เอี๊ยด!
รถม้าค่อยๆ หยุดลงที่สระน้ำเล็กๆ แห่งหนึ่ง ผู้คนภายนอกเริ่มส่งเสียงดังอึกทึกครึกครื้นขึ้น พระอาทิตย์ใกล้จะลับขอบฟ้าขบวนรถม้าจึงต้องเสาะหาสถานที่ตั้งค่ายพักแรมกันเสียก่อน หลังจากที่รีบเร่งเดินทางตลอดทั้งกลางวันกลางคืนติดต่อกันหลายวัน คาดว่าทุกคนในตอนนี้คงเริ่มรู้สึกอ่อนเพลียกันบ้างแล้วจึงได้ตัดสินใจหยุดพักแรมอยู่ที่แห่งนี้สักคืน พรุ่งนี้ถึงค่อยออกเดินทางกันต่อ
“ผู้าุโสูงสุด นายน้อยหาน คุณหนูอู่ กระโจมที่พักตั้งเสร็จเรียบร้อยแล้วสามารถลงไปพักผ่อนได้แล้ว!”
ผ่านไปสักพักเสียงของเย่ผิงดังลอยมาจากภายนอกรถม้า เย่ชิงหนิวมองไปยังคนทั้งสองแล้วพยักหน้าขึ้น จากนั้นลงไปจากรถม้าก่อนเป็คนแรก เย่ชิงหานขยิบตาให้เย่ชิงอู่จับมือของนางเตรียมที่จะลงไปจากรถม้าพร้อมกัน เย่ชิงอู่มองค้อนมายังเขาครั้งหนึ่งแล้วเบ้ปากขึ้น จากนั้นสะบัดมือที่จับอยู่ของเขาทิ้งไปแล้วลงจากรถม้าติดตามเย่ชิงหนิวไป
“คารวะผู้าุโเย่!”
เมื่อเย่ชิงหนิวลงจากรถม้าไปเหล่าผู้าุโและนายน้อยคุณหนูทั้งหลายต่างรีบพากันทำการคารวะในทันที ผู้คนทั้งหมดที่อยู่ที่นี่เย่ชิงหนิวทั้งอายุและพลังฝีมือสูงที่สุด เป็ยอดฝีมือที่มีพลังโจมตีรุนแรงที่สุดเป็อันดับสามของเขตปกครองเทพา ได้รับการปฏิบัติจากผู้คนเช่นนี้ถือว่าเป็เื่ที่สมเหตุผล
“เหอะๆ ตามสบายกันเถอะ ครั้งนี้รีบเร่งเดินทางถึงเพียงนี้คงทำให้ทุกคนเหน็ดเหนื่อยกันมาก!” เย่ชิงหนิวหัวเราะเหอะๆ ออกมา จากนั้นนั่งลงยังข้างกองไฟที่ก่อเสร็จแล้วอย่างไม่เกรงใจ
“นายน้อยหาน แม่นางอู่ เชิญทางนี้!” อีกทางด้านหนึ่งเฟิงจื่อโบกมือเรียกมาทางเย่ชิงหานส่งสัญญาณบอกให้เขาเดินไปยังกองไฟอีกที่หนึ่งซึ่งมีฮวาเฉ่า เยว่ชิงเฉิง หลงไซ้หนาน และหลงสุ่ยหลิวนั่งล้อมกันอยู่ก่อนหน้าแล้ว
“อืม!” เย่ชิงหานหันไปประสานมือต่อเย่ชิงหนิวและเหล่าผู้าุโทั้งหลาย จากนั้นเดินไปยังกองไฟอีกด้านพร้อมกับเย่ชิงอู่ คนหนุ่มสาวล้วนชอบนั่งอยู่กับคนหนุ่มสาวด้วยกันไม่มีความรู้สึกกดดันและทำตัวได้ตามสบาย
“มาๆๆ! นายน้อยหานนั่งลงตรงนี้ นี่ที่ของเ้าจัดไว้ให้นั่งคู่กันกับน้องสะใภ้ แม่นางอู่ก็นั่งข้างนายน้อยหานด้วยแล้วกัน!” เฟิงจื่อหัวเราะแหะๆ ดึงเย่ชิงหานไปแล้วชี้ตำแหน่งที่นั่งให้ข้างๆ เยว่ชิงเฉิงพร้อมกับพูดหยอกล้อขึ้น
