อวิ๋นซีมองสาวใช้ที่ทำตัวยโสโอหังตรงหน้านาง ก่อนจะสะบัดมือของอีกฝ่ายออกทันที “โอ้โยโหยว บุตรสาวของท่านนายอำเภอ หญิงตัวเล็กๆ อย่างข้ากลัวเหลือเกิน หากข้าไม่ระวังเข้า แล้วทำให้เศษกระเบื้องที่แตกแทงเข้าไปมือนางลึกมากกว่าเดิมขึ้นมา หากข้าทำให้นางต้องตัดมือทิ้งขึ้นมา คุณหนูของเ้าก็จะพิการอีก ถึงตอนนั้น คนใหญ่คนโตอย่างพวกเ้าจะมาขอให้ข้าชดใช้ถึงชีวิต แบบนั้นก็ไม่เป็ธรรมกับข้าน่ะสิ? ดังนั้น ข้าถึงไม่กล้าช่วยคุณหนูของเ้ารักษาาแอย่างไรเล่า เ้าไปตามหาปัญญาชนท่านอื่นเอาเถิด”
เตี๋ยชุ่ยที่อยู่ข้างๆ เห็นดังนั้นก็รีบก้าวขึ้นมาข้างหน้าและเอ่ยว่า “ข้าเห็นด้วย คุณหนูของพวกเ้ามีค่ามากขนาดนี้ หากได้รับาเ็ขึ้นมา ถึงตอนนั้นพวกข้าก็ยากที่จะบอกได้เช่นกันว่าเ้าจะมาใส่ร้ายคุณหนูของข้าหรือเปล่า”
อวิ๋นซีเห็นด้วยอย่างมากกับคำพูดของสาวใช้ตัวน้อยของตนเอง นางพยักหน้า “คนใหญ่คนโตจะชี้นกให้เป็ไม้ก็ย่อมได้ พวกข้าคนตัวเล็กตัวน้อยจะเอาแรงที่ไหนไปสู้พวกเ้าไหว คบค้าสมาคมกับพวกเ้า แต่ละนาทีที่เสียไปก็ไม่คุ้มที่จะเอาชีวิตไปแลกหรอก”
ต้องพูดเลยว่า เตี๋ยชุ่ยผู้นี้เป็สาวใช้ที่ฉลาดเฉลียวเสียจริงๆ รู้ว่าเวลาไหนควรจะพูดอะไร หากคนเช่นนี้มีใจภักดี และฝึกฝนบ่มเพาะให้ดีๆ อีกสักหน่อย ในอนาคตก็จะกลายเป็มือเท้าให้นางได้อย่างแน่นอน
นาง้าที่จะแก้แค้น จึงเป็ไปไม่ได้ที่จะพึ่งพาตัวเองเพียงลำพัง ทำได้แต่เพียงบ่มเพาะอำนาจของตนเองให้มากยิ่งขึ้น ที่นี่คือทางตะวันตกเฉียงเหนือของหานโจว พูดได้ว่าอยู่ห่างไกลลับหูลับตาฮ่องเต้อยู่มาก เท่ากับว่าหากนางจะลงมือทำอะไรสักอย่างจริงๆ ก็จะไม่ถูกพบโดยง่ายขนาดนั้น
แน่นอนว่าที่แห่งนี้ก็ยังคงมีฮ่องเต้ประจำท้องที่อยู่ นั่นก็คือท่านหานอ๋องซึ่งเป็ทายาทองค์แรกของฮ่องเต้ แต่กระนั้นท่านหานอ๋องที่กล่าวขานกันนั้นนอกจากจะดื่มกินฟุ้งเฟ้อแล้ว ก็เป็เพียงแค่เศษขยะชิ้นหนึ่งที่มีดีแค่ใบหน้างดงามกลวงๆ เพียงเท่านั้น
หลังจากที่เ้าของร้านได้ฟัง ก็อดไม่ได้ที่จะยกนิ้วโป้งมาให้ทางอวิ๋นซี แต่เพียงเท่านั้น ท่าทางอวดดีเ่าั้ก็กลับมาสงบเสงี่ยมโดยไว และแสดงออกมาแต่สีหน้าหวาดกลัว ตื่นตระหนก ลุกลี้ลุกลนทำอันใดไม่ถูกแทน “แม่นางน้อย แล้วนี่จะทำอย่างไรดีเล่า ข้าว่าทางที่ดีเ้ารีบไปตามหมอมาให้เร็วที่สุดเถิด ข้าว่าแม่นางอวิ๋นผู้นี้ก็ไม่ได้น่าเชื่อถือขนาดนั้น หากไม่ระวังแล้วทำให้คุณหนูของเ้าตายขึ้นมา ก็จะกลายเป็บาปกรรมอันหนักหนาจริงๆ”
