ซุนลี่เหมยจะขายบ้านแล้ว!
อีกทั้งยังรีบร้อนมากด้วย
“มีหลายอย่างที่พูดทางโทรศัพท์คงจะไม่ชัดเจน เอาเป็ว่าถ้ามีเวลาเธอมาที่นี่นะ”
คำพูดนั้นคือสิ่งที่หลินเฉวียนเอ่ย ซูอินเงยหน้ามองห้างสรรพสินค้าที่อยู่ใกล้ๆ ที่ตู้โชว์แขวนเสื้อผ้าสวยงามไว้มากมาย
งานฉลองวันเกิดจัดที่โรงแรมหลิงกวง เมื่อวานที่เธอเดินช็อปปิ้งชุดกระโปรงที่ซื้อมาเพื่อใส่ในชีวิตประจำวันนั้นยังไม่ถูกใจ เดิมทีเธออยากซื้อชุดราตรีและเครื่องประดับที่จะใช้ในอีกสองวันข้างหน้า แต่ตอนนี้กลับได้ข่าวเื่ขายบ้านเสียก่อน
แน่นอนว่าเธอเลือกไปดูบ้าน~
หากมีบ้านแล้วจะไปสนใจอะไรกับชุดราตรี!
เธอโบกมือเรียกรถแท็กซี่ รีบเดินทางไปยังหมู่บ้านสาม ถนนฟาง โดยเร็วที่สุด
ครั้งก่อนที่มารับเงินรางวัลเธอเกือบถูก “เอาเปรียบ” เดินทางมาอีกครั้ง เห็นหลิวชิ่งกั๋วอยู่ในห้องรับแขก แววตาของซูอินแสดงท่าทีประหม่า
คนที่รู้สึกประหม่าไม่ได้มีแค่เธอ
หลิวชิ่งกั๋วไม่ใช่คนดีนัก แต่ก็ไม่ได้เลวร้ายมาก อย่างไรเสียเขาก็เป็เพื่อนที่ดีของหลินเฉวียน ครั้งก่อนหลังจากที่เกิดเื่ ต้องใช้เวลาหลายวันกว่าที่จิตใจของเขาจะฟื้นกลับมา
สามแสนหยวนเป็เงินก้อนใหญ่มาก มันหายไปต่อหน้าต่อตา หลังจากที่เขารู้ว่าเด็กสาวมีคนใหญ่คนโตสนับสนุนอยู่เื้ั เงินก้อนใหญ่ขนาดนั้น เขาอดรู้สึกเสียดายไม่ได้
นอกจากนั้นเขาก็ยังรู้สึกละอาย ใช้ชีวิตมาจนอายุปูนนี้ ยังคิดจะรังแกเด็กสาวตัวเล็กๆ โดยเฉพาะเด็กที่น่ารักขนาดนี้
เวลาผ่านไปนาน ความรู้สึกนั้นหายไปแล้ว ในตอนนี้ได้พบกับซูอิน ความรู้สึกละอายก็เพิ่มมากขึ้น
สายตาของเขาแฝงซึ่งการเชื่อมสัมพันธ์อันดี เขาทักทายซูอินและเชิญเธอนั่งอย่างอบอุ่น ไม่รอให้อีกฝ่ายถาม เขาก็เล่ารายละเอียด
ระยะนี้สถานการณ์ของซุนลี่เหมยไม่ค่อยดีนัก
แม่เฒ่าสวีมาหาหล่อนบ่อยๆ ทำให้หล่อนรู้สึกยุ่งยากเหลือทน
ในขณะเดียวกันการกระทำของแม่เฒ่าสวีก็เป็เครื่องยืนยันว่า ซุนลี่เหมยได้เปลี่ยนจากคุณแม่เลี้ยงเดี่ยวผู้เข้มแข็งไปเป็คนทำลายครอบครัวคนอื่น เป็เมียน้อยที่น่าขยะแขยงที่สุดที่ดูดเืจากภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมาย
หญิงหม้ายโดนปัญหามากมายโถมเข้าใส่ หลายปีมานี้ซุนลี่เหมยเลี้ยงดูบุตรชายฝ่ายเดียว ถูกซุบซิบนินทาไม่น้อย ทำให้นิสัยของเธอกลายเป็ดุร้าย แต่ครั้งนี้เห็นชัดเจนว่าไม่สามารถทนได้อีกต่อไป จึงมีความคิดอยากพูดหักล้าง แต่ก็ไม่รู้ว่าจะเริ่มจากตรงไหน
เกิดเื่ใหญ่ขนาดนี้ เพื่อนบ้านพากันวิพากษ์วิจารณ์ ผู้สูงอายุหลายคนไม่คิดจะหลีกเลี่ยงในการจิกกัดต่อหน้าเธอ และถามว่าทำไมเธอถึงทำเช่นนี้
ผู้คนตราหน้าด่าทอเธอ หากแค่สองสามวันคงพอทนได้ แต่นี่ผ่านมานานแล้ว ต่อให้หน้าหนาขนาดไหนก็คงรับไม่ไหว
ซุนลี่เหมยเริ่มทนไม่ได้อีกต่อไป
เดิมทีเธอคิดจะขายบ้านหลังเก่า รวมกับเงินที่แม่เฒ่าสวีให้อีกสองสามพันหยวน แล้วซื้อบ้านใหม่ที่กว้างขวางสว่างไสวในที่ดินที่พัฒนาใหม่ในเมืองผิง ดังนั้นการที่เธอยังไม่ขาย เพราะทำเลบ้านหลังเก่าค่อนข้างดี สะดวกสบายในทุกด้าน เธอจึงอยากยืดเวลาและขายในราคาที่สูงขึ้น
เมื่อเกิดเื่เช่นนี้ เธอไม่มีกะจิตกะใจต่อรองราคาอีก ขอแค่ให้ราคาไม่แย่จนเกินไป เธอก็จะรีบขายทันที
ใน่เวลานี้ยังไม่มีตัวแทนขายอสังหาริมทรัพย์ เมื่อ้าขาย คนแรกที่ซุนลี่เหมยนึกถึงก็คือหลิวชิ่งกั๋ว
เหล่าหลิวเปิดบ่อนไพ่นกกระจอก ผู้คนมากมายในสังคมเขารู้จักทั้งหมด
ครั้งก่อนที่การดูบ้านต้องแยกย้ายกันไป เพราะถูกซุนลี่เหมยทำให้ต้องยกเลิก
เธอลืมไปแล้ว แต่หลิวชิ่งกั๋วยังไม่ลืม เมื่อเล่าถึงสถานการณ์ให้ฟังทำให้บรรยากาศอึดอัดครู่ค่อยๆ หายไป คนมีวาทศิลป์อย่างหลิวชิ่งกั๋วทำให้มันเป็เื่ตลก
“ในเวลานั้นฉันจึงถามเธอว่า ครั้งก่อนที่พาคนไปดูบ้าน ไม่ใช่ว่าเป็เพราะถูกเธอถือมีดหั่นผักไล่ออกมาหรือ"
น้ำเสียงเยาะเย้ยและท่าทีเกินจริงในการเล่าเื่ ทำให้ซูอินเม้มปากอย่างอดไม่ได้
สองแม่ลูกตระกูลซุนทำให้เธอรู้สึกสดชื่น คนหน้าไม่อายเปลี่ยนเป็หนูจนตรอกที่ถูกผู้คนไล่ตี
เมื่ออารมณ์สงบลง จึงเริ่มมีสมาธิกับสิ่งที่เกิดขึ้น
ท่าทีของหลิวชิ่งกั๋วไม่มีอะไรน่าสงสัย ถึงแม้ครั้งก่อนเกิดเื่ไม่พึงปรารถนา แต่ซูอินก็ไม่ขุ่นเคือง เงินเป็สิ่งดึงดูดใจผู้คน ไม่ใช่ทุกคนที่จะซื่อสัตย์เชื่อถือได้ มั่นคงซื่อตรง บนโลกนี้มักมีคนโลภเสมอ
