"เสด็จพี่รัชทายาท ข้าจำได้ตอนเด็กๆ ท่านบอกว่าเห็นข้าเป็น้องสาวแท้ๆ ตอนนี้มีเด็กยังไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมมารังแกน้องสาวของท่าน ท่านควรช่วยข้าจัดการเขาหรือไม่?"
เฉียวเยว่เงยหน้าดวงน้อยพูดอย่างจริงจัง "ตีเขาเลย"
รัชทายาทอมยิ้ม "เ้าเป็น้องสาวข้า เขาก็เป็น้องชายข้า จะหน้ามือหลังมือล้วนแต่เป็เนื้อเดียวกัน ข้าไหนเลยจะทำลงคอ"
รัชทายาทเห็นเฉียวเยว่ผ่ายผอม ก็ถอนหายใจอีกครา "เ้าไม่ได้อดอาหารจริงหรือ?"
เฉียวเยว่ทำหน้ามุ่ย "พวกเขาจะทำลงคอได้อย่างไร"
"ทำผิดต้องถูกลงโทษ ไม่แคล้วคงถูกงดอาหารจนเป็เช่นนี้"
เฉียวเยว่แค่นเสียงหึ คิดหมายทะเลาะวิวาทกับเขาให้รู้แล้วรู้รอด
รัชทายาทอมยิ้ม "เฉียวเยว่ยังเหมือนตอนเด็กๆ ไม่เปลี่ยนไปแม้แต่น้อย"
เฉียวเยว่ประสานมือเข้าด้วยกัน พลางบ่นพึมพำ "ข้าน่ะอยาก... เอ๋ เอ๋ เอ๋? พี่จื้อรุ่ย อันนี้แปลกจัง"
นางเข้ามาข้างกายิ่จื้อรุ่ย เห็นเขากำลังใช้หญ้าสานเป็รูปสัตว์เล็กๆ ไม่ช้าก็กลายเป็กระต่ายน้อยตัวหนึ่ง เฉียวเยว่มองเพลินจนลืมไปสนิทว่าตอนแรกคิดจะพูดอะไร "ท่านสานได้เหมือนจริงมาก มอบให้ข้าใช่หรือไม่?"
จื้อรุ่ย "ให้เ้า"
เขาเว้นจังหวะครู่หนึ่ง แล้วพูดอีกว่า "ข้ารู้วิธีสานอีกเยอะ หากเ้าพากเพียรเรียนรู้ สอบติดสำนักศึกษาสตรีเมื่อไร ข้าจะสอนให้เ้าสานยี่สิบสามสิบแบบไม่ซ้ำกันเลย"
เมื่อมีผลประโยชน์มาล่อ เฉียวเยว่ก็รับปากทันควัน "ไม่มีปัญหา ข้าจะไปอ่านตำราเดี๋ยวนี้"
กำไรเห็นๆ
นางไม่รีรอแม้ชั่วขณะจิต วิ่งออกไปข้างนอก พอมาถึงประตู ก็หันมาโบกมือให้รัชทายาท "เสด็จพี่รัชทายาท อยู่กินมื้อกลางวันด้วยกันนะเพคะ"
แล้วก็ออกไปจากห้องอย่างร่าเริง
่เย็นโพล้เพล้ไท่ไท่สามมาคุยเล่นกับบุตรสาว
"วันนี้รัชทายาทเสด็จมาหรือ"
เฉียวเยว่กำลังอ่านตำรา จึงตอบอื้มคำเดียวแล้วไม่พูดอะไรอีก
ไท่ไท่สามทำท่าครุ่นคิด "เ้าคงได้ยินแล้ว ่นี้ฮ่องเต้ทรงมีพระประสงค์คัดเลือกชายารัชทายาท"
จุดนี้เฉียวเยว่ย่อมรู้ "ท่านแม่ เสด็จพี่รัชทายาทไม่พึงใจข้าหรอกเ้าค่ะ" นางยิ้ม
หลังจากนั้นก็ก้มหน้าอ่านตำราต่อ ตอนแรกไท่ไท่สามคิดจะมาหยั่งเชิงบุตรสาว แต่ไม่นึกว่านางจะพูดตรงเสียขนาดนี้ นางรู้สึกไม่ชินจริงๆ
"เ้ารู้ได้อย่างไรว่ารัชทายาทไม่พึงใจเ้า เฉียวเยว่ของแม่เฉลียวฉลาดน่าเอ็นดู อีกทั้งเ้ากับเขาก็เติบโตมาด้วยกัน"
แท้จริงแล้วไท่ไท่สามรู้สึกขัดแย้งกัน นางไม่อยากให้บุตรสาวเข้าวังเพื่อไปแย่งชิงสามีกับสตรีเป็โขยง แต่พอนึกว่ารัชทายาทไม่ต้องตาบุตรสาวของตนเอง กลับรู้สึกว่าเป็เื่ไร้เหตุผลที่สุดในใต้หล้า
บุตรสาวของนางดีเลิศที่สุด!
