“แหะๆ พี่ไม่ได้เป็อะไร”
สำหรับหลินเยว่แล้ว เขาไม่กล้าตำหนิหรือใส่อารมณ์กับิอีหรานสาวน้อยที่ผอมบางและดูบริสุทธิ์คนนี้เลย เพราะเขารู้สึกเอ็นดูและเห็นใจเธอมากกว่า บางทีอาจเป็เพราะเธอมีความบริสุทธิ์มากจนเกินไป ทำให้์ก็คอยช่วยเหลือเธอ แม้กระทั่งหินหยกที่ไม่มีใครสนใจก้อนนี้ยังมีหยกที่สวยไม่เลวก้อนหนึ่งซ่อนอยู่ด้านใน
ณ เวลานี้เอง ท่านเฮ่อฉางเหอเดินลงมาจากชั้นบนของหรงเล่อเซวียน ท่านเห็นพวกหลินเยว่ทั้งสามคนสำรวจหินหยกเสร็จแล้ว จึงถามขึ้น “หลินเยว่ เป็อย่างไรบ้าง?”
“ไม่เลวเลย ไม่เลวจริงๆ ครับ” หลินเยว่ตอบรับอย่างหนักแน่น
“หืม?” คำตอบยืนยันของหลินเยว่ทำให้ท่านเฮ่อฉางเหอรู้สึกสงสัย ในเวลาเดียวกันท่านก็รู้เป็อย่างดีว่าไม่ว่าท่านจะพูดอย่างไรก็คงไม่มีผลต่อหลินเยว่ เพราะเขาคงจะรับซื้อหินหยกก้อนนี้ไว้จริงๆ นิสัยดื้อรั้นอย่างหลินเยว่ถึงจะใช้ม้าหลายตัวมาดึงไว้ก็คงเปลี่ยนแปลงอะไรไม่ได้อยู่ดี นับั้แ่หลินเยว่ผ่าหินหยกที่พบมรกตด้านโดยพลการครั้งนั้น ท่านเฮ่อก็สามารถเข้าใจถึงนิสัยดึงดันนี้อย่างแท้จริง
หลินเยว่หันหน้ามาถามิอีหราน “อีหราน หินหยกก้อนนี้มีมูลค่าสูงมาก หนูจะตามไปดูพี่ตัดหินหยกก้อนนี้ไหม?”
ตอนแรกิอีหรานคิดอยากจะรับคำ แต่แล้วเธอกลับหยุดชะงักอย่างกะทันหัน สีหน้าของเธอดูเคร่งเครียดขึ้นมาทันที “พวกเขาบอกว่า หากตัดมันแล้วมันก็ยิ่งไม่มีค่าอะไรเลยค่ะ”
หลินเยว่นิ่งอึ้งไปชั่วครู่ หลังจากนั้นเขาก็เข้าใจความหมายที่เธอพูดได้ทันที เขาแอบด่าความซื่อบื้อของตัวเองอยู่ในใจ เหตุผลที่ต้องขายหินหยกทั้งก้อนก็เพื่อตัดความเสี่ยงที่จะผ่าหินหยกแล้วไม่พบหยกด้านในน่ะสิ หากตัดหินหยกก้อนนี้แล้วไม่พบอะไรเลย หินหยกก้อนนี้ก็จะไม่เหลือค่าเลยสักนิด แล้วความเสี่ยงนี้ใครจะต้องเป็ผู้รับผิดชอบล่ะ? การกระทำของเขาเมื่อสักครู่สามารถทำให้คนอื่นเข้าใจผิดได้อย่างง่ายดาย เพราะทุกคนคงจะคิดว่าเขา้าผลักความเสี่ยงทั้งหมดวางไว้บนบ่าอันบอบบางของิอีหราน
และก็เป็ไปตามที่หลินเยว่คาดไว้จริงๆ เมื่อเขาพูดออกมาเช่นนี้ สายตาของท่านเฮ่อฉางเหอและเฮ่อหลันเยว่ที่มองมาทางเขาก็เปลี่ยนไปทันที
