ฮ่องเต้ทรราชไท่เฉินไม่ได้ถูกปะา เนื่องจากฮ่องเต้ไท่หนิงเห็นแก่ความเป็พี่น้องจึงปลดพระยศให้เป็สามัญชน และกักขังฮ่องเต้ไท่เฉินไว้คุกใต้วังหลวงซึ่งเป็คุกใต้ดิน
“เร่อฉางหนิง แน่จริงก็ฆ่าข้าเลย” เร่อเฉินช่าน อดีตฮ่องเต้ไท่เฉินกล่าว ภายในคุกใต้ดินที่มืดและชื้น ถูกจุดไฟให้สว่างไสวในขณะที่ฮ่องเต้ไท่หนิงเสด็จมา
“น้องชายฆ่าบิดา พี่ชายฆ่าน้องชาย พี่ชายฆ่าพระญาติ ฆ่าขุนนางตงฉิน ราชวงศ์แทบจะล่มสลาย ให้ท่านตายมันง่ายเกินไป” ฮ่องเต้ไท่หนิงตรัสจากด้านนอกกรงขัง
“บัดนี้เ้ารู้แล้วใช่หรือไม่ ว่าการที่ได้นั่งบัลลังก์ต้องคอยระแวงผู้ที่มา่ชิง” เร่อเฉินช่านกล่าวจากด้านในกรง เขาวางท่าเหมือนกำลังนั่งบัลลังก์อยู่
“เป็เพราะท่านแผ่นดินจึงลุกเป็ไฟ ศัตรูรอบทิศจ้องแบ่งแยกดินแดน ต้องให้สตรีเช่นข้าออกมาแบกรับหน้าที่กอบกู้แผ่นดิน” ฮ่องเต้ไท่หนิงตรัสเสียงดังลั่นคุกใต้ดิน
“ฮ่าๆๆ ฮ่าๆ ในที่สุดเ้าก็เป็เหมือนข้า ต้องคอยหวาดระแวงคน่ชิงแผ่นดิน คนราชสกุลเร่อขี้ระแวงกันทุกคน ร้อนในกายดั่งไฟแผดเผา เพราะนั่งบัลลังก์ร้อนๆ ของราชวงศ์ฮั่ว” เร่อเฉินช่านหัวเราะประชด ซึ่งราชสกุลเร่อ หมายถึง ร้อน ส่วนราชวงศ์ฮั่ว หมายถึง ไฟ
“ผิดแล้ว ข้าไม่เหมือนท่านที่โเี้ฆ่าคนไม่เลือกหน้า ข้าไม่มีวันสังหารขุนนางตงฉินที่ซื่อสัตย์และภักดีต่อชาติ วันนี้ที่ข้ามาเพราะ้าให้ท่านทำคุณไถ่โทษ เวลาที่ท่านตายไปจะได้ไปสู้หน้ากับเสด็จพ่อบน์ได้” ฮ่องเต้ไท่หนิงตรัส
“เ้าจะให้ข้าทำอะไร” เร่อเฉินช่านกล่าว
“ข้าจะให้ท่านเขียนสาส์นไปบอกให้เซินชินอ๋องถอยทัพ เขาอ้างชื่อท่านประกาศยกทัพเข้าเมืองหลวงทวงบัลลังก์ให้อดีตฮ่องเต้” ฮ่องเต้ไท่หนิงตรัส บัดนี้กองทัพของเซินชินอ๋องบุกตีเมืองใกล้เคียง ซึ่งใกล้ถึงเมืองหลวงแล้ว
“เ้ากลัวอย่างนั้นหรือ เร่อฉางหนิง” เร่อเฉินช่านกล่าว
“ข้าไม่กลัวเลยสักนิด ที่ข้ามาวันนี้เพราะไม่อยากให้ชาวบ้านต้องมารับเคราะห์จากผลกระทบของสองทัพปะทะกัน หากข้าใช้สาส์นที่ท่านเขียนประกาศให้คนทั้งใต้หล้ารู้ ทัพของเซินชินอ๋องก็ไม่มีข้ออ้างบุกเมืองหลวง” ฮ่องเต้ตรัสด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“ถ้าข้าปฏิเสธเล่า” เร่อเฉินช่านกล่าว
“ท่านก็รู้ว่าเขาไม่ได้มาทวงบัลลังก์ให้ท่าน แต่เขามาเพื่อชิงบัลลังก์ให้ตัวเอง ถ้าเขาทำสำเร็จท่านก็คือคนถัดไปที่เขาจะฆ่า” ฮ่องเต้ไท่หนิงตรัส
