วันเปิดทำการ เหล่าหัวหน้าจากสำนักงานพาณิชย์และเทศบาลต่างมาร่วมงานกันอย่างคับคั่ง เพราะนี่คือเหตุการณ์สำคัญของการปฏิรูปเศรษฐกิจ ซึ่งได้รับความสนใจจากเบื้องบนเป็อย่างมาก เดิมทีคาดการณ์กันว่าการปล่อยเช่าพื้นที่เหล่านี้คงเป็เื่ยาก แต่ด้วยความช่วยเหลือและแรงผลักดันของหมี่หลันเยว่ ในที่สุดพื้นที่ทั้งหมดก็ถูกเช่าจนหมดสิ้น
เริ่มด้วยการกล่าวสุนทรพจน์ของเหล่าหัวหน้า แม้จะเยิ่นเย้อไปบ้าง แต่ก็ถือเป็สิ่งใหม่สำหรับเมืองซวงเฉิง ผู้คนที่มาร่วมชมจึงยังคงมีความอดทนอยู่บ้าง ครั้นเมื่อถึง่ตัดริบบิ้น บรรยากาศก็คึกคักขึ้นมาทันที หมี่หลันเยว่ได้รับเกียรติให้ขึ้นไปบนเวทีเพื่อร่วมตัดริบบิ้นกับเหล่าหัวหน้า แม้จะเป็เพียงตำแหน่งเล็กๆ ที่อยู่ท้ายแถว แต่ก็ถือเป็เกียรติอย่างยิ่งแล้ว
หวังหย่วนฉิงและหมี่จิ้งเฉิงมองดูลูกสาวจากระยะไกล ยืนอยู่บนเวทีอย่างสง่าผ่าเผย ในใจก็รู้สึกตื้นตันจนบอกไม่ถูก แม้ทั้งคู่้าที่จะช่วยเหลือลูกสาวในการเริ่มต้นธุรกิจครั้งนี้ให้มากขึ้น แต่ในความเป็จริง พวกเขาต่างก็วุ่นวายอยู่กับการจัดการร้านหนังสือที่บ้าน การเตรียมการสอนสำหรับภาคเรียนใหม่ รวมถึงเื่จุกจิกต่างๆ ภายในบ้าน ทำให้ไม่ได้ให้ความช่วยเหลือลูกสาวมากเท่าที่ควร
โชคดีที่ต่อมาหวังหย่วนฉิงสละเวลาไปช่วยงานที่โรงงานใน่หนึ่ง ไม่อย่างนั้น เธอคงรู้สึกอายที่จะมายืนอยู่ตรงนี้ มองดูลูกสาวสร้างความยิ่งใหญ่ เพียงแต่ในหูของเธอยังคงดังก้องไปด้วยคำพูดของลูกสาว
"แม่คะ อย่ารู้สึกผิดที่ช่วยหนูไม่ได้นะคะ แค่พ่อกับแม่ดูแลบ้านให้ดี นั่นก็คือการช่วยที่ดีที่สุดสำหรับหนูแล้วค่ะ การมีบ้านที่อบอุ่นคือที่พึ่งที่แข็งแกร่งที่สุดของหนู ทำให้หนูไม่ต้องกังวลใจ สามารถมุ่งหน้าไปข้างหน้าได้อย่างเต็มที่ค่ะ"
คำพูดเหล่านี้ทำให้หวังหย่วนฉิงรู้สึกอบอุ่นใจเป็อย่างยิ่ง แต่ในขณะเดียวกันก็รู้สึกสงสารที่ลูกสาวเป็เด็กดีเกินไป ยังไงซะ ลูกๆ ก็ต้องเติบโต บางทีการมีธุรกิจของตัวเองั้แ่เนิ่นๆ ก็อาจจะทำให้พวกเธอวางใจในอนาคตของพวกเขาได้มากขึ้น ตอนนี้บ้านมีหมี่หลันเยว่แล้ว แม้แต่หมี่หลันหยางและหมี่หลันซิง เธอก็ไม่ต้องเป็ห่วงอีกต่อไป เพราะลูกสาวบอกว่าเธอจะดูแลพี่ชายและน้องชายให้เอง
