ความทรงจำที่เย่เฟิงมีต่อซูเมิ่งหานคือหญิงสาวค่อนข้างขี้หึง ดังนั้นจึงไม่คิดเปิดเผยความสัมพันธ์ระหว่างเขากับหลงหว่านเอ๋อร์จนกว่าจะถึงเวลาที่เหมาะสม
แต่ตอนนี้ซูเมิ่งหานกลับเป็คนรับโทรศัพท์จากหลงหว่านเอ๋อร์ นี่มัน...
“ขอโทษนะคะ ฉันพยายามติดต่อผ่านมือถือของเขาแล้ว แต่ติดต่อไม่ได้ เลยโทรเข้าเบอร์บ้านของพวกคุณแทน” เสียงของหลงหว่านเอ๋อร์ฟังดูมีชีวิตชีวาราวกับเสียงนกขมิ้น ดูท่าคงกำลังอารมณ์ดี
ส่วนมือถือของเย่เฟิง เขาโยนมันทิ้งทะเลสาบเว่ยิั้แ่เมื่อคืน เพื่อป้องกันตระกูลหลินติดตามตน ย่อมไม่มีใครติดต่อเขาได้ เื่ที่หลงหว่านเอ๋อร์รู้เบอร์โทรศัพท์บ้านของเขาก็ไม่น่าแปลกใจนัก ด้วยอำนาจของตระกูลหลง แค่การหาเบอร์โทรศัพท์สักเบอร์ไม่นับว่าเป็เื่ยาก
อาจเพราะคำพูด ‘บ้านของพวกคุณ’ จึงทำให้ซู่เมิ่งหานเขินอายเล็กน้อย “ฉันจะเรียกเขาให้นะคะ”
“ขอบคุณค่ะ” หลงหว่านเอ๋อร์หัวเราะเสียงเบา
เพียงไม่นานเย่เฟิงก็รับสายจากชั้นล่างของบ้าน “ฮัลโหล?”
“คุณคู่อริที่รัก นายคิดถึงฉันบ้างไหมฮะ?” หลังจากหลงหว่านเอ๋อร์ตรวจดูแล้วว่าซูเมิ่งหานวางสายเรียบร้อย จึงอดบีบเสียงออดอ้อนเย่เฟิงไม่ได้
“คิดถึงสิ ตอนนี้เธออยู่ที่ไหน?” หญิงสาวในตอนนี้ดูมีชีวิตชีวาและน่ารักจนชายหนุ่มรู้สึกอุ่นวาบในหัวใจ
“ฉันอยู่ที่บ้านน่ะ” หลงหวานเอ๋อร์ลดระดับเสียงก่อนเอ่ยต่อ “เข้มงวดมากเลยแหละ ฉันออกไปไหนไม่ได้เลย... ไม่นานมานี้มีข่าวเื่าาปะการังที่ทะเลตะวันออกกำลังโตเต็มที่กระจายไปทั่วเมืองเลย”
“าาปะการัง?” เย่เฟิงประหลาดใจ
“อื้ม ตอนนี้ยุทธจักรเกิดความโกลาหลยกใหญ่เพราะเื่นี้” หลงหว่านเอ๋อร์อธิบาย “ว่ากันว่าาาปะการังสามารถเพิ่มระดับพลังลมปราณได้ถึงห้าปีเชียวนะ คนจำนวนมากกำลังตั้งตารอาาปะการังโตเต็มที่ในอีกสองสัปดาห์ เมื่อถึงตอนนั้น มันต้องวุ่นวายมากแน่นอน”
อีกครึ่งเดือน เวลานี้กำลังดีเลย!
เย่เฟิงขบคิดในใจ เขาไม่กังวลที่ต้องรอจนกว่าการสอบเข้ามหาวิทยาลัยสิ้นสุด เพียงแต่ไม่รู้ว่าท่านอาจารย์จะยังอยู่ที่ทะเลตะวันออกหรือไม่...
