หลังเที่ยง
เนี่ยเฉี่ยนที่บ่นเสียงเอ็ดอึงอยู่พักใหญ่ เห็นว่าเนี่ยเทียนนอนหลับปุ๋ยไปแล้วหลังจากได้กินจนพุงกาง นางจึงต้องหยุดบ่นอย่างไม่เต็มใจนัก
กระดูกสัตว์ชิ้นนั้นที่เนี่ยเทียนเอากลับมาจากงานเลี้ยงจับฉลาก ถูกเขากุมไว้ในมือแน่นอยู่ตลอดเวลา ทว่าเนี่ยเฉี่ยนกลับไม่พบร่องรอยการตอบรับของพลังิญญาใดๆ ทั้งสิ้นระหว่างเนี่ยเทียนและกระดูกสัตว์ชิ้นนั้น
“โง่จริงๆ เลยเ้าเนี่ยเทียน แย่งเอาอาวุธระดับสูงมาได้มากมายขนาดนั้น สุดท้ายกลับไม่รู้จักเลือกของดีๆ...” เนี่ยเฉี่ยนพึมพำเสียงเบา
“ไม่มีประโยชน์อันใด ต่อให้เขาเอาไข่มุกที่มีพลังระดับสูงสุดเม็ดนั้นมาก็ไม่มีประโยชน์อันใดกับเขา อาวุธวิเศษเจ็ดชิ้นนั้น ไม่มีชิ้นใดที่เหมาะสมกับเขาเลยแม้แต่น้อย ให้เขาเข้าร่วมงานเลี้ยงจับฉลาก ข้าก็รู้แต่แรกแล้วว่าจะไม่ได้ผลพวงอันใดกลับมา” และเวลานี้เอง เสียงของเนี่ยตงไห่ก็ดังมาจากนอกประตู
“ท่านพ่อ ท่านหลิ่ว” ตอนที่เนี่ยเฉี่ยนหันกลับไปมองก็พบว่าเนี่ยตงไห่และหลิ่วเยี่ยนจากสำนักหลิงอวิ๋นเดินเข้ามาพร้อมกัน
เนี่ยตงไห่มองเนี่ยเทียนที่กำลังนอนกางแขนกางขาหลับฝันหวานอยู่บนเตียงด้วยสายตารักใคร่เอ็นดู ถอนหายใจเสียงเบาๆ หนึ่งครั้ง กล่าวด้วยใบหน้ามืดมน “หลายวันก่อนข้าได้ลองทดสอบดูแล้ว เพื่อยืนยันถึงคุณสมบัติของพลังในร่างเด็กคนนี้ ทว่า...”
หยุดไปครู่หนึ่งเขาก็พูดต่อว่า “บางทีอาจเป็เพราะพลังของข้าไม่เพียงพอ ข้าไม่สามารถััได้ถึงคลื่นพลังที่ควรมีในร่างของเขา ตอนนั้นข้าก็รู้แล้วว่าต่อให้เขาเข้าร่วมงานเลี้ยงจับฉลาก สุดท้ายก็ไม่ได้สิ่งใดกลับคืนมา”
“และเพราะเข้าใจในจุดนี้ ข้าถึงไม่่ชิงเพื่อให้เขาได้เข้าร่วมงานเลี้ยงฉลองจับฉลากั้แ่แรก”
เนี่ยเฉี่ยนอึ้งไปชั่วขณะ พูดด้วยพึมพำเล็กน้อย “แต่หลังจากที่ข้าขอร้องท่าน ท่านพ่อก็ยัง...”
