ถุย ข้าไม่เชื่อว่าเ้าจะมีความสามารถแทงข้าได้——
อวี๋ซานทำสีหน้าหยิ่งผยอง ไม่เชื่อว่าเมิ่งไหวจิ่นจะกล้าฆ่าเขา
นี่มันไร้สาระหน่า!
แค่ปีนยอดกำแพงแอบดูตอนกลางคืน เมิ่งไหวจิ่นต้องโเี้กับเขาถึงเพียงนี้ หรือว่าเมิ่งไหวจิ่นและเฉิงชิงมีความลับที่ไม่อาจบอกผู้ใดได้?
อวี๋ซานหงุดหงิด แิของเขาถูกต้องแล้ว แต่ควรระวังขึ้นเสียหน่อย
แววตาของอวี๋ซานทำให้เฉิงชิงรู้สึกไม่สบายใจ
“ศิษย์พี่ หากพลั้งมือฆ่าไปจะไม่ยุ่งยากจริงๆ หรือขอรับ?”
หากสามารถเชือดอวี๋ซานได้จริงๆ ปัญหาหลักก็จะหมดไป จะไม่มีผู้ใดมาหาเื่นางอีก!
อวี๋ซานแทบไม่อยากเชื่อ
“เ้าคนแซ่เฉิง เ้าเหี้ยมโหดถึงเพียงนี้!”
เฉิงชิงจ้องเขาอย่างโเี้ “คนที่เ้าควรตรวจสอบคือตัวเ้าเอง เหตุใดถึงยั่วยุทำให้คนรังเกียจ ยามสำคัญไม่ต้องมาหาเื่ตอนสอบเข้ารับราชการต่อล่ะ ในสถานศึกษามีคนตั้งมากขนาดนั้นเ้าไม่กลั่นแกล้ง กลับมาจับข้าไม่ปล่อย ไม่ใช่เพราะบ้านข้าตกต่ำลงเลยรังแกง่ายหรือ?”
หากเปลี่ยนเป็พื้นเพครอบครัวแบบเฉิงกุย อวี๋ซานก็ต้องมีความกังวลบ้าง
เปลวเทียนส่ายไปมา ดาบของเมิ่งไหวจิ่นสะท้อนแสงวูบวาบ สีหน้ายากที่จะอ่านออก ราวกับมีความเป็ไปได้ที่กำลังใคร่ครวญว่าจะฆ่าอวี๋ซานทิ้งจริงๆ
เฉิงชิงกระตุ้นให้เมิ่งไหวจิ่นลงมืออยู่ด้านข้าง
“ศิษย์พี่ อวี๋ซานผู้นี้ใจคอคับแคบ คืนนี้ถูกศิษย์พี่ทำร้าย วันหน้าย่อมต้องเอาคืนพวกเราอีกเท่าตัว ไม่สู้จัดการเขาในดาบเดียว แล้วพวกเราค่อยมาคิดวิธีรับมือกับเื่ราวหลังจากนี้”
อวี๋ซานเกร็งไปทั้งตัวแล้ว
เขาพนันไว้ว่าเมิ่งไหวจิ่นไม่กล้าฆ่าเขา แต่หากคนผู้นี้เป็คนบ้าที่เก็บซ่อนไว้ในส่วนลึก แทงเขาตายในดาบเดียว… เื่หลังจากนี้ถึงบิดาเขาจะให้เมิ่งไหวจิ่นและเฉิงชิงชดใช้ด้วยชีวิตก็ไร้ประโยชน์ คนตายไปแล้วไม่อาจฟื้นคืน เขากลับมามีชีวิตไม่ได้แล้ว!
อวี๋ซานคิดจนกระจ่างแล้วก็ถอยหลัง
“ช่วยด้วย! ช่วยด้วย! เมิ่งไหวจิ่นฆ่าคนแล้ว!”
“เมิ่งไหวจิ่นฆ่าคนแล้ว!——”
เฉิงชิงมองผมอวี๋ซานที่หลุดออกจากหนังศีรษะแล้วยิ้มกริ่มอย่างอดไม่ได้ ยังคิดว่ามีความกล้า ที่แท้ก็กลัวตายมากนี่นา เป็พวกรังแกคนที่อ่อนแอ แต่หวาดกลัวคนที่แข็งแกร่งกว่า!