หลินเยว่ลองประเมินหยกด้านในอยู่ชั่วครู่ หยกมีขนาดประมาณไข่ไก่ ดูเหมือนจะเป็เนื้อข้าวเหนียวน้ำแข็ง สีเขียวสดใสแต่ไม่สม่ำเสมอ มีลักษณะสวยงามมีเสน่ห์ดึงดูด ไม่ว่าจะนำมาทำเป็เครื่องประดับทั้งก้อนหรือจะแบ่งเป็ชิ้นเล็กๆ หลายๆ ชิ้น ราคาของมันย่อมไม่น้อยเลย ราคาโดยรวมน่าจะอยู่ที่ประมาณสามแสนหยวน หากนำไปแปรรูปต่อ น่าจะมีมูลค่าอยู่ที่สี่แสนหยวนทีเดียว หากหลินเยว่ไม่ได้ใช้ตาทิพย์มองทะลุเข้าไปด้านในจนเห็นหยกชิ้นนี้ ไม่แน่ผ่านไปอีกเป็ร้อยปีก็คงยังไม่มีใครค้นพบความงามของมัน อันที่จริงหลินเยว่ไม่้าหากำไรจากิอีหรานเลย แต่ทว่าทุกๆ คนที่อยู่ในที่แห่งนี้ต่างไม่ยอมเชื่อเขา ดังนั้น เขาจึงจำเป็ต้องพูดกับิอีหรานอย่างจนปัญญา
“อีหราน พี่ไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น พี่รับซื้อหินหยกก้อนนี้ด้วยราคา 260,000 หยวนดีไหม?”
“อะไรนะคะ?......”
“อะไรนะคะ?......”
“เท่าไรนะ?!”
น้ำเสียงสดใสของสาวน้อยทั้งสองร้องอุทานออกมา ในเวลาเดียวกันเสียงก้องกังวานผสมกับความโมโหจัดของท่านเฮ่อฉางเหอก็ย้อนถามหลินเยว่ขึ้น
หลินเยว่พูดอย่างมั่นใจพร้อมรอยยิ้ม “260,000”
“หลินเยว่! ตามผมมานี่!”
ท่านเฮ่อฉางเหอพูดกับหลินเยว่ด้วยเสียงหนักพร้อมดึงตัวหลินเยว่ออกไปอีกทางหนึ่ง
“หลินเยว่ คุณบ้าไปแล้วหรือเปล่า? ตอนแรกผมคิดว่าคุณจะช่วยด้วยความหวังดีสัก 10,000 – 20,000 หยวน แต่นี่คุณยอมควักเงินออกมาเยอะขนาดนี้ได้อย่างไร คุณบอกผมไว้ไม่ใช่หรือว่าทั้งเนื้อทั้งตัวคุณมีเพียง 260,000 หยวนเท่านั้น? แล้วทำไมถึงใช้เงิน 260,000 หยวนมาซื้อหินหยกที่โอกาสตัดได้เท่ากับศูนย์แบบนี้ล่ะ คุณบ้าไปแล้วจริงๆ หรือเปล่า?”
เมื่อท่านเฮ่อฉางเหอและหลินเยว่เดินมาถึงตำแหน่งที่เฮ่อหลันเยว่และิอีหรานไม่ได้ยิน ท่านเฮ่อจึงตำหนิหลินเยว่โดยตรงทันที
หลินเยว่ได้แต่ยิ้มน้อยๆ เขาพูดขึ้น “ท่านเฮ่อครับ ขอให้ท่านวางใจนะครับ ผมไม่ได้ทำเื่โง่ๆ จริงๆ... ผมมั่นใจ”
“มั่นใจ คุณมีอะไรให้มั่นใจ? ผมว่าคุณกำลังหาเื่ใส่ตัวมากกว่า ถึงอยากจะช่วยเหลือคนอื่นก็ไม่ควรทำแบบนี้ วันนี้คุณช่วยได้หนึ่งคน พรุ่งนี้ยังมีคนอีกเป็ร้อยรอคุณอยู่ หากคุณอยากจะช่วยเหลือคนอื่นจริงๆ คุณก็ไปโรงพยาบาลเลยสิ ถึงตอนนั้นคุณจะมีเงินเยอะเท่าไรก็ไม่พอใช้หรอก!”