เมื่อเสียงประทัดดังขึ้น หวังหย่วนฉิงและหมี่จิ้งเฉิงก็หลบไปยืนในที่ที่ไกลออกไปอีก พวกเขามองดูฝูงชนที่ประตูร้านเบียดเสียดกันเข้าไป ในใจก็รู้สึกเบิกบานอย่างบอกไม่ถูก เมื่อคนกลุ่มแรกเข้าไปแล้ว หวังหย่วนฉิงและหมี่จิ้งเฉิงจึงรีบเข้าไปในร้าน พวกเขาต้องช่วยลูกสาวดูแลร้านในวันเปิดทำการวันแรก
แม้ว่าจะช่วยอะไรไม่ได้มาก แต่การช่วยดูแลไม่ให้ของหายก็ยังพอทำได้ หมี่หลันเยว่จัดให้หวังหย่วนฉิงและหมี่จิ้งเฉิงไปดูแลร้านค้าห้าห้องที่อยู่ด้านในสุด ซึ่งมีลูกค้าน้อยกว่า ทำให้พวกเขาสองคนสามารถดูแลได้อย่างทั่วถึง ภายในร้านมีพนักงานขายอยู่แล้ว พวกเขาเพียงแค่ช่วยดูแลเท่านั้น
ส่วนหมี่หลันหยางและคนอื่นๆ หมี่หลันเยว่จัดให้แต่ละคนดูแลร้านค้าหนึ่งห้อง ซึ่งน่าจะรับมือได้ ส่วนหมี่หลันเยว่ เธอจะเฝ้าอยู่เองที่ร้านค้าห้าห้องที่ขายสินค้าชั้นนำ นี่คือการเริ่มต้นสร้างชื่อเสียงให้กับห้องเสื้อหลันเยว่ เธอจะต้องทำให้มั่นใจว่าจะไม่มีข้อผิดพลาดใดๆ เกิดขึ้น
ที่จริงแล้ว ไม่ว่าเมื่อไหร่ก็มีการแบ่งชนชั้นกันอยู่เสมอ แม้แต่ใน่ต้นยุค 80 ซึ่งเป็ยุคที่เศรษฐกิจส่วนบุคคลเพิ่งเริ่มต้น ครอบครัวที่มีฐานะและร่ำรวยก็มีอยู่ไม่น้อย เพียงแต่เมื่อเทียบกับยุคหลังๆ พวกเขาค่อนข้างจะถ่อมตัวกว่าเล็กน้อย แต่ไม่ได้หมายความว่าพวกเขาไม่มีอยู่จริง
ดังนั้น ในวันเปิดทำการวันแรก ยอดขายของร้านเสื้อผ้าจึงเกินความคาดหมายของหมี่หลันเยว่ไปถึงสามเท่าตัว เพราะในวันเปิดทำการวันแรก หมี่หลันเยว่จะให้กระเป๋าสะพายผ้าที่เข้าชุดกันให้หนึ่งใบ เมื่อซื้อเสื้อผ้าหนึ่งชุด ซึ่งมีทั้งขนาดเล็กและใหญ่ให้เลือก
ลูกค้าหลายคนที่้าซื้อเพียงชุดเดียวเพื่อลองสวมใส่ เมื่อทราบจากพนักงานขายว่าพรุ่งนี้จะไม่มีสิทธิประโยชน์นี้แล้ว จึงรีบสั่งซื้อชุดแล้วชุดเล่า แน่นอนว่าพวกเขาไม่ได้้าแค่กระเป๋าสะพายใบเล็กๆ เพราะเสื้อผ้าของร้านนี้มีราคาแพงมาก
แต่เสื้อผ้าพวกนี้สวยงามเกินห้ามใจ ทำให้พวกเขาตัดสินใจไม่ได้ว่าจะเลือกชุดไหนดี จึงต้องเพิ่มรายการซื้อของตัวเองมากขึ้นเรื่อยๆ เมื่อเลือกของแถมก็พบว่าราคาก็ไม่น้อยเช่นกัน สิ่งนี้ยิ่งกระตุ้นความ้าซื้อของพวกเขา ดังนั้นยอดขายที่เกินความคาดหมายจึงกลายเป็ความจริง