เมิ่งไหวจิ่นเก็บดาบกลับไป
คุณชายบุตรเ้าเมืองอะไรกัน อวดเบ่งไปทั่ว ทำตัวอย่างกับเ้าถิ่นอันธพาล
นอกเรือนเล็กมีเสียงฝีเท้าเร่งรีบ เสียงร้องของอวี๋ซานทำให้ผู้คุ้มกันสถานศึกษาที่ตรวจตรายามค่ำคืนใ
เมิ่งไหวจิ่นฆ่าคนคือเื่บ้าอะไรกัน?
ผู้คุ้มกันสถานศึกษากลัวว่าเมิ่งไหวจิ่นจะเกิดเื่มากกว่า จึงรีบวิ่งมาอย่างรวดเร็ว แต่กลับเห็นเมิ่งไหวจิ่นยังไม่วางดาบในมือลง เมื่อยกโคมไฟขึ้นส่อง ผู้ที่ตกอยู่ในสถานการณ์ที่ยากลำบากและน่ากระอักกระอ่วนก็คือคุณชายอวี๋ซานที่โด่งดังไปทั่วสถานศึกษา
อวี๋ซานถูกตัดผมบนหนังศีรษะ ไหล่าเ็ ปากก็พร่ำบอกว่าเมิ่งไหวจิ่นจะฆ่าเขา เหล่าผู้คุ้มกันสถานศึกษาต่างมองหน้ากันเลิ่กลั่กไม่รู้ว่าควรจะเอ่ยว่าอย่างไร
“เจี้ยหยวน นี่…”
เมิ่งไหวจิ่นมีท่าทีสงบ ราวกับว่าเพิ่งจะรู้ว่าผู้ที่าเ็คืออวี๋ซาน
“มีผู้บุกรุกเรือนของข้ายามวิกาล ข้ายังคิดไปว่าเป็หัวขโมยที่เข้ามา ที่แท้ก็ศิษย์น้องอวี๋นี่เอง เหตุผลที่แน่ชัดข้าไม่รู้ ไม่สู้พวกเ้าลองถามศิษย์น้องอวี๋เสียหน่อยว่าคิดจะทำอะไร?”
ไม่เพียงผู้คุ้มกันสถานศึกษา เสียงเรียกร้องให้ช่วยชีวิตยังทำให้ผู้อื่นในสถานศึกษาใ เฉิงชิงเห็นคนมองมาตรงประตูทางเข้าสถานศึกษา นางอธิบายเน้นไปถึงวีรกรรมจับโจรของเมิ่งไหวจิ่นอย่างลื่นไหล ทั้งในถ้อยคำก็แฝงความสงสัย
“ศิษย์พี่อวี๋ เหตุใดเ้าถึงไม่เข้าประตูมาอย่างเปิดเผย กลับปีนขึ้นมาบนยอดกำแพงเล่า?”
อวี๋ซานกระอักกระอ่วนใจ
ทั้งสองคนรับส่งกันดิบดี กล่าวว่าเขาคือหัวขโมย อวี๋ซานคิดจะเอ่ยแก้ตัวให้ตนเอง
แต่หากต้องอธิบายว่าเหตุใดจึงปีนขึ้นไปยอดกำแพง ก็ต้องเอ่ยถึงเื่ป่าเถื่อนที่เฉิงชิงกล่าวว่าเขาเป็พวกตัดแขนเสื้อเสียก่อน
เฉิงชิงหน้าไม่อาย แต่เขายัง้ารักษาหน้าตานะ!
“พวกเ้าอย่าได้ใจไป!”
