ในหุบเขาลึก ชายร่างโปร่งใสกำลังสอนศาสตร์หลอมรวมให้กับหนิงเทียน
“ดิน ไฟ น้ำ และลมมีด้วยกันสิบประการ มีสี่จุดสามด้านเหมือนหอเฝ้าระวังที่กระจายอยู่ทั่วพื้นที่อย่างมั่นคงและแข็งแกร่ง”
ชายผู้นี้สาธิตตัวอย่างให้หนิงเทียน พร้อมสร้างลำธาร เปลวไฟ เนินเขา และเสาลมออกมารอบกายหนิงเทียนให้เป็จัตุรมุข[1]เหมือนพีระมิด ซึ่งมองเห็นได้ชัดเจนเพียงชำเลืองมอง
“เช่นเดียวกันกับการหลอมรวมของต้นไม้ ดอกไม้ ต้นหญ้า และเถาวัลย์ มันมีความหลากหลายและเปลี่ยนแปลงได้ จุดสำคัญคือการมองผ่านต้นกำเนิด ตอนแรกสุ่ยหลิงใช้ยันต์เต๋าอนันต์เสริมสร้างรากฐานให้เ้า ต่อมาเ้าใช้เลขเก้าหลักในการสรุปและคิดว่ารากฐานสมบูรณ์แล้ว ทว่ามันไม่เป็เช่นนั้น”
หนิงเทียนโต้กลับ “จะไม่สมบูรณ์ได้อย่างไร?”
“แล้วรอบๆ ตัวเ้ามีเสาลมกี่ต้น?”
หนิงเทียนมองเห็นเสาลมสิบสองต้น โดยแต่ละต้นมีเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณสามจั้ง
“ตอนนี้เ้าดูอีกครั้ง”
ครานี้ก็ยังคงมีเสาลมอยู่สิบสองต้นดังเดิม แต่เส้นผ่านศูนย์กลางของแต่ละต้นเพิ่มขึ้นจากสามจั้งเป็หนึ่งร้อยจั้ง และความเร็วในการหมุนของกระแสลมภายในก็เพิ่มขึ้นกว่าร้อยเท่า
“จากมุมมองการคำนวณจะเห็นว่าจำนวนเสาลมยังเท่าเดิม แต่ในความเป็จริงเล่า? เช่นเดียวกับเ้าที่รู้สึกว่ารากฐานของตนสมบูรณ์แล้ว แต่มันสมบูรณ์แล้วจริงหรือ?”
หนิงเทียนพูดอย่างไม่พอใจ “ตามที่ท่านว่ามาการเรียนรู้ก็ไม่มีที่สิ้นสุด เช่นนี้จะมี่สมบูรณ์ได้อย่างไร?”
“่สมบูรณ์หมายถึงขีดจำกัดที่ร่างกายสามารถทนได้ ยิ่งร่างของเ้าแข็งแกร่งขึ้นเท่าใด พลังที่มันสามารถแบกรับก็จะมากขึ้นเท่านั้น มันจะพัฒนาต่อไปจนขอบเขตของเ้าดีขึ้น การเปลี่ยนแปลงและการเรียนรู้จะไม่คงที่ และจำเป็ต้องเสริมสร้างรากฐานอย่างต่อเนื่อง ไม่แน่ว่ารากฐานของเ้าอาจจะสมบูรณ์อยู่แล้ว แต่ตอนนี้ในความคิดของข้า มันยังห่างไกลจากคำว่าสมบูรณ์อยู่มาก”
คำพูดเหล่านี้ทำให้หนิงเทียนพูดไม่ออก เมื่อคิดอย่างรอบคอบแล้วก็เป็เช่นนั้นจริงๆ
“หากเ้า้ามีรากฐานที่สมบูรณ์แบบ การพึ่งยันต์เต๋าอนันต์ของวิญาณธารานั้นยังไม่เพียงพอ ดินและไฟของเ้านั้นพิเศษและเก็บซ่อนความลับอื่นไว้ ส่วนลมจะอ่อนแอที่สุด การยอมมอบโชคให้เ้านั้นเพราะเห็นแก่ไท่เสวียน ทว่าเ้าจะทำให้ข้าพอใจได้หรือไม่นั้นก็ขึ้นอยู่กับความพยายามของเ้าเอง” ชายร่างโปร่งใสขยับมือขวา ทันใดนั้นแสงก็ปรากฏขึ้นบนปลายนิ้ว และพลังที่น่าสะพรึงกลัวก็หลั่งไหลเข้าสู่เสาลมโปร่งแสงข้างกายหนิงเทียน พร้อมก่อให้เกิดพายุในชั่วพริบตา
เสาลมที่แต่เดิมหมุนอย่างเชื่องช้ากลับกลายเป็บ้าคลั่ง กระแสวังวนภายในปรากฏขึ้นอย่างชัดเจนราวกับสัญลักษณ์แห่งหุบเหวที่ปลดปล่อยพลังอันยากจะอธิบายออกมา
หนิงเทียนโพล่งออกมา “นี่คือ?”
