ั้แ่ซูอันให้ตั้งป้ายประกาศด้านหน้าร้าน ทำให้มีพ่อค้าจากต่างเมืองและต่างแคว้น สนใจงานครั้งนี้เป็จำนวน บางคนส่งข่าวผ่านนกพิราบสื่อสารถึงคนในตระกูล ให้รีบออกเดินทางพร้อมนำตั๋วเงินติดตัวมามากหน่อย ทำให้โรงเตี๊ยมไม่ว่าจะขนาดเล็กหรือขนาดใหญ่ ถูกจับจองจนเต็มอย่างที่ไม่เคยเป็มาก่อน
ทางด้านของหยางไท่ิกับฟงเฉิงฮ่าว พวกเขาสองคนมาช่วยซูอันเตรียมสถานที่ นอกจากนี้ยังได้บอกซูอันเกี่ยวกับการประมูล เนื่องจากทั้งสองคนคิดถึงคำพูดของนางที่ว่า ผ้าไหมทองคำผืนนี้เป็สมบัติของครอบครัว
“คุณหนูรอง ข้ากับอาฮ่าวจำได้ว่าผ้าไหมที่ใช้ประมูล เป็สมบัติของตระกูลท่าน ดังนั้นพวกข้าสองคนจึงขอเป็คนให้ราคาสูงที่สุด แม้เหยียนโจวเฟิ่งจะมาร่วมงาน แต่ข้าเชื่อว่าคนเช่นนั้นไม่มีทางยอมให้เงินกระเด็นออกมาแม้แต่อีแปะเดียวแน่ หลังจากใช้ผ้าผืนนี้เป็เหยื่อล่อได้สำเร็จ ข้าจะนำมันมาคืนให้คุณหนูรองทันที” ทั้งคำพูดและสายตาของหยางไท่ิ บ่งบอกว่าเขาจริงจังกับเื่ที่พูดอย่างมาก
‘โอะโอ พ่อหนุ่มสุดหล่อหน้านิ่ง ช่างมีจิตใจที่ดีงามซะจริง นอกจากจะจ่ายเงินประมูลแล้ว ยังจะคืนผ้าไหมให้อีกด้วย อืม ใช้ได้ ๆ บวกหนึ่งคะแนนก็แล้วกัน’
ซูอันที่นั่งตัวตรงดูเรียบร้อยเลิกคิ้วเรียว และตอบหยางไท่ิด้วยท่าทางจริงจังเช่นกัน “ขอบคุณคุณชายทั้งสองมากเ้าค่ะที่เข้าใจ เอาเช่นนี้เป็อย่างไร หลังจากพวกท่านจับตัวผู้บงการได้ แล้วนำผ้าไหมมาคืนข้าจะเตรียมผ้าไหมที่ปักลวดลายอย่างอื่นไว้ให้ นอกจากจะมอบให้พวกท่านคนละหนึ่งพับแล้ว ยังมีผ้าเช็ดหน้าและถุงใส่เครื่องหอม มอบให้อีกคนละห้าชิ้นเป็อย่างไรเ้าคะ พวกท่านจะได้นำไปใช้ตามที่ข้าได้ขอไว้”
เยี่ยนหลิงที่นั่งฟังอยู่ด้วยกันกับซูอัน ก็รู้สึกซาบซึ้งถึงความจริงใจของบุรุษทั้งสอง “พวกท่านอย่าได้ปฏิเสธเลยนะเ้าคะ ข้ากับอันเอ๋อร์จะคัดเลือกผ้าผืนที่งดงามที่สุด เพื่อนำมามอบให้พวกท่านเ้าค่ะ”
ฟงเฉิงฮ่าวมองใบหน้านวลที่แสดงออกอย่างจริงจัง แต่มันกลับน่ารักเสียนี่กระไรสำหรับเขา จนนึกไม่ออกว่าหากกลับไปเมืองหลวงแล้ว จะได้สานสัมพันธ์กับเยี่ยนหลิงต่อหรือไม่
“คุณหนูใหญ่จินพูดมาถึงเพียงนี้ ข้ากับอาิจะกล้าปฏิเสธได้อย่างไร ขอแค่เป็ผ้าที่ท่านเลือกให้ย่อมสวยที่สุด ข้าพูดถูกหรือไม่อาิ”
