“สิบกระบี่ชนะเ้า!”
เสวียนเทียนะโก้อง สิ้นคำพูดทั้งร่างก็ะเิพลังออกมา จิตกระบี่ที่ปกปิดไว้ ก็เผยประกายคมออกมาไอพลังสายหนึ่งพวยพุ่งจากศีรษะขึ้นไปบนฟ้า สูงถึงหลายสิบจั้ง ราวกับกระบี่เที่ยงตรง แหลมคม กล้าหาญ ไม่หักงอ
ปราณกระบี่ทะลักออกมาจากภายในร่างของเสวียนเทียนแผ่คลุมทั้งเวทีประลองความรุนแรงของพลังเทียบกับจางหลงที่สู้กับกู้ซีหยวนเมื่อครู่ ไม่ได้ด้อยกว่ากันแม้แต่น้อย
บรรดาศิษย์ด้านล่างเวทีตกตะลึงเสวียนเทียนตลอดมาไม่เปิดเผยความสามารถ ซ่อนคมเป็อย่างมากถึงแม้จะเอาชนะคู่ต่อสู้ได้คนแล้วคนเล่าคนอื่นก็ยังมองไม่เห็นว่าภายในของเขาแท้จริงแล้วลึกล้ำเพียงใด
แต่ครั้งนี้เผชิญหน้ากับหลินอู๋อิ่งเสวียนเทียนกลับะเิความสามารถที่แท้จริงออกมา ทั้งร่างราวกับกระบี่แหลมคมเล่มหนึ่งพลังพวยพุ่งขึ้นฟ้า ชั่วพริบตาพลังก็กดดันหลินอู๋อิ่งไว้ได้สนิททำให้ศิษย์ชั้นหัวแถวที่คาดหวังกับหลินอู๋อิ่งเ่าั้ แต่ละคนในใจสั่นสะท้านตกตะลึง พริบตาก็ทิ้งความคิดที่ว่าเสวียนเทียนเทียบหลินอู๋อิงไม่ได้ไป
หลินอู๋อิ่งที่เผชิญหน้ากับเสวียนเทียนโดยตรงอยู่นั้นชั่วครู่พลันนิ่งอึ้งไป ที่แท้ต่อให้รับมือกับหลี่อี้ฉาง เสวียนเทียนก็ยังไม่ได้ใช้ความสามารถทั้งหมดความมั่นอกมั่นใจและความสงบนิ่งในใจของหลินอู๋อิ่งพริบตาก็ทลายลง
ฉึบ!
แสงกระบี่สายหนึ่งฉายวาบ ดั่งเพลิงลุก ดั่งสายฟ้าดั่งดาวตก ดั่งพลุไฟ รวดเร็วถึงขีดสุด ฉายวาบหนึ่งก็หายไปหลินอู๋อิ่งไม่นิ่งเฉยอีกต่อไป เขาชิงลงมือก่อน กระบี่วิหคเหินเรียวยาวในมือ เสี้ยววินาทีก็พุ่งมาตรงหน้าเสวียนเทียนแล้ว
เผชิญหน้ากับกระบี่วิหคเหินที่แทงมาของหลินอู๋อิ่งเสวียนเทียนไม่หลีกไม่หลบ กระบี่หิมะเหมันต์ในมือเปล่งแสงสว่าง ทั้งร่างะเิพลังออกหนึ่งกระบี่ฟันลงมาพร้อมร้องว่า “กระบี่ที่หนึ่ง”
ปราณกระบี่เป็ดั่งวงพระจันทร์สว่างวาบเหนือสิ่งอื่นใด พลังกระบี่ดั่งขุนเขา หนักหน่วงไม่มีสิ่งใดเทียบความเร็วกระบี่ดุจเงาและลม รวดเร็วไม่มีสิ่งใดเปรียบ
เคร้ง!
เสียงโลหะปะทะกันดังก้องกระบี่หิมะเหมันต์ฟันลงบนกระบี่วิหคเหิน
พลังมหาศาลระลอกหนึ่งส่งผ่านมาจากกระบี่วิหคเหินหลินอู๋อิ่งตกตะลึง กระบี่ของเสวียนเทียนผสาน ‘พลัง’ และ ‘ความเร็ว’ เข้าไว้ด้วยกันได้จริงๆความเร็วไม่ด้อยกว่าเขา แต่พลังมากกว่าเขาอยู่ไกลโข
“กระบี่ที่สอง!”
