ณ เบื้องล่างเส้นทางสู่์ ศิษย์ทั้งหมดของสี่นิกายใหญ่ต่างเตรียมตัวพร้อม จิติญญาการต่อสู้ของพวกเขาลุกโชน ดวงตาของพวกเขาส่องประกายความดุร้าย นิกายใหญ่ทั้งสี่ต่างเป็ศัตรูกัน แม้ว่าการแข่งขันนี้เกิดขึ้นจากการร่วมมือของทั้งสี่นิกาย แต่ก็ยังคงเกิดการกระทบกระทั่งกันเป็จำนวนมาก
เห็นได้ชัดเจนว่าความสัมพันธ์ระหว่างนิกายเทียนเจี้ยน กับนิกายเซวียนอี้นั้นเลวร้ายยิ่งนัก อาจเป็เพราะว่า หลี่หวู่ซวงกับาาปีศาจน้อยเป็ศัตรูกัน ดังนั้นศิษย์ของทั้งสองนิกายต่างเข้าโรมรันใส่อีกฝ่ายอย่างโเี้
ศิษย์ของนิกายอัคคีผลาญฟ้าแสดงความเกลียดชังต่อหน้านิกายเซวียนอี้ ไม่นานก่อนหน้านี้ ศิษย์ฝ่ายในของนิกายอัคคีผลาญฟ้าได้ถูกกวนอี้หยุนจากนิกายเซวียนอี้จัดการ ศิษย์ทั้งหลายของนิกายอัคคีผลาญฟ้าต่างรู้สึกโศกเศร้าจากเื่นี้ แต่ยังโชคดีที่หนานเป่ยเฉาได้นำเกียรติคืนมา อย่างไรก็ตามนั่นยังไม่เพียงพอที่จะแก้ปัญหาความเกลียดชังของพวกเขาได้ ความเกลียดชังนี้ได้ส่งผลให้การแข่งขันนี้ทวีความรุนแรงยิ่งขึ้น
แม้กระทั่งสี่อัจฉริยะที่อยู่บนยอดของเส้นทางสู่์ต่างมองกันอย่างดูแคลน ถ้าพวกเขาไม่ได้ผลตอบแทนจากการจัดการแข่งขันนี้ มันเป็ไปไม่ได้เลยที่สี่อัจฉริยะนี้จะสามารถอยู่ด้วยกันได้อย่างสันติ เพียงพวกเขาพบหน้ากันก็ต่อสู้กันอยู่เสมอ
ด้านล่างเส้นทางสู่์ เหล่าศิษย์ของทั้งสี่นิกายต่างมองไปยังคนสี่คนที่ยืนอยู่บนยอด ด้วยความอิจฉา
"ศิษย์พี่หนานเป่ย ช่างหล่อเหลาเหลือเกิน แถมเขายังเป็อัจฉริยะอันดับหนึ่งของแคว้นฉีอีกด้วย..! เขาเป็วีรบุรุษของข้าเลย สักวันหนึ่งถ้าข้าไปถึงระดับเดียวกับเขา มันคงเยี่ยมจริงๆ"
"เงียบไปเลย! เ้าไปส่องกระจกดูดีๆ สวะอย่างเ้า กล้าดียังไงถึงได้เอาตนไปเทียบกับศิษย์พี่หนานเป่ย เ้ามันหน้าไม่อาย...!!"
"จะอวดเบ่งอะไรนักหนา! หืม..นั่นมันหนานเป่ยเฉาไม่ใช่รึ..? หากไม่ใช่เพราะว่าศิษย์พี่กวนอยู่ในสภาพไม่สมบูรณ์ มิฉะนั้นแล้วหนานเป่ยเฉาคงไม่ได้อยู่ที่นี่หรอก!
"เ้าสารเลวน้อย! พูดออกมาอีกครั้งสิ?! เ้ากล้าดีเช่นไรถึงกล้าดูิ่ต่อหน้าศิษย์พี่หนานเป่ยของเรา? เ้าเชื่อหรือไม่ว่าภายหลัง ข้าจะไปทำลายนิกายเซวียนอี้ของเ้า!"