“วาโยพิโรธ! สามารถใช้ยันต์เต๋าอนันต์ควบคู่กับทักษะโหมวาโยคุมเทวัญของเ้าได้ ไม่ว่าจะเป็การเสริมรากฐานให้แข็งแกร่งหรือการโจมตีและการป้องกันล้วนมีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้นสิบเท่า ยันต์เต๋าอนันต์ของเ้าค่อนข้างเชื่องช้าและนุ่มนวล ส่วนวาโยพิโรธเป็วิธีที่รุนแรงและมีพลังทำลายล้างไร้เทียมทาน มันสามารถกวาดล้างรากฐานได้โดยง่าย ดังนั้นเ้าต้องระมัดระวังให้มาก”
“แข็งแกร่งเพียงนั้นเลยหรือ?” หนิงเทียนทั้งใและประหลาดใจ เขาเปี่ยมด้วยความคาดหวังและพร้อมเริ่มลองใช้แนวทางใหม่นี้ทันที
ชายผู้นี้ให้คำแนะนำอย่างละเอียดและสร้างรากฐานที่แข็งแกร่งที่สุดให้หนิงเทียนด้วยวิสัยทัศน์แห่งเทพเซียน ซึ่งสิ่งนี้เป็ประโยชน์ต่อเขาอย่างมาก
หนึ่งวันต่อมา โหมวาโยคุมเทวัญของหนิงเทียนได้เข้าสู่ระดับห้า ซึ่งเป็ขีดจำกัดที่ขอบเขตจิตหยั่งลึกสามารถเข้าถึงได้แล้ว
หนิงเทียนเริ่มหลอมรวมดอกไม้ ต้นไม้ ต้นหญ้า เถาวัลย์ ดิน ไฟ น้ำ และลม กระบวนการนี้ไม่ราบรื่นมากนักด้วยมีแก่นแท้ของเส้นทางเต๋าพฤกษาและเส้นทางแห่งจิติญญารวมอยู่ด้วย
ชายคนนั้นคือิญญาวาโย สิ่งที่เขาฝึกฝนย่อมเป็วิถีแห่งเต๋าธรรมชาติ ซึ่งอยู่ในประเภทของเส้นทางแห่งจิติญญา
หนิงเทียนใช้ยุทธศาสตร์ครอง์เป็หลักแล้วเสริมด้วยเส้นทางแห่งจิติญญา ภายในกระบวนการผสานเชื่อมโยงองค์ความรู้ย่อมเป็สิ่งที่อันตรายและไม่อาจคาดการณ์ได้
เป็เวลาสามวันติดต่อกันที่หนิงเทียนมุ่งความสนใจไปที่การหลอมรวม โดยในวันที่สี่ชายคนนั้นก็กล่าวขึ้นว่า “เปิดใช้ยันต์เต๋าอนันต์และวาโยพิโรธเพื่อเสริมความแข็งแกร่งให้การหลอมรวม”
หนิงเทียนสูดหายใจเข้าลึกๆ แล้วปฏิบัติตามทันที จากนั้นเขาก็เปิดใช้วาโยพิโรธ พลันเครื่องหมายทั้งสองเสริมซึ่งกันและกันพร้อมแผ่กระจายไปทั่วร่างของหนิงเทียนราวกับลมหมุนม่านน้ำ
จากเม็ดเืไปจนถึงิั กล้ามเนื้อ และกระดูก แล้วแพร่ไปยังแผนที่จิติญญาในเส้นลมปราณโดยไม่มีสิ่งใดผิดพลาดเลย