“ข้าเองก็คิดเหมือนกับอาฮ่าว คงต้องรบกวนคุณหนูทั้งสอง ช่วยเลือกผ้าไหมที่สวยที่สุดให้ด้วย จะมีเพียงคนในครอบครัวของข้าเท่านั้น ที่จะได้ใช้ผ้าไหมที่พวกท่านเป็คนเลือกให้ด้วยตนเอง” หยางไท่ิจะไม่เห็นด้วยได้อย่างไร
เมื่อผู้รับไม่ปฏิเสธซูอันย่อมเตรียมของดีให้เช่นกัน “ได้เ้าค่ะ ข้ากับพี่หญิงจะช่วยกันเลือกเป็อย่างดี”
ปากของซูอันกล่าวตอบกับบุรุษตรงหน้า แต่ในใจของนางกำลังออกคำสั่งกับจี้หยกวิเศษ
‘จีจี้ได้ยินแล้วใช่ไหม เ้าช่วยจัดการเตรียมผ้าไหมอย่างดี พร้อมลวดลายการปักเย็บ สำหรับบุรุษและสตรีไว้สักสองสามอย่าง ชื่อเสียงของตระกูลจินต้องเป็ที่กล่าวถึงในเมืองหลวง’
‘แหมมมม นายหญิงละก็ไหนก่อนหน้านี้ท่านเปรยไว้มิใช่หรือ ว่าจะไม่ตกหลุมพรางของบุรุษหน้าตาหล่อเหล่า อย่างคุณชายหยางไท่ินั่น แล้วเหตุใดตอนนี้ถึงอยากสร้างความประทับใจล่ะเ้าคะ อ๋า..หรือว่าท่านกำลัง ๆ รู้สึกดีกับคุณชายหยางละ..”
‘เงียบไปเลยนะจีจี้! รู้สึกดีเดออันใดกันเขาเรียกผลได้ต่างตอบแทน เ้าอย่าได้พูดแปลก ๆ เช่นนี้อีก ไม่อย่างนั้นถังน้ำเย็น ๆ นั่นจะเป็ที่นอนของเ้า’
‘อุ๊บ! อีอี้ไอ้อู้ดแอ้วเอ้าอ่ะ (จีจี้ไม่พูดแล้วเ้าค่ะ)’
‘ชิ ไม่คุยกับเ้าแล้วอย่าลืมเตรียมผ้าไหมทองคำให้ข้าด้วยเล่า ส่วนของคุณชายหยางกับคุณชายฟง ค่อยเตรียมไว้หลังจบงานประมูลในวันมะรืน’
‘รับทราบเ้าค่ะนายหญิงคนงามของจีจี้’
เมื่อเจรจาเื่ของตอบแทนกันเป็ที่เรียบร้อย หยางไท่ิและฟงเฉิงฮ่าวยู่ช่วยงานซูอันอีกครึ่งชั่วยาม จึงได้ขอตัวกลับโรงเตี๊ยมเพื่อพูดคุยแบ่งหน้าที่ในวันงานประมูล
ภายในห้องพักของหยางไท่ิ กำลังมอบหมายงานให้คนสนิทของตนกับคนสนิทของสหาย
“เอาล่ะพวกเ้าสามคนจงฟังให้ดี วันมะรืนข้ากับอาฮ่าวจะร่วมเป็แขกในงาน เพื่อประมูลผ้าไหมทองคำ อู๋ซวนเ้าไปเฝ้าดูด้านหลังร้านเอาไว้ ส่วนเ้าอู๋ซูเฝ้าด้านซ้ายและไห่หยวนเฝ้าด้านขวา
คอยสังเกตเหนียนโจวเฟิ่งเอาไว้ให้ดี รวมถึงคนที่คอยติดตามมาด้วยก็เช่นกัน ข้าเชื่อว่าคนอย่างเหนียนโจวเฟิ่งไม่มีทางมาดีแน่ ยิ่งเื่เสียตำลึงยิ่งไม่มีทาง ทางเดียวที่มันจะทำก็คือการปล้นชิงเท่านั้น”
“ขอรับคุณชาย/ ขอรับคุณชาย/ ขอรับคุณชายหยาง”
