“เสด็จพ่อ!” เ้าก้อนแป้งน้อยเรียกเสียงอ่อน
เซวียนหยวนเช่อก้าวเข้ามากดดันทีละก้าวๆ “ยังไม่รีบวางคนลงอีก”
เฟิ่งเฉี่ยนหลุบตาลงครึ่งหนึ่ง ในสมองพลันใช้ความคิดอย่างรวดเร็ว นางจะให้เซวียนหยวนเช่อจับตัวในตอนนี้ไม่ได้เด็ดขาด นางต้องรีบหาทางเอาตัวรอดไปจากที่นี่โดยเร็วที่สุด!
ฟังจากเสียงแล้ว ผู้ที่มาดูเหมือนจะมีเพียงเขาคนเดียว...
“คืนไท่จื่อให้ท่าน!”
ยังไม่ทันตั้งตัวเฟิ่งเฉี่ยนก็ยัดตัวเ้าก้อนแป้งน้อยเข้ามาในอ้อมกอดของเซวียนหยวนเช่อรวดเร็วปานฟ้าผ่า ฉวยโอกาสที่เขายื่นมือออกมารับตัวเ้าก้อนแป้งน้อย นางก็หันหน้าวิ่งหนี!
วิ่งออกมาได้ไม่ไกลนัก นางได้ยินเสียงของเซวียนหยวนเช่อดังขึ้นด้วยความร้อนรน “เย่เอ๋อร์ เย่เอ๋อร์ เ้าเป็อะไรไป เ้าไม่ต้องกลัว เสด็จพ่ออยู่ที่นี่แล้ว เสด็จพ่อจะพาเ้าไปหาหมอหลวงเดี๋ยวนี้!”
ย่างก้าวของเฟิ่งเฉี่ยนหยุดชะงัก นางหันกลับไปดู เห็นเพียงใบหน้าของเ้าก้อนแป้งน้อยที่ขึ้นผดผื่นสีแดงั้แ่เมื่อใดไม่มีใครรู้ คนหมดสติไปแล้ว เขาถูกเซวียนหยวนเช่ออุ้มเดินย้อนกลับไป
แย่แล้ว หรือเป็เพราะเขากินข้าวผัดไข่เ่าั้
ในใจเต็มไปด้วยความเป็ห่วงเ้าก้อนแป้งน้อย นางไม่มีเวลามาสนใจว่าฐานะของตนจะถูกเปิดโปงอีกแล้ว เฟิ่งเฉี่ยนตัดสินใจวิ่งไล่ตามทิศทางที่เซวียนหยวนเช่อจากไป
วังบูรพา
หมอหลวงและนางกำนัลวิ่งเข้าวิ่งออกวุ่นวายไปหมด
เฟิ่งเฉี่ยนอำพรางตัวอยู่มุมหนึ่งของด้านนอกตำหนัก นางมองเข้าไปเมื่อได้ยินเสียงสนทนาระหว่างนางกำนัลด้วยกัน
“องค์ไท่จื่อน้อยช่างน่าสงสารจริงๆ!”
“คนในวังต่างรู้ว่าองค์ไท่จื่อน้อยทรงแพ้ไข่ไก่ ไม่รู้ว่าเป็คนใจคอเหี้ยมโหดปานใดจึงได้ให้องค์ไท่จื่อน้อยกินไข่ไก่ ทำร้ายองค์ไท่จื่อน้อยจนเป็เช่นนี้!”
หัวใจของเฟิ่งเฉี่ยนหล่นวูบ
นางในฐานะของมารดาผู้ให้กำเนิดองค์ไท่จื่อน้อย ถึงกับไม่รู้ว่าองค์ไท่จื่อน้อยแพ้ไข่ไก่ นางไม่สมควรอย่างยิ่ง!
ได้ยินพวกนางกำนัลพูดอีกว่า:
“ได้ยินหมอหลวงบอกว่า ร่างกายของไท่จื่อมีเม็ดผื่นขึ้นเต็มไปหมด ทั้งยังตัวร้อนไม่ลด เกรงว่าคงยากที่จะผ่านพ้นไปได้”
“ข้ายังได้ยินอีกว่า ต่อให้องค์ไท่จื่อสามารถผ่านพ้นครั้งนี้ไปได้ วันหน้าเกรงว่าอาจจะกลายเป็คนปัญญาอ่อน!”
มือทั้งคู่กำหมัด เฟิ่งเฉี่ยนเต็มไปด้วยความรู้สึกผิดในใจ หากไท่จื่อน้อยต้องปัญญาอ่อนเพราะนางเป็ต้นเหตุ นางจะต้องเสียใจไปตลอดชีวิต และไม่มีทางอภัยให้ตัวเอง
“เย่เอ๋อร์...” นางรู้สึกแสบจมูก กระบอกตาเอ่อคลอด้วยหยาดน้ำตา
แม้องค์ไท่จื่อน้อยจะมิใช่เป็ลูกที่นางตั้งครรภ์มาเป็เวลากว่าสิบเดือน แต่เวลานี้หัวใจนางกับเขากลับผูกพันกันแน่นแฟ้น นางรู้สึกเ็ปราวกับถูกแล่เนื้อเถือหนังจริงๆ
ไม่ได้ นางจะต้องช่วยเขา! นางจะต้องช่วยลูกของนาง!