ท่านเฮ่อฉางเหอเห็นท่าทางที่มีแต่ความมั่นใจของหลินเยว่ ท่านจึงโมโหยิ่งกว่าเดิม
ท่านเฮ่อฉางเหอเป็อาจารย์ของเขา หลินเยว่จึงไม่อยากโต้เถียงกับท่าน เขาจึงได้แต่ค่อยๆ พูดอย่างใจเย็น “ท่านก็ยอมให้ผมทำตามใจตัวเองสักครั้งนะครับ ผมมีความมั่นใจจริงๆ ผมมีความมั่นใจอย่างเต็มที่เลยล่ะครับ!”
“มั่นใจอย่างเต็มที่?” เมื่อหลินเยว่พูดรับรองถึงขนาดนี้แล้ว ท่านเฮ่อฉางเหอจึงรู้สึกตกตะลึงมากขึ้น เพราะปกติจะไม่มีใครกล้าพูดว่าตัวเองมีความมั่นใจอย่างเต็มที่เลย
หรือว่าบนหินหยกก้อนนั้นมีจุดที่ตัวเขามองไม่เห็นด้วยหรือ?
ท่านเฮ่อฉางเหอจึงรู้สึกลังเลชั่วครู่ ท่านกลัวว่าหลินเยว่จะใช้อารมณ์ในการตัดสินใจมากเกินไป ท่านจึงคิดจะไปสำรวจหินหยกก้อนนั้นอีกครั้ง แต่ผลปรากฏว่าท่านเพิ่งเดินออกมาเพียงไม่กี่ก้าวกลับได้ยินเสียงร้องไห้ของิอีหราน ส่วนเฮ่อหลันเยว่ก็กำลังกอดและพูดปลอบเธออย่างต่อเนื่อง
“เกิดอะไรขึ้น?”
สถานการณ์เบื้องหน้าทำให้หลินเยว่ใ
เฮ่อหลันเยว่เงยหน้าขึ้นพร้อมพูดด้วยเสียงสะอื้น ดวงตาของเธอแดงเล็กน้อยเช่นกัน “เธอบอกว่าพี่หลินเยว่เป็คนดี เพราะก้อนหินก้อนนี้ไม่ได้มีค่าสูงขนาดนั้น แต่เป็เพราะพี่หลินเยว่คิดอยากช่วยชีวิตของคุณย่าของเธอถึงได้ทำแบบนี้ค่ะ”
หลินเยว่รู้สึกใจกระตุก ความรู้สึกสารพัดอย่างพลันผสมปนเปกันไป เขาไม่รู้ว่าเขากำลังรู้สึกอย่างไรกันแน่
เมื่อท่านเฮ่อฉางเหอได้ยิน สีหน้าของท่านก็ดูสับสนเช่นกัน
“อีหราน ไม่ต้องร้องไห้นะ พี่ไม่ได้โกหกหนูจริงๆ ก้อนหินก้อนนั้นมีมูลค่า 260,000 จริงๆ พี่ให้เงินหนูน้อยไปด้วยซ้ำ เป็เด็กดีนะ อย่าร้องไห้อีกเลย”
คำปลอบใจของหลินเยว่ไม่สามารถทำให้ิอีหรานหยุดร้องไห้ได้เลย แต่กลับทำให้เธอร้องไห้เสียงดังกว่าเดิมเสียอีก
“พี่ชายโกหกหนู มันไม่ได้มีค่าขนาดนั้นหรอก คนอื่นๆ ไม่มีใครแลมองก้อนหินของอีหรานเลย แต่พี่ชายกลับให้ราคาสูงขนาดนี้ พี่ชายเป็คนดีจริงๆ แต่อีหรานไม่อยากทำให้พี่ต้องขาดทุน......”
หลินเยว่รู้สึกอึดอัดลำบากใจ เขาไม่รู้ว่าควรจะทำอย่างไรถึงจะทำให้สาวน้อยที่แสนไร้เดียงสาผู้นี้เชื่อในคำพูดของเขา
ส่วนท่านเฮ่อฉางเหอที่อยู่ข้างๆ ก็กำลังสำรวจหินหยกก้อนนี้ทั้งก้อนอีกครั้ง เมื่อสำรวจเสร็จแล้วท่านก็จ้องหลินเยว่เขม็ง ตอนนี้ท่านก็มีความมั่นใจเช่นกัน ดังนั้นสายตาของท่านจึงตั้งคำถามกับหลินเยว่ว่า “ความมั่นใจอย่างเต็มที่ของคุณมันอยู่ตรงไหน?”