“แล้วมีข่าวเกี่ยวกับท่านอาจารย์ของฉันบ้างไหม?” เย่เฟิงถาม
“ครั้งสุดท้ายที่มีคนเห็นท่านอาจารย์คือหนึ่งสัปดาห์ก่อน เธอเช่าเรือออกทะเล จากนั้นก็ไม่มีใครพบเธออีกเลย” หลงหว่านเอ๋อร์แจ้งข่าวสารที่มีประโยชน์ต่ออีกฝ่าย เพราะรู้ดีว่าเขาสนใจเื่ของท่านอาจารย์ จึงแจ้งข่าวสารที่ชัดเจนและเป็ประโยชน์ทันที
“อืม” เย่เฟิงพยักหน้า แต่ในใจกลับสงสัยบางอย่าง ทำไมซูเฟยหยิ่งถึงเช่าเรือออกทะเล? ทั้งยังไม่กลับเข้าฝั่งนานขนาดนี้หรือว่าเกิดอุบัติเหตุขึ้นกับเธอ... เขาส่ายหัวเพื่อไล่ความคิดบ้าๆ ออกจากหัว จากนั้นถามปลายสาย “บ้านเธออยู่ไหน?”
“นายถามอะไรเนี่ย?” หลงหว่านเอ๋อร์เริ่มกังวลขึ้นมา “ฉันสบายดี นายอย่ามาเลยนะ ถ้านายมา ฉันก็ไปไม่ได้อยู่ดี ไม่ใช่ว่านายต้องไปตามหาท่านอาจารย์ที่ทะเลตะวันออกเหรอ?”
“อืม เชื่อในตัวฉันนะ” เย่เฟิงพูดอย่างจริงจัง “สักวันฉันจะเอาชนะพ่อของเธอให้ได้”
“ฉันเชื่อนายนะ... งั้นฉันวางสายก่อนนะ มีคนมา” อยู่ๆ หลงหว่านเอ๋อร์ก็ลดระดับเสียงลงและกดวางสายทันทีหลังพูดจบ
เสียงสัญญาณโทรศัพท์ทำให้เย่เฟิงนึกถึงค่ำคืนที่ตนอยู่กับหลงหว่านเอ๋อร์ที่สุสานโบราณ หัวใจของเขาจึงเต็มไปด้วยความกระหาย อยากจะแข็งแกร่งมากกว่านี้ ตราบใดที่เขาเอาชนะหลงโม่หรานได้ คนอื่นในตระกูลหลงก็ไม่มีทางขัดขวางเส้นทางของเขากับหลงหว่านเอ๋อร์ได้แน่นอน!
ระดับพลังลมปราณของหลงโม่หรานตอนนี้ยังไม่ถึงหกสิบปี แต่พร์ไม่ธรรมดาเลยทีเดียว ทั้งยังบรรลุเพลงกระบี่บุปผาเหมันต์ฝ่าสายลมล้อมจันทราได้ถึงระดับสามแล้วด้วย หากอยากอยู่เหนือกว่าหลงโม่หราน สำหรับเย่เฟิงแล้วระดับวรยุทธ์หรือวิถีเซียนไม่ใช่เื่สำคัญ เพราะถึงมีระดับพลังลมปราณเพียงยี่สิบปี แต่เข้าใจวีถีเซียนอย่างลึกซึ้ง การเอาชนะคู่ต่อสู้ย่อมไม่ใช่ปัญหา!
และาาปะการังแห่งทะเลตะวันออกก็คือโอกาสของเขา
่เวลาที่เหลืออีกครึ่งเดือนนี้ เย่เฟิงต้องขยายเส้นลมปราณทั้งกลางวันและกลางคืนเพื่อเพิ่มขีดจำกัดการเพิ่มระดับพลังลมปราณของตัวเองสิบสามถึงสิบสี่ปีโดยประมาณ เพราะหากได้รับาาปะการังในอีกครึ่งเดือนนี้ ระดับพลังลมปราณของเขาจะเลื่อนขึ้นถึงสิบห้าปีภายในครั้งเดียว
ยังไงเขาก็ต้องเอาาาปะการังมาให้ได้!