ต้องบอกว่ากลยุทธ์การส่งเสริมการขายเล็กๆ น้อยๆ ของหมี่หลันเยว่ได้ผลดีในระดับหนึ่ง แต่สิ่งที่โดดเด่นที่สุดไม่ใช่แค่นั้น นอกตู้กระจกที่สวยงามของห้องเสื้อหลันเยว่ มีกระเช้าดอกไม้ขนาดใหญ่สิบกระเช้าวางอยู่ ซึ่งเป็ของขวัญแสดงความยินดีจากหนิวต้าลี่และจางเหรินซ่าน นี่ถือเป็ความสง่าผ่าเผยถึงขีดสุด
ห้องเสื้อหมี่หลันเยว่ไม่เพียงแต่เป็ร้านค้าเพียงแห่งเดียวในร้านที่ได้รับของขวัญแสดงความยินดีในวันเปิดทำการเท่านั้น เธอยังเป็ร้านเดียวที่ได้รับป้าย ‘ร้านค้าที่ได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาล’ จากรัฐบาลอีกด้วย เกียรตินี้เธอได้รับมาอย่างกะทันหัน
ในวันนี้ก่อนเปิดทำการ ขณะที่หัวหน้ากำลังกล่าวสุนทรพจน์ จู่ๆ ก็มีการเพิ่มรายการนี้เข้าไป ทำให้หมี่หลันเยว่รู้สึกสับสนเล็กน้อย บนเวทีมีการเรียกชื่อเธอสองครั้ง เธอถึงได้รู้สึกตัว เดินขึ้นไปบนเวที ในขณะที่หมี่หลันหยาง เฉียนหย่งจิ้น และหลินเผิงเฟยที่อยู่ข้างๆ เธอ จนกระทั่งเธอขึ้นไปบนเวทีและชูป้ายขึ้น ทั้งสามคนถึงได้เชื่อว่านี่คือเื่จริง
่เที่ยง ลูกค้าเริ่มซาลงบ้าง หมี่หลันเยว่กำชับพนักงานในร้านให้ดูแลร้านให้ดี จากนั้นเธอก็ไปดูร้านค้าอื่นๆ อีกสี่ห้อง ยอดขายก็ยังดีอยู่ แต่ก็เป็ไปตามเป้าหมายที่เธอตั้งไว้ ไม่ได้โดดเด่นอะไรมากนัก เมื่อเทียบกับยอดขายของร้านเสื้อผ้าแล้ว แตกต่างกันอย่างมาก
"น้องสาว ทางนั้นเป็ยังไงบ้าง"
เนื่องจากเป็ไปตามเป้าหมาย หมี่หลันหยางจึงไม่ได้รู้สึกกดดันอะไร ยอดขายในวันนี้จะช่วยเพิ่มเงินในบัญชีของน้องสาวได้ สินค้าที่เต็มร้านเหล่านี้ ทำให้เงินของน้องสาวแทบจะหมดไปแล้ว
"ฝั่งฉันดีกว่าที่คิดไว้นะคะ เกินกว่าที่เราคาดไว้ก่อนหน้านี้ถึงสามเท่าตัว แต่เป็สี่เท่าของที่คิดไว้น่ะค่ะ"
แม้จะไม่ถึงกับเหลิง แต่ก็มีความภาคภูมิใจเล็กๆ น้อยๆ อยู่บ้าง
"ว้าว หลันเยว่ ยอดขายนี้มัน...มันเกินคาดจริงๆ"
หมี่หลันหยางไม่รู้ว่าจะอธิบายความรู้สึกของตัวเองอย่างไร เขาก็รู้สึกได้ว่า เมื่อกี้เขายังไม่กดดันเลย แต่ตอนนี้แรงกดดันเพิ่มขึ้นมาในทันที
"เมื่อเทียบกับเธอแล้ว ยอดขายของฉันดูซบเซาไปเลย"
ยอดขายที่คาดการณ์ไว้ของร้านเสื้อผ้าเดิมทีก็สูงกว่าร้านอื่นๆ อีกสี่ห้องอยู่แล้ว แต่เมื่อมาดูตอนนี้ กลับสูงกว่ามากขนาดนี้ ในขณะที่ร้านที่เขาดูแลกลับมียอดขายเพียงแค่ระดับที่คาดการณ์ไว้เท่านั้น จะเห็นได้ว่าไม่ใช่แค่ปัญหาเื่ความ้าซื้อของลูกค้าอย่างเดียว การขายของน้องสาวมีส่วนสำคัญอย่างมาก