และแก่นแท้ของเื่นี้ คือการที่เธอคำนวณจิตใจคนผิดไป เธอไม่ใช่คนมีเสน่ห์ที่สามารถบังคับทุกคนให้เปิดเผยและซื่อสัตย์ต่อเธอ
ในใจของเธอเกิดความคิดบางอย่าง ซูอินแสดงสีหน้าประหลาดใจก่อนจะตอบอย่างเป็ธรรมชาติ “คุณถามออกไปแบบนั้น แล้วเธอว่ายังไงบ้างคะ”
“จะว่าอะไรล่ะ เธอก็ลูบจมูกไม่ยอมตอบ นี่หลานสาว บ้านหลังนี้กำลังรีบขาย น่าจะกดราคาได้มากกว่านี้อีก”
ซูอินพยักหน้า
“ถ้างั้นเื่นี้คงต้องรบกวนคุณอาหลิวแล้วค่ะ”
ไม่รอให้อีกฝ่ายเอ่ยปาก เธอก็เสริมว่า “คุณอาหลิววางใจเถอะค่ะ ถึงยังไงผลประโยชน์ก็ต้องตกถึงคุณด้วย ราคาที่ลดลงพวกเราแบ่งกัน 50-50 คุณว่าแบบนี้ดีไหมคะ”
ดวงตาของหลิวชิ่งกั๋วเป็ประกาย หางตาของเขามองเห็นหลินเฉวียน ก่อนที่จะเอ่ยปากด้วยความเกรงใจ “เธอนับถือฉันเป็อา อาที่ไหนจะหลอกเอาเงินของหลานกันล่ะ”
“แบบนี้เรียกหลอกที่ไหนกัน หากคำนวณดูแล้ว ฉันได้เงิน 50เปอร์เซ็นต์นั้นมาด้วย แบบนี้ควรเรียกว่าวินวินต่างหาก”
ระหว่างทางที่นั่งรถแท็กซี่มา ซูอินได้คิดอย่างละเอียดถี่ถ้วนแล้ว
แม้ว่าเธอจะใช้ชีวิตมาแล้วสองชาติ แต่ชาติก่อนเรียนจบชั้นมัธยมปลายไปตั้งหลายปี ่เวลาส่วนใหญ่ของเธอคือเป็แม่บ้านอยู่ที่คฤหาสน์ตระกูลหลิง การเข้าสังคมเท่ากับศูนย์
การเจรจากับซุนลี่เหมยผู้ซึ่งหน้าไม่อาย พูดจาไม่รื่นหูคนนั้นจำเป็ต้องพึ่งพาหลิวชิ่งกั๋วที่รู้จักคนมาก
แต่สิ่งที่จะสามารถทำให้หลิวชิ่งกั๋วสนใจได้ ไม่มีอะไรนอกเหนือไปจากผลประโยชน์
เื่เงินๆ ทองๆ เธอไม่เชื่อหรอกว่าหลิวชิ่งกั๋วจะไม่สนใจ
หลิวชิ่งกั๋วต้องสนใจแน่นอน
คนที่หาผลประโยชน์กับเื่ผิดกฎหมายเช่นนี้ มักจะหลงใหลเื่เงินเป็พิเศษ มีเงินยื่นมาตรงหน้าแบบนี้จะมีใครโง่ไม่รับไว้บ้าง
“ใช่แล้ว วินวิน หลานสาวพูดถูกต้อง เอาละ วางใจเถอะ เื่นี้ถึงมือฉันแล้ว ไม่เกินสองวันจะมีข่าวแจ้งถึงเธอแน่นอน”
“ถ้างั้นหนูจะรอข่าวจากคุณลุงหลิวนะคะ”
ซูอินเป็ฝ่ายลุกขึ้นก่อนเพื่อจับมือกับหลิวชิ่งกั๋ว มือขาวเรียวเล็กประสานกับมือเหลืองหนาของชายมีอายุที่ชอบสูบบุหรี่ ทั้งสองสบตาและยิ้มให้อีกฝ่ายด้วยความจริงใจ เื่ที่้าเอาเปรียบในครั้งก่อนจางหายไปทันที
เมื่อเจรจากับหลิวชิ่งกั๋วเสร็จ ซูอินจึงออกมาจากชุมชนนั้น