หนิงเทียนเคยมีประสบการณ์ในการเสริมความแข็งแกร่งให้กับรากฐาน แต่คราวนี้มันกลับแตกต่างอย่างเห็นได้ชัด วาโยพิโรธนั้นราวกับอสูรที่อาละวาดไปทั่วร่างและควบคุมไม่ได้แม้แต่น้อย
พลังเช่นนี้ช่างน่ากลัวยิ่งนัก ในกระบวนการกระตุ้นการเจริญเติบโต ความเร็ว ประสิทธิภาพ และความเสี่ยงล้วนสอดคล้องกัน
หนิงเทียนกรีดร้อง เขารู้สึกร้อนรุ่มราวกับมีไฟลุกท่วม และเ็ปราวกับมีลูกศรนับพันแทงทะลุหัวใจ
ร่างกายของเขาเหมือนจะถูกฉีกออกเป็ชิ้นๆ จากภายในสู่ภายนอก ั้แ่หัวจรดเท้า ิัทุกจุดล้วนเกิดรอยแตก ทั้งยังมีเืพุ่งออกมาจากทวารทั้งเจ็ดอย่างไม่หยุดหย่อน
“จงหลอมรวม!” หนิงเทียนแผดเสียงอย่างบ้าคลั่ง ในใจรู้สึกหวาดกลัวต่อความตาย วาโยพิโรธนั้นราวกับปีศาจที่ตามหลอกหลอน มันผลักดันเขาอย่างรวดเร็วและบังคับให้เขาตกอยู่ในสถานการณ์สิ้นหวัง
ใบหน้าของหนิงเทียนบิดเบี้ยวและดุร้าย เขาเริ่มรู้สึกว่าถูกชายคนนั้นหลอกลวง การเสริมความแข็งแกร่งให้รากฐานด้วยวาโยพิโรธนั้นไม่ต่างจากการฆ่าตัวตายเลย
ยามนี้หนิงเทียนยังไม่สามารถควบคุมและไม่สามารถหยุดยั้งมันได้ เขาทำได้เพียงการพยายามอย่างเต็มที่เพื่อควบคุมกายาสุวรรณะนิรันดร์อย่างบ้าคลั่งและยืนหยัดเพื่อชีวิตของตน
ชายคนนั้นมองแล้วเตือนว่า “การหลอมรวมคืออะไร? วัฏจักรดำเนินไปอย่างไม่สิ้นสุด ความแข็งแกร่งที่เข้ากันได้ ทักษะที่ทำงานร่วมกันได้!”
หนิงเทียนพยายามเข้าใจและให้ร่วมมืออย่างสุดกำลัง น่าเสียดายที่วาโยพิโรธนั้นทรงพลังเกินไป และมันก็ทำลายล้างเขาจนแหลกลาญ
หนึ่งชั่วยามต่อมา การเสริมความแข็งแกร่งของรากฐานได้สิ้นสุดลงแล้ว และทั่วทั้งร่างของหนิงเทียนก็โชกไปด้วยเื ยามนี้เขาแทบหมดแรงแล้วจริงๆ
“ผลที่ได้ยังอยู่ในระดับปานกลาง จงพยายามอย่างหนักต่อไป” ชายคนนั้นไม่พอใจมากนัก แต่หนิงเทียนพบว่าร่างกายของเขาดีขึ้นมาก
วันรุ่งขึ้น หนิงเทียนก็เริ่มเสริมความแข็งแกร่งให้รากฐานของวาโยพิโรธเป็ครั้งที่สองตามคำแนะนำของชายคนนั้น
คราวนี้อาการของหนิงเทียนแย่ลงกว่าเดิมและเกือบเสียชีวิตจริงๆ
ในวันที่สาม พายุยังคงโหมกระหน่ำต่อไป และเวลาก็ล่วงเลยไปจนถึงวันที่สี่ วันที่ห้า...
