เวลานี้ความเจ็บแสบที่ดวงตาพลันพุ่งตรงเข้าสู่สมองของหลินเยว่ทำให้เขาถึงกับสบถออกมาอย่างอดไม่ได้
ทำไมต้องเป็ตอนนี้ด้วยวะ?......
ถึงแม้ว่าในใจของเขาจะรู้สึกหมดหนทาง แต่ทว่าเขาก็รู้ตัวว่าเขาไม่สามารถหยุดได้ในตอนนี้เพราะหากหยุดแล้วจะทำให้ความพยายามทั้งหมดกลายเป็ความสูญเปล่า
ไอ้บ้าเอ๊ย! ถือว่าเป็การเอาชนะตัวเองอีกครั้งหนึ่งก็แล้วกัน!
หลินเยว่กัดฟันฝืนต่อไปเขาพยายามทำให้สมองของตนตื่นตัวขึ้นมา แต่ทว่ามันกลับไม่ได้ผลเลย ดังนั้นเขาจึงได้แต่พยายามรีบมองทะลุให้เสร็จอย่างรวดเร็วที่สุด
เขามองทะลุขึ้นไปทาง้า จึงพบว่าสภาพดินตรงก้นเครื่องเคลือบกับส่วนบนไม่เหมือนกันสภาพดินตรงท้องแจกันจะดูเป็จุดขาวๆ ส่วนสภาพดินตรงก้นด้านใต้กลับออกเป็สีแดงเล็กน้อยราวกับสีแดงที่ถูกเผาออกมาของอิฐแดง
ถึงแม้ว่าส่วนบนกับส่วนก้นจะเชื่อมต่อกันอย่างสวยงามเป็เนื้อเดียวอีกทั้งสีของมันั้แ่ส่วนที่เป็สีแดงไล่ไปยังสีขาวก็ค่อยๆ อ่อนลงทีละนิดดูกลมกลืนเป็อย่างมาก ราวกับว่าสีที่ถูกเผาออกมาในตอนแรกก็เป็เช่นนี้อยู่แล้วแต่ทว่าการที่ดูกลมกลืนมากจนเกินไปก็ทำให้ดูไม่ค่อยเป็ธรรมชาติได้เช่นกัน
หลินเยว่จำได้ว่าอาจารย์เฮ่อฉางเหอของเขาเคยกล่าวไว้ว่าแต่ก่อนมีปรมาจารย์ในการซ่อมแซมเครื่องเคลือบจำนวนมากพวกเขาสามารถซ่อมแซมเครื่องเคลือบจนสวยงามไร้ตำหนิราวกับว่าเครื่องเคลือบเ่าั้ไม่เคยแตกร้าวมาก่อนไม่ว่าจะเป็ส่วนสีเคลือบหรือสีตรงตัวเครื่องเคลือบก็สามารถซ่อมแซมได้ดูเป็ธรรมชาติมาก
หรือว่าแจกันเคลือบใบนี้ก็เคยได้รับการซ่อมแซมมาก่อน?
เมื่อความคิดนี้ปรากฏขึ้นหลินเยว่จึงเกร็งสะท้านไปทั้งร่าง แต่หลังจากนั้นเขาก็รู้สึกถึงความเ็ปอย่างรุนแรงที่ดวงตาแล้วแผ่กระจายเข้าสู่สมองทำให้ภาพเบื้องหน้าของเขากลายเป็สีดำชั่วขณะ หัวใจถูกบีบคั้นอย่างรุนแรงราวกับว่าเืในร่างกายได้หยุดไหวเวียนไปในทันที
หลินเยว่พยายามทรงตัวไว้แต่ทว่าก้นของเขาก็ทรุดลงกับพื้นอยู่ดี ใบหน้าซีดขาว เหงื่อกาฬไหลออกมาไม่หยุดแต่โชคดีที่มือของเขาจับแจกันเคลือบไว้อย่างแน่นจึงทำให้แจกันเคลือบไม่ตกแตกลงบนพื้น
สภาพของหลินเยว่ทำให้คนแถวๆ นั้นรู้สึกใมีคนที่อยู่ข้างๆ รีบประคองหลินเยว่ไว้พร้อมสอบถามอย่างร้อนใจ “สหายหนุ่มคุณไม่เป็อะไรใช่ไหม?”