“อืม...นายน้อยใหญ่เฟิง รู้สึก่นี้จะคึกคักกระฉับกระเฉงเป็พิเศษ เดี๋ยวถึงเวลาตอนที่มอบสาวงามทะเลสาบแห่งความเงียบสงบให้ ข้าจะทำการคัดเลือกให้เ้าเป็พิเศษเลยดีไหม?” เย่ชิงหานเห็นว่าภรรยาของตนเองถูกหยอกล้อเช่นนี้จะให้ยอมได้อย่างไร รีบตอบโต้กลับไปในทันทีส่วนตัวเขานั่งลงข้างกายเยว่ชิงเฉิงอย่างเป็ธรรมชาติแสดงท่าทีออกมาเหมือนเป็เื่ปกติเหมาะสม
“อ๊าาา...! ไม่ต้องๆ เอาตามธรรมเนียมปฏิบัติก็พอแล้ว! แหะๆ ถือว่าข้าปากไม่ดีลงโทษตัวเองไหหนึ่งแล้วกัน!” เฟิงจื่อเมื่อได้ฟังรีบยกธงขาวขอยอมแพ้ในทันที ถ้าหากเยว่ชิงเฉิงไม่สนใจต่อชื่อเสียงของตนเองมอบสาวที่ “ไม่งาม” ให้เขามาสองคนละก็ เขาก็ไม่ต่างจากคนใบ้กินของขมแม้จะรู้สึกเป็ทุกข์เช่นไรก็พูดออกมาไม่ได้
เยว่ชิงเฉิงเห็นว่าผู้ชายของตนเองออกตัวปกป้องตนเองอย่างเปิดเผยเช่นนี้อารมณ์ดีขึ้นมาเป็อย่างมาก เงยหน้าขึ้นมายิ้มให้เย่ชิงหานจากนั้นยื่นนิ้วเรียวงามที่ราวกับต้นหอมออกมาสองนิ้วแล้วเอ่ยขึ้น “สองไห!”
“ฮ่าๆ!” ทุกคนพลันหัวเราะขึ้นพร้อมกัน ตอนที่อยู่บนเกาะเทพาทุกคนต่างรับรู้ถึงความร้ายกาจของเยว่ชิงเฉิงแล้ว ตอนนี้เฟิงจื่อเอาตัวเองใส่พานเข้าไปเสนอให้เช่นนี้ก็ไม่ต่างจากคนที่อยู่ดีๆ หาเื่เจ็บตัวอย่างไรอย่างนั้น
เนื้อย่างทยอยถูกส่งเข้ามา เหล้าไหแล้วไหเล่าทยอยถูกส่งเข้ามา แต่เนื่องจากคำสั่งกำชับของเย่ชิงหนิวปริมาณของเหล้าที่ถูกส่งเข้ามาจึงไม่ได้มีมากนัก ทุกคนก็รู้ดีว่าพรุ่งนี้ต้องรีบเร่งออกเดินทางต่อและมีเหล่าผู้าุโร่วมเดินทางด้วยจึงต่างดื่มกันอย่างพอเหมาะไม่กล้าที่จะดื่มจนเมามาย ดังนั้นจึงดื่มกินไปพลางพูดคุยกันไปพลาง
“พรุ่งนี้พวกเราจะเดินทางผ่านูเาสุสานทวยเทพแล้ว ทุกคนอย่าลืมมองสำรวจดูให้ดีล่ะ ภายภาคหน้าอาจมีโอกาสได้เข้าไปเสาะหาสมบัติที่อยู่ข้างใน! โดยเฉพาะอย่างยิ่งนายน้อยหาน ไม่แน่ว่าอีกห้าปีข้างหน้าอาจสามารถเข้าไปเสาะหาสมบัติที่อยู่ข้างในก็เป็ได้!”
หลงสุ่ยหลิวมือจับไหเหล้ายกขึ้นดื่มอึกใหญ่ บนใบหน้าหล่อเหลาของเขามีแววของความรู้สึกหงอยเหงาเล็กน้อย เห็นสาวงามทั้งสองที่นั่งอยู่ข้างกายของเย่ชิงหานประกอบกับมองเห็นเย่ชิงหานที่สักพักเดี๋ยวก็หันไปพูดกับสาวงามคนนั้นเดี๋ยวก็หันมาพูดกับสาวงามคนนี้ ภายในใจรู้สึกเหมือนไม่ได้รับความยุติธรรมขึ้น คล้ายกับว่า...เื่ราวดีๆ ทุกอย่างล้วนถูกเย่ชิงหานยึดครองเอาไว้หมดแต่เพียงผู้เดียวฉันนั้น!