สถานการณ์เริ่มตึงเครียด ดูเหมือนพวกเขาจะเริ่มปะทะกันแล้ว ฉิงจื่อและหลิงอ้าวมีท่าทีไม่แยแส พวกเขาเป็อัจฉริยะ อีกไม่นานพวกเขาก็จะได้เข้าเป็ศิษย์ฝ่ายในแล้ว ศิษย์ฝ่ายในเป็ตำแหน่งที่สำคัญ พวกเขามองไป๋ฮัวเตี๋ย กับหนานเป่ยเฉาด้วยความชื่นชม
ผู้ที่เยือกเย็นที่สุดคือาาปีศาจน้อยฮันหยานและหลี่หวู่ซวง มันไม่สำคัญว่าจะเป็กวนอี้หยุน เหลียงเซียว หรือแม้กระทั่งหนานเป่ยเฉา พวกเขาทั้งคู่ไม่สนใจคนเหล่านี้ ความหยิ่งทะนงได้ฝังรากลึกลงไปภายในร่างกายของเขา ถึงเป็เช่นนั้นพวกเขายังคงนับถือหนานเป่ยเฉา กับอีกสามคน แต่พวกเขาไม่ได้นับถืออย่างหน้ามืดตามัว ในความคิดของฮันหยานและหลี่หวู่ซวงมั่นใจว่าสักวันหนึ่ง พวกเขาจะเหนือกว่าได้
"เริ่มได้"
หนานเป่ยเฉาพูดเสียงดัง เป็สัญญาณการเริ่มต้นการแข่งขันรอบแรก พร้อมเสียงกลองได้หยุดลง
ผู้เชี่ยวชาญเกือบเจ็ดร้อยคนปีนขึ้นบนบันไดโดยทันที เส้นทางสู่์กว้างอย่างไม่น่าเชื่อ แม้มีคนเพิ่มขึ้นอีกกว่าพันคนในตอนนี้ไม่นับว่าแออัด
มีขั้นบันไดหินกว่าร้อยขั้นบนเส้นทางสู่์ โดยแต่ละขั้นมีความสูงประมาณสามฉื่อ ผู้เชี่ยวชาญแก่นแท้มนุษย์คนไหนก็ปีนขึ้นได้โดยง่าย มันไม่ได้อยู่ในสายตาของพวกเขาแม้แต่นิดเดียว
หลังจากที่หนานเป่ยเฉาพูดจบ ผู้คนวิ่งไปข้างหน้าเหมือนแมว ปีนทีละสามขั้นเหมือนดังัศึก พุ่งกระโจนราวกับพยัคฆ์ ด้วยขวัญกำลังใจเต็มเปี่ยม
แต่เมื่อมีคนเหยียบถึงขั้นที่สี่ ในทันที พวกเขาต่างรู้สึกถึงแรงกดดัน ความเร็วของพวกเขาลดลง แรงกดดันมาจากการร่วมมือของผู้เชี่ยวชาญแก่นแท้์ขั้นปลายทั้งสี่
นอกจากนั้น ผู้เชี่ยวชาญแก่นแท้์ขั้นปลายทั้งสี่นั้น ไม่ใช่เพียงผู้เชี่ยวชาญแก่นแท้์ธรรมดาทั่วไป ถ้าพวกเขาร่วมมือกัน แม้แต่ผู้เชี่ยวชาญแก่นแท้ศักดิ์สิทธิ์ขั้นต้นยังไม่อาจต้านทานได้
แรงกดดันบนเส้นทางสู่์นั้นมาจากแรงกดดันจากแรงผลักดัน แรงกดดันจากพลังหยวน และที่สำคัญที่สุดคือแรงกดดันิญญา ทำให้การศิษย์ที่เข้าแข่งขันปีนขึ้นไปได้ยากขึ้น พูดได้ว่าการแข่งขันในปีนี้ยากกว่าการแข่งขันใดๆในปีที่แล้วเสียอีก
กวนอี้หยุนที่สวมชุดสีขาว มองไปที่ฝูงชน ใบหน้าที่หล่อเหลามีสีหน้าเยือกเย็น