อวิ๋นซีเมื่อได้ยินคำพูดนั้น ก็รู้สึกว่าคำด่าพ่อล่อแม่นับไม่ถ้วนกำลังวิ่งพล่านอยู่ในใจของนาง เถ้าแก่ ท่านนี่ช่างไม่น่าเชื่อถือเอาเสียเลยนะ มีใครหน้าไหนช่วยเหลือผู้อื่นแบบท่านกันบ้าง? เห็นได้ชัดว่าใช้โอกาสนี้เหยียบนางเพื่อเอาคืน ดีเสียจริง ดูท่าคนผู้นี้จะแค้นใจตัวนางมาั้แ่ตอนที่นางนึกถูกใจเ้าม้านำโชคนั่นแล้ว จึงทำให้เกิดเหตุการณ์อลหม่านเยี่ยงนี้ขึ้นตามหลังมา
“ไม่หรอก เห็นๆ กันอยู่ว่าเ้าเป็บุตรสาวของหมอ ถ้าเ้าไม่ช่วยรักษาาแที่มือให้คุณหนูของข้า ข้าจะให้ท่านชายจากตระกูลข้าบั่นคอเ้าทิ้ง”
อวิ๋นซีเมื่อได้ยินเช่นนั้นก็ทำทีตัวสั่นงันงกด้วยความกลัว “ข้าโดนเ้าทำให้ใกลัวจนจู่ๆ ก็ลืมวิชาแพทย์ที่ท่านพ่อของข้าสอนไปเสียแล้ว” เป็ถึงท่านนายอำเภอแล้วอย่างไรเล่า ในหานโจวไม่ใช่ว่าเขาเป็สกุลลู่แล้วจะมีอำนาจคับฟ้าเสียหน่อย
“ได้ เ้าจะเอาแบบนี้สินะ” สาวใช้ตัวน้อยเมื่อมองเห็นชายวัยกลางคนนอกร้านก็รีบรุดวิ่งปรี่ไปหา นางคุกเข่าลงกับพื้นในทีเดียว “ท่านชาย รีบช่วยคุณหนูทีเถิดเ้าค่ะ ล้วนเป็คนพวกนี้ที่จะให้ร้ายคุณหนูจนตายเ้าคะ"
ผู้ที่มาใหม่มีใบหน้าเหลี่ยม ั์ตาดุจจิ้งจอก มองแล้วก็รู้ได้ในทันทีว่าเป็คนเ้าเล่ห์เพทุบายผู้หนึ่ง นอกจากนี้ รูปลักษณ์ของอีกฝ่ายไม่เหมือนกับบิดาของลู่หลิงฉิงเลยแม้แต่นิดเดียว บิดาของลู่หลิงฉิงนั้นมีรูปลักษณ์สง่า แต่ผู้ที่อยู่ตรงหน้านางนั้นดูกักขฬะเกินไป ออกจะเหมือนขุนศึกด้วยซ้ำไป
อวิ๋นซีคิดในใจว่า หากบิดาของลู่หลิงฉิงดูคล้ายคลึงกับผู้ที่อยู่ตรงหน้านาง นางคงไม่ถูกหลอกอย่างร้ายกาจเยี่ยงนั้นในปีนั้น เพราะผู้ที่อยู่ตรงหน้านางตอนนี้ มองแวบแรกก็รู้แล้วว่าไม่ชอบมาพากล
ลู่เหวินเจินเมื่อได้ฟังคำตอบของสาวใช้ สีหน้าที่เดิมก็ขึงขังจนคนหวาดกลัวอยู่แล้วของเขายิ่งไม่น่ามองขึ้นไปอีก เขารีบกอดบุตรสาวตนเองไว้ในอ้อมแขนอย่างรวดเร็ว ดวงตาดุร้ายทั้งสองกวาดสายตามองไปรอบทิศ “นำคนเหล่านี้กลับไปกับข้าทั้งหมด บังอาจคิดร้ายกับบุตรสาวของข้า ข้าจะฆ่าพวกเ้าแล้วแยกร่างศพทิ้งให้หมด”