เดินเลี้ยวผ่านโค้งหนึ่งเธอก็ได้ยินเสียงโหวกเหวก ในนั้นยังมีเสียงที่คุ้นเคย เธอหันไปมองก็เห็นเด็กน้อยอายุราวๆ สี่ห้าขวบกำลังยืนล้อมซุนเจี้ยน พูดไปพร้อมกับหัวเราะคิกคัก “ลูกนอกสมรส” “หน้าไม่อาย” ซุนเจี้ยนทั้งผลักทั้งเตะ แต่กลับหยุดเด็กหลายคนไม่ได้ เพราะเช่นนั้นจึงถูกลูกแก้วโยนใส่ตา
เขาเอามือกุมดวงตาพร้อมเงยหน้า จึงเห็นซูอินที่กำลังยืนมองอยู่
แววตาของเขาแสดงความใ เมื่อเห็นชัดว่าเป็ใคร เขากลับเปลี่ยนไปแสดงท่าทีประชดประชัน
“มองอะไร ยายเด็กบ้านนอกถูกตระกูลหลิงเฉดหัวส่ง”
การได้ชื่นชมความอับอายของซุนเจี้ยนทำให้ซูอินยิ้มอย่างมีความสุข “นายดูตัวเองสิ คนบ้านนอกแล้วยังไง คนบ้านนอกไปกินข้าวที่บ้านนายหรือ กินหรือไม่กินฉันไม่รู้หรอกนะ เพราะยังไงข้าวที่นายกินั้แ่เล็กจนโตก็เป็ข้าวที่คนบ้านนอกปลูก ไม่ว่าครอบครัวฉันจะเป็ยังไง แม่ฉันก็ไม่ได้เป็เมียน้อย หลายปีมานี้นายสูบเืสูบเนื้อจากบ้านเมียหลวงอย่างหน้าไม่อาย ว้าย น่าอายชะมัด แม้แต่เด็กยังรู้ว่านายมันหน้าไม่อาย!”
เอ่ยจบเธอไม่สนว่าซุนเจี้ยนจะโกรธหรือไม่ แต่เธอก็เลือกเดินออกไปจากชุมชน
หลังจากที่เธอกลับไป หลิวชิ่งกั๋วก็รีบดำเนินการ เขาใช้ความชำนาญที่ฝึกฝนในบ่อนมาหลายปี เชื้อเชิญลูกค้าในแบบต่างๆ ทำให้ซุนลี่เหมยที่รีบร้อนจะขายบ้านอย่างเร่งด่วนด้วยราคาที่ต่ำ แต่เขาก็ขอลดราคาอีก 20 เปอร์เซ็นต์ จนในที่สุดเธอก็ยอมขายในราคาที่ต่ำกว่าราคากลางของตลาด
หลิวชิ่งกั๋วเป็คนออกหน้าในการซื้อ เขาเซ็นสัญญาด้วยราคาเดิมกับซูอิน
ขับเคลื่อนด้วยผลประโยชน์มหาศาล เขาเป็คนมีประสิทธิภาพ ั้แ่ต้นจนจบใช้เวลาไม่ถึงสองวัน ตามกฎหมายบ้านของซุนลี่เหมยตกเป็ของซูอินเรียบร้อยแล้ว
ซูอินไม่ทำเื่คลุมเครือ นอกจากเงิน 10 เปอร์เซ็นต์จากราคาขายเธอได้เพิ่มเงินและใส่ซองแดงให้หลิวชิ่งกั๋ว
เงินก้อนใหญ่อยู่ในมือ หลิวชิ่งกั๋วยิ้มจนตาหยี เมื่อได้ยินว่าซูอินยัง้าซื้อห้องในชุมชนแห่งนี้อีก เขาจึงเริ่มที่จะหาเงินดำรงชีวิต เพื่อค้นหาห้องที่มีคุณสมบัติที่เหมาะสม
ตอนนี้ทุกอย่างเสร็จสิ้นลงแล้ว สองวันผ่านไปเร็วจนถึงวันงานเลี้ยงฉลองวันเกิด