เสวียนเทียนะโขึ้นมาอีกครั้งปราณกระบี่พุ่งทะยานออกไปหลายสิบก้าว พาพลังที่รุนแรงเหนืออื่นใดความเร็วที่เร็วไวไม่มีใครสู้ พละกำลังที่หนักหน่วงไม่มีใครเทียมโจมตีข้ามไปยังหลินอู๋อิ่ง
นาทีนี้ เสวียนเทียนไม่มีกระบวนท่ากระบี่แล้วท่วงท่ากระบี่มีเพียงสามจุดเด่น รวดเร็ว! แม่นยำ! โเี้!
กระบี่ที่สองเสวียนเทียนชิงโอกาสได้เปรียบได้แล้วหลินอู๋อิ่งตกเป็รอง ภายใต้การโจมตีอันรุนแรงของเสวียนเทียน เขาได้แต่ป้องกันเท่านั้น
เคร้ง!
เสียงปะทะกันของโลหะดังก้องขึ้นมาอีกครั้งกระบี่วิหคเหินส่งแรงสะท้อนมาระลอกแล้วระลอกเล่า เหมือนกับสายลม ตลบแล้วตลบเล่าะเืแขนของหลินอู๋อิ่งจนชา ในใจยิ่งตะลึงงันมากขึ้นๆทุกที
ความเร็วกระบี่ของหลินอู๋อิ่งรวดเร็วแต่พลังภายในกลับไม่เท่าไร พลังภายในของเสวียนเทียนลึกล้ำความเร็วกระบี่ก็ไม่ช้าไปกว่าหลินอู๋อิ่ง ความเร็วแบบเดียวกันแต่พลังกล้าแกร่งกว่ากระแทกหลินอู๋อิ่งให้ถอยหลังไปไม่หยุด กระบี่วิหคเหินแทบจะหลุดออกจากมือ
“กระบี่ที่สาม!”
“กระบี่ที่สี่!”
........
........
เสวียนเทียนกระบี่หนึ่งรวดเร็วกว่ากระบี่หนึ่งกระบี่ต่อมาโเี้กว่ากระบี่ก่อนหน้า!
........
........
“กระบี่ที่เก้า!”
ชิ้ง!
เสียงแหลมสูงดังก้องขึ้นกระบี่วิหคเหินปลิวหลุดจากมือของหลินอู๋อิ่งกลายเป็เส้นแสงสายหนึ่งร่อนไปไกลถึงสิบเมตร
“กระบี่ที่สิบเสียงลมสี่ทิศกระหน่ำ!”
พลังกระบี่ของเสวียนเทียนยังคงเดิมพลังทั่วร่างยังคงเพิ่มถึงขีดสูงสุดสูงส่งดังเช่นขุนเขาสูงใหญ่กดทับหลินอู๋อิ่งไว้หมดสิ้นกระบี่ที่สิบที่แทงออกไป ในที่สุดเสวียนเทียนก็ใช้กระบวนท่าออกมาเป็ครั้งแรก
พอออกกระบวนท่าก็เป็กระบวนท่าไม้ตายของเพลงกระบี่ถลาลมพริบตานั้น รัศมีกระบี่พลันสลายหายไป ความเร็วกระบี่ถึงขีดสุดแทบจะกลืนหายไปในอากาศว่างเปล่า ตาเนื้อไม่อาจแยกออก ได้ยินเพียงเสียงลมหวีดหวิวดังขึ้นจากสี่ทิศ
ดวงตาของหลินอู๋อิ่งที่อยู่ในห้วงตะลึงงัน ฉับพลันก็หม่นแสงลงไม่เหลือใจสู้ เขารู้แล้ว กระบี่ของเสวียนเทียนเป็กระบี่ไร้เงาที่แท้จริงขนาดกระบี่ยังมองไม่เห็นว่าอยู่ที่ใด แล้วจะป้องกันอย่างไร?