เมื่อกล่าวถ้อยคำเหี้ยมโหดทิ้งไว้แล้วก็เดินจากไป เมิ่งไหวจิ่นและเฉิงชิงก็ไม่ได้รั้งตัวคน ผู้คุ้มกันสถานศึกษาคนหนึ่งเดินขึ้นหน้า “เจี้ยหยวน เื่นี้พวกข้าจะไปแจ้งต่อท่านเ้าสถานศึกษา”
เมิ่งไหวจิ่นไม่ได้ทำความลำบากให้ผู้คุ้มกันสถานศึกษา พยักหน้าแล้วเอ่ย “ไม่ลำบากพวกเ้าแล้ว ข้าก็ไม่คิดว่าหัวขโมยที่จับลงมาจากยอดกำแพงจะเป็ศิษย์น้องอวี๋ไปได้ เื่นี้ข้าก็จะแจ้งต่อใต้เท้าอวี๋”
อวี๋ซานควรได้รับบทเรียนบ้างแล้ว ส่วนใต้เท้าอวี๋จะเสียหน้าหรือไม่นั้น เฉิงชิงไม่สนใจแม้แต่น้อย
ไม่สอนลูกให้ดีจะเสียหน้าก็สมควรแล้วนี่?
ภายในเรือนเหลือเพียงเฉิงชิงและเมิ่งไหวจิ่นสองคนอย่างรวดเร็ว เมื่อเห็นเมิ่งไหวจิ่นนำผ้าเช็ดหน้ามาเช็ดคราบเืบนดาบออก นางก็เริ่มรู้สึกหวาดกลัว
“ศิษย์พี่ ท่านรู้นานแล้วว่าอวี๋ซานเป็ผู้ที่จับตามองข้าใช่หรือไม่ขอรับ?”
เมิ่งไหวจิ่นเก็บดาบยาวเข้าฝัก “เื่ที่เ้าทำอยู่ในตอนนี้สำคัญมาก ข้าไม่ยอมให้ผู้ใดมาทำเสียหายหรือสอดแนม อวี๋ซานคือความยุ่งยากเล็กน้อย แต่หากใจดีเบามือเกินไป เขาก็จะเปลี่ยนไปเป็ความยุ่งยากขนาดใหญ่”
ภายในใจเฉิงชิงสั่นสะท้านด้วยความกลัว
ยังทำบัญชีปลอมไม่เสร็จ เมิ่งไหวจิ่นไม่มีทางให้นางเกิดเื่และไม่ยอมให้ผู้ใดมาทำให้ความคืบหน้าเื่นี้นั้นเสียหาย
คืนนี้โชคดีที่คนลงมือคือเมิ่งไหวจิ่น หากเยี่ยอ๋องซื่อจื่ออยู่ ก็น่ากังวลถึงชีวิตน้อยๆ ของอวี๋ซานแล้ว
เฉิงชิงไม่ได้มีใจดั่งแม่พระ ท่าทีของเมิ่งไหวจิ่นที่จริงจังทำให้นางยิ่งเข้าใจถึงความเสี่ยงของเื่นี้
คดียักยอกเงินช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติทำให้เฉิงจือหย่วนสิ้นชีพไปแล้ว หากนาง้าล้างมลทินให้เฉิงจือหย่วนก็ต้องรักและทะนุถนอมชีวิตน้อยๆ ของตนให้ดี อวี๋ซานมาสอดส่องกลางดึกย่อมต้องมาเพื่อหาเื่นางเป็แน่
เมิ่งไหวจิ่นทำเื่นี้ให้ใหญ่โตเพื่อ้ายุติการพัวพันของอวี๋ซานต่อจากนี้!
เื่ที่อวี๋ซานถูกจับว่าปีนยอดกำแพง ทั้งยังถูกเมิ่งไหวจิ่นแทงเข้าไปหนึ่งดาบแพร่กระจายภายในสถานศึกษาอย่างรวดเร็ว ภายในสถานศึกษาถกกันอย่างมีชีวิตชีวา
แม้ยามปกติอวี๋ซานจะหยิ่งผยอง แต่ก็คงไม่ถึงขั้นไปยั่วยุเมิ่งไหวจิ่น ศิษย์พี่เมิ่งมีบารมีมากในสถานศึกษา สถานศึกษาเองยังให้ความสำคัญ อวี๋ซานก็ย่อมรู้ว่าเมื่อนำเขากับศิษย์พี่เมิ่งมาอยู่ด้วยกันแล้ว สถานศึกษาย่อมต้องลำเอียงเข้าข้างศิษย์พี่เมิ่ง!
“เช่นนั้นแล้วเหตุใดเขาถึงต้องปีนกำแพงเล่า?”