นิสัยของเหยียนโจวเฟิ่งใครบ้างจะไม่รู้ เพราะฟงเฉิงฮ่าวก็เคยเจมากับตัวเมื่อผ่านวัยสวมกวาน “หึ ครั้งนี้หากจับตัวได้ข้าจะสั่งสอนเสียหน่อย เมื่อพาตัวกลับเมืองหลวงคงทำอะไรมากไม่ได้อีก”
ทางด้านของซูอันก็ไม่น้อยหน้า นางกำชับคนของตนส่วนหนึ่งคุ้มครองบิดามารดา อีกส่วนหนึ่งกระจายอยู่รอบ ๆ ร้านผ้า โดยให้อวี้เหลียนคอยดูแลเยี่ยนหลิง ส่วนตัวซูอันไม่จำเป็ต้องมีใครมาคอยคุ้มกัน เพราะนางสามารถเอาตัวรอดได้เป็อย่างดี
ขบวนเดินทางของเหยียนโจวเฟิ่ง ก็มาถึงเมืองผู่เถียนในปลายยามเซิน ก่อนประตูเมืองจะปิดเพียงเล็กน้อย จากนั้นให้คนสนิทอย่างฉู่เฟย ไปหาบ้านเช่าสักหนึ่งหลังเนื่องจากเหยียนโจวเฟิ่ง ไม่้าเข้าพักในโรงเตี๊ยม ด้วยเกรงว่าจะมีคนในราชสำนักตามสืบเื่ของตน
และในที่สุดงานประมูลผ้าไหมทองคำ ที่จัดโดยร้านผ้าไหมหงส์ทอเมฆาก็มาถึง บริเวณด้านหน้าร้านถูกจัดวางเก้าอี้ เพื่อแขกระดับเศรษฐีหรือคหบดีที่้าเข้าร่วมประมูล ซึ่งมีคนให้ความสนใจไม่น้อยเลยทีเดียว แต่แขกอีกสองคนกลับขอนั่งอยู่บนชั้นสองร่วมกับเ้าของร้าน และยังมีฉากกั้นมิให้ผู้เห็นหน้าโดยอ้างว่าชอบความเป็ส่วน
งานในวันนี้มีหลงจู๊เหวยฉินเป็คนขานราคา “สวัสดีแขกทุก ๆ ท่านขอบคุณพวกท่านที่ให้ความสนใจ การจัดงานประมูลของทางร้านในวันนี้ อย่างที่พวกท่านได้ทราบไปแล้ว่า ผ้าไหมล้ำค่าในการประมูลก็คือผ้าไหมที่ทำจากเส้นด้ายทองคำ
ซึ่งผ้าไหมทองคำผืนนี้ถูกปักลวดลายดอกอวี้หลาน ซึ่งทำเป็เส้นด้ายสีเงินรวมถึงเส้นด้ายสีอื่น ๆ จนกลายเป็ภาพปักที่งดงามจนเกินจะบรรยายได้ ข้ารู้ว่าทุกท่านอยากยลโฉมผ้าไหมผืนนี้แล้ว ดังนั้นเชิญทุกท่านมองให้เต็มสองตา และทางร้านจะเริ่มทำการเปิดประมูลทันที”
พรึ่บ!
“นะ นะ นั่นมัน ทะ ทะ ทองคำจริง ๆ ด้วย!!”
“โอ้์ ข้าเห็นผ้าทอและปักลวดลายมามากมาย จนผ่านมาหลายสิบปีสิ่งที่เคยผ่านดวงตาคู่นี้ของข้า ยังไม่อาจเทียบได้กับผ้าไหมทองคำ ที่ปักดอกอวี้หลานได้อย่างวิจิตรงดงามผืนนี้”
“ข้าจะต้องประมูลผ้าไหมผืนนี้ให้ได้ หลังจากนั้นจะนำไปเป็สมบัติของตระกูลข้า”
“หนึ่งพันตำลึงทอง!”
“สองพันตำลึงทอง!”
“สามพันห้าร้อยตำลึงทอง!”
เสียงผู้เข้าร่วมประมูลเริ่มเสนอราคาประมูลกันอย่างดุเดือด แต่เมื่อเสียงอันทรงพลังที่อยู่บนชั้นสองเอ่ยขึ้น จึงเกิดเป็ที่ฮือฮาในหมู่ชาวบ้านและคนในงานอย่างยิ่ง
“หนึ่งหมื่นตำลึงทอง!!”