เมื่อเวลาผ่านไปนานพอสมควร หลินเยว่ถึงได้ฟื้นตัวกลับมาเล็กน้อยถึงแม้ว่าเขายังรู้สึกเ็ปบริเวณดวงตาอยู่ แต่ทว่าตอนนี้เขาก็สามารถลืมตาได้แล้วเพียงแต่ว่าจะมองเห็นไม่ค่อยชัด ทุกอย่างจะกลายเป็ภาพเบลอๆใบหน้าของเขายังคงไร้สีเืเหมือนเดิม แต่คนที่เห็นจะรู้สึกสภาพของหลินเยว่ดีขึ้นกว่าเมื่อสักครู่อยู่ไม่น้อยอย่างน้อยตอนนี้เขาก็ดูมีชีวิตอยู่บ้าง
“ไม่เป็ไรครับ แค่นั่งยองๆ นานจนเกินไปพอตอนรีบลุกขึ้นยืนก็เลยรู้สึกขาดออกซิเจนชั่วคราว”
หลินเยว่ส่งยิ้มที่ดูอ่อนแรงให้กับคนคนนั้น
อีกฝ่ายรู้สึกเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่งแต่ก็ประคองหลินเยว่ให้เข้าพิงกับต้นไม้ เมื่อร่างกายของหลินเยว่ัักับต้นไม้อีกฝ่ายถึงได้ปล่อยมือจากหลินเยว่
“ยังหนุ่มขนาดนี้ทำไมถึงได้อ่อนแอขนาดนี้ล่ะ หากยังเป็อย่างนี้อีกต่อไปก็คงแย่แล้วล่ะ ต้องออกกำลังกายบ้างนะ เพราะสุขภาพเป็สิ่งที่สำคัญที่สุด”
ดูจากสถานการณ์นี้ อีกฝ่ายก็เป็คนที่มีจิตใจดีคนหนึ่ง
“ครับ ขอบคุณครับ”
หลินเยว่หลับตาลงอย่างช้าๆ หากเป็สถานการณ์ปกติเขาต้องขอบคุณอีกฝ่ายอย่างจริงจังมากกว่านี้ แต่ทว่าตอนนี้เขาอ่อนเพลียจนเกินไปจึงไม่มีกะจิตกะใจที่จะพูดอะไรมากกว่านี้
แต่มือของเขาก็ยังคงจับแจกันใบนั้นไว้แน่นอยู่ดี
นี่อาจจะเป็ของแท้!
หากนำข้อสรุปทั้งหมดรวมทั้งความรู้สึกในการรับรู้ความหนืดของแจกันใบนี้จากเมื่อสักครู่ด้วยแล้วหลินเยว่มีความมั่นใจ 90%ว่าเครื่องเคลือบใบนี้เป็ของแท้
หากเขายังสามารถใช้สภาวะจิตสงบนิ่งไม่ว่อกแว่กได้อีกครั้งก็คงจะดีเพราะเขาจะได้สังเกตความหนืดตรงก้นของแจกันและเมื่อได้เปรียบเทียบกันแล้วก็จะทำให้เขาสามารถตัดสินได้ว่าแจกันใบนี้เป็เครื่องเคลือบสีเขียวบ๊วยจากเตาเผาหลงเฉวียนหรือเปล่า
น่าเสียดายจริงๆ!
ณ เวลานี้ หลินเยว่รู้สึกว่าความรู้สึกของเขาเมื่อสักครู่ต้องไม่ผิดอย่างแน่นอนมันเป็ความหนืดในสมัยซ่งใต้ การเกิดปฏิกิริยาเคมีด้วยการเผาอุณหภูมิสูงไม่ได้ทำให้ความหนืดของหินพอร์ซเลนเปลี่ยนแปลงไป
พรุ่งนี้เขาต้องลองทดลองอีกครั้ง!
หลินเยว่รู้สึกกลับมามั่นใจกับพลังพิเศษตาทิพย์ของตนเองอย่างเต็มที่ขึ้นอีกครั้ง
คนคนนั้นมองหลินเยว่ด้วยสายตาแปลกประหลาดเวลานี้มีคนที่ยอมสละชีวิตแต่ยังไงก็ไม่ยอมสละทรัพย์สินอยู่จริงๆ ด้วยจนถึงขนาดนี้แล้วยังกอดเครื่องเคลือบไว้ไม่ยอมปล่อยอีกหรือว่าเครื่องเคลือบชิ้นนี้จะมีความพิเศษ?