“ชู่ว ข้ามองว่าไม่เกี่ยวกับศิษย์พี่เมิ่ง กว่าครึ่งต้องเป็เพราะเฉิงชิง”
ใช่แล้ว ทุกคนรู้ดีว่าอวี๋ซานและเฉิงชิงเข้ากันไม่ได้ ทั้งยังคิดว่า่นี้เขาล้มเลิกที่จะหาเื่เฉิงชิงไปแล้ว ไม่คิดเลยว่าจะยังไม่ได้ล้มเลิก!
อย่าบอกนะว่าอิจฉาเฉิงชิงที่ได้ศิษย์พี่เมิ่งสอนพิเศษให้?
ว่ากันตามตรงแล้ว ทุกคนก็ล้วนแต่อิจฉาทั้งนั้น เฉิงชิงมีพัฒนาการไปถึงอันดับที่ห้าสิบกว่าในอึดใจเดียว สามารถเห็นได้ว่าการสอนพิเศษของศิษย์พี่เมิ่งมีประสิทธิภาพอย่างมาก
แต่ถึงจะอิจฉาเพียงใดก็ไม่ถึงขนาดใจกล้าไปปีนกำแพงกลางดึก!
กระทำลับๆ ล่อๆ ไม่ใช่การเปิดเผยอย่างที่บัณฑิตพึงมี
เื่ที่อวี๋ซานทำ คนยังรังเกียจสุนัขยังเมินหนี ส่วนเฉิงชิงกลับได้รับแววตาเห็นใจมากมาย
ส่วนที่อวี๋ซานกล่าวว่าเมิ่งไหวจิ่นจะฆ่าเขา เดิมก็ไม่มีผู้ใดเชื่อ
เมิ่งไหวจิ่นเป็ผู้ที่มีคุณธรรมเที่ยงตรง ไหนเลยจะฆ่าคนได้ เป็อวี๋ซานที่ปีนกำแพงแล้วถูกจับได้ จึงใขลาดกลัวจนกล่าวไร้สาระ
เ้าอ้วนชุยเห็นใจเฉิงชิงเป็อย่างมาก
“อวี๋ซานเหมือนสุนัขบ้าตัวหนึ่ง ผ่านเื่นี้ไปแล้วเขาย่อมต้องเกลียดเ้าแน่”
นั่นย่อมแน่นอนอยู่แล้ว ยามนั้นนางและเมิ่งไหวจิ่นขู่อวี๋ซานกันอย่างเข้าขา อวี๋ซานก็ถูกทำให้ใจริงๆ คิดไปว่าเมิ่งไหวจิ่นจะฆ่าคน ตกอยู่ในสถานการณ์ที่ยากลำบากและน่ากระอักกระอ่วน หลังเกิดเื่เมื่อได้สติกลับมาจะไม่เปลี่ยนความอับอายไปเป็เกรี้ยวโกรธไปได้อย่างไร?
อวี๋ซานเกลียดเมิ่งไหวจิ่น แต่ก็ทำอะไรเมิ่งไหวจิ่นไม่ได้ ความโกรธนี้ย่อมมาลงที่นางเพียงผู้เดียว
เฉิงชิงไม่เสียดายเลยสักนิด นางเบื่อที่ต้องพัวพันกับอวี๋ซานมาตั้งนานแล้ว
หากวิธีการกล่าวถึงตัดแขนเสื้อก็ยังขวางอวี๋ซานไม่ได้ ก็ได้แต่ทำให้ความขัดแย้งระหว่างนางและอวี๋ซานตึงเครียดขึ้น
“พี่ชุยไม่ต้องกังวลไป ข้าไปยุ่งกับสุนัขบ้าไม่ไหวหรอก เดี๋ยวก็มีคนไปยุ่งกับเขาแทน”
“เ้าพูดถึงใต้เท้าอวี๋?”
เฉิงชิงใสซื่อเกินไปแล้วหรือไม่
ความอับอายของอวี๋ซานไม่ใช่เพราะตระกูลอวี๋ให้ท้ายหรอกหรือ ถึงใต้เท้าอวี๋จะสั่งสอนอวี๋ซานไปรอบหนึ่ง แต่ก็ยังเป็บิดาแท้ๆ ของอวี๋ซาน เมื่อมีความผูกพันทางสายเื คนเขาไหนเลยจะทวงคืนความยุติธรรมให้แก่เฉิงชิงจริงๆ !