“ฮ้าย..ข้าเอาตั๋วเงินมาแค่ห้าพันตำลึงทอง คงแย่งชิงกับคุณชายผู้นี้ไม่ได้แน่ น่าเสียดายจริง ๆ”
แต่ในขณะที่ยอดการประมูลมาถึงราคาที่สูงที่สุด กลับมีกลุ่มคนแหวกทางผลักชาวบ้าน ขึ้นมายืนอยู่ตรงข้ามราวแขวนผ้าไหมทองคำ และเป็เหยียนโจวเฟิ่งที่ประกาศกร้าวว่า ผ้าไหมผืนนี้จะถูกนำไปถวายต่อฮ่องเต้ โดยผู้นำไปถวายจะกล่าวถึงตระกูลจินต่อหน้าพระพระพักตร์
เหยียนโจวเฟิ่งก้าวเท้าไปหยุดยืนอยู่ใกล้ ๆ ราวไม้ที่ใช้แขวนผ้าไหมทองคำ ตามมาด้วยเสียงประกาศที่น่ารังเกียจเข้าไส้
“ผ้าไหมทองคำผืนนี้จะไม่มีการประมูลใด ๆ ทั้งสิ้น ข้ารับพระราชเสาวนีย์จากเหยียนกุ้ยเฟย ให้ตามหาผ้าไหมที่ล้ำค่านำไปถวายองค์ฮ่องเต้ เพื่อทำฉากกั้นในห้องทรงพระอักษร ดังนั้นพวกเ้าควรแยกย้ายกันไปเสีย ข้าต้องรีบน้ำผ้าผืนนี้เดินทางกลับเมืองหละ..”
ซูอันเป็คนแรกที่ลุกขึ้นมาเผชิญหน้ากับโจรในคราบชนชั้นสูง “เ้ากล้าดียังไงมาขัดขวางงานประมูลผ้าไหมของตระกูลข้า!! แค่คำกล่าวอ้างลอย ๆ ไร้ซึ่งหลักฐานก็คิดจะเอาสมบัติตระกูลข้าไปได้งั้นรึ นี่ลุงกำลังฝันกลางวันอยู่หรือไร ถึงพวกข้าจะเป็พ่อค้าแม่ค้าธรรมดาทั่วไป แต่ก็ไม่ได้โง่เชื่อคำพูดโกหกพกลมของเ้าทันทีหรอกนะ”
เหยียนโจวเฟิ่งรู้สึกไม่พอใจกับคำเรียกขานของซูอัน เพราะเขาเพิ่งอายุยี่สิบห้าปีแต่นางกลับเรียกเขาว่าลุง “นางเด็กปากเสีย! เ้าเรียกผู้ใดว่าลุงข้าออกจะรูปงามปานนี้ ถึงเ้าจะเป็สตรีที่งดงามไม่น้อย แต่ปากร้าย ๆ ของเ้ามันเรียกหาการลงโทษจากข้า ฉู่เฟย! ไปลากตัวนางลงมาให้ข้าเดี๋ยวนี้”
“ขอรับคุณชายใหญ่”
แต่ฉู่เฟยยังไม่ทันได้ขยับตัว ซูอันก็มีคำสั่งให้คนของนางออกมาจัดการทันที และยังมีคนสนิทของหยางไท่ิกับฟงเฉิงฮ่าวร่วมด้วย
“เว่ยโฉว! พวกเ้าช่วยกันจับตัวหัวขโมยให้ข้าเดี๋ยวนี้! หากพวกมันไม่ยินยอมให้จับแต่โดยดี ฆ่าไม่มีละเว้น!”
พรึ่บ! พรึ่บ! พรึ่บ!
เมื่อคนของซูอันทั้งเจ็ดคนะโเข้าไปขวางทาง คนของหยางไท่ิกับสหายก็ตามออกไปติด ๆ ส่วนผู้เป็นายค่อย ๆ เดินออกมาจากหลังฉากกั้น “ไม่เจอกันนานเลยนะเหยียนโจวเฟิ่ง หึ ๆ ๆ”
ฟงเฉิงฮ่าวเห็นสหายเดินออกไป เขาจะยอมน้อยหน้าได้อย่างไรเล่า “นั่นน่ะสิ ไม่เจอกันนานแก่ขึ้นเยอะนะคุณชายใหญ่เหยียน ฮ่า ๆ ๆ”
“พวกเ้าสองคนมาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร ฟงเฉิงฮ่าวเ้าว่าใครกันแก่ ห๊ะ!” ทำไมเหยียนโจวเฟิ่งจะจำทั้งสองไม่ได้ เพราะในวัยที่สองสหายสวมกวานแล้ว พวกเขาเคยทะเลาะต่อยตีกันจนเจ็บตัวอยู่นานนับเดือน
ฟงเฉิงฮ่าวทำสีหน้าท่าทางทะเล้นกลับไป “ข้าพูดชื่อคนไหนก็หมายถึงคนนั้นนั่นแหละ”
ฉู่เฟยที่ติดตามเ้านายมานาน เขาย่อมรู้ดีว่าคุณชายหน้าหยกทั้งสอง มีฝีมือการต่อสู้ที่ไม่ธรรมดา แม้แต่คนสนิทที่ติดตามอยู่ข้างกาย ยังเทียบได้กับองครักษ์เงาในวังหลวง “คุณชายใหญ่พวกเราจะทำอย่างไรต่อดีขอรับ ดูท่าหากฝืนสู้คงไม่อาจหนีรอดไปได้แน่ ๆ ขอรับ”
“กลัวอันใด พวกมันมีอาวุธแล้วพวกเราไม่มีอาวุธงั้นรึ อย่ามัวพูดมากให้เสียเวลา เ้ากับคนที่เหลือขวางพวกมันไว้ ส่วนข้าจะนำผ้าไหมผืนนี้หลบออกไปจากที่นี่” เหยียนโจวเฟิ่งไม่สนใจเื่อื่น นอกจากผ้าไหมทองคำที่อยู่ตรงหน้าของตนเท่านั้น
ในเมื่อเป็คำสั่งฉู่เฟยจำต้องทำตาม “ทราบแล้วขอรับคุณชายใหญ่ พวกเราจัดการทุกคนที่นี่ให้หมด!”