"พี่คะ เื่นี้พี่ไม่ต้องกดดันนะคะ ร้านของพวกพี่เป็เสื้อผ้าสำหรับคนทั่วไป แถมร้านก็มีเยอะมีขนาดใหญ่ ลูกค้าก็กระจายกันไป ส่วนร้านของหนูเป็ร้านขายเสื้อผ้าชั้นนำ ร้านเดียวในร้านค้าทั้งหมด แน่นอนว่าธุรกิจก็ต้องดีกว่าอยู่แล้ว ถึงแม้ว่าจะเกินความคาดหมายไปมาก แต่ถ้ามองถึงเื่อนาคตแล้ว ยอดขายก็ยังไม่สามารถเทียบกับเสื้อผ้าสำหรับคนทั่วไปได้หรอกค่ะ"
หมี่หลันหยางก็ไม่ได้ไม่เข้าใจเหตุผลนี้ ท้ายที่สุดแล้วน้องสาวก็เคยบอกไว้แล้วว่า ร้านค้าหลายห้องเหล่านี้มีบทบาทสำคัญในตลาดค้าส่ง ลูกค้าเพียงรายเดียวที่เข้ามา ก็มีกำลังซื้อมากกว่าลูกค้าทั่วไปที่เดินเล่นอยู่มากมาย แต่ทั้งหมดนั้นเป็เื่ของอนาคต วันนี้คนที่เฝ้าร้านคือเขา ยอดขายก็เลยต่ำ
เมื่อเห็นว่าพี่ชายเริ่มหงุดหงิด อารมณ์ดีๆ เมื่อกี้ดูเหมือนจะหายไป หมี่หลันเยว่จึงรีบอธิบายให้พี่ชายฟังอีกครั้ง
"พี่คะ วันนี้เป็แค่วันแรก เราต้องดูยอดขายโดยรวมสามวันก่อน พรุ่งนี้ร้านเสื้อผ้าก็จะไม่แถมอะไรแล้ว ยอดขายจะต้องลดลงแน่นอนค่ะ"
"ยัยโง่ นี่ฉันหวังว่ายอดขายของร้านจะลดลงงั้นเหรอ ฉันหวังว่ายอดขายของร้านฉันจะดีขึ้นต่างหาก พวกเราทุ่มเทให้กับร้านนี้มากขนาดนี้ ไม่ว่าร้านไหนจะขายดี นั่นก็คือความสำเร็จของเราทั้งนั้น และฉันก็แค่หวังว่ามันจะดีขึ้นเรื่อยๆ และยิ่งใหญ่มากขึ้น"
หมี่หลันหยางลูบศีรษะน้องสาวอย่างเอ็นดู น้องสาวจะฉลาดแค่ไหน สุดท้ายก็ยังเป็เด็กผู้หญิงที่อายุน้อยกว่าเขาอยู่ดี ฟังคำปลอบใจของเธอแล้วน่าขำจริงๆ แต่ในขณะเดียวกันก็ทำให้หมี่หลันหยางรู้สึกซาบซึ้งใจเป็อย่างมาก
ความหมายของพี่ชายชัดเจน หมี่หลันเยว่ก็รู้สึกอายกับความไร้เดียงสาของตนเอง รีบบอกลาพี่ชาย แล้วไปดูร้านอื่นๆ อีกสองสามร้าน ร้านของเฉียนหย่งจิ้นและหลินเผิงเฟย มียอดขายใกล้เคียงกับร้านของหมี่หลันหยาง ส่วนร้านที่หวังหย่วนฉิงและหมี่จิ้งเฉิงดูแล ซึ่งเดิมทีไม่ได้รับการคาดหวัง กลับมียอดขายดีกว่าร้านทั้งสามร้านเสียอีก
"หลันเยว่ มาแล้วเหรอ ข้างหน้ายุ่งไหม"
เมื่อเห็นลูกสาววิ่งมา หวังหย่วนฉิงก็รู้ว่าเธอคงจะหาเวลาใน่ที่ลูกค้าไม่เยอะ รีบมาดูยอดขายของร้านตนเอง