ร่างกายของหลินอู๋อิ่งฉับพลันก้าวถอยหลังร่างกลายเป็เงาเลือนรางสายหนึ่ง เสี้ยววินาทีก็โดดออกจากเวทีประลองหลินอู๋อิ่งได้ฉายาว่ากระบี่เร็ว วิชาตัวเบาย่อมเหนือธรรมดาชวนให้ตะลึงเช่นกันหลบกระบวนท่าไม้ตาย ‘เสียงลมสี่ทิศกระหน่ำ’ นี้ไปได้
เพียงแต่ว่าออกจากเวทีหลินอู๋อิ่งก็เท่ากับแพ้แล้ว
เพียงแค่สิบกระบี่เสวียนเทียนก็เอาชนะกระบี่เร็วหลินอู๋อิ่งได้ได้ชัยชนะในการแข่งขันรอบที่แปดมาครอง เข้าสู่รอบที่เก้า เข้าไปสู่สี่อันดับแรก
การต่อสู้ที่เวทีประลองหมายเลข 1 ก็จบลงอย่างรวดเร็วเช่นเดียวกันพลังภายในของหยางติ่งจวินในสำนักนอกไร้คู่ต่อกร เพียงใช้ห้ากระบวนท่าก็ล้มจูตันได้เข้าสู่รอบที่เก้าเร็วกว่าเสวียนเทียนไปก้าวหนึ่ง
สี่อันดับแรกที่เข้าสู่รอบที่เก้าได้แก่ หมายเลข 1 ไป๋จั่นเฮ่อ หมายเลข 2 จางหลง หมายเลข 3 หยางติ่งจวิน หมายเลข 467 เสวียนเทียน
หลังจากล้มหลินอู๋อิ่งเสวียนเทียนพลันรู้สึกถึงสายตาประดุจคมดาบสองสายจับจ้องมาที่ตัวของเขาเสวียนเทียนหมุนตัวไปมอง สองคนนั้นก็คือจางหลงกับหยางติ่งจวิน
วิชากระบี่ของจางหลงกับหยางติ่งจวินใช้พลังรุนแรงเป็หลักเหมือนกันท่วงท่ากระบี่ที่เสวียนเทียนใช้ล้มหลินอู๋อิ่ง กับที่จางหลงเอาชนะกู้ซีหยวนหยางติ่งจวินเอาชนะจูตัน โดยพื้นฐานไม่ได้มีความแตกต่างอะไรกันมากนัก
สิ่งที่แตกต่างไปเพียงอย่างเดียวก็คือจางหลงกับเสวียนเทียนเป็ประเภทที่มีทักษะรอบด้าน แม้ว่าท่วงท่ากระบี่จะรุนแรงแต่ด้านความเร็วกระบี่และชั้นเชิง ทักษะก็ชำนาญเป็อย่างยิ่งส่วนหยางติ่งจวินนั้นกลับรุนแรงเพียงอย่างเดียว ใช้พลังที่ไม่อาจประมาณโค่นไม้เฉาถอนไม้ผุ หักทำลายทุกสิ่งอย่าง รุนแรงไม่อาจต้านทานได้
รอบที่เก้าคู่ต่อสู้ของเสวียนเทียนก็คือไป๋จั่นเฮ่อ จางหลง หยางติ่งจวิน สามคนนี้ เสวียนเทียนมีโอกาสหกสิบหกจากร้อยที่จะได้ต่อสู้กับจางหลงหรือหยางติ่งจวินนี่ทำให้ดวงตาของเสวียนเทียนฉายประกายตื่นเต้นออกกมา
แม้ว่าการชิงที่หนึ่งจะเป็เป้าหมายของเสวียนเทียนแต่เขากับจางหลงมีนัดประลองในสามเดือน ส่วนกับหยางติ่งจวินก็มีแค้นหนึ่งฝ่ามือกันอยู่ระหว่างเส้นทางของการแย่งชิงที่หนึ่งกรล้มจางหลงกับหยางติ่งจวินก็เป็สิ่งที่ในใจของเสวียนเทียนปรารถนาจะทำ
สายตาของทั้งสามคนปะทะกันในอากาศเหมือนกับปราณกระบี่ที่เข้าปะทะกันลูกศิษย์ทั้งหมดล้วนััได้ถึงความขัดแย้งที่รุนแรงราวกับน้ำกับไฟระหว่างเสวียนเทียนกับจางหลงและหยางติ่งจวิน
ในที่ไกลออกไป ไป๋จั่นเฮ่อลูบจมูก ในใจคิดขึ้นเ้าสามคนนี้ มองข้ามข้าที่เป็หมายเลข 1 ไปเสียอย่างนั้นไป๋จั่นเฮ่อเองก็พลังพลุ่งพล่าน สายตามองไปที่เสวียนเทียน จางหลงหยางติ่งจวินทั้งสามคน สายตาดุจกระบี่ของพวกเขาที่ปะทะกันยิ่งเดือดพล่านกว่าเดิม