“ข้าไม่มีวันช่วยเ้าแน่ เร่อฉางหนิง เพราะก่อนที่ข้าจะตาย เ้าก็ต้องตายก่อน ฮ่าๆๆ ฮ่า” เร่อเฉินช่านกล่าว
“ถ้าอย่างนั้นท่านก็อยู่ในคุกมืดใต้ดินต่อไปตลอดชีวิตเถิด” ฮ่องเต้ตรัสแล้วเสด็จออกไปทันที
ส่วนฮว๋าฮองฮอง กับซุยไทเฮา ถูกขังในตำหนักเย็น พวกนางถูกปลดเป็สามัญชน ในที่นี้ว่างเปล่าไร้ผู้คนเนื่องจากฮ่องเต้ไท่หนิงขึ้นครองราชย์อภัยโทษทั่วหล้า จึงปล่อยนางสนมในรัชมัยก่อนที่มีโทษติดตัวขับออกจากวัง เหลือเพียงนางฮว๋า และนางซุย
และองค์หญิงซินยี่พระธิดาของฮ่องเต้ทรราช ยังทรงพระเยาว์ นางถูกเลี้ยงในตำหนักเย็นมาก่อน ฮ่องเต้ไท่หนิงเห็นนางน่าสงสารจึงส่งคนให้รับนางไปอยู่ตำหนักซู่ฟางซึ่งเป็ตำหนักองค์หญิง นางกำนัลได้จัดเตรียมห้องพักเล็กๆ สำหรับนาง นอกจากตำหนักหยังซินตำหนักบรรทมของฮ่องเต้แล้ว ในตำหนักนี้จะเป็อีกตำหนักหนึ่งที่มีนางกำนัลรับใช้อยู่ องค์หญิงถูกปลดเป็สามัญชน ซึ่งนางกำนัลจะเรียกองค์หญิงซินยี่ว่า คุณหนูซินยี่
นางกำนัลรับใช้นอกจากตำหนักหยังซิน กับตำหนักซู่ฟางแล้ว ห้ามพวกนางไปตำหนักของพระสนมเด็ดขาด หากฝ่าฝืนมีโทษปะา นอกจากนี้ในวังยังจำเป็ที่จะต้องมีนางกำนัลที่เป็สตรีอยู่ เช่น ในกองภูษาเป็กองงานเย็บปักต้องใช้แรงงานที่เป็สตรีทำ ส่วนกองงานอื่นๆ ได้เปลี่ยนเป็นายกำนัลหมดแล้ว ซึ่งสามารถใช้แรงงานผู้ชายทำได้
พระโอรสของฮ่องเต้ทรราชไท่เฉิน องค์ชายหวู่ชวนถูกกักขังอยู่ในตำหนักอิ๋งซิน ซึ่งเป็ตำหนักเย็นสำหรับเชื้อพระวงศ์ชาย เขาถูกปลดเป็สามัญชนแล้ว ดังนั้นนายกำนัลจะเรียกเขาว่าคุณชายหวู่ชวน
ฮ่องเต้ไท่หนิงสั่งคนปลอมลายมือของอดีตฮ่องเต้ทรราชไท่เฉิน และประกาศให้คนทั้งใต้หล้าได้รู้ว่า
“ข้าขอประกาศความผิดของตัวเอง และสำนึกผิดกับการกระทำที่ผ่านมา ข้าได้สังหารฮ่องเต้ไท่เฉิงผู้เป็น้องชาย ฮองเฮา ไทเฮา และพระสนมหลายพระองค์ของฮ่องเต้ไท่เฉิง ตลอดไปถึงสังหารพระญาติ และฆ่าขุนนางผู้ภักดีที่คอยตักเตือน บัดนี้ข้าได้สำนึกผิด ขอมอบแผ่นดินนี้ให้กับเร่อฉางหนิงสืบบัลลังก์ต่อ ข้าไม่้าบัลลังก์อีกแล้ว ขอให้เชื้อพระวงศ์และขุนนางทุกท่านไม่ต้องทวงบัลลังก์ให้ข้าอีกต่อไป” สาส์นปลอมลายมือของเร่อเฉินช่าน ถูกประกาศให้ปวงประชารับรู้
ดังนั้นการยกทัพของเซินชินอ๋องจึงเป็การออกรบโดยไร้ความชอบธรรม ซึ่งไร้ข้ออ้างออกรบอีกต่อไป แต่ด้วยบัดนี้เขายกทัพมาตั้งค่ายอยู่นอกเมืองหลวงแล้ว ไม่มีหนทางหวนกลับต้องบุกเมืองหลวงอย่างเดียว