"นอกเหนือจากสี่นิกายใหญ่ ผู้ใดปรารถนาเข้าร่วมการแข่งขัน และสามารถติดหนึ่งในสามสิบได้ ผู้นั้นสามารถเข้าร่วมนิกายใดในสี่นิกายใหญ่ได้ในทันที"
หลังจากคำพูดหลุดจากปากกวนอี้หยุน ฝูงชนต่างกระสับกระส่าย ทุกคนต่างมองไปยังคนอื่น ต่างมองกันและกัน ไม่มีใครก้าวออกมาข้างหน้า เพราะว่าทุกคนรู้ว่าที่กวนอี้หยุนพูดอะไรอย่างนั้นทุกปี แต่ก็ไม่มีผู้ใดที่ะโลงแข่งขันเช่นนั้น
ทันใดนั้นสายตาไม่กี่คู่ก็จ้องมองไปยังเจียงเฉิน ใครบางคนล้ออกมาว่า
"เฮ้ !! เ้าหนูคนนั้นเ้าไม่ใช่หรือที่จะจัดการาาปีศาจน้อย? ทำไมเ้าถึงไม่ลงแข่งขันซะล่ะ"
"ฮ่าฮ่า... เขารู้กันไปทั่ว ว่าอย่างเขาไม่ไหวหรอก ในเมื่อเ้าทำไม่ได้ ฉะนั้นอย่าทำตัวเหมือนเ้าสามารถทำได้ ช่างไร้ยางอายเสียจริง"
"ใช่แล้ว พวกเรามาเยาะเย้ยเขาด้วยกันดีกว่า"
เจียงเฉินเงียบในทันที เขายังไม่ทันได้ทำอะไร ผู้คนต่างเยาะเย้ยเขา เขามองตรงไปยังเ้าหวงต้า เขาไม่ได้พูดอะไร แต่เ้าหวงต้ามัน.......
อย่างไรก็ตามเจียงเฉิน้าเข้าร่วมการแข่งนี้อยู่แล้ว
"ข้าจะลงแข่งขัน เปิดทางให้บิดาด้วย!"
แขนเสื้อยาวของเจียงเฉินพริ้วไหว เขาเดินไปข้างหน้าเส้นทางสู่์ ทำให้ผู้คนต่างตกตะลึง
"อย่าบอกนะว่า เ้าเด็กนี่เอาจริง? มันไม่รู้จักประมาณตน สู้กับศิษย์ของนิกายใหญ่ทั้งสี่ ไม่ใช่ว่ามันรนหาที่หรอกหรือ?"
"ก็แค่พวกโง่ที่ลองลงแข่ง ข้าพนันว่าอย่างมันคงขึ้นไปไม่ถึงยี่สิบขั้น"
"ยี่สิบขั้น ? ข้าว่ามากไปมั้ง ดูเขาสิ ดูอ่อนแอปวกเปียกเสียขนาดนี้ ข้าว่าอย่างเขาคงไม่เกินสิบขั้น"
ด้านหลังเจียงเฉินมีคำพูดดูถูกเหยียดหยามเขามากมาย
"พวกเ้าช่างไม่รูอะไรเสียแล้ว! เขาเป็สุดยอดอัจฉริยะ เส้นทางสู่์มันแค่เื่จิ๊บจ๊อย อย่างเขาต้องได้ที่หนึ่งเป็แน่"
หวงต้าพูดอย่างอวดดี
"หุบปากซะ! เ้าหมานี่ไม่เคยพูดเื่จริงสักครั้ง ได้ที่หนึ่งงั้นหรือ ที่หนึ่งจากท้ายสิไม่ว่า"
ใครบางคนตวาดมัน พวกเขาอยากที่เข้าไปตบเ้าหมานี่สักที
"บัดซบ..!! ถ้าเช่นนั้นพวกเ้าพนันกับข้าไหมละ เม็ดยามนุษย์หยวนหนึ่งร้อยเม็ด อัตราส่วน 1 ต่อ 10 เป็ไง มีใครกล้าพนันกับข้าบ้าง?"
หวงต้า พูดอย่างจริงจัง แววตาของมันแฝงไปด้วยความเ้าเล่ห์
"มันบ้าอะไร ? อัตราส่วน 1 ต่อ 10 งั้นรึ?เ้าหมาเวร เ้าเอาจริงรึ แล้วจะพนันยังไง?"