เสวียนเทียนเป็ฝ่ายละสายตากลับมาก่อนเขาลงจากเวทีประลองมาก็นั่งสมาธิพักผ่อนอยู่ด้านข้างศิษย์ธรรมดาไม่น้อยล้วนส่งแววตานับถืออย่างเปิดเผยมองมายังเสวียนเทียนแต่เห็นเสวียนเทียนพักผ่อนก็ไม่กล้ารบกวน ดังนั้นหวงสือกับหลินตงที่อยู่ข้างกายเสวียนเทียนจึงกลายเป็เป้าหมายให้ศิษย์ธรรมดาเข้าหาชั่วคราวหวงสือกับหลินตง ฉับพลันก็กลายเป็คนสำคัญในหมู่ศิษย์สำนักนอกแม้กระทั่งศิษย์ชั้นสูงพลังวัตรขั้นเจ็ดและขั้นแปดบางคนยังเข้ามายกยอทั้งสองเสียใหญ่โต ความชื่นชมนับถือหลั่งไหลเข้ามาไม่ขาดเหมือนกับสายน้ำไม่ขาดสาย
โดยเฉพาะอย่างยิ่งหวงสือทุกคนล้วนรู้ว่าเขาเป็น้องชายของเสวียนเทียน ทั้งพลังวัตรของหวงสือเพราะกินหญ้าฉีหวงเข้าไปวันนั้น พลังวัตรก็เลื่อนจากชั้นผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสี่มาถึงชั้นผู้ฝึกยุทธ์ขั้นห้าถึงตอนนี้เวลาผ่านไปสิบกว่าวันแล้วฤทธิ์ยาของหญ้าฉีหวงก็ยังทำให้พลังวัตรของเขาเลื่อนไปสู่ขั้นหก
ยังมีฤทธิ์ของหญ้าฉีหวงตกค้างอยู่ในร่างเนื้อของหวงสืออยู่บ้างหากดูดกลืนพลังของสมุนไพรได้หมดสิ้นใช้เวลาไม่นานหวงสือก็คงเลื่อนขึ้นพลังวัตรขั้นที่เจ็ดพรวดเดียวกลายเป็ศิษย์ชั้นสูง กลายเป็อีกหนึ่งตำนานของศิษย์สำนักนอกต่อจากหวงเทียน
การแข่งขั้นอันดับที่ 5 ถึงอันดับที่ 8 ไม่นานก็สิ้นสุดลง หลินอู๋อิ่งได้อันอับที่ห้าหม่าเทาได้อันดับที่หก กู้ซีหยวนได้อันอับที่เจ็ด จูตันได้อันดับที่แปด
หลังจากการแข่งขันจัดอันดับลำดับที่ห้าถึงแปดเสร็จสิ้นลงการแข่งขันรอบที่เก้าของการแข่งขันจัดอันดับก็เริ่มต้นขึ้นมาอีก
รอบที่เก้า สี่คนเข้าสองคนเสวียนเทียนใช้สิบกระบี่เอาชนะหลินอู๋อิ่งแสดงความสามารถว่าเพียงพอจะต่อสู้ชิงชัยกับไป๋จั่นเฮ่อจางหลง หยางติ่งจวินทั้งสามคน ไม่มีใครกล้าดูถูกเสวียนเทียนอีกถึงแม้ว่าคู่ต่อสู้ของเขาจะเป็สามคนบนจุดสุดยอดของศิษย์สำนักนอกทั้งหมดก็ตาม
การแข่งขันรอบที่เก้า ไป๋จั่นเฮ่อ จางหลงหยางติ่งจวิน เสวียนเทียน แต่ละคนล้วนแข็งแกร่งปานนั้นนอกจากความเห็นที่มองว่าหยางติ่งจวินจะได้ครองที่หนึ่งซึ่งศิษย์ส่วนใหญ่เห็นพ้องต้องกันแล้วที่สอง ที่สาม ที่สี่ บรรดาศิษย์กำลังถกเถียงกันอย่างเผ็ดร้อนในใจของแต่ละคนมีผู้ชนะคนหนึ่ง ไม่ใช่ไป๋จั่นเฮ่อก็เป็จางหลงหรือเป็เสวียนเทียน
การแข่งขันรอบนี้ไม่มีการจับฉลากสำนักจัดการจับคนทั้งสี่เป็สองคู่โดยตรง
คู่ที่หนึ่งไป๋จั่นเฮ่อกับหยางติ่งจวิน
คู่ที่สองจางหลงกับเสวียนเทียน
เวทีประลองอีกหนึ่งถูกรื้อไป ทั้งลานกว้างเหลือเวทีประลองเพียงเวทีเดียวสายตาของผู้ชมทั้งหมดล้วนจับจ้องมายังเวทีประลองหนึ่งเดียวกลางลานกว้างนี้