เมื่อเ้าหน้าที่ทางการกำลังเตรียมจะลงมือจับกุมผู้คน ก็พลันมีเสียงยานคางลอยมาจากนอกร้าน “โอ้ ท่านลู่ช่างเป็ข้าราชการที่มีอำนาจมากเสียจริง จะฆ่าแยกร่างศพผู้คนจำนวนมากขนาดนี้เชียวหรือ? คิดว่าบุตรสาวของเ้าเป็หยกเลี่ยมทองจริงๆ หรือไง? ไม่ใช่ว่านางเป็แค่หญิงตระกูลข้าราชการคนหนึ่งที่ไม่รู้จักดีชั่วหรอกหรือ หากนางจะตายก็ให้ตายไปเถิด”
ฝูงชนอดไม่ได้ที่จะมองไปยังด้านนอก เห็นเพียงแค่ชายคนหนึ่งยืนอยู่นอกร้าน ทั้งตัวสวมชุดผ้าต่วนด้ายทองสีแดง ใบหน้าราวกับปีศาจที่ไม่มีใครเทียม หากเมินอาภรณ์สีแดงอันฉูดฉาดฉาวโฉ่ทั้งตัวนั่นไป และมองแค่ใบหน้านี้ ก็จะพบว่าหากมองมากกว่านี้อีกสักนิดก็จะเป็การดูิ่ท่านผู้นี้แล้ว
เื้ัชายชุดแดงตามมาด้วยทหารองครักษ์ในชุดสีดำหลายคน ผู้ที่แต่งกายฉูดฉาดเพื่อโอ้อวดพร่ำเพรื่อเช่นนี้มีอยู่เพียงผู้เดียว นั่นก็คือท่านหานอ๋อง ผู้ที่มาอยู่แถบตะวันตกเฉียงเหนือได้หนึ่งวันก็จะรู้ว่าท่านหานอ๋องผู้นี้โปรดปรานอาภรณ์สีแดงยิ่งนัก นอกจากนั้น ในเขตปกครองของเขา ยกเว้นว่าวันนั้นๆ จะแต่งงาน นอกเหนือจากนี้หากมีผู้ใดกล้าสวมใส่อาภรณ์สีแดงใน่เวลาอื่น ก็จะถูกเขาฉีกอาภรณ์ทิ้งในทันที
หากสับเปลี่ยนมาพูดในมุมมองเขาก็คือ ผู้คนเ่าั้ไม่หล่อเหลาเอาการ หรืองามสง่าผ่าเผยเท่าท่านหานอ๋องนั่นเอง เพราะฉะนั้นการมาสวมอาภรณ์สีแดงก็ถือเป็การทำให้สีแดงที่สวยหรูและสวยสดงดงามขนาดนี้มัวหมองลง ดังนั้นคนทางแถบตะวันตกเฉียงเหนือจึงมีโอกาสได้สวมอาภรณ์สีแดงเพียงครั้งเดียวในชีวิตเท่านั้น นั่นก็คือวันแต่งงาน
แต่ถึงจะเป็เช่นนี้ ท่านหานอ๋องก็รู้สึกว่าตัวเองช่างเป็ผู้ที่มีอัธยาศัยดียิ่ง ใจดีมีเมตตาเป็อย่างยิ่ง ท้ายที่สุดแล้ว เขาไม่บังคับให้ผู้คนสวมอาภรณ์สีเขียวสวมหมวกสีเขียว[1]ยามแต่งงานก็ถือเป็เื่ที่ดีมากแล้ว
ลู่เหวินเจินไม่เคยคาดคิดมาก่อนเลยว่าคนผู้นี้จะมาปรากฏตัวที่นี่ตอนนี้ ซึ่งน่าเสียดายจริงๆ ตราบใดที่คนผู้นี้ไม่ปรากฏตัวออกมา ในหานโจวก็จะไม่มีผู้ใดกล้าปฏิเสธเขาอีก แต่ต่อหน้าคนผู้นี้ เขาผู้มีตำแหน่งเป็นายอำเภอหานโจวอย่างเดียวก็เห็นทีจะไม่พอแล้ว
“ท่านหานอ๋อง พระองค์มาได้ประจวบเหมาะพอดีเลยพ่ะย่ะค่ะ พวกคนสร้างปัญหาเหล่านี้ทำให้บุตรสาวข้าน้อยเจ็บ ข้าน้อยขอให้พระองค์อนุญาตให้ข้าน้อยตัดสินเองเถิดพ่ะย่ะค่ะ ข้าน้อยอยู่มาอายุปูนนี้ก็มีบุตรสาวเพียงคนเดียว คนเหล่านี้้าสร้างความลำบากให้ข้าน้อย อยากให้ข้าน้อยไร้ทายาทสืบต่อพ่ะย่ะค่ะ” ลู่เหวินเจินกล่าวหาผู้คนที่นี่ไม่หยุด ในสายตาของเขา คนเหล่านี้ล้วนสมควรตาย