ย้ากกก! เคร้ง! ฉึก! ฉัวะ! อ่ะ ตุบ ตุบ
เหยียนโจวเฟิ่งปล่อยให้ลูกน้องต้านกลุ่มเว่ยโฉวไว้ ส่วนตนเองกำลังยื่นมือเพื่อเก็บผ้าไหมทองคำ แต่คนที่อยู่บนชั้นสองจะยอมได้อย่างไร ทั้งหยางไท่ิและฟงเฉิงฮ่าว ต่างตกลงกันไว้ว่าจะแสดงฝีมือการต่อสู้ ให้สตรีที่ตนเองพึงใจได้เห็น เพียงแค่เตรียมขยับเท้าร่างบางในชุดสีฟ้าอ่อน ก็พุ่งตัวลงไปเตะมือของเหยียนโจวเฟิ่งแล้ว
ตุบ! ปึก! ซูอันไม่ปล่อยให้คนชั่วได้มีโอกาสตั้งตัว แต่เหยียนโจวเฟิ่งชักดาบสั้นออกมาจากเอว และฟาดดาบเข้าหาซูอันอย่างรวดเร็ว แต่นั่นกลับไม่ทำให้ซูอันหวั่นเกรง นางเอี้ยวตัวหลบการโจมตีได้อย่างฉิวเฉียด
ก่อนจะใช้ขาเตะสวนเข้าไปที่ข้อมือของเหยียนโจวเฟิ่ง ทำให้ดาบในมือกระเด็นหลุด จากนั้นนางยังได้ใช้หมัดที่รุนแรง จู่โจมไปยังจุดอ่อนบนร่างกายของอีกฝ่าย
“เ้าฝึกฝนมาดีแต่มันยังไม่ดีพอ!” ซูอันกล่าวออกไปพลางปัดหมัดที่พุ่งเข้ามาหานาง
เหยียนโจวเฟิ่งคำรามด้วยความโกรธ “นางเด็กปากดีแค่แตะถูกตัวข้าไม่กี่ครั้ง ก็คุยโวโอ้อวดเสียยกใหญ่ เช่นนั้นวันนี้ข้าจะให้เ้าตายอยู่ใต้แทบเท้าข้า”
เมื่อขู่อาฆาตเอาชีวิตของซูอันจบ เหยียนโจวเฟิ่งจึงพุ่งเข้าหานางอีกครั้ง แต่ยังคงเป็ซูอันที่เคลื่อนไหวอย่างคล่องตัว นางหมุนตัวหลบการโจมตี แล้วใช้ศอกกระแทกเข้าที่หลัง ทำให้เหยียนโจวเฟิ่งหน้าคว่ำลงกับพื้น ก่อนที่นางจะตามไปกระทืบที่ข้อเท้าอย่างแรง จนได้ยินเสียงแตกหักของกระดูกอย่างชัดเจน
ซูอันพูดเสียงลอดไรฟัน “มันจบแล้วเ้าคนสันดานชั่ว!”
หยางไท่ิกับฟงเฉิงฮ่าว ขยับเข้ามาใกล้กันยามใดไม่มีใครบอกได้ แต่สิ่งที่พวกเขาทั้งสองคนรับรู้ได้อย่างชัดเจนก็คือ หากเมื่อใดได้แต่งสตรีจากตระกูลจินเข้าจวน อย่าได้กล้าขัดใจพวกนางเป็อันขาด หากยังรักชีวิตน้อย ๆ ของตนเอง
