“ไป๋เซี่ยเหอ!”
ทันทีที่ฮั่วเยี่ยนไหวมาถึง ก็เห็นไป๋เซี่ยเหอวิ่งตรงไปที่หน้าผา
“เ้าอย่าได้ทำเื่โง่เง่าเป็อันขาด!”
เมื่อพุ่งเข้าไปใกล้ เขาก็พบว่ามีดบินสายหนึ่งกำลังตรงไปยังร่างที่นอนอยู่บนพื้น
ทว่าไป๋เซี่ยเหอกำลังไล่ตามไปคว้ามีดบิน
“อย่าทำเช่นนั้น มันอันตราย”
ใบหูของไป๋เซี่ยเหอขยับเล็กน้อยเมื่อได้ยินเสียงของฮั่วเยี่ยนไหว ถึงอย่างนั้นนางก็ไม่ได้ชะงักฝีเท้าแม้แต่น้อย
เด็กคือผู้บริสุทธิ์!
นางขบฟันแล้วเพิ่มความเร็วขึ้นอีก
ใกล้แล้ว!
นางแซงหน้ามีดบินแล้ว
นางถือเกาทัณฑ์แขนเสื้อไว้ในมือ จากนั้นก็ออกแรงเหวี่ยงมันไปด้านหลังอย่างแรง
หนึ่งมีดบิน หนึ่งอาวุธ
ทั้งสองอย่างกระทบกันกลางอากาศ นึกไม่ถึงว่าจะก่อให้เกิดประกายไฟขึ้นมา
มีดบินถูกเกาทัณฑ์แขนเสื้อของนางปัดออกไปแล้ว
ทว่าเื้ัของนางคือหน้าผาสูงหมื่นจั้ง
“ไป๋เซี่ยเหอ!”
ฮั่วเยี่ยนไหวชักกระบี่ยาวที่พกติดตัวแทงไปที่คนชุดดำ
เขาพุ่งตัวออกไป ร่างกายแผ่ไอสังหารเช่นเดียวกับตอนที่สังหารกองทหารนับพันนับหมื่นในสนามรบ สายตาราวกับมองเห็นโลหิตหลั่งไหลไปไกลนับพันลี้ อารมณ์แปรเปลี่ยนเป็เย็นะเืทันที
กระบี่ยาวตวัดออกไปอย่างดุดัน
คนชุดดำไม่อาจปัดป้องได้แม้แต่น้อย
วรยุทธ์ของเขารุดหน้าขึ้นอีกขั้นแล้ว
คนชุดดำหลบกระบี่ยาวของฮั่วเยี่ยนไหวไม่ทัน จึงใช้วิธีเบี่ยงตัวหลบแทน กระบี่ยาวจึงแทงทะลุแขน เ็ปเสียจนเผลอแยกเขี้ยวยิงฟัน จากนั้นเขาก็หิ้วตัวคนชุดดำผู้เป็หัวหน้าเอาไว้ก่อนจะหมุนกายหนีไป
คนชุดดำผู้เป็หัวหน้ามองไปทางหน้าผาด้วยแววตาซับซ้อนก่อนจะเบือนหน้าหนี
‘แคว่ก’
เสียงผ้าฉีกขาดดังขึ้นในหูของไป๋เซี่ยเหอ
ทว่าวินาทีต่อมา นางก็ต้องเบิกตากว้างทันที
ห่างออกไปไม่ถึงหนึ่งเมตร บุรุษผู้มีหน้าตาหล่อเหลาไร้ที่ติปรากฏตัวอยู่ตรงหน้านาง
“เหตุใดท่านถึงได้ะโลงมา?”