ภายใต้ความคิดเช่นนี้ นางจึงรู้สึกคับข้องใจ
เฉียวเยว่ััได้ถึงความว้าวุ่นของมารดา นางยิ้มแล้ววางพู่กันลง "ท่านแม่เ้าค่ะ พวกเรามาคุยกันเถอะ"
ไท่ไท่สามอมยิ้ม ถอนใจเอ่ยว่า "เด็กน้อย เ้าอยากคุยอันใดกับข้า"
"อันที่จริงข้าไม่ได้อยากคุย แต่ท่านรบกวนการอ่านตำราของข้าอยู่"
เฉียวเยว่ทำตัวไร้เดียงสาอย่างยิ่ง
ไท่ไท่สามตกตะลึง หลังจากนั้นก็หน้าแดง "เ้าเด็กคนนี้!"
ก่อนลุกขึ้นยืน แล้วพูดอีกว่า "เ้าอ่านตำราไปเถอะ"
แล้วรีบเดินออกไปจากห้อง
ฉีอันเฝ้ามองสถานการณ์ทั้งหมดจากด้านข้าง "เฉียวเยว่ เ้ากล้าไล่ท่านแม่เลยหรือ นิสัยไม่ดี คุณชายเ่าั้ไม่ชอบเ้าหรอก"
เฉียวเยว่ทำเสียงเฮอะๆๆ ใส่เขา "ข้า้าให้พวกเขามาชอบหรือ? ข้าเป็ใคร ข้าคือซูเฉียวเยว่ คุณหนูเจ็ดผู้เฉลียวฉลาดน่าเอ็นดูแห่งจวนซู่เฉิงโหว ไหนเลยจะต้องให้คุณชายเสเพลเกกมะเหรกเ่าั้มาชมชอบ เ้าอ่านตำราไปเถอะ เห็นหน้าตาซื่อบื้อของเ้าแล้ว ข้าคลางแคลงใจจริงๆ ว่าเ้าจะสอบเข้ากั๋วจื่อเจียนได้หรือเปล่า"
ฉีอันหัวเราะเยาะ "เฉียวเฉียวหน้าโง่เอ๊ย เ้าห่วงตัวเองก่อนเถอะ"
ทั้งสองสบตากัน แค่นเสียงหึ แล้วต่างคนก็อ่านตำราต่อ
พูดไปแล้วก็น่าฉงน แม้ฝ่าาจะปล่อยข่าวว่ามีพระประสงค์จะเลือกชายาเอกที่เหมาะสมให้รัชทายาท แต่กลับไม่มีความเคลื่อนไหวใดๆ ทำให้ผู้คนเกิดความสับสน แต่ไม่ว่าโลกภายนอกจะเป็อย่างไร เฉียวเยว่ก็มุ่งมั่นศึกษาตำราตามแผนการที่ตนเองกำหนด ไม่ให้ความสนใจกับเื่นี้ แต่ทุกคราที่โม่หลันมาหาก็มักจะเล่าเื่นี้ให้นางฟัง
ย่างเข้าสารทฤดู ในจวนมีการจัดงานมงคลสองงาน งานแรกคือคุณชายใหญ่ซูเจี้ยนอันแต่งภรรยา ส่วนอีกงานคือคุณหนูใหญ่ซูิเยว่ออกเรือนไป จู่ๆ เฉียวเยว่นึกถึงตอนแรกที่ิเยว่แอบมีใจให้อวี้อ๋อง ก็รู้สึกว่าสิ่งที่คิดตอนเป็เด็กสามารถเปลี่ยนแปลงไปหลังจากเติบโต
แม้ว่าพี่ิเยว่ออกเรือนไปแล้วคนในบ้านจะลดลง แต่เพราะพี่ชายใหญ่แต่งภรรยาแล้ว จึงไม่รู้สึกว่าขาด คล้ายว่าไม่มีสิ่งใดเปลี่ยนแปลงไป แต่ตอนไปคารวะผู้ใหญ่ที่เรือนหลักกลับให้ความรู้สึกที่ต่างออกไปบ้างเล็กน้อย