จนกระทั่งวันที่เจ็ดสถานการณ์ก็ดีขึ้น หนิงเทียนนอนอยู่บนพื้นแล้วหอบหายใจอย่างหนักก่อนจะกล่าวว่า “ข้าผ่านการทดสอบหรือยัง?”
“ยังอีกไกล พรุ่งนี้ลุยกันต่อ”
เมื่อได้ยินเช่นนี้หนิงเทียนก็นึกสาปแช่งอยู่ในใจ นี่เป็การทรมานชัดๆ!
ภายในหุบเขา จิติญญาแห่งการต่อสู้ของหนิงเทียนยังคงสูงส่งและเขาก็ยังเปี่ยมไปด้วยความมั่นใจ
โดยพื้นฐานแล้วเขาเชี่ยวชาญการผสานดิน ไฟ น้ำ ลม ต้นไม้ ดอกไม้ ต้นหญ้า และเถาวัลย์ ทั้งยังมีวังวนกระจายอยู่ในเส้นลมปราณหลักทั้งแปด หากยอดฝีมือในขอบเขตผนึกดาราเห็นเช่นนี้ พวกเขาต้องใเป็แน่
วังวนเ่าั้แฝงความลึกลับของวาโยพิโรธเอาไว้ เมื่อเปิดใช้พวกมันจะปะทุออกมาสิบเท่าหรือร้อยเท่าในทันที และมีพลังที่อำมหิตเกินกว่าจะบรรยายได้
แน่นอนว่าพลังเช่นนี้ย่อมส่งผลเสียต่อตัวเองอย่างมากด้วยเช่นกัน หากไม่อาจควบคุมได้ก็เท่ากับเป็การฆ่าตัวตาย
บงกชสีมรกต ต้นไม้แห้งเหี่ยว หญ้าต้นน้อย และเถาวัลย์เขียวรอบกายหนิงเทียนก่อตัวเป็หอคอยทรงสามเหลี่ยมที่หมุนวนไม่หยุดหย่อน ส่วนลำธาร เปลวเพลิง เนินเขา และเสาลมก็ก่อตัวเป็หอคอยทรงสามเหลี่ยมอีกแห่ง บ้างก็หมุนไปข้างหน้า บ้างก็หมุนกลับมาข้างหลัง
“ยามนี้เ้าจงรวมดิน ไฟ น้ำ และลมเข้ากับต้นไม้ ดอกไม้ ต้นหญ้า และเถาวัลย์โดยใช้เส้นทางเต๋าพฤกษาเป็แกนหลัก บนพื้นฐานของธรรมชาติ ผืนดินแบกทุกสรรพสิ่ง น้ำหล่อเลี้ยงชีวิต ไฟให้ความอบอุ่น และลมเร่งการส่งผ่าน”
หนิงเทียนพยายามอีกครั้งภายใต้คำแนะนำของอาจารย์ที่เก่งกาจ ในไม่ช้าเขาก็บรรลุผล และเมื่อรวมกับความช่วยเหลือจากยันต์เต๋าอนันต์และวาโยพิโรธ เขาก็ได้ฝึกฝนและเสริมความแข็งแกร่งครั้งแล้วครั้งเล่า จนกระทั่งวาโยพิโรธเสริมกำลังได้สำเร็จถึงสิบสองครั้ง และในที่สุดชายร่างโปร่งใสก็พยักหน้ายอมรับอย่างไม่เต็มใจ
“ให้เวลาสามวันในการตระหนักรู้ถึงตนเอง เ้าจะผ่านการทดสอบหลังจากสามวันหรือไม่ก็ขึ้นอยู่กับประสิทธิภาพของเ้าเอง”
หนิงเทียนรู้สึกขอบคุณ แต่เขาก็รู้จักนิสัยของชายคนนั้นจึงไม่ได้พูดอะไรออกมา เขาใช้เวลาในการปรับสภาพของตนและไม่ลังเลที่จะใช้ผลึกิญญาจำนวนมากเพื่อเติมเต็มการบริโภค
“เส้นลมปราณทั้งแปดผสานเป็หนึ่งเดียว และแผนที่จิติญญาก็ผสานเข้าด้วยกัน” จิตใจของหนิงเทียนเปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัด ดอกไม้ ต้นไม้ ต้นหญ้า และเถาวัลย์ข้างกายผสานเข้ากับดิน ไฟ น้ำ และลมอย่างรวดเร็ว แม้จะยังมีแรงผลักจากการปฏิเสธอย่างรุนแรง แต่เบื้องต้นก็ถือว่าเขาบรรลุขั้นตอนแรกแล้ว
เสียงแห่งเต๋าสั่นะเื แผนที่จิติญญาสั่นไหว และเส้นทางเต๋าพฤกษากับเส้นทางแห่งจิติญญาผสานเข้าด้วยกันได้อย่างลงตัว แม้จะไม่เสถียรมากนัก แต่กลิ่นอายที่ปล่อยออกมาก็ยังค่อนข้างน่ากลัว
สามวันผ่านไปอย่างรวดเร็ว หลังจากหนิงเทียนลืมตาขึ้นสิ่งแรกที่เขาถามก็คือ “ทำไมมันแย่กว่าเดิมอีกเล่า?”