แต่เธอไม่รู้ว่ายอดขายเท่าไหร่ถึงจะถือว่าดี ทำได้แค่กังวลใจ มองดูลูกสาวตอบคำถามไปพร้อมกับดูใบเสร็จยอดขาย เพราะยังไม่ถึงเวลาเลิกงาน บัญชียังไม่ได้สรุป ดังนั้นหาก้ารู้ยอดขาย ต้องพลิกดูใบเสร็จยอดขายคร่าวๆ ก่อน
"แม่คะ ยอดขายทางนี้ดีนะคะ ดีกว่าทางของพี่ชายอีก"
หมี่หลันเยว่ดูใบเสร็จแล้ว ในใจก็พอจะรู้แล้ว แต่ผลลัพธ์ก็ทำให้เธอใจริงๆ นี่คือสิ่งที่เธอไม่ได้คาดหวัง
"เพราะมีเถียจู้กับหลิวลี่อยู่น่ะสิ โถ่ หลันเยว่ ลูกไม่เห็นตอนที่พวกเขาสองคนขายของนี่นา มันน่าอิจฉาจริงๆ แค่ลูกค้าผ่านมือพวกเขาไป แทบจะเป็ไปไม่ได้เลยที่จะตกลงกันไม่ได้ ไม่รู้ทำไม คำพูดของพวกเขาถึงโดนใจลูกค้าได้ขนาดนั้น"
หมี่หลันเยว่รู้ถึงประเด็นสำคัญทันที ฝีมือของพนักงานขายยังคงเป็ตัวกำหนดปริมาณการขาย แม้ว่าพนักงานเหล่านี้จะได้รับการฝึกฝนมาอย่างดีจากหนิวเถียจู้และหลิวลี่ แต่ก็ยังขาดประสบการณ์จริง เห็นได้ชัดว่าการที่เธอจัดให้ทั้งสองคนอยู่ด้านในสุดนั้นเป็การตัดสินใจที่ผิดพลาด
ตอนแรกที่จัดแบบนี้ ก็เพราะกลัวว่าร้านที่อยู่ด้านในจะมียอดขายต่ำ พนักงานขายจะไม่มีความมั่นใจ เธอจึงจัดให้ทั้งสองคนมาอยู่ที่นี่ แต่กลับไม่ได้คิดว่าถ้ามีพวกเขาสองคนนำทีมอยู่ที่ร้านค้าด้านหน้า ยอดขายจะเพิ่มขึ้นอีกมากแค่ไหน เธอคิดไม่รอบคอบจริงๆ
"่บ่าย พวกพี่สองคนไปข้างหน้านะคะ คนหนึ่งไปร้านของพี่ชาย คนหนึ่งไปร้านของพี่หย่งจิ้น"
หมี่หลันเยว่ทำการปรับเปลี่ยนทันที หลิวลี่และหนิวเถียจู้รับงานใหม่โดยไม่ลังเล หวังหย่วนฉิงกลับรู้สึกเสียดายร้านที่ตนเองดูแลอยู่ ยอดขาย่บ่ายอาจจะซบเซา
"ที่หนูย้ายคนออก ก็เพราะหวังว่าพวกพี่จะไม่จมอยู่ภายใต้พวกเขาสองคน พวกเขาเป็มืออาชีพ ส่วนพวกพี่เป็มือใหม่ แต่พวกพี่ก็เป็คนที่พวกเขาฝึกฝนมากับมือ ถ้าที่นี่ไม่มีพวกเขา พวกพี่จะสามารถแสดงฝีมือของตัวเองออกมาได้ดียิ่งขึ้น เพราะพวกพี่ได้ฝึกงานกับพวกเขามาทั้ง่เช้านี่คะ"
ผลปรากฏว่าข้อพิสูจน์ยืนยันถึงความสำเร็จในการปรับเปลี่ยนของหมี่หลันเยว่ นอกจากร้านของหลินเผิงเฟยที่มียอดขายต่ำกว่าเล็กน้อยแล้ว ร้านอื่นๆ ต่างก็มียอดขายเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด สิ่งนี้ยิ่งทำให้หมี่หลันเยว่ตัดสินใจที่จะทำให้การขายดีขึ้นไปอีก