“เหอะๆ เื่ราวทุกอย่างบนโลกล้วนไม่มีอะไรแน่นอน ไม่แน่ว่าผ่านไปไม่กี่ปีนายน้อยหลงอาจจะบรรลุถึงระดับขอบเขตาาจักรพรรดิแล้วก็เป็ได้! อืม...ูเาสุสานทวยเทพ แน่นอนว่าเป็สถานที่น่าสนใจมีโอกาสข้าก็อยากจะเข้าไปสำรวจดูอยู่บ้างเหมือนกัน!” เย่ชิงหานกำลังพูดคุยกันสองคนอยู่กับเยว่ชิงเฉิง เมื่อได้ยินหลงสุ่ยหลิวพูดถึงตนเองจึงพูดตอบกลับไปตามมารยาท
หลงไซ้หนานกลับปราดตามองหลงสุ่ยหลิวอย่างราบเรียบครั้งหนึ่ง รู้ถึงความหงอยเหงาเนื่องจากความผิดหวังอย่างหนักของเขา อดไม่ได้จึงพูดสั่งสอนออกมา “เหอะๆ เขาน่ะรึ...ถ้าหากเอาเวลาที่เสียไปกับเื่ผู้หญิงมาเสียให้กับการฝึกยุทธ์แทน ป่านนี้อย่างต่ำก็อยู่ในระดับขอบเขตนักรบแล้ว ครั้งนี้กลับไปขอให้ทุกคนตั้งใจฝึกฝนให้ดีๆ พยายามทำให้ได้เพื่ออีกห้าปีจากนี้จะได้เข้าไปภายในูเาสุสานทวยเทพเสาะหาสมบัติด้วยกัน มีโอกาสได้รับทั้งสมบัติล้ำค่าระดับวิเศษ ระดับศักดิ์สิทธิ์ หรืออาจจะผ่านได้ทั้งสามด่านเข้าไปภายในหอเทพเล็กๆ แห่งนั้นได้รับสมบัติของล้ำค่าที่สำคัญที่สุดก็เป็ได้!”
“หอเทพ? ของล้ำค่าชิ้นสำคัญที่สุด? มีค่ามากกว่าสมบัติล้ำค่าระดับศักดิ์สิทธิ์?” คำพูดของหลงไซ้หนานดึงดูดความสนใจของทุกคนขึ้น พวกเย่ชิงหานได้ยินมาบ้างแล้วจากเย่ชิงหนิว ส่วนพวกฮวาเฉ่า เฟิงจื่อ หลงสุ่ยหลิว และเยว่ชิงเฉิงเนื่องจากพลังฝีมือยังไม่ถึงระดับที่สมควรจะได้รับรู้ ดังนั้นพวกผู้ใหญ่ในตระกูลย่อมไม่ได้บอกเื่ราวที่เป็ความลับของทวีปเหล่านี้แก่พวกเขา ฮวาเฉ่าทนไม่ไหวรีบถามขึ้นก่อนเป็คนแรก สำหรับเื่การเสาะแสวงหาสำรวจตรวจสอบอะไรพวกนี้คนตระกูลฮวาอย่างเขานั้นชื่นชอบเป็ชีวิตจิตใจที่สุด
“รายละเอียดของเื่ราวทั้งหมดพวกเ้ากลับไปถามผู้ใหญ่ในตระกูลเอาก็แล้วกัน ข้าแค่บอกพวกเ้าได้ว่าภายในูเาสุสานทวยเทพมีโอกาสได้รับสมบัติล้ำค่าระดับเทพ! แต่แน่นอนว่าหลายพันปีมานี้เคยมีใครได้รับสมบัติล้ำค่าระดับเทพหรือไม่นั้นไม่มีใครรู้ได้ แต่ที่เล่าสืบต่อกันมาคือผู้ที่สามารถผ่านได้ทั้งสามด่านจะได้รับสมบัติล้ำค่าระดับเทพอย่างแน่นอน!”