“เพราะเ้ายังไม่โตพอ”
ชายร่างโปร่งใสมองดูหนิงเทียนด้วยสายตาที่แปลกไปเล็กน้อย
“เส้นทางสู่์ ท้องนภาเปื้อนเื ถนนสายนี้เดินไม่ง่าย จงไตร่ตรองให้ดี”
หนิงเทียนพูดอย่างจริงจัง “ก็เพราะมันยาก ข้าจึงอยากไป”
ชายคนนั้นพยักหน้าก่อนจะกลายร่างเป็สายลมกระโชกแรงที่พัดหนิงเทียนลึกเข้าไปในหุบเขา จนร่างเขาร่วงลงไปบนเส้นทางหินมรกต “เริ่มเลย เข้ามา!”
“วางใจเถิด ข้ามีมรดกแห่งสายลม ข้าต้องทำได้แน่!”
“หยุดคุยโวแล้วระวังตัวให้ดี!”
หนิงเทียนหัวเราะคิกคักแล้วเดินตามเส้นทางหินมรกตไปสู่ส่วนลึกของหุบเขา
หินสีมรกตบนพื้นล้วนมีรูปแบบทางจิติญญาปรากฏให้เห็น ทิวทัศน์สองข้างทางเปลี่ยนแปลงไปทุกขณะราวกับเข้าสู่มิติเวลาที่ไม่รู้จัก
กล้วยไม้เซียนเก้าชีวิตในร่างของหนิงเทียนเริ่มร้อนใจราวกับััได้ถึงบางอย่าง และเข้าควบคุมร่างกายของเขาอย่างจริงจัง
ทันใดนั้นก็มีภาพแปลกๆ ปรากฏขึ้นบนเส้นทางหินมรกต มันเชื่อมระหว่างห้วงมิติหนึ่งไปสู่อีกมิติครั้งแล้วครั้งเล่า มีซากศพขนาดั์ที่เทียบได้กับดาวดวงหนึ่งนอนแผ่อยู่ใต้ท้องผืนฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาว ดวงตาสุกใสดุจดวงอาทิตย์แผดเผาจ้องมองมายังถนนสายนี้ นอกจากนี้ยังมีนกศักดิ์สิทธิ์และอสูรร้ายที่ฉีกทลายห้วงอากาศ ทั้งยังพยายามบีบบังคับให้หนิงเทียนออกไปเพื่อยึดเส้นทางสู่์
เนื่องจากจิตสำนึกถูกครอบงำโดยกล้วยไม้เซียนเก้าชีวิตชั่วคราว หนิงเทียนจึงไม่ค่อยรู้แน่ชัดเกี่ยวกับสิ่งเหล่านี้
เส้นผมบนศีรษะของหนิงเทียนกลายเป็สีแดงราวกับเปลวไฟ กระบี่ไร้จำนงหมุนตัวบนแผนที่จิติญญาที่สอง ก่อนจะปลดปล่อยพลังศักดิ์สิทธิ์ทลาย์ที่ะเืท้องฟ้าซึ่งพร่างพรายด้วยดาวนับล้านดวง
การจ้องมองและการโจมตีทุกประเภทที่เกิดขึ้นระหว่างทางล้วนถูกกระบี่ไร้จำนงสะท้อนกลับไป
เส้นทางหินมรกตนั้นลึกลับอย่างยิ่ง ทั้งยังประกอบด้วยตำนานอันเป็นิรันดร์
ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานเท่าใด แต่หนิงเทียนก็ตื่นขึ้นมาอย่างกะทันหัน การควบคุมร่างกายกลับคืนสู่มือของเขาอีกครั้ง ขณะนี้เขาอยู่บนเขาหินที่หากมองตามบันไดหินไปจะเห็นประตูหินรกร้างและเก่าแก่อยู่บนยอดเขา
“นั่นคือประตูสู่์หรือ?”