บางคนแสดงความรู้สึกสนใจ
"ง่ายๆ พวกเ้าเดิมพันกันเม็ดยามนุษย์หยวนคนละหนึ่งร้อยเม็ด ถ้าเ้าหนุ่มนั้นเข้าที่หนึ่งพวกเ้าจะสูญเสียทุกอย่าง เม็ดยามนุษย์หยวนก็จะตกเป็ของข้า แต่ถ้ามันไม่ได้ที่หนึ่งข้าจะจ่ายพวกเ้าคนละหนึ่งพันเม็ดเป็อย่างไร"
หวงต้าพูดออกมาอย่างสบายๆ
"เ้าหมานี่มันไม่เคยพูดจริงสักครั้ง เชื่อถือไม่ได้หรอก จะเกิดอะไรขึ้นละถ้าเ้าไม่รักษาคำพูด"
ใครบางคน ถาม
"มองไปที่ใบหน้าของเ้าพวกขี้แพ้นี่สิ หลายคนอยู่ที่นี่ เ้ายังกลัวว่าข้าจะหนีไปไหนงั้นรึ? ข้าแทบจะจมน้ำลายที่พวกเ้าพ่นมาอยู่แล้ว เอาสิ เอาเลย! ลงพนันสิถ้าอยากรู้ให้หายสงสัย ว่าเ้าหนุ่มนั่นจะได้ที่หนึ่งจริงรึเปล่า!"
หวงต้าสะบัดหางของมันแล้วอย่างดูแคลน
"เ้าหมาน้อย เ้ากำลังทำอะไรอยู่? เ้าคงไม่ได้สร้างปัญหาอะไรอีกใช่ไหม"
เสียงของเยี่ยนเฉินหยวี่ดังขึ้นที่หูของหวงต้า เ้าหมานี่กล้าดียังไง ถึงใช้ท่านพี่เจียงเฉินในการพนันกับคนอื่น มันพึ่งพาอะไรไม่ได้เลย
"มีเพียงคนบ้าเท่านั้นที่ไม่รู้จักฉกฉวยโอกาสที่จะร่ำรวย สาวน้อย! แค่ยืนอยู่ข้างๆ ไม่ต้องพูดอะไรทั้งนั้น วันนี้มารับทรัพย์ก้อนใหญ่กันดีกว่า"
หวงต้า เป็หมาที่น่ากลัวยิ่งนัก มันไม่พลาดโอกาสที่จะรวย
"เดิมพันงั้นรึ? ต่อให้ฆ่าข้าให้ตายก็ไม่เชื่อหรอกว่าเ้าเด็กนั่นจะได้อันดับหนึ่ง ข้าลงพนันสองร้อยเม็ด!"
"บิดาเองก็จะลงเดิมพันสองร้อยเม็ด หากเ้าแพ้เ้าต้องจ่ายให้ข้าสองพันเม็ด"
บางคนจงใจเตือนมัน
"ไม่ต้องกังวล ข้ามีเม็ดยามนุษย์หยวนมากมาย ถ้าพวกเ้ายังกังวล เ้าก็มอบให้สาวน้อยคนนี้เป็คนเก็บรักษาซะสิ"
หวงต้ามองไปที่เยี่ยนเฉินหยวี่
ทุกคนหันหัวของเขาและมองไปยังสาวน้อยที่สวยผ้าคลุมหน้าสีม่วง ตาของพวกเขาเป็ประกายเมื่อมองไปที่นาง พวกเขาทุกคนไม่ได้โง่ พวกเขาบอกได้ว่าแม้ว่ามีผ้าปกปิดใบหน้าอยู่ แต่สาวน้อยคนนี้งดงามเป็อย่างมาก
"ได้ ข้าจะฝากไว้ที่สาวน้อยก่อน ข้าลงเดิมพันหนึ่งร้อยเม็ด"
"ข้าลงด้วย!!"