แม้ระดับพลังลมปราณของเย่เฟิงจะต่ำเมื่อเทียบกับคนในยุทธจักร แต่ด้วยวิชาเซียนอย่างย่างก้าวไร้เงา เขาแทบไม่เห็นหนทางที่จะไม่ได้าาปะการังมาไว้ในเลย
หลังจากชายหนุ่มครุ่นคิดครู่หนึ่ง ซูเมิ่งหานที่สวมเสื้อผ้าเสร็จเรียบร้อยก็เดินลงมาชั้นล่าง
“เป็ยังไงบ้าง ยังเจ็บอยู่ไหม?” เย่เฟิงก้าวไปข้างหน้าก่อนสวมกอดและถามไถ่เธออย่างเป็ห่วง
“เมื่อคืนเจ็บ... แต่ตอนนี้ไม่แล้ว” ซูเมิ่งหานหน้าแดง และอดเขินไม่ได้เมื่อนึกถึงเหตุการณ์เมื่อคืน
ในเวลานั้น จากสาวน้อยก็กลายเป็หญิงสาวเต็มตัว...
เมื่อคืนพละกำลังของผู้ชายคนนี้รุนแรงราวสัตว์ป่า...เธอคิดในใจ โชคดีที่ตอนนี้เธอมีวรยุทธ์ ทำให้ฟื้นฟูร่างกายได้ค่อนข้างเร็ว หลังผ่านไปหนึ่งคืนก็ไม่รู้สึกเจ็บตรงไหนแล้ว
“เอาล่ะ ตอนนี้ฉันจะสอนเธอสองเื่ เื่แรกคือการขยายเส้นลมปราณ เื่ที่สองคือท่าร่างที่เรียกว่า ย่างก้าวไร้เงา…”
เย่เฟิงพูดถึงการขยายเส้นลมปราณและการโคจรของพลังชี่ด้วยรอยยิ้มขณะลูบหัวอีกฝ่าย ในฐานะที่ซูเมิ่งหานเป็มือใหม่ เขาจึงอยากให้เธอเรียนรู้วิธีขยายเส้นลมปราณและย่างก้าวไร้เงาก่อน เพราะมันไม่ใช่สิ่งที่สามารถทำได้ทันทีหรือฝึกสำเร็จได้ในระยะเวลาอันสั้น เขาจึงอธิบายขณะพาเธอออกจากบ้าน และถือโอกาสนำไข่มุกราตรีใส่กระเป๋าใบเล็กไปด้วย เขาอยากเอาไปให้โอวบีดูสักหน่อย เผื่อจะขายได้ในราคาดีๆ
วันนี้เตาปาขับรถไปส่งทั้งสองคนที่โรงเรียน หลังจากเย่เฟิงพาซูเมิ่งหานขึ้นรถแล้วก็ส่งตำราทั้งสี่เล่มให้เตาปา
“เคล็ดวิชาซิวหลัวเป็พื้นฐานหลักของสามทักษะที่เหลือ โดยใช้ย่างก้าวเงาปีศาจเป็ทักษะหลัก และเพลงดาบล่าิญญาเป็ทักษะเสริม ส่วนคลื่นเสียงคุมิญญาซิวหลัว นายจะเรียนรู้มันก็ได้หากสนใจ” เย่เฟิงเอ่ยเพิ่มเติม “และจำไว้ให้ดี หากมีปัญหาอะไรต้องโทรหาฉันทันที...”