หลินเยว่รู้ดีว่าหากท่านเฮ่อฉางเหอสำรวจหินหยกก้อนนั้นเสร็จแล้ว ท่านต้องไม่เห็นด้วยกับการกระทำของเขามากขึ้นยิ่งกว่าเดิม บนโลกใบนี้ผู้คนต่างพยายามแสวงหาดอกไม้สวยสะดุดตาท่ามกลางความเจริญ แต่ไม่มีใครรู้ว่าในกอหญ้าก็มีดอกไม้แสนสวยอยู่ด้านในได้เช่นกัน เพราะมีคนจำนวนมากไม่ยอมไปค้นหาจากตรงนั้นเท่านั้นเอง
หลินเยว่ไม่ได้สนใจท่านเฮ่อฉางเหอ แต่สายตาเขากลับมองไปยังเฮ่อหลันเยว่ เขาหวังว่าเธอจะสามารถปลอบใจิอีหรานให้สงบลง และทำให้อีหรานเชื่อว่าหินหยกที่อยู่ตรงหน้านี้มีมูลค่าถึง 260,000 หยวนจริงๆ
เฮ่อหลันเยว่ก็ส่งสายตาสอบถามหลินเยว่เช่นกัน ดูเหมือนว่าเธอกำลังถามว่าหินก้อนนั้นมันมีมูลค่ามากขนาดนั้นจริงๆ หรือ
หลินเยว่พยักหน้ายืนยันให้กับเธอ
เฮ่อหลันเยว่มองหลินเยว่ด้วยสายตาครุ่นคิด หลังจากนั้นเธอจึงเริ่มปลอบิอีหรานที่ร้องไห้อยู่อ้อมกอดของเธอ
ท่านเฮ่อฉางเหอขยับตัวเขามา ท่านใช้น้ำเสียงที่ได้ยินกันเพียงสองคนถามขึ้น “คุณคิดจะซื้อหินหยกก้อนนี้จริงๆ หรือ?”
หลินเยว่พยักหน้ายืนยันอีกครั้ง ดวงตาของเขามีความหนักแน่นอย่างประหลาด
ท่านเฮ่อฉางเหอถอนหายใจเงียบๆ ท่านเข้าใจเป็อย่างดีว่าไม่มีทางเปลี่ยนความคิดของหลินเยว่ได้แล้ว ท่านจึงปล่อยให้หลินเยว่ทำตามที่เขา้า อันที่จริง ในใจของท่านก็รู้สึกดีใจอยู่ไม่น้อย เพราะลูกศิษย์ที่เขารับมาไม่จำเป็ต้องฉลาดมากมาย แต่ที่สำคัญคือต้องเป็คนดีมีคุณธรรม ซึ่งจุดนี้หลินเยว่ก็ทำได้ดีมาก และก็ทำให้ท่านรู้สึกพอใจ เพราะท่านคิดว่าท่านเลือกผู้สืบทอดได้ไม่ผิดจริงๆ
ผู้หญิงเวลาปลอบผู้หญิงด้วยกันมักจะมีวิธีที่พิเศษอยู่เสมอ ดังนั้น เพียงไม่นานเฮ่อหลันเยว่ก็สามารถทำให้ิอีหรานสงบลง
ใบหน้างามของิอีหรานดูน่าสงสารราวกับดอกลูกแพร์ที่ชุ่มไปด้วยหยาดฝน ดวงตาคู่โตของเธอมองหลินเยว่พร้อมถามอย่างข้องใจ “พี่ชาย หินก้อนนี้มีราคาสูงขนาดนั้นจริงๆ หรือคะ?”
หลินเยว่ยิ้มพร้อมพยักหน้า ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความมั่นใจ
และเวลานี้เอง ิอีหรานจึงยิ้มออกทั้งๆ ที่ใบหน้าเต็มไปด้วยคราบน้ำตา รอยยิ้มนี้เต็มไปด้วยความดีใจที่ออกมาจากจิตใจลึกๆ ของเธอ เพราะคุณย่าของเธอมีโอกาสรอดแล้ว!