เสวียนเทียนเองก็ไม่เว้น การแข่งขันรอบที่เก้าเขาสนใจเป็อย่างยิ่ง เพราะว่าไป๋จั่นเฮ่อ จางหลงหยางติ่งจวินทั้งสามคนล้วนเป็คู่ต่อสู้ที่ในใจของเสวียนเทียนให้ความสำคัญ
ไป๋จั่นเฮ่อกับหยางติ่งจวินขึ้นไปบนเวทีประลองทั้งสองคนต่างก็มีอำนาจเป็ของตัวเองในหมู่ศิษย์สำนักนอกไม่เพียงแต่ศิษย์ชั้นสูงพลังวัตรขั้นเจ็ด แปด เก้าแม้กระทั้งศิษย์หัวแถวชั้นพลังวัตรขั้นสิบก็มีคนของต่างฝ่ายต่างร้องให้กำลังใจคนของตน
การต่อสู้ระหว่างไป๋จั่นเฮ่อกับหยางติ่งจวินไม่นานก็เริ่มต้นขึ้น
กระบี่ของไป๋จั่นเฮ่อเป็ดั่งเมฆคล้อยให้ความรู้สึกราวกับหลุดพ้นจากสิ่งสามัญทั้งปวงวิชากระบี่ลื่นไหลราวกับเมฆคล้อยน้ำไหลดูประหนึ่งกระบี่กับคนผสานเป็หนึ่งเดียวกัน เป็ธรรมชาติอย่างยิ่งกระบวนท่าที่ดูไปแล้วธรรมดาท่าหนึ่งเมื่ออยู่ในมือของไป๋จั่นเฮ่อกลับกลายเป็สมบูรณ์แบบไม่มีจุดบอดพลังเพิ่มขึ้นหลายเท่า ทำให้คนรู้สึกเหนือล้ำเกินจินตนาการ
ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสิบทั่วๆ ไปเมื่อเผชิญหน้ากับไป๋จั่นเฮ่อ จะรู้สึกเหมือนอยู่ต่อหน้าปราการเหล็กหลังหนึ่ง ทั้งร่างราวกับผสานรวมเป็หนึ่งกับกระบี่ แทบจะไม่มีช่องโหว่ให้โจมตีได้สมบูรณ์แบบไร้จุดบอด จนเกิดความคิดว่าไม่อาจเอาชนะได้ขึ้นมา จะพ่ายแพ้ขึ้นอยู่กับเวลาเท่านั้น
ถ้าหากพบกับผู้ฝึกยุทธ์พลังวัตรขั้นสิบคนอื่นไป๋จั่นเฮ๋อย่อมได้เปรียบไม่มีทางแพ้
แต่ว่าคู่ต่อสู้ของไป๋จั่นเฮ่อคือหยางติ่งจวิน หากกล่าวว่าท่วงท่ากระบี่ของไป๋จั่นเฮ่อสมบูรณ์แบบไร้จุดบอดไม่มีช่องโหว่ให้โจมตีดั่งปราการเหล็กหลังหนึ่ง
ถ้าเช่นนั้นหยางติ่งจวินคนทั้งร่างก็เป็ดั่งอาวุธบุกทะลวงอันแหลมคมที่ไม่มีปราการใดทลายไม่ได้ท่วงท่ากระบี่มีเพียงความรุนแรง ใช้พลังอันไม่อาจประมาณทำลายสิ้นทุกสิ่งที่ขวางหน้าต่อให้สมบูรณ์แบบไร้ช่องโหว่ก็จะโจมตีจนเกิดช่องโหว่จนได้
ต่อให้ต่อหน้าเป็กำแพงเมืองอันมั่นคงแข็งแรงหรือปราการเหล็กหลังหนึ่ง เมื่อกระบี่อันรุนแรงของหยางติ่งจวินตวัดผ่านกำแพงเมืองอันมั่นคงยังต้องพังทลาย ปราการเหล็กก็ต้องถล่ม
การโจมตีของหยางติ่งจวินเป็ดั่งเช่นวายุคลั่งฝนกระหน่ำ เป็ดั่งอุกาบาตจากฟากฟ้า เป็ดั่งกระแสน้ำเชี่ยวกรากเป็ดั่งคลื่นั์สูงเสียดฟ้า ไม่อาจต้านทานได้
ไป๋จั่นเฮ่อทุ่มกำลังรับมือหยางติ่งจวินได้สามสิบกว่ากระบวนท่าในที่สุดก็ต้านทานการโจมตีที่ราวกับวายุคลั่งฝนกระหน่ำของหยางติ่งจวินไม่อยู่ถูกกระบี่หนึ่งฟันตกจากเวทีประลองไป
รอบที่เก้า คู่ที่หนึ่ง หยางติ่งจวินได้ชัยชนะเข้าสู่รอบที่สิบรอบชิงชนะเลิศ