“นายโยนมือถือทิ้งไปแล้วนี่” ซูเมิ่งหานเตือนเสียงเบา
“อ้อ ถ้างั้นโทรหาเตาปาแล้วกัน” เย่เฟิงลำบากใจเล็กน้อย “เตาปา นายช่วยหามือถือให้ฉันหน่อยแล้วกัน ขอเป็เบอร์เดิมที่เคยใช้ด้วยนะ”
“เข้าใจแล้วครับพี่เย่” เตาปาอดตื่นเต้นกับตำราทั้งสี่เล่มนี้ไม่ได้
เขาจะได้ััตำราและวิถีเซียนหนึ่งวันเต็มๆ แถมยังได้เริ่มต้นฝึกฝนอีกด้วย! ดูเหมือนการติดตามเย่เฟิงเป็ทางเลือกที่ถูกต้องแล้ว
ชายหน้าบากเหลือบมองซูเมิ่งหานซึ่งนั่งพิงไหล่เย่เฟิงแถวที่นั่งด้านหลัง เมื่อพิจารณาจากการแสดงออกของสาวงามแล้ว ดูเหมือนเธอจะไม่รอดเงื้อมมือของเย่เฟิงสินะ? แต่ไม่ใช่ว่าพี่เย่ต้องหมั้นกับคุณหนูตระกูลหลินหรอกเหรอ?
ช่างมันเถอะ เขาส่ายหัวไล่ความคิด ผู้ชายที่โดดเด่นอย่างพี่เย่จะมีผู้หญิงเพียงคนเดียวได้อย่างไร?
เมื่อเป็เช่นนั้น เตาปาจึงเหยียบคันเร่ง รถ BMW สีเงินคันงามมุ่งหน้าสู่โรงเรียนมัธยมที่ติดกับมหาวิทยาลัยเยี่ยนทันที
ขณะอยู่บนรถ เย่เฟิงถามเกี่ยวกับคดีคุณยายของซูเมิ่งหาน เตาปาจึงอธิบายให้ชายหนุ่มฟัง ทุกอย่างเป็ไปอย่างราบรื่น และการพิจารณาคดีจะเริ่มหลังจากการสอบเข้ามหาวิทยาลัย เมื่อถึงเวลานั้นซูซิ่นชางจะขึ้นศาลเพื่อทำหน้าที่เป็พยาน
เดิมทีเย่เฟิงคิดว่านี่เป็เพียงเื่เล็ก แต่เมื่อพวกเขามาถึงโรงเรียนมัธยมที่อยู่ในเครือของมหาวิทยาลัยเยี่ยน ก็รู้ได้ทันทีว่าตัวเองคิดผิดมหันต์ เพราะเขาพบว่าเื่เล็กน้อยที่ว่าถูกประกาศให้รู้โดยทั่วกันแล้ว!
เื่ซูเมิ่งหานฟ้องร้องพี่น้องตระกูลเซี่ย ถูกกระจายทั่วโรงเรียน ดังนั้นเมื่อพวกเขาลงจากรถ BMW หลายคนที่หน้าประตูโรงเรียนต่างก็ชี้ไปที่ซูเมิ่งหาน
จากสายตาและเสียงกระซิบกระซาบ ชายหนุ่มก็เข้าใจทันทีว่าพวกเขาคิดอะไรอยู่ ลูกสาวของนักธุรกิจที่หมดอำนาจฟ้องร้องตระกูลเซี่ยแห่งเมืองเยี่ยนจิง ซูเมิ่งหานช่างเพ้อเจ้อเสียจริง
แม้ซูเมิ่งหานจะใกล้ชิดกับเย่เฟิง แต่ในสายตาของคนอื่น คนที่เย่เฟิงจะพึ่งพามีเพียงปู่ของตัวเอง ไหนจะเื่หมั้นหมายระหว่างชายหนุ่มกับคุณหนูตระกูลหลิน ชัดเจนอยู่แล้วว่าเย่เฟิงเป็จอมเ้าชู้ นอกจากซูเมิ่งหานมีเื่กับตระกูลเซี่ยแล้ว ก็ยังมีเื่แย่งผู้ชายของคุณหนูตระกูลหลินอีก แบบนี้ไม่เรียกว่ารนหาที่ตายหรือ?
เกือบทุกคนที่รู้เื่นี้แอบเสียดายดาวโรงเรียนคนนี้
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้