“ถ้าหากอีกห้าปีต่อจากนี้เส้นทาง์เปิดขึ้นอีกครั้ง พวกเราเข้าไปแล้ว ไม่แน่ว่าอาจจะได้รับสมบัติล้ำค่าระดับเทพ แต่ก็ต้องดูโชควาสนาของแต่ละบุคคลด้วย สมบัติของล้ำค่าต่างๆ ที่อยู่ภายในูเาสุสานทวยเทพไม่ได้อาศัยพลังฝีมือเพียงอย่างเดียว โดยส่วนใหญ่แล้วล้วนขึ้นอยู่กับโชคลาภวาสนาเสียมากกว่า...” หลงไซ้หนานในฐานะที่เป็บุตรสาวเพียงคนเดียวของท่านหลงจ้าวแห่งเขตปกครอง อีกทั้งพร์ยังสูงถึงเพียงนี้แน่นอนว่าคลังข้อมูลของเมืองัย่อมต้องเปิดอย่างอิสระแก่นางอย่างไม่ต้องสงสัย ดังนั้นนางจึงสามารถรู้เื่ราวที่เป็ความลับหลายๆ อย่างของทวีปที่หลายคนไม่สามารถรู้ได้
“สมบัติล้ำค่าระดับเทพ!”
คำพูดของหลงไซ้หนานจุดประกายไฟเร่าร้อนภายในใจของทุกคน สมบัติล้ำค่าระดับสูงที่สุดของตระกูลใหญ่ทั้งหลายก็เป็แค่เพียงระดับศักดิ์สิทธิ์ที่มีกันอยู่เพียงไม่กี่ชิ้นเท่านั้นเอง โดยเฉพาะอย่างยิ่งพวกเขาไม่มีโอกาสแม้แต่จะได้ัั ยิ่งไม่ต้องพูดถึงการนำมาใช้ ตอนนี้ได้รับรู้ว่าภายในูเาสุสานทวยเทพมีสมบัติล้ำค่าระดับศักดิ์สิทธิ์จำนวนมาก และยังมีสมบัติล้ำค่าระดับเทพที่เป็ตำนานเล่าขานอีกด้วย เช่นนี้จะไม่ทำให้หัวใจของพวกเขาเต้นแรงและพองโตได้อย่างไร
หลงไซ้หนานมองดูสีหน้าของทุกคนแล้วพยักหน้าออกมาอย่างพอใจ งานประลองาระหว่างเขตปกครองในครั้งนี้ ทุกคนใช้ชีวิตร่วมกันแรมปีเป็สหายร่วมเป็ร่วมตายกันมา ในเมื่อเป็สหายกันก็ต้องปลุกเร้าให้กำลังใจพวกเขาพากเพียรพยายามในการฝึกฝนให้มากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งฮวาเฉ่า เฟิงจื่อ และหลงสุ่ยหลิว แม้พร์จะไม่เลวแต่นิสัยรักสนุกชอบแสวงหาความสำราญ ถ้าหากขืนยังเป็เช่นนี้ต่อไปละก็ ท้ายที่สุดแล้วความสำเร็จของชีวิตในอนาคตคงไปไม่ถึงไหนแน่นอน
ดังนั้นนางจึงพูดเืู่เาสุสานทวยเทพขึ้นเพื่อกระตุ้นพวกเขาสักหน่อย มองดูสีหน้าของทุกคนรู้แล้วว่าคำพูดของตนเองนั้นได้ผล หยุดครุ่นคิดอยู่ชั่วครู่จึงตัดสินใจเติมเชื้อไฟเข้าไปอีกโดยพูดขึ้นต่อ
“แต่ว่าพวกเ้าก็อย่าเพิ่งดีใจจนเกินไป อย่าเพิ่งคิดวาดฝันอะไรให้มากเกินไป ข้าต้องขอบอกไว้ก่อนว่า ถ้าหากยังไม่บรรลุถึงระดับของเขตาาจักรพรรดิจะไม่มีโอกาสเข้าไปเสาะหาสมบัติของล้ำค่าภายในเด็ดขาด ดังนั้นอีกห้าปีจากนี้หากพวกเ้า้าเข้าไปเสาะหาสมบัติละก็ต้องพากเพียรพยามฝึกฝนแล้วละ หาไม่แล้วก็ต้องรออีกสิบปีหลังจากนี้ให้เส้นทาง์เปิดขึ้นอีกครั้งเท่านั้น...”