เมื่อเขามองเครื่องเคลือบในมือของหลินเยว่อย่างละเอียดเขาจึงเห็นเสน่ห์น่าหลงใหลของสีเครื่องเคลือบและสีเคลือบที่สวยบริสุทธิ์ในใจของเขาก็กระตุกอย่างแรงทันที
เครื่องเคลือบสีเขียวบ๊วยจากเตาเผาหลงเฉวียน!
แต่ทว่าเมื่อเขาเห็นตรงก้นแจกันเคลือบแล้วเขาจึงอดไม่ได้ที่จะส่ายศีรษะ ดูแล้วน่าจะเป็แค่ของปลอม
เป็ของปลอมแล้วยังจะอุ้มไว้ขนาดนี้อีกหรือเห็นได้ชัดว่าเด็กหนุ่มคนนี้ไม่เห็นแม้กระทั่งลักษณะเฉพาะของเครื่องเคลือบคนหนุ่มสาวสมัยนี้ช่างไม่รู้จักศึกษาหาความรู้จริงๆ เลย!
คนคนนั้นส่ายศีรษะขึ้นอีกครั้ง แล้วก็ยุ่งกับเื่ของตัวเองต่อไป
คนที่ดูน่าสงสารก็มักจะเกิดจากการทำตัวเองทั้งนั้นเขาไม่จำเป็ต้องช่วยเหลือคนที่ไม่ยินดีที่จะรับความช่วยเหลือจากคนอื่นไม่จำเป็เลย
เวลาผ่านไปประมาณ 5 นาที หลินเยว่ถึงค่อยๆ ฟื้นตัวกลับมาถึงแม้ว่าเขายังรู้สึกปวดหัวเหมือนหัวจะบวมแต่โชคดีที่ตอนนี้ไม่ได้เป็อะไรร้ายแรงอีกแล้ว
เมื่อลืมตาขึ้นมาแล้วเห็นว่าเครื่องเคลือบในมือยังคงมีสภาพดีเหมือนเดิมเขาจึงอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจอย่างโล่งใจ
ถึงแม้ว่าก้นแจกันเคลือบจะเป็ของปลอมแต่ตัวแจกันเคลือบกลับมีความเป็ไปได้สูงว่าจะเป็ของแท้ ดังนั้นเขาจะต้องซื้อแจกันเคลือบใบนี้ให้ได้
หรือถึงแม้จะเป็ของปลอม เขาก็ต้องเอามาเป็ของตัวเองให้ได้แล้วเขาจะถือว่าเป็การจ่ายค่าบทเรียนที่เกิดจากความอ่อนด้อยของตนเอง
เขาต้องมีจิตใจที่กล้าพนัน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง หากเขา้าอยู่ในวงการวัตถุโบราณ!
ตอนนี้หลินเยว่รู้สึกว่าตนเองก็ร่ำรวยอยู่เหมือนกันเงินไม่กี่หมื่นนี้เมื่อเทียบกับเงินของเขาทั้งหมดที่มีหลักสิบล้านก็ถือว่าเป็จำนวนเงินที่ไม่มากนัก การซื้อของปลอมแล้วต้องเสียเงินฟรีๆก็ไม่ได้เป็เื่น่ากลัวอะไรเพราะสิ่งที่น่ากลัวยิ่งกว่าก็คือการที่ไม่กล้าแม้แต่จะคิดพนัน นี่เป็ความจริงที่ท่านเฮ่อฉางเหอได้สั่งสอนเขา
ต้องกล้าที่จะทำ!
หลินเยว่ค่อยๆ ลุกขึ้นยืน เขาขมวดคิ้วแล้วถามเ้าของแผงขึ้น “เถ้าแก่เครื่องเคลือบใบนี้คุณได้มาจากที่ไหนหรือ?”