[เ้านาย ยาสมุนไพรร้อยชนิดนั้นรักษาโรคได้เป็ร้อยประเภท ลองดูก็ไม่เสียหาย!]
เสียงเตือนของฟ่านฟ่านดังขึ้นในสมอง เฟิ่งเฉี่ยนพลันนึกได้ ใช่แล้ว ไฉนนางจึงลืมไปได้นะ นางยังมียาสมุนไพรร้อยชนิดอีกสองขวด!
นางดีใจปานคลุ้มคลั่งเมื่อหยิบออกมาหนึ่งขวด แล้ววิ่งเข้าไปในวังบูรพา
“หยุดนะ! เ้าเป็ใครกัน ถึงกับกล้าบุกเข้าวังบูรพา” องครักษ์คนหนึ่งขวางนางเอาไว้
“ข้าคือฮองเฮา รีบปล่อยเปิ่นกงเข้าไป”
“บังอาจ! ถึงกับกล้าปลอมตัวเป็ฮองเฮา”
เฟิ่งเฉี่ยนเพิ่งนึกขึ้นได้ว่าตนเองแปลงโฉม มิน่าเล่าอีกฝ่ายจึงจำนางไม่ได้ ดังนั้นนางจึงหยิบตราประทับหงส์ออกมาแล้วเอ่ยออกไปด้วยน้ำเสียงคมปลาบ “เบิกดวงตาสุนัขของเ้าให้ดี แล้วดูให้ชัดเจนว่า เปิ่นกงเป็ฮองเฮาหรือไม่”
เมื่อเห็นตราประทับหงส์ สีหน้าขององครักษ์เปลี่ยนไปทันที เขารีบคุกเข่าลง “ไม่ทราบว่าฮองเฮาเสด็จ บ่าวสมควรตายพ่ะย่ะค่ะ!”
เมื่อเงยหน้าขึ้นอีกครั้ง พบว่าคนตรงหน้าหายไปแล้ว
องครักษ์เกาศีรษะแกรกๆ ด้วยความงงงวย ไฉนฮองเฮาจึงอยู่ในอาภรณ์ของนางกำนัล แล้วใบหน้ายังเลอะเทอะเปรอะเปื้อนอีกด้วยนะ
เฟิ่งเฉี่ยนรีบก้าวเข้าไปที่ประตูตำหนักบรรทม นางถูกองครักษ์อีกสองนายขวางไว้อีก!
“ข้าคือฮองเฮา ผู้ใดกล้าขวางข้า” เฟิ่งเฉี่ยนแสดงตราประทับหงส์ออกมา
องครักษ์ประสานสายตากันปราดหนึ่ง ทว่ายังคงไม่ปล่อยนางเข้าไป
“ฝ่าาทรงมีพระบัญชา นอกจากหมอหลวงแล้ว ไม่ว่าผู้ใดก็เข้าไปไม่ได้พ่ะย่ะค่ะ!”
เฟิ่งเฉี่ยนมีสีหน้าเ็า นางยื่นมือออกไปหมายจะผลักพวกเขาออกไปให้พ้นทาง “ให้ข้าเข้าไป ข้าเป็มารดาของเขา!”
“ฮองเฮาเหนียงเหนียง ได้โปรดอย่าทรงทำให้บ่าวลำบากใจเลยพ่ะย่ะค่ะ!”
แววตาเฟิ่งเฉี่ยนคมปลาบ รัศมีเข่นฆ่าแผ่กระจายรอบตัวนาง “หากพวกเ้ายังขวางข้าอีก ก็อย่าโทษว่าข้าไม่เกรงใจ!”
นางกระพริบตาเพียงครั้งเดียว อักษรสีน้ำเงินแถวหนึ่งพลันะโออกมาจากร่างขององครักษ์สองคนนั้นทันที : พลัง 300, พลังการสู้รบ 300 และ พลัง 200, พลังการสู้รบ 200!
จวักแปลงกายพันชั่งของนางมีพลัง +1000, พลังการสู้รบ +1000 ต่อกรกับคนสองคนนี้อย่างง่ายดาย
ขณะที่นางกำลังเตรียมจะใช้อาวุธเพื่อบุกเข้าไป ประตูตำหนักบรรทมพลันเปิดออก เซวียนหยวนเช่อก้าวออกมาจากด้านในด้วยใบหน้าอึมครึม แววตาเ็าถึงขีดสุด
“ฝ่าา...” เฟิ่งเฉี่ยนกำลังจะเอ่ยปาก แต่ที่ปะทะกลับมาคือสายลมเย็นวูบหนึ่งที่พุ่งเข้ามา
นาทีถัดมา ลำคอขาวสะอาดถูกฝ่ามือใหญ่โตข้างหนึ่งกำเอาไว้แน่น เรี่ยวแรงนั้นราวกับ้าหักลำคอเรียวระหงของนางให้หักในนาทีใดนาทีหนึ่ง
เมื่อนางเงยหน้าขึ้นก็ประสานสายตาเข้ากับดวงตาเยียบเย็นที่ทำให้นางรู้สึกหนาวเหน็บไปถึงขั้วกระดูก!