“ช่วยเ้า”
บรรยากาศเงียบสนิททันที
“ทำเช่นนี้ก็เปลี่ยนแปลงอะไรไม่ได้”
แววตาของฮั่วเยี่ยนไหวมืดครึ้มลงเล็กน้อย “ข้ารู้”
เขาเข้าใจอุปนิสัยของนางที่เป็คนรักแรงเกลียดแรง ทั้งยังเป็คนพูดคำไหนคำนั้นด้วย
วันนั้นเขาทำให้นางผิดหวัง เขาหักหลังความเชื่อใจที่นางมีต่อเขา
“เช่นนั้นเหตุใดท่านถึงะโลงมา?”
“ข้าไม่อยากให้เ้าตาย”
ความเร็วในการร่วงลงมานับว่ารวดเร็วยิ่ง สายลมปะทะเข้ากับใบหน้าจนรู้สึกเจ็บเล็กน้อย ในหูเต็มไปด้วยเสียงหวีดหวิวของสายลม ทำให้นางไม่ได้ยินสิ่งที่เขาพูด
“ท่านว่าอะไรนะ?”
ไป๋เซี่ยเหอเห็นเพียงว่าเขาขยับริมฝีปากเล็กน้อย ทว่าฟังไม่ชัดว่าเขาพูดอะไร
“ไม่มีอะไร ยื่นมือมาให้ข้า”
ไป๋เซี่ยเหอเม้มปากแล้วยื่นมือออกไป ฝ่ามืออันเย็นเยียบของเขากอบกุมมือของนางเอาไว้
นางยื่นเกาทัณฑ์แขนเสื้อให้ฮั่วเยี่ยนไหว เขาเข้าใจเจตนาของนางทันที เขารับเกาทัณฑ์แขนเสื้อไปแล้วแทงมันลงบนหน้าผา เพื่อชะลอความเร็วที่ทั้งสองคนตกลงไป
เกาทัณฑ์แขนเสื้อครูดกับหน้าผาอย่างรวดเร็วจนทิ้งประกายไฟสายหนึ่งเอาไว้
ไม่รู้ว่าทั้งคู่ร่วงลงมานานเพียงใดแล้ว จู่ๆ หูก็พลันได้ยินเสียงน้ำไหล
“รอดแล้ว!”
ประกายความดีใจในแววตาของนางแทบจะทำให้ดวงตาของฮั่วเยี่ยนไหวพร่ามัว
“ยังเร็วเกินไปที่จะพูดเช่นนี้”
มุมปากของไป๋เซี่ยเหอสั่นไหว นางมองตามสายตาของฮั่วเยี่ยนไหวไป
ที่แท้หัวธนูอันแหลมคมของเกาทัณฑ์แขนเสื้อได้เสียดสีกับหน้าผาจนทู่ หากยังไม่ถึงเบื้องล่างอีก มันก็จะเสียดสีจนถึงด้าม
หัวใจของไป๋เซี่ยเหอค่อยๆ จมดิ่งลง
เกาทัณฑ์แขนเสื้อถูกเสียดสีจนเรียบมน ใช้ประโยชน์อันใดไม่ได้แล้ว
ฮั่วเยี่ยนไหวโยนเกาทัณฑ์แขนเสื้อในมือทิ้งไป จากนั้นก็กระชับร่างของไป๋เซี่ยเหอเข้ามาในอ้อมแขนด้วยท่อนแขนอันแข็งแกร่ง
“ท่านจะาเ็เอาได้”
ไป๋เซี่ยเหอดิ้นรนสองสามรอบก็ไม่อาจหลุดพ้น
ในด้านพละกำลัง เดิมทีสตรีก็บอบบางอยู่แล้ว นี่คือข้อเท็จจริงทางสรีระที่ไม่อาจเปลี่ยนแปลงได้
“ไม่เป็ไร”
‘ปั้ก!’