ถึงอย่างไรภรรยาของพี่ชายใหญ่ก็เป็สะใภ้ของเรือนใหญ่ ไม่ค่อยสนทนากับแม่นางน้อยเช่นพวกนางมากนัก วันที่สองหลังจากแต่งเข้ามาก็มอบของขวัญเป็สร้อยไข่มุกให้นางหนึ่งเส้น เหมาะสมกับกาลเทศะ
โม่หลันยังคงมาหาเฉียวเยว่เหมือนเคย "ตอนแรกข้านึกว่าญาติผู้พี่ของข้าจะได้แต่งงานกับพี่ชายใหญ่ของเ้าเสียอีก ไม่นึกว่าคนคำนวณยังไม่สู้ฟ้าลิขิต" นางเอ่ยพลางถอนหายใจ
แม้จะรู้จักกันได้ไม่นาน แต่โม่หลันก็เห็นว่าเฉียวเยว่เป็สหายสนิท ให้ความไว้เนื้อเชื่อใจ มีสิ่งใดก็ล้วนพูดให้นางฟัง
เนื่องจากมีอุปนิสัยร่าเริง โม่หลันจึงมีสหายค่อนข้างเยอะ ไม่ว่าเื่ไหนนางก็รู้หมด แต่เฉียวเยว่ไม่ใช่ แม้ว่านางจะมีมนุษยสัมพันธ์ดี แต่อาจเป็เพราะสถานะ ประกอบกับท่านหญิงฉางเล่อปล่อยข่าวไปทั่วว่าไม่ชอบนาง สหายของนางจึงมีไม่มาก
แต่เฉียวเยว่ก็ไม่ค่อยเก็บมาใส่ใจ เพื่อนเยอะไม่สู้มีเพื่อนแท้
ตอนแรกนางชอบคุณหนูจูมาก รู้สึกว่านางมีความเหมาะสม แต่เื่นี้หาใช่สิ่งที่นางจะยุ่งเกี่ยวได้ เพราะนางไม่ใช่คนที่จะอยู่กับคุณหนูจูชั่วชีวิต ต้องให้พี่ชายใหญ่ชอบด้วย
"สงสัยญาติผู้พี่ของเ้าคงไม่ชอบหนอนตำราเช่นพี่ใหญ่ของข้าแน่ๆ" เฉียวเยว่พูดหยอกเย้า
"ที่ไหนกันเล่า พี่ชายใหญ่ของเ้าชอบญาติผู้พี่ของข้า ญาติผู้พี่ของข้าก็มีใจให้เขาเหมือนกัน แต่ถึงชายหญิงต่างมีใจก็ไร้ประโยชน์ ท่านลุงใหญ่ของเ้าไม่ชอบญาติผู้พี่ของข้า เพราะรู้สึกว่านางมาจากตระกูลขุนนางบู๊ ซึ่งด้อยกว่าหลายส่วน แต่ไยไม่คิดบ้าง หากไม่มีแม่ทัพเฉกเช่นท่านลุงเขยของข้า ใครจะมาปกป้องแว่นแคว้นของพวกเรา จริงๆ เลย" โม่หลันรู้สึกเป็เดือดเป็แค้นแทน แต่พูดมาถึงตรงนี้ นางก็เกาศีรษะ "เฉียวเยว่ ข้ามิได้ตั้งใจจะว่าร้ายท่านลุงใหญ่ของเ้านะ"
ท่าทางตกประหม่าเล็กน้อย
"ไม่เป็ไร นี่ไม่นับว่าเป็การว่าร้ายอันใด อีกอย่างเ้าบอกความลับข้าเช่นนี้ ข้าไหนเลยจะตำหนิเ้าได้" เฉียวเยว่ยิ้ม
"โอ้ ใช่ ใช่ ใช่ ข้าจะบอกเื่ใหญ่เ้าอีกเื่ เ้ารู้หรือไม่ ปีหน้าท่านหญิงฉางเล่อก็จะสอบเข้าสำนักศึกษาสตรีเหมือนกัน แท้จริงแล้วองค์หญิง ท่านหญิงที่มีบรรดาศักดิ์ไม่จำเป็ต้องเข้าสำนักศึกษาสตรี ถึงอย่างไรก็เป็เชื้อพระวงศ์ หากเรียนได้ไม่ดีก็จะเป็ที่อับอายขายหน้า แต่นางก็ยังดันทุรังจะเข้าเรียน น่ารำคาญจริงๆ ต้องเพิ่มตำแหน่งพิเศษเข้ามาอีกที่สินะ ข้าคะเนว่านาง้าเข้ามาชิงดีชิงเด่นกับเ้า ใครๆ ต่างก็พูดว่าเ้าเฉลียวฉลาดเหมือนพี่สาว ข้าว่าเ้าต้องเริ่มวางแผนอะไรบ้างแล้วล่ะ"