ฮ่องเต้หญิงทรงออกรบด้วยพระองค์เอง สวมชุดเกาะสีดำ และสวมอู่กวาน ซึ่งเป็กวานสำหรับออกรบ
ฮ่องเต้สั่งทหารสองแสนนายตึงกำลังอยู่นอกกำแพงเมืองเพื่อเตรียมบุก ส่วนเซินชินอ๋องก็สั่งจัดทัพหนึ่งแสนหันหน้ามาทางเมืองหลวง สองทัพประจันหน้ากัน
“เซินชินอ๋อง เ้าก่อฏ ทุกแคว้นสามารถโจมตีเ้าได้ ไม่ว่าใครก็สามารถฆ่าเ้าได้” ฮ่องเต้ะโเสียงดังเสียงข้ามไปยังอีกทัพ
“สตรีจะเป็ฮ่องเต้ได้เยี่ยงไร วันนี้ข้าจะสังหารเ้าที่บังอาจขึ้นครองราชย์ บุก!!!” เซินชินอ๋องสั่งบุกทันที
“ฆ่า!!!!” ทหารแคว้นเซินหนึ่งแสนนายบุก
“บุกโจมตี!!!” ฮ่องเต้สั่งการ
“ฆ่า!!!!” ทหารทัพพิทักษ์เมืองหลวงสองแสนนายเคลื่อนทัพบุกทันที ทหารกองกำลังนี้เคยคิดตามองค์ปฐมฮ่องเต้รวมแผ่นดิน ซึ่งได้ชื่อว่าเป็ทหารที่แข่งแกร่งที่สุด
สองทัพปะทะกันอย่างดุเดือด ทหาราเ็ล้มตายจำนวนมาก แต่กองทัพของฮ่องเต้ได้เปรียบเพราะมีจำนวนที่มากกว่า
“ฮ่องเต้ข้ามาช่วยแล้ว!!!” ฉวนชินอ๋องตรัสะโมาแต่ไกล พร้อมกับนำทัพกองทัพแคว้นฉวนหนึ่งแสนนายมาช่วยสมทบจากด้านข้าง
“ข้าก็มาช่วยแล้ว ฮ่องเต้!!!” โม่จวิ้นอ๋องะโจากอีกฝั่งพร้อมกับนำทัพ 5 หมื่นนายบุกมาทางข้างของทัพแคว้นเซิน
บัดนี้ทัพแคว้นเซินโดนโจมตีสามทิศทาง จากด้านหน้าโดยทัพของฮ่องเต้ ด้านข้างซ้ายโดยทัพของโม่จวิ้นอ๋อง และทางด้านขวาโดยทัพของฉวนชินอ๋อง ส่วนทัพแคว้นเซินมีหนทางรอดทางเดียวคือต้องถอยทัพ ดังนั้นเซินชินอ๋องสั่งถอยทัพกลับแคว้นเซินทันทีเพื่อเอาตัวรอด
เหตุผลที่เซินชินอ๋องถูกรุมเป็เพราะว่าเขายกทัพโดยไร้ความชอบธรรม ที่เขาพ่ายแพ้เพราะสาน์สปลอมฉบับเดียว
ในฐานะฏเซินชินอ๋องไม่อาจอยู่รวมดินแดนกับต้าฮั่วได้อีกแล้ว เขาจึงประกาศแยกดินแดน
ทันทีที่ข่าวการแยกดินแดนของแคว้นเซินแพร่ข่าวไปถึงแคว้นต่างๆ แคว้นเซินถูก 9 แคว้นส่งทัพมาบุกทุกทิศทาง แต่ภูมิศาสตร์แคว้นเซินค่อยข้างบุกโจมตียาก เพราะเส้นทางต้องผ่านูเาหน้าผาสลับซับซ้อนยากต่อการบุกโจมตี ซึ่งภูมิศาสตร์เอื้ออำนวยต่อการตั้งรับป้องกัน
เซินชินอ๋องออกรบจนป่วย แบกภาระของแคว้นไม่ไหวจึงส่งต่อบัลลังก์อ๋องให้กับท่านชายตู่หยุนขึ้นเป็ เซินตู่ชินอ๋อง องค์ถัดไป ส่วนเขาได้ขึ้นไปเป็ เซินไท่ซ่างอ๋อง
เซินตู่ชินอ๋องได้ไปขอความช่วยเหลือจากเผ่ากังกุย จึงสามารถรักษาแคว้นเซินเอาไว้ได้ แต่ต้องแลกกับส่งเสบียงบรรณาการให้เผ่ากังกุย
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้