เนี่ยตงไห่ฝืนยิ้ม “ในใจยังรู้สึกไม่ยินยอม ยังคงเพ้อฝันว่าอาจจะมีปาฏิหาริย์เกิดขึ้น ทว่าดูจากสถานการณ์ตอนนี้ ข้าคงหวังมากเกินไป”
“ข้าผิดเอง” เนี่ยเฉี่ยนกล่าวตำหนิตนเอง
ยามนี้นางถึงได้เข้าใจว่าเนี่ยตงไห่เองก็รักเนี่ยเทียนไม่ต่างไปจากนาง และในที่สุดก็ได้เข้าใจว่าเพื่อ่ชิงเอาโอกาสอันน้อยนิดมาให้เนี่ยเทียนแล้ว เนี่ยตงไห่ยอมที่จะปะทะกับทุกคนของตระกูลเนี่ยอีกครั้ง
ต่อให้เขาจะรู้ดีว่าความพยายามของเขา อาจไม่ได้อะไรกลับคืนมา
“ให้ข้าดูอย่างละเอียดหน่อยเถิด” ในขณะที่พูดอยู่นั้น หลิวเหยี่ยนก็เดินมาถึงขอบเตียง ยื่นมือไปยังเนี่ยเทียนที่กำลังหลับสนิท
แสงสีขาวเจิดจ้าแผ่ออกมาจากกลางฝ่ามือซ้ายของหลิวเหยี่ยน ความมันขลับละมุนละไมทำให้มือข้างนั้นของเขาขาวราวกับหยก
มือข้างนั้นของหลิ่วเยี่ยนกดลงไปเบาๆ บนท้องของเนี่ยเทียน เขาหรี่ตาลง สีหน้าแน่วแน่ พลังิญญากลางฝ่ามือราวกับเส้นผมที่ค่อยๆ แทรกซึมจากท้องของเนี่ยเทียนไหลเวียนไปทั่วร่างของเขา
เนี่ยเทียนที่หลับสนิทคล้ายรู้สึกสบายตัว ใบหน้าอ้วนกลมจึงมีรอยยิ้มอย่างเป็สุขปรากฏขึ้น ทั้งยังมีเสียงกรนน้อยๆ ราวกับกำลังฝันดี
แสงขาวจัดจ้าราวกับหยกค่อยๆ ลอยขึ้นมาจากิัของเนี่ยเทียน ทำให้เนี่ยเทียนดูเหมือนตุ๊กตากระเบื้องเคลือบที่อยู่ภายใต้แสงไฟส่องสว่าง
แต่เนี่ยตงไห่และเนี่ยเฉี่ยนที่กำลังมองเนี่ยเทียนถึงกลับขมวดคิ้ว
พวกเขารู้ดีว่าแสงแวววาวราวกับหยกเ่าั้มาจากพลังิญญาของหลิวเหยี่ยน
พลังิญญานั้นไหลวนไปทั่วร่างของเนี่ยเทียนหนึ่งรอบ ในเมื่อไม่ก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงใดก็ย่อมหมายความว่าในร่างกายของเนี่ยเทียนไม่มีคลื่นพลังิญญาแฝงเร้นอยู่
ผ่านไปครู่ใหญ่ หลิ่วเยี่ยนค่อยๆ ดึงมือกลับ หันไปมองเนี่ยตงไห่แล้วส่ายหัว
เนี่ยตงไห่และเนี่ยเฉี่ยนล้วนมีสีหน้าสลดหดหู่
“ตามหลักแล้วไม่ควรเป็เช่นนี้ ข้ารู้จักพร์ของศิษย์น้องหญิงเล็กเป็อย่างดี ไม่เพียงแต่ในเมืองเฮยอวิ๋นเท่านั้น แม้แต่ในสำนักหลิงอวิ๋นของเราเอง พร์ของนางก็โดดเด่นเป็ที่เลื่องลือ ต่อให้ผูกสัมพันธ์เป็สามีภรรยากับมนุษย์ธรรมดาที่ไร้พร์ใดๆ ลูกของนางก็ต้องได้รับพร์ของนางมาส่วนหนึ่ง ไม่ควรจะเป็เช่นนี้”
ใบหน้าของหลิ่วเยี่ยนเองก็เต็มไปด้วยความฉงนสนเท่ห์ “ทว่าข้าตรวจสอบอย่างละเอียดแล้ว ในร่างกายของเนี่ยเทียน ไม่มีคลื่นพลังที่พิเศษใดๆ อยู่เลยแม้แต่เส้นเดียว”
“เฮ้อ...” เนี่ยตงไห่ถอนหายใจยาวหนึ่งครั้ง สีหน้าผิดหวัง
“แต่ว่า” หลิ่วเยี่ยนเปลี่ยนเื่ขมวดคิ้วแล้วกล่าวว่า “เืลมของเนี่ยเทียนกลับเปี่ยมล้นไปด้วยพลัง ข้ามองออกั้แ่ตอนที่อยู่ในงานเลี้ยงจับฉลากแล้ว เขาแข็งแกร่งและมีพละกำลังมากกว่าเด็กในวัยเดียวกัน เืเนื้อ กระดูกและเส้นเอ็นของเขาเหนียวทนทานเป็อันมาก หากตัดประเด็นของพลังิญญาออกไปแล้ว หากเปรียบเทียบแค่เื่ของพละกำลังและความห้าวหาญ คนตระกูลเนี่ยรุ่นเดียวกับเขา เกรงว่าคงไม่มีใครสามารถเทียบเคียงได้”
“แล้วนั่นจะมีประโยชน์อันใดเล่า?” เนี่ยเฉี่ยนใบหน้าขมขื่น “เด็กพวกนั้นในตอนนี้ยังเด็ก รอให้พวกเขาโตอีกหน่อย เมื่อเข้าใจคำพูดของผู้ใหญ่ก็จะเริ่มฝึกหลอมพลังิญญาเอง พลังิญญาต่างหากที่จะเป็ตัววัดความแข็งแกร่งของผู้ฝึกลมปราณ และจะเป็จุดกำเนิดของพละกำลังอย่างแท้จริง เพียงแค่ความกล้าหาญของเขาจะพาเขาเดินไปได้ไกลแค่ไหนกันเชียว?”