แม้ว่าโม่หลันจะชอบซุบซิบนินทา แต่จิตใจไม่เลวร้าย นางพูดด้วยความเห็นใจ "หากเ้าสอบติด ก็คงจะไม่มีใครคบหาเป็เพื่อนเล่นกับเ้า เ้าก็รู้ ท่านหญิงไม่ชอบเ้า ทุกคนต่างก็อยากเอาอกเอาใจนาง"
เฉียวเยว่รู้สึกเหมือนได้ย้อนกลับไปสมัยประถมและมัธยมต้นที่มีการตั้งกลุ่มของนักเรียนหญิงในห้อง นางปิดหน้า "ให้ตายเถอะ เ้าเด็กม.สองพวกนี้!"
"อะไรหรือ?" โม่หลันไม่เข้าใจ
ฉีอันเดินเข้ามา เอ่ยอย่างจริงจังว่า "ช่างนางเถอะ นางไม่สนใจคนเ่าั้อยู่แล้ว บิดาข้าช่วยดูแบบทดสอบที่เ้าเขียนคราก่อนแล้ว มีความคิดเห็นเพิ่มเติมเล็กน้อย ให้ข้าเอามาให้เ้า"
ซูซานหลางมักเป็คนเช่นนี้เอง แม้ดูเหมือนไม่สนิทชิดเชื้อกับใคร แต่หากมีคน้าความช่วยเหลือ เขาก็จะไม่นิ่งดูดาย
การชี้แนะเด็กน้อยคนหนึ่งเป็เื่ง่ายดังพลิกฝ่ามือ เขาย่อมจะไม่ใส่ใจมากนัก
หลังจากการสอบเคอจวี่เสร็จสิ้น ซูซานหลางก็พักผ่อนสองปีเดินทางไปทั่ว ครานี้กลับมาเมืองหลวงก็ถูกฮ่องเต้ตะครุบตัวทันที จึงมีงานมากมายไม่เว้นแต่ละวัน
ยามนี้คำสั่งแต่งตั้งออกมาแล้ว อีกไม่กี่วัน เขาต้องไปรายงานตัวที่กั๋วจื่อเจียน คนอย่างซูซานหลางไม่เหมาะที่จะเป็ขุนนาง แต่สามารถเป็อาจารย์ให้การศึกษาอบรมได้เป็อย่างดี เจริญรอยตามอาจารย์ฉีผู้เป็พ่อตาของเขา
หลายปีมานี้ นับวันทุกคนก็ยิ่งรู้สึกว่าคุณหนูฉีเหมาะสมที่จะแต่งเข้าจวนซู่เฉิงโหวมากกว่าแต่งเข้าจวนแม่ทัพิ่
ถึงอย่างไรก็ล้วนแต่เป็บัณฑิต นางเป็สตรีอ่อนโยน ย่อมคู่ควรเหมาะสม สามีร้องภรรยาขานรับ สามารถร่วมอ่านตำราเขียนบทกวีด้วยกัน ไม่ใช่ไปอยู่กับคนหยาบกระด้างเช่นแม่ทัพิ่
ทว่าบัดนี้คนในเมืองหลวงที่จะคุยถึงเื่ราวในปีนั้นก็มีไม่มากแล้ว
เื่คุณชายสามสกุลซูจะไปรับตำแหน่งอาจารย์ที่กั๋วจื่อเจียนถูกประกาศออกไป โม่หลันได้รับคำชี้แนะจากเขา ก็รู้สึกว่ามีความหวังในการสอบเข้าสำนักศึกษาสตรีมากขึ้น นางกอดแบบทดสอบ พูดด้วยความตื่นเต้น "ฝากขอบคุณท่านอาสามแทนข้าด้วย"