ที่เขาถามเช่นนี้เพราะมันเป็รูปแบบการเกริ่นนำเท่านั้นเองเพราะหากเขาถามถึงราคาโดยตรง เขาต้องโดนอีกฝ่ายฟันด้วยราคาสูงลิบอย่างแน่นอน
เมื่อสักครู่เ้าของแผงเห็นหลินเยว่มีใบหน้าซีดขาวก็ถึงกับใเช่นกันในใจของเขาคิดว่าคนคนนี้คงไม่ตายหรอกนะ หากตายก็กลายเป็ความซวยของเขาจริงๆแต่ทว่าเมื่อเขาเหลือบมองหลินเยว่ เห็นอีกฝ่ายกอดเครื่องเคลือบไว้ไม่ปล่อยในใจของเขาก็เกิดความคิดบางอย่าง ดังนั้น จึงไม่ได้วู่วามทำอะไรออกมา
ในเมื่อหมดสติแต่กลับไม่ยอมปล่อยมือดูแล้วเขาน่าจะขายของชิ้นนี้ได้
“ใบนี้ได้มาจากครอบครัวที่อยู่บนถนนวัตถุโบราณสายหนึ่งมันเป็มรดกตกทอดมาจากบรรพบุรุษของครอบครัวนั้น ตกทอดมาหลายร้อยปีแล้วตอนแรกครอบครัวนั้นก็ไม่คิดจะขายหรอกนะ แต่ว่าสุดท้ายก็อดทนต่อการหว่านล้อมของผมไม่ไหวพอดีมีคนในครอบครัวไม่สบาย ร้อนเงินอยู่พอดี จึงได้ยอมขายมันออกมาจะพูดอีกทีพวกเขาก็ไม่ค่อยกตัญญูรู้คุณ มรดกตกทอดล้ำค่าก็ยังเอาออกมาขายทิ้งแบบนี้อีกแต่ก็นะ... หากพวกเขาเป็พวกกตัญญู แล้วของอย่างนี้จะตกมาถึงมือของผมได้ยังไงล่ะเหอๆ......”
เ้าของแผงยิ้มอย่างเ้าเล่ห์ยิ่งดูก็ยิ่งเหมือนเถ้าแก่ตัวร้าย
หลินเยว่ได้ยินเช่นนี้ก็ส่ายศีรษะไม่ต้องสนใจว่าอีกฝ่ายจะพูดเื่จริงหรือโกหก ก่อนอื่นเขาจะต้องส่ายหน้าเพื่อเป็การบอกอีกฝ่ายเป็นัยๆว่าเครื่องเคลือบใบนี้ไม่ค่อยดี แล้วค่อยพูดอย่างอื่นต่อ
“ทำไมล่ะ? สหายหนุ่มคิดว่าผมพูดโกหกอย่างนั้นหรือเื่นี้เป็เื่จริง 100% ไม่อย่างนั้นผมยอมสาบานก็ได้!”
เ้าของแผงพูดอย่างมั่นใจ ดวงตาของเขาจ้องหลินเยว่นิ่ง
เมื่อหลินเยว่เห็นว่าเ้าของแผงทำท่าจะสาบานจริงๆเขาจึงได้แต่ยิ้มอย่างอ่อนใจ เพื่อเงินแค่นี้ยังกล้าสาบานอีก คนแบบนี้คงมีแต่เื่เงินอยู่ในสมองการรับมือกับคนประเภทนี้ หากบอกว่าง่ายก็ถือว่าง่าย เพราะขอแค่มีจำนวนเงินมากพอจะให้อีกฝ่ายยอมเรียกท่านปู่ก็ยังได้เลย แต่หากรับมือลำบาก ก็เป็ความลำบากจริงๆเพราะคนเห็นแก่เงินปกติมักจะขี้งก หากอีกฝ่ายตั้งราคาสูงๆ แล้วไม่ยอมปล่อยแจกันเคลือบใบนี้ตัวหลินเยว่เองก็คงจะทำอะไรไม่ได้เลย
“คุณไม่ต้องสาบานหรอกนะ ก็คิดเสียว่าผมเชื่อคุณละกันว่าแต่... เครื่องเคลือบชิ้นนี้มันไม่ค่อยดีเลย”
“คุณพูดแบบนี้ก็ผิดแล้วล่ะ คุณดูสิสีเคลือบของมัน... เหมือนสีเขียวของบ๊วยมาก... เป็สีเขียวที่แฝงด้วยสีขาว มันเป็ลักษณะเฉพาะของเครื่องเคลือบสีเขียวบ๊วยจริงๆ”
เ้าของแผงชี้มายังเครื่องเคลือบอยู่เป็นานถึงได้คิดประโยคที่บรรยายลักษณะเครื่องเคลือบชิ้นนี้ออกมาเช่นนี้
สีเขียวที่แฝงด้วยสีขาว?
หลินเยว่เกือบจะหลุดขำออกมา นี่เป็การบรรยายลักษณะของอะไรเนี่ย?ลักษณะเด่นของเครื่องเคลือบสีเขียวบ๊วยก็ไม่ใช่สีเขียวที่แฝงด้วยสีขาวเสียด้วย!
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้