เขาอายุ 40 ปี มีลู่อวี้ฉิงเป็บุตรสาวหัวแก้วหัวแหวนเพียงคนเดียว ในยามปกติก็พยายามที่จะปกป้องนางสุดความสามารถ กระทั่งพูดเสียงดังก็ยังกังวลว่าจะทำให้นางใกลัว
“จิ๊ๆ” หานอ๋องเหลือบมองลู่อวี้ฉิงที่อยู่ในอ้อมกอดของลู่เหวินเจินอย่างรังเกียจ “นายอำเภอลู่ หากเ้าไม่บอกข้าว่านี่คือบุตรสาวของเ้า ข้าก็จะคิดว่านี่คือหนึ่งในอนุภรรยาของเ้าด้วยซ้ำ เ้าเองก็ด้วย หน้าตาอัปลักษณ์เสียจริง ยังโชคดีที่เ้ามองว่านางเป็บุตรสาวหัวแก้วหัวแหวน หากบุตรสาวของข้าอัปลักษณ์เช่นนี้ ข้าคงเตะนางออกนอกเรือนไปนานแล้ว เสียสายตาจริงๆ”
แม้ว่าอวิ๋นซีจะเป็ผู้ที่มีชีวิตอยู่มาแล้วสามชาติภพ มุมปากนางก็อดไม่ได้ที่จะกระตุกอยู่หลายครั้ง ว่ากันปากต่อปากว่าคนผู้นี้เอาแต่กินๆ นอนๆ ไม่ทำงานทำการ แถมยังโปรดการเล่นพนัน แต่ไม่เคยรู้มาก่อนว่าคนผู้นี้เป็คนปากร้ายได้ขนาดนี้ด้วย
ในอนาคต คนที่ได้แต่งกับเขาย่อมโชคร้ายเป็อย่างมาก
“ในเมื่อท่านหานอ๋องไม่มีเจตนาที่จะตัดสินใจแทนข้าน้อย ถ้าอย่างนั้นได้โปรดอนุญาตให้ข้าน้อยนำคนเหล่านี้กลับไปสอบสวนให้ดีว่า เหตุใดจึงคิดร้ายต่อบุตรสาวของข้าน้อยด้วยเถิดพ่ะย่ะค่ะ” ลู่เหวินเจินรู้ั้แ่แรกแล้วว่าหากคนผู้นี้มาก็ย่อมต้องมาก่อกวน บัดนี้เขาเป็กังวลเื่อาการาเ็ของบุตรสาวอย่างมาก จึงไม่คิดจะเสียเวลาอยู่ที่นี่อีกต่อไป
หานอ๋องกระตุกยิ้มมุมปากขึ้น “ข้าว่าเ้านี่มันโง่เกินเยียวยาจริงๆ มิใช่ว่าบุตรสาวของอวิ๋นซานอยู่ที่นี่หรอกหรือ? ให้นางช่วยรักษาาแของบุตรสาวเ้าก็สิ้นเื่แล้ว ข้าขอถามหน่อยว่าในนครหานโจวนี้มีหมอที่ไหนจะเชี่ยวชาญหลักแหลมในวิชาแพทย์ไปมากกว่าพ่อลูกสกุลอวิ๋นอีกหรือ? บุตรสาวของเ้าสภาพเป็เช่นนั้น หากเ้าพากลับเรือน ระหว่างทางก็จะเสียเืมากเกินไปจนตายแน่นอน”
*********************************
[1] การสวมหมวกสีเขียว เป็ความนัยในภาษาจีนที่แปลว่าการมีชู้หรือสวมเขา ในที่นี้หานอ๋อง้าจะสื่อว่าดีแค่ไหนแล้วที่ตนเองไม่บังคับให้ใส่อาภรณ์สีเขียวในวันแต่งงานด้วยไม่อย่างนั้นก็จะเป็การสื่อความนัยที่ไม่ดีได้