ร่างกายกระแทกกับพื้นจนเกิดเสียงดัง
ไป๋เซี่ยเหอได้ยินเพียงเสียงฮึดฮัดของฮั่วเยี่ยนไหวก่อนที่นางจะสลบไป ก่อนสลบนางรู้สึกปวดแสบปวดร้อนที่แผ่นหลัง ส่วนชุดกระโปรงก็เปียกโชก
เป็เพราะาแบริเวณหลังปริแตก
แสงสายัณห์ราวกับโลหิต
ความมืดค่อยๆ กลืนกินแสงสุดท้าย กลิ่นคาวเืไม่ได้ลดลงเลย เมื่อความมืดปกคลุมก็ยิ่งดูเหมือนนรกบนดินอย่างไรอย่างนั้น
เงียบสงัดไร้ซึ่งสรรพเสียง
“ฮั่วเยี่ยนไหว...” เมื่อไป๋เซี่ยเหอฟื้นขึ้น นางรู้สึกว่าลำคอของตนเองแห้งผาก เสียงที่เปล่งออกมาจึงฟังดูแหบแห้งระคายหู
ไป๋เซี่ยเหอพยายามใช้มือคลำในความมืดเพื่อตรวจสอบตำแหน่งของตนเอง นึกไม่ถึงว่าจะนางจะอยู่ในถ้ำแห่งหนึ่ง ข้างๆ นางมีกองไฟที่เปล่งแสงริบหรี่ เห็นได้ชัดว่าฟืนเพิ่งถูกดับไปได้ไม่นาน
เืที่แผ่นหลังหยุดไหลแล้ว นั่นหมายความว่ามีคนพันแผลให้นาง
นางรู้ทันทีว่าเป็ผู้ใด
ไป๋เซี่ยเหอรู้สึกสับสน แม้ว่านางจะไม่ใช่สตรีในยุคนี้ที่มีความเป็อนุรักษ์นิยม ทว่านางที่ไม่เคยแม้แต่จะชอบพอผู้ใด กลับถูกบุรุษผู้หนึ่งเอาใจใส่ จึงเกิดความรู้สึกปรับตัวไม่ทันขึ้นมา
นอกจากนี้ บุรุษผู้นั้นยังเป็คู่หมั้นของนางอีก
ไป๋เซี่ยเหอลุกขึ้นยืนก่อนจะออกตามหาฮั่วเยี่ยนไหว
นางเดินไปได้ไม่ไกลก็พบเงาร่างสีดำสายหนึ่งอยู่บริเวณริมลำธารสายเล็กๆ
“ฮั่วเยี่ยนไหว!”
ไป๋เซี่ยเหอเดินเข้าไปใกล้ เห็นเพียงว่าริมฝีปากของฮั่วเยี่ยนไหวหมองคล้ำ ใบหน้าของเขาเป็สีเขียวอย่างน่าประหลาด
เห็นได้ชัดว่าเป็อาการของผู้ที่ถูกพิษ
ทว่าตอนนั้นเขาไม่ได้เป็อะไรไม่ใช่หรือ? เหตุใดถึงได้ถูกพิษหลังตกลงมาที่ก้นหน้าผาเล่า?
นางคิดไม่ออก และไม่มีเวลาให้คิดแล้ว
ไป๋เซี่ยเหอหยิบยาลูกกลอนสีดำเม็ดหนึ่งออกมาจากกระเป๋าข้างเอว
มันคือยาลูกกลอนที่ทำจากเืจิ้งจอก เพื่อหลบเลี่ยงสายตาของผู้คนเวลา้าถอนพิษในสถานการณ์คับขัน
ถึงอย่างไรนางก็ไม่สามารถเสียเืเพื่อช่วยเหลือผู้คนได้ตลอด นอกจากนี้ เืของนางก็ไม่ใช่ว่าจะมีไม่จำกัด
ครึ่งชั่วยามผ่านไป
ชายหนุ่มที่นอนอยู่บนพื้นยังคงดูราวกับไร้พลังชีวิต ใบหน้าและริมฝีปากหมองคล้ำ ไม่จางลงแม้แต่น้อย
นอกจากนี้ เส้นเืดำที่ขมับทั้งสองข้างของฮั่วเยี่ยนไหวยังบวมปูดออกมา บริเวณหน้าผากมีเม็ดเหงื่อขนาดเท่าถั่วเขียวผุดขึ้นอย่างเนืองแน่น
เขากำหมัดทั้งสองข้างแน่นราวกับกำลังอดทนต่อความเ็ปอันรุนแรงอยู่
เขาเปล่งเสียงฮึดฮัดออกมาจากลำคอ ตัวของเขาสั่นด้วยความเ็ปเป็ครั้งคราว
“ฮั่วเยี่ยนไหว ท่านเป็อะไรไป?”