“งานประลองาระหว่างเขตปกครองในครั้งนี้ทำให้ข้าได้รับประโยชน์ไม่น้อยเลยทีเดียว ทำให้ข้าเริ่มััได้ถึงปากประตูทางเข้าสู่โลกของกฎเกณฑ์พลังฟ้าดินได้บ้างแล้วเล็กน้อย คาดว่าคงอีกไม่นานจะสามารถเหยียบย่างเข้าสู่ระดับขอบเขตาาจักรพรรดิได้ อีกห้าปีให้หลังข้าจะต้องเข้าไปภายในูเาสุสานทวยเทพอย่างแน่นอน สำหรับพวกเ้าอีกห้าปีหลังจากนี้จะมีวาสนาได้เข้าไปพร้อมกันหรือไม่ก็ขึ้นอยู่กับความเพียรพยายามในการฝึกฝนของพวกเ้าแล้ว ตัวข้าหวังเป็อย่างยิ่งว่าอีกห้าปีหลังจากนี้พวกเราทั้งหลายจะมีโอกาสเข้าไปบุกตะลุยหนึ่งในสามสถานที่แห่งความตายของทวีปัเพลิงูเาสุสานทวยเทพด้วยกันทุกคน...”
“เอ่ออ...!”
สิ่งที่หลงไซ้หนานพูดมาทำเอาทุกคนตกตะลึงไปตามๆ กัน ต่างมองดูหลงไซ้หนานเป็ตาเดียว หลงไซ้หนานจะบรรลุระดับขอบเขตาาจักรพรรดิแล้ว? พูดว่าแค่อีกไม่นานก็แสดงว่าอีกปีสองปีหลังจากนี้ ตอนนี้นางอายุยี่สิบแปดปีถ้าเช่นนั้นก็มีหวังบรรลุถึงระดับขอบเขตาาจักรพรรดิก่อนอายุสามสิบปี เป็ข่าวที่ทำให้รู้สึกน่าใเป็อย่างยิ่ง ในระยะเวลาร้อยปีมานี้นอกจากเย่เตาบิดาของเย่ชิงหานแล้ว ยังไม่มีผู้ใดที่สามารถบรรลุถึงระดับขอบเขตาาจักรพรรดิได้ก่อนอายุสามสิบปีเลยสักคน
เมื่อได้ฟัง สิ่งแรกที่พวกเขารู้สึกคือตกตะลึงพรึงเพริด ต่อมาคือความกดดันที่เกิดขึ้นตามมาและความละอายเล็กน้อย
หลังจากตกตะลึงกันไปชั่วครู่ทุกคนจึงได้เข้าใจเจตนาอันดีของนาง อยู่ร่วมกันมานานจึงรู้ดีว่าหลงไซ้หนานไม่ใช่คนชอบโอ้อวด นางพูดเช่นนี้นำสิ่งที่เป็เื่ส่วนตัวมาบอกกล่าวแก่ทุกคนเช่นนี้แน่นอนว่า้าที่จะกระตุ้นเตือนทุกคนที่นั่งอยู่ภายในที่แห่งนี้ว่า ห้าปีหลังจากนี้หากอยากที่เข้าไปเสาะหาสมบัติของล้ำค่าภายในูเาสุสานทวยเทพ อยากได้สมบัติล้ำค่าระดับวิเศษ ระดับศักดิ์สิทธิ์ และระดับเทพก็จำเป็จะต้องพยายามบรรลุถึงระดับขอบเขตาาจักรพรรดิให้จงได้ นางกำลังกระตุ้นเตือนและให้กำลังใจทุกคนอยู่กลายๆ ว่าการมุมานะพากเพียรฝึกฝนนั้นสำคัญเพียงใด
“เหอะๆ... ขอบคุณแม่นางหลงที่กระตุ้นเตือนทำให้ข้าเกิดความสำนึกขึ้นมาราวกับถูกตีแสกหน้า! กลับไปข้าจะต้องพยายามตั้งใจฝึกฝนอย่างหนักเพื่ออีกห้าปีหลังจากนี้จะได้เข้าไปภายในูเาสุสานทวยเทพพร้อมกับทุกคนให้ได้ พวกเราทุกคนร่วมกันบุกฝ่าอันตรายด้วยกันอีกครั้ง!” เฟิงจื่อนิ่งเงียบไปสักพักก่อนที่เอ่ยปากพูดขึ้นเป็คนแรก เดิมทีเขาก็เป็คนขวานผ่าซากอยู่แล้ว เขาพูดเช่นนี้ออกมาไม่ได้ทำให้ทุกคนรู้สึกว่าเขากำลังคุยโม้ แต่กลับทำให้รู้สึกได้ถึงความเด็ดเดี่ยวภายในใจของเขา
ฮวาเฉ่าก็พูดขึ้นด้วยเช่นกัน “ข้าก็เช่นกัน! อีกห้าปีจากนี้ข้าจะตามรอยเท้าพวกเ้าไป! ข้าจะยังคงเป็หน่วยสอดแนมและนักฆ่าชั้นเลิศดังเดิม!”