ดวงตาของหนิงเทียนเต็มไปด้วยความสงสัย เขารู้สึกว่าสถานที่แห่งนี้ธรรมดาเกินไป
“ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องขึ้นไปดูก่อน”
หนิงเทียนก้าวไปข้างหน้าด้วยจิตใจเบิกบาน เมื่อเข้าใกล้ประตูหินเขาก็ถูกโจมตีด้วยฤทธิ์เดชอันทรงพลังที่ถล่มลงมาราวกับูเา ซึ่งรุนแรงจนเืไหลออกจากทวารทั้งเจ็ดและทำให้เขาถึงกับเข่าทรุด
หนิงเทียนะโกรีดร้องก่อนจะกระตุ้นวาโยพิโรธ รูปแบบิญญาทั้งแปดในร่างของเขาราวกับเตาหลอมที่กำลังลุกไหม้ ขณะเดียวกันก็ปะทุขึ้นด้วยพลังอันรุนแรงจนสามารถต้านทานคลื่นอันน่าสะพรึงกลัวนั้นได้
การก่อตัวของแสงแห่งจิติญญาปรากฏออกมาจากขั้นบันไดหินตรงเท้าของหนิงเทียน ซึ่งพลังนั้นน่าพรั่นพรึงอย่างมาก
หนิงเทียนนับจำนวนขั้นบันไดหินก่อนจะพบว่ามีทั้งหมดเก้าขั้น ยามนี้เขายืนอยู่บนบันไดขั้นแรก และยังเหลืออีกแปดขั้นจึงจะขึ้นไปถึงประตูหิน
นั่นคือประตูสู่์จริงหรือ?
หนิงเทียนครุ่นคิดอยู่ในใจ แต่สายตาของเขากลับเพ่งไปที่การเปลี่ยนแปลงของขั้นบันไดหิน เห็นได้ชัดว่านี่คือการทดสอบ หากเขาผ่านไปไม่ได้ เขาอาจต้องตายอยู่ที่นี่
หนิงเทียนใช้ทักษะเก้าเนตร์ โดยใช้ม่านตาคู่ เนตรเสน่ห์ และญาณทิพย์ในการวิเคราะห์ ในที่สุดเขาก็สามารถเห็นคุณสมบัติบางอย่างได้คร่าวๆ “นี่คือการทดสอบในขอบเขตจิตหยั่งลึก มีโอกาสน่าเสี่ยงโชค!”
เมื่อมองประตูสู่์ กล้วยไม้เซียนเก้าชีวิตของหนิงเทียนก็แทบจะโบยบินออกจากร่าง มีอะไรบางอย่างดึงดูดมันจริงๆ หรือ?
หนิงเทียนหายใจเข้าลึกๆ แล้วสงบสติอารมณ์อย่างรวดเร็ว จากนั้นก็ใช้สิ่งที่เขาเรียนรู้มาวิเคราะห์สถานการณ์ในยามนี้อย่างรอบคอบ พร้อมทั้งพิจารณาว่าตนมีความมั่นใจเพียงใดในการผ่านบันไดนี้ไป
---------------------------------------
[1] จัตุรมุข (正四面体) คือ อาคารสถาปัตยกรรมที่มีสี่มุข มักพบในปราสาท ซุ้มประตู กำแพง ตัวอย่างเช่น พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท พระที่นั่งสรรเพชญปราสาท