“ข้าเองก็กังวลข้อนี้เหมือนกัน” เนี่ยตงไห่กล่าวเสริม “พวกเด็กที่ในร่างกายมีพลังิญญาลักษณะพิเศษนี้ สามารถฝึกฝนวิชาพลังิญญาที่สอดคล้องกับธาตุในร่างกายได้ พวกเขาทุกคนจะพัฒนาไปอย่างรวดเร็ว สร้างรากฐานมั่นคงได้ั้แ่เนิ่นๆ และจะมีเพียงเด็กประเภทนี้เท่านั้นถึงจะมีความหวังฝึกหลอมลมปราณขั้นเก้าได้ก่อนอายุสิบห้า และได้รับความโปรดปรานจากสำนักหลิงอวิ๋นของพวกท่าน”
“เด็กอย่างเนี่ยเทียนที่ไม่มีธาตุในการฝึกแสดงออกมาให้เห็นชัดเจน ความเร็วในการฝึกตนของเขาย่อมช้ากว่าคนอื่นยิ่งนัก นี่หมายความว่าตอนเขาอายุสิบห้าก็แทบจะไม่มีทางเหยียบย่างเข้าสู่ขอบเขตของหลอมลมปราณขั้นเก้าได้อย่างนั้นหรือ ประตูใหญ่ของสำนักหลิงอวิ๋นก็จะไม่มีทางเปิดต้อนรับเขาไปตลอดกาล ไม่สามารถบำเพ็ญตบะในสำนักหลิงอวิ๋นของพวกท่านได้ ชีวิตของเขาก็จะถูกจำกัดให้อยู่แค่เพียงตระกูลเนี่ยเท่านั้น”
หลิ่วเยี่ยนหยุดยืนอยู่ด้านหน้าเนี่ยตงไห่ ตบไหล่ปลอบใจเขาเบาๆ กล่าวด้วยคำพูดที่เต็มไปด้วยความจริงจัง “ไม่เข้าสำนักหลิงอวิ๋นก็ใช่ว่าจะเป็เื่ร้ายเสียทีเดียว ยอดฝีมือของสำนักหลิงอวิ๋นที่สิ้นชีพก่อนเวลาอันควรระหว่างการฝึกตนก็มีให้เห็นมากมาย คิดจะไต่ขึ้นสู่จุดสูงสุด แต่ละก้าวที่เดินผ่านล้วนเต็มไปด้วยภัยอันตราย ผู้ที่สามารถผ่านมันไปได้ ส่วนใหญ่ล้วนเป็ผู้ที่มีบุญบารมีทั้งสิ้น”
“หากเนี่ยเทียนได้มีชีวิตอยู่อย่างสงบสุข ก็ถือว่าเป็โชคดีของเขายิ่งนัก”
คำพูดเช่นนี้ของหลิวเยี่ยนทำให้เนี่ยตงไห่นึกถึงเนี่ยจิ่นลูกสาวที่จากไป ใจของเขานั้นรู้สึกปวดร้าว พูดไม่ออกไปชั่วขณะ
“ธุระทางนี้เสร็จสิ้นแล้ว ข้าก็จะกลับสำนักหลิงอวิ๋นแล้ว ตอนที่ศิษย์น้องหญิงเล็กอยู่บนูเาก็มีข้าคอยชี้นำให้แทนท่านอาจารย์ ข้าให้ความสำคัญและรักใคร่เอ็นดูศิษย์น้องหญิงเล็กเป็อย่างมาก พี่ใหญ่โปรดวางใจ คนผู้นั้นที่ทำร้ายนาง ข้าเองก็จะช่วยตามหาอย่างสุดความสามารถเช่นกัน หากได้ข่าวเมื่อใดจะแจ้งให้ท่านทราบทันที”
พูดจบหลิ่วเยี่ยนก็ตบไหล่เนี่ยตงไห่เบาๆ อีกครั้ง แล้วจึงก้าวยาวๆ จากไป
“ขอบคุณท่านหลิวที่เมตตา” เนี่ยตงไห่กล่าวขอบคุณ
“ขอบคุณท่านหลิว” เนี่ยเฉี่ยนเองก็รีบพูดตาม
