วนเสี่ยงชีวิตทั้งสิ้น!” เฒ่าปีศาจแค่นเสียงเย็น
“ความผิดหนึ่งร้อยแปดสิบข้อ เฒ่าปีศาจ อย่ามาโกหกข้า ข้าไม่มีทางหลงกลท่าน” จูชิงไม่พอใจ เขาแค่ต่อสู้ แต่เฒ่าปีศาจกลับบอกว่าเขาทำผิดร้อยแปดสิบข้อ!
“โชคดีที่เ้าประมือกับพวกสัตว์อสูรที่มีสติปัญญาต่ำ ถ้าเ้าประมือกับมนุษย์ที่อยู่ในขั้นระดับเดียวกัน เ้าน่าจะตายไปหลายร้อยครั้งแล้ว” เฒ่าปีศาจพูด
ได้ยินเฒ่าปีศาจพูดดังนั้น จูชิงนึกทบทวนการต่อสู้ทั้งหมดอีกครั้ง ไม่นานนัก เหงื่อเย็นพลันผุดพรายโชกชุ่มทั่วทั้งแผ่นหลัง เหมือนกับที่เฒ่าปีศาจพูดไว้ไม่ผิด เขาทำผิดพลาดมากมหันต์ และความผิดพลาดเ่าั้ร้ายแรงถึงชีวิต
“เ้าหันหลังให้กับศัตรูโดยสมบูรณ์ ถ้ามิใช่เพราะลมปราณปัดป้องช่วยต่อต้านพลังการโจมตี ป่านนี้เ้าคงตายไปแล้ว” เฒ่าปีศาจพูดโดยไม่เข้าข้างจูชิงแม้แต่น้อย
จูชิงเองก็รับรู้ถึงความผิดพลาดในการต่อสู้เมื่อครู่ เขารอดชีวิตมาได้ถือว่าโชคดีมาก!
“ข้าต้องทำอย่างไร?” จูชิงเอ่ยถาม
เฒ่าปีศาจเหลือบมองจูชิงแวบหนึ่ง “คิดเอาเองสิ ข้าเพียงช่วยชี้แนะนำทาง เ้าจักต้องก้าวเดินด้วยตัวเอง!”
“เหอะ!” จูชิงชูนิ้วกลางให้กับเฒ่าปีศาจ ไม่พึงพอใจกับคำตอบที่ได้รับ
กระนั้นจูชิงก็ยังคิดถึงการต่อสู้ก่อนหน้านี้อยู่ตลอดเวลา พอนั่งทำกรรมฐานครู่หนึ่ง เขาก็พบว่าควรปรับเปลี่ยนวิธีการบางอย่าง เดิมทีเขาสามารถจบศึกกับฝูงหมาป่าวายุคลั่งได้ง่ายดายและรวดเร็วยิ่งกว่านี้ อีกทั้งยังสามารถกักขังหมาป่าวายุคลั่งนับร้อยเอาไว้ที่นี่ได้
“ผิดพลาด ผิดพลาดอย่างมหันต์ ข้าเผลอดีใจไปได้อย่างไร!” จูชิงส่ายหัวด้วยความหงุดหงิด
เฒ่าปีศาจนั่งขัดสมาธิอยู่บนศิลาผนึกิญญาพิชิต์กระตุกยิ้มเล็กน้อย ความจริงแล้วเขาใกับสิ่งที่เกิดขึ้นอยู่สักหน่อย เขาคาดไม่ถึงว่าจูชิงจักสังหารหมาป่าวายุคลั่งได้หลายสิบตัว
อย่างไรก็ตาม ในฐานะผู้ชี้แนะของจูชิง เฒ่าปีศาจจำเป็ต้องตักเตือนจูชิงว่าอย่ามั่นใจในตัวเองมากเกินไป ข้อผิดพลาดหนึ่งร้อยแปดสิบข้อเป็เพียงข้อผิดพลาดที่พบเจอในขั้นระดับพลังของเขา ทว่าในขั้นระดับของจูชิงนั้นมันมิใช่ข้อผิดพลาด
“สมกับที่เป็ผู้ฟื้นคืนชีพจากศิลาผนึกิญญาพิชิต์ หรือว่าจักมีความลับอะไรซ่อนอยู่เื้ัของเ้าเด็กคนนี้?” เฒ่าปีศาจยิ้ม ผสานร่างหายเข้าไปในศิลาผนึกิญญาพิชิต์
“เสียของ!” ซั่งกวานจือหนิงมองศพของหมาป่าวายุคลั่งอย่างเ็ปหัวใจ ศพของอสูรดึกดำบรรพ์ มิว่าเป็เนื้อหรือเืล้วนแล้วมีประโยชน์สามารถนำไปขายได้ราคางาม
ทว่าหินโลหิตที่อยู่กลางอกของจูชิงไม่ปล่อยให้ซั่งกวานจือหนิงเสียใจนานนัก มันสั่นสะท้าน กลืนกินลมปราณที่อยู่ในศพของหมาป่าวายุคลั่งจนหมดเกลี้ยง พริบตาเดียว ศพของหมาป่าวายุคลั่งก็สลายกลายเป็ผุยผง!