ฉีอันพยักหน้า โม่หลันอยู่เขาต้องระมัดระวังเื่ความแตกต่างระหว่างชายหญิง จึงโบกมือเอ่ยว่า
"พวกเ้าอ่านตำรากันต่อเถอะ ข้าจะไปดูหลันเยว่ที่เรือนหน้า"
จนถึงทุกวันนี้แม่หนูน้อยหลันเยว่ก็ยังอยู่ภายใต้การเลี้ยงดูของฮูหยินผู้เฒ่า ไท่ไท่รองแล้งน้ำใจ วันๆ คิดแต่จะมีบุตรชายเพิ่ม ไม่สนใจบุตรสาวคนนี้แม้แต่น้อย
"เฉียวเยว่ ข้าได้ยินมา ปีใหม่นี้ฝ่าาจะจัดงานเลี้ยงในวัง ขุนนางสามารถพาสมาชิกในครอบครัวไปเข้าร่วมได้ เ้าจะไปหรือไม่?" โม่หลันถามขึ้น
ตอนนี้เพิ่งต้นเดือนสิบเอ็ด ยังห่างจากปีใหม่สองเดือน
แต่บิดาของโม่หลันอยู่กรมพิธีการ ย่อมไม่แปลกที่จะรู้
เฉียวเยว่กลับไม่ยี่หระ "ดูสถานการณ์ก่อน ข้าก็ไม่รู้เหมือนกัน บางทีพวกเราอาจจะไม่ได้รับเชิญก็ได้"
โม่หลันไม่เชื่อ "ไม่มีทาง เ้าต้องได้รับเชิญแน่นอน เ้าเคยเข้าวังมาก่อน แต่ข้าไม่เคย เ้าเล่าให้ฟังหน่อยสิ ในวังเป็อย่างไรบ้าง ข้าอยากรู้ แต่ข้าได้ยินท่านพ่อท่านแม่คุยกัน ครานี้ที่อนุญาตให้พาคนในครอบครัวไปด้วยก็เพื่อคัดเลือกชายารัชทายาท ดังนั้นทุกคนต่างกระตือรือร้น วางแผนเตรียมการแสดงอย่างดี แม้ว่าฮองเฮาจะทรงเป็พระมารดาแท้ๆ ของรัชทายาท แต่ไทเฮาก็เป็พระอัยยิกาแท้ๆ เหมือนกัน สถานะยิ่งสูงส่งกว่า ไม่รู้ว่าควรเอาอกเอาใจพระองค์ไหนถึงจะถูกต้อง"
โม่หลันพูดไปเรื่อยเปื่อย
เฉียวเยว่ปิดหู "เ้านี่น่ารำคาญเสียจริง ตอนนี้ไม่ร่ำเรียนศึกษาให้มาก อยากจะแสดงความสามารถในท้องก็คงจะมีแต่ฟางหญ้า"
"เ้าบังอาจล้อเลียนข้ารึ" โม่หลันเข้าไปจี้เอวของนาง
เฉียวเยว่เบี่ยงกายหลบพลางหัวเราะ "เปล่านะ เ้าจะอายจนโกรธกริ้วไปไย หรือว่าเ้าเองก็... ฮิฮิฮิ เ้าก็อยากเป็ชายารัชทายาทเหมือนกัน"
โม่หลันกระโจนเข้าไปอุดปากของเฉียวเยว่ "คำพูดนี้กล่าวส่งเดชมิได้"
หลังจากนั้นก็ลุกขึ้นมานั่งเอานิ้วชนกัน "ข้าก็คิดนิดหน่อย แต่รัชทายาทไม่มองข้าอยู่แล้ว ข้ามิได้สวยสะคราญ ซ้ำยังปากมาก"
เฉียวเยว่หัวเราะขบขัน โถๆๆ แม่นางน้อยผู้นี้ช่างรู้จักตนเองดียิ่ง
เฉียวเยว่ "มา มา มา พูดให้ข้าฟังหน่อย อย่างไรถึงจะเรียกว่าสวยสะคราญ?"
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้