เดิมทีทั้งสองคนคิดจะเดินไปส่ง ทว่าพอมาถึงหน้าประตูถึงได้เห็นว่าหลิ่วเยี่ยนนั้นยิ่งเดินก็ยิ่งเร็ว พริบตาเดียวเงาร่างของเขาก็หายไป
“ท่านหลิ่วมีเมตตากับพวกเราไม่น้อย” เนี่ยตงไห่ลังเลอยู่ครู่ก็ขมวดคิ้วกล่าวว่า “วันนี้หากไม่ใช่เพราะมีท่านหลิวอยู่ คนในตระกูลพวกนั้น... เกรงว่าคงไม่ยอมปล่อยเนี่ยเทียนไปง่ายๆ”
“หลังจากที่ข้ากับเสี่ยวเทียนจากมา คนพวกนั้นมันไม่ยอมเลิกราใช่หรือไม่?” เนี่ยเฉี่ยนกล่าวอย่างชิงชัง
เนี่ยตงไห่พยักหน้าช้าๆ “ร้องเรียนกันอยู่พักใหญ่ แต่ละคนล้วนใช้ข้ออ้างว่าเนี่ยเทียนไม่ใช่หลานสายตรง บอกว่าเขาสร้างความวุ่นวายให้กับงานเลี้ยงฉลองจับฉลาก จะให้ข้าลงโทษเขาให้ได้ ยังดีที่ท่านหลิวช่วยพูด คนพวกนั้นถึงไม่กล้าเอาเื่ต่อ มิฉะนั้นลำพังข้าเพียงคนเดียวคงเอาไม่อยู่”
“น่าเสียดายที่ท่านหลิวจากไปแล้ว ทั้งยังไม่ได้มาบ่อยๆ” เนี่ยเฉี่ยนถอนหายใจ
“ขอแค่ข้ายังเป็ประมุขตระกูลเนี่ย จะไม่ยอมให้พวกมันกำเริบเสิบสานเด็ดขาด!” เนี่ยตงไห่แค่นเสียง
“กลัวก็แต่ตำแหน่งของท่านพ่อคงอยู่ได้อีกไม่นานแล้ว” เนี่ยเฉี่ยนฝืนยิ้ม
“อยู่ได้อีกแค่วันเดียว ข้าก็จะอยู่ ยังไงข้าก็ต้องทวงคืนความยุติธรรมมาให้เ้าและจิ่นเอ๋อให้ได้!” เนี่ยตงไห่สีหน้าเด็ดเดี่ยว หลังจากทิ้งคำพูดประโยคนี้ไว้ก็เดินจากไป
มองแผ่นหลังวีรบุรุษยามไม้ใกล้ฝั่งของเขาแล้ว สีหน้าของเนี่ยเฉี่ยนก็เศร้าอาดูรขึ้นมา นั่งเหม่อลอยอยู่หน้าประตู
ในห้อง บนร่างของเนี่ยเทียนที่ยังคงหลับสบายอยู่นั้น แสงจากพลังิญญาหลายเส้นที่หลิ่วเยี่ยนทิ้งเอาไว้ยังคงไม่สลายหายไป
ภายใต้ประกายแสงของพลังิญญาเ่าั้ ิัของเนี่ยเทียนเกิดการสั่นกระตุกเล็กน้อย คล้ายคลื่นน้ำ
ทุกครั้งที่ผิวเนื้อของเขากระตุกเบาๆ หนึ่งครั้ง แสงจากพลังเ่าั้ก็จะมืดสลัวลงไป ราวกับถูกเืเนื้อของเขาดูดดึงเอาไปหล่อหลอมในร่างกาย
ทั้งหมดนี้ ไม่ว่าจะเป็หลิ่วเยี่ยน เนี่ยตงไห่ หรือเนี่ยเฉี่ยนก็ล้วนไม่รับรู้เลยแม้แต่น้อย
ปกติแล้วเนี่ยเทียนจะนอนกลางวันแค่ครึ่งชั่วยามเท่านั้น
ทว่าวันนี้เขากลับนอนหลับลึกผิดธรรมดาไปถึงสองชั่วยาม จนกระทั่งบนร่างของเขาไม่มีแสงจากพลังิญญาหลงเหลืออยู่แล้ว เขาถึงได้ตื่นขึ้นมาด้วยความผ่อนคลายสบายใจยิ่งนัก
------
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้