ราวกับว่าฮั่วเยี่ยนไหวไม่ได้ยินเสียงใด
ร่างกายสูงโปร่งของเขาขดตัว เหงื่อกาฬทำให้อาภรณ์ของเขาเปียกโชก
ความเ็ปราวกับจะยังไม่ลดลง
“อา...”
น้ำเสียงเย็นเยียบแปรเปลี่ยนเป็แหบพร่า ท่าทีของเขาดูราวกับกำลังหงุดหงิด เดือดดาล และเ็ป
นี่มันเื่อะไรกัน?
ใช่แล้ว ชีพจร...
ไป๋เซี่ยเหอคว้ามือของเขามาจับชีพจร
น่าแปลก
เห็นได้ชัดว่าชีพจรไม่มีปัญหาใดๆ
ทว่าใบหน้าและริมฝีปากของเขากลับยังคงหมองคล้ำ
จู่ๆ เงาร่างของใครบางคนก็ซ้อนทับกับร่างของฮั่วเยี่ยนไหวในตอนนี้
หรือว่า...
รูม่านตาของไป๋เซี่ยเหอขยายออกทันที ดวงตาสีดำขลับเป็ประกาย
นางกำเกาทัณฑ์แขนเสื้อเอาไว้ในมือก่อนจะกรีดลงไปที่ข้อมืออย่างรวดเร็ว โลหิตสดๆ ถูกกรอกเข้าไปในปากของฮั่วเยี่ยนไหว
ผ่านไปครึ่งถ้วยชา
สภาพของฮั่วเยี่ยนไหวยังคงไม่มีความเปลี่ยนแปลงใดๆ
ไป๋เซี่ยเหอแทบจะแน่ใจในการคาดเดาของตนเองแล้ว
ทว่าตอนนี้นางจำต้องออกห่างจากเขาหน่อย
นางเสียเืไปไม่น้อย น่าจะกลายร่างเป็จิ้งจอกในไม่ช้า นางต้องหาข้ออ้างดีๆ สักข้อ...
หนังตาของนางปิดลงอย่างรวดเร็วโดยไม่อาจควบคุมได้
ร่างของไป๋เซี่ยเหออยู่ไม่ไกลจากร่างของฮั่วเยี่ยนไหว
รุ่งเช้า แสงริบหรี่ของดวงอาทิตย์แยงตา ฮั่วเยี่ยนไหวจึงยกมือขึ้นบัง
หืม?
ฮั่วเยี่ยนไหวพลิกตัว พลางยกมือขึ้นเพื่อสำรวจสภาพร่างกายของตนเอง
เห็นอยู่ชัดๆ ว่าในเวลานี้ของทุกปี เขาจะต้องเ็ปเจียนตายเป็เวลาสามวัน
เหตุใดครั้งนี้ถึง...
ใช่แล้ว ไป๋เซี่ยเหอ!
“ไป๋เซี่ยเหอ!”
ลำคอของเขาแห้งผากเนื่องจากขาดน้ำ
เมื่อไม่ได้ยินเสียงขานรับ ฮั่วเยี่ยนไหวก็ลุกขึ้นยืนแล้วออกตามหาทันที
ยังเดินไปได้ไม่ไกลนักก็เห็นร่างของไป๋เซี่ยเหอ
นางล้มคว่ำอยู่บนพื้น สีหน้าของนางซีดเซียว
------------------------
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้