“ขอบคุณพี่สาวที่ตักเตือน หลงสุ่ยหลิวรู้ตัวแล้วว่าผิดพลาดมาตลอด กลับไปเมืองัคราวนี้ข้าจะรีบเก็บตัวฝึกฝนในทันที หากไม่มีความสำเร็จจะไม่ออกจากการเก็บตัวฝึกฝนอย่างเด็ดขาด! หวังว่าอีกห้าปีจากนี้จะสามารถร่วมบุกตะลุยไปกับทุกคนอีก” สีหน้าหลงสุ่ยหลิวร้อนผ่าวขึ้นมาทันที หันไปพูดขึ้นต่อหลงไซ้หนานอย่างจริงจัง
“คิกๆ ในเมื่อทุกคนตั้งใจกันถึงเพียงนี้ข้าก็คงต้องขยันบ้างแล้วสินะ มิฉะนั้นแล้วคงจะถูกพวกเ้าไล่ตามมาจนทัน!” เย่ชิงอู่หัวเราะออกมาเบาๆ บิดี้เีไปมา ยืดหน้าอกูเาที่น่าภาคภูมิใจนั้นพร้อมกับพูดขึ้น
“อืม ต้องขยันฝึกฝนเพื่ออีกห้าปีจากนี้เข้าไปในูเาสุสานทวยเทพด้วยกัน” เยว่ชิงเฉิงพยักหน้าเห็นด้วยเบาๆ สำหรับเื่การฝึกฝนนั้นนางมีความมั่นใจอย่างมาก เพราะนางมีผู้ที่สามารถเข้าสู่สภาวะความสงบแห่งิญญาได้อย่างเย่ชิงหาน ขอเพียงนางแต่งกับเย่ชิงหาน จากนั้นทั้งคู่ฝึกฝนคู่กันพลังฝีมือจะต้องพัฒนาอย่างก้าวะโแน่นอน
“หานน้อยทำไมไม่พูดอะไรออกมาเลย? เ้าไม่มีความมั่นใจรึ?” เย่ชิงอู่มองเห็นเย่ชิงหานทำเพียงยิ้มและมองดูพวกเขาแต่กลับไม่พูดอะไรออกมา รู้สึกแปลกใจจึงเอ่ยถามขึ้น
“แหะๆ... ระยะเวลาห้าปีบรรลุถึงระดับขอบเขตาาจักรพรรดิ? แค่นี้เป็เื่เล็กน้อย ก็แค่สองระดับขอบเขตใหญ่เองมิใช่รึ? เอาแค่ปีกว่าๆ มานี้ตัวข้าก็บรรลุขึ้นมาถึงสามระดับขอบเขตใหญ่แล้ว...” เย่ชิงหานหัวเราะแหะๆ พร้อมกับพูดออกมาอย่างไม่ใส่ใจมากนัก แน่นอนว่าเขาก็ไม่ใช่คนชอบคุยโวโอ้อวด เขาเองนับถือพวกเฟิงจื่อ ฮวาเฉ่าเป็พี่น้องจึงอยากพูดกระตุ้นพวกเขาออกมาด้วยความจริงใจเช่นกัน
“เอ่ออ...” คำพูดของเย่ชิงหานเห็นได้ชัดว่ากระตุ้นหลายคนจนสะอึกไปตามๆ กัน แม้กระทั่งหลงไซ้หนานเองก็รู้สึกกระอักกระอ่วนขึ้นมาด้วยเช่นกัน ยังไม่ต้องพูดถึงพลังฝีมือของพวกเฟิงจื่อ ฮวาเฉ่า และหลงสุ่ยหลิวในตอนนี้ แม้กระทั่งนางตอนนี้ที่อายุเพียงยี่สิบแปดปีมีพลังฝีมืออยู่ในระดับขั้นสูงสุดขอบเขตจ้าวนักรบ แต่เมื่อเทียบกับระดับความเร็วในการฝึกฝนและพลังฝีมือที่แข็งแกร่งน่ากลัวของเย่ชิงหาน แม้กระทั่งนางยังอับอายจนไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหนเลย แล้วอย่างนี้จะให้คนอื่นๆ เอาอะไรมาสู้...
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้