"ฮ่าฮ่า เ้าหมาเวร เตรียมจ่ายเราได้เลย าาปีศาจน้อย กับหลี่หวู่ซวงอยู่ด้วย แม้ว่าเ้าเด็กนั่นจะมีความสามารถมากแค่ไหน มันก็ไม่มีทางเข้าที่หนึ่งได้หรอก"
"เ้าโง่ ที่หนึ่งงั้นรึ อย่างเด็กนั่นจะถึงขั้นที่ยี่สิบรึเปล่าก็ไม่รู้"
"มารดาเถอะ! หากเ้าหมานี่ไม่ยอมจ่ายเราละก็จะจับมันถลกหนัง เอามันไปย่างทั้งเป็เสียเลย "
ในเวลานี้ หลายคนต่างวิ่งเข้ามาเดิมพัน เพียงไม่กี่นาที มีผู้คนหลายร้อยคนลงพนัน เยี่ยนเฉินหยวี่เก็บเม็ดยามนุษย์หยวนได้กว่าหนึ่งหมื่นห้าพันเม็ด นอกจากนี้ที่นี่ก็เกิดความวุ่นวายขึ้น พวกเขาต่างรวมตัวกันรอบหาข้อมูลเกี่ยวกับการเดิมพันนี้ ในจุดนี้ทุกคนต่างอารมณ์ดี
"บัดซบ! คนที่ไม่ใช่คนของนิกายใหญ่ทั้งสี่ กลับ้าเข้าที่หนึ่ง? มันเพ้อฝันไปรึเปล่า? เร็วเข้าไปลงพนันกัน"
คนจำนวนมากต่างมาลงเดิมพันในสิ่งที่พวกเขา้า
มุมปากทั้งสองข้างดูเหมือนกว้างจนจะฉีกถึงใบหูของมัน ตาของมันถูกเติมเต็มไปด้วยประกายดาวระยิบระยับ นี่มันโชคครั้งยิ่งใหญ่ ไม่มีใครรู้อะไรเกี่ยวกับเจียงเฉิน แต่หวงต้ารู้ เ้าหนูนี่มันสัตว์ประหลาดชัดๆ เส้นทางสู่์เล็กๆแค่นี้มันง่ายยิ่งกว่าปอกกล้วยเสียอีก แม้แต่ผู้เชี่ยวชาญแก่นแท้ศักดิ์สิทธิ์ก็ยังไม่สามารถหยุดเขาได้
"ฮิฮิ เ้าหมาน้อย เ้าทำได้ไม่เลวเลย ท่านพี่เจียงเฉินต้องชอบเม็ดยามนุษย์หยวนพวกนี้เป็แน่"
เยี่ยนเฉินหยวี่ หัวเราะพร้อมลูบหัวเ้าหวงต้า
เจียงเฉินเอามือไขว้ไว้ที่หลังของเขา และเดินไปยังเส้นทางสู่์ เขาดูใจเย็นและอดทน ขณะที่ศิษย์สี่นิกายใหญ่ต่างสู้กันแย่งกันปีน มีเพียงรอยยิ้มประดับอยู่บนหน้าของเขา
เมื่อหนานเป่ยเฉา และทั้งสามเห็นเจียงเฉิน ดวงตาของพวกเขาส่องประกาย ไม่ต้องพูดถึงเื่อื่น แค่ความใจเย็นของเขา ก็ทำให้เขาโดดเด่นกว่าคนอื่น
บนเส้นทางสู่์ เมื่อถึงขั้นที่สิบ แรงกดดันเริ่มที่จะมากขึ้น เหงื่อไหลเต็มหน้าผากพวกเขา ยิ่งปีนสูงขึ้น ก็จะต้องรับแรงกดดันมากยิ่งขึ้น
"แรงกดดันแข็งแกร่งอะไรเช่นนี้ ขาของข้าไม่ยอมทำตามคำสั่ง! แรงกดดันร่วมของอัจฉริยะทั้งสี่แข็งแกร่งเกินไปแล้ว แม้แต่จิติญญาข้าก็สั่นะเื ถ้าเป็เช่นนี้ข้าคงขึ้นไปมากกว่าชั้นที่ยี่สิบไม่ไหว ช่างน่าละอายเสียจริง"
ใครบางคนพูดขณะปาดเหงื่อของเขา เหล่าผู้เชี่ยวชาญแก่นแท้มนุษย์ขั้นปลายปีนป่ายได้อย่างรวดเร็ว พวกเขามาถึงขั้นที่ยี่สิบ ส่วนาาปีศาจน้อยกับอัจฉริยะทั้งสามยังดูใจเย็น พวกเขาไปถึงขั้นที่สี่สิบแล้ว แต่พวกเขาดูเยือกเย็นและผ่อนคลาย นี่สินะความแตกต่างระหว่างพวกเขากับผู้เชี่ยวชาญแก่นแท้มนุษย์คนอื่น
