เมื่อถังเหล่ยััหม้อปรุงยาก็อดรู้สึกตื่นเต้นไม่ได้ ถึงแม้หม้อปรุงยาใบนี้จะเทียบกับใบที่เขามีในชาติที่แล้วไม่ได้ แต่สำหรับการปรุงยาระดับสี่ในครั้งนี้ไม่ใช่ปัญหา
วัตถุดิบห้าชนิดวางเรียงกันอยู่ตรงหน้าของถังเหล่ย บริเวณรอบๆ กระโจมไม่มีใครเข้าใกล้ในระยะห้าสิบวา ทุกๆ หนึ่งวาจะมีทหารเฝ้าอยู่ คำสั่งที่ทหารเหล่านี้ได้รับก็คือหากมีผู้ใดเข้าใกล้ให้ลงมือได้ทันที
“แก่นอสูรระดับสี่ กลิ่นอายของมันบ้าคลั่งเสียจริง!”
ถังเหล่ยพึมพำกับตัวเองก่อนนำแก่นอสูรวางไว้ในหม้อปรุงยา จากนั้นใช้เพลิงสีทองในร่างเชื่อมต่อกับศิลาเพลิงิญญาที่อยู่ข้างหม้อปรุงยา อุณหภูมิภายในหม้อเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ถังเหล่ยพยายามควบคุมอุณหภูมิภายในหม้อให้คงที่และขับกลิ่นอายสัตว์อสูรออกไปทั้งหมด
แต่ในขณะนี้ระดับพลังยุทธ์ของเขายังต่ำเกินไป เมื่อชาติที่แล้วการปรุงยาระดับสี่เช่นนี้ ต่อให้เอามือปิดตาไว้เขาก็สามารถทำสำเร็จได้อย่างง่ายดาย แต่ชาตินี้เขาต้องใช้สมาธิค่อนข้างมากและต้องรักษาปราณแท้ในร่างให้เต็มเปี่ยมอยู่ตลอดเวลา แต่ยังโชคดีที่ยาชนิดนี้ถังเหล่ยเป็คนคิดค้นขึ้นมาในชาติก่อน ดังนั้นการปรุงยาในรอบนี้จึงไม่มีความผิดพลาดแต่อย่างใด
ภายนอกกระโจม หงฟ่านเดินวนไปวนมาด้วยความร้อนใจ เขาหันไปมองกระโจมใหญ่เป็ระยะๆ หงฟ่านไม่อยากจะเชื่อด้วยซ้ำว่าเด็กหนุ่มที่เพิ่งเจอกันได้ไม่นานจะเป็คนรักษาบิดาของเขา แต่ความจริงที่ประจักษ์อยู่ตรงหน้า เขาไม่อาจกล่าวสิ่งที่คิดอยู่ภายในใจออกมาได้
ในเวลาเดียวกัน หงเทียนเิกับหงฮูหยินก็กำลังพูดคุยเกี่ยวกับถังเหล่ย แม้ว่าทั้งสองคนจะเป็ระดับปรมาจารย์ยุทธ์และมีชีวิตมานาน แต่พวกเขาก็ไม่เคยพบเจอเด็กหนุ่มแบบถังเหล่ยมาก่อน
“ในจักรวรรดิซือฉี นักปรุงยาที่สามารถปรุงยาระดับสี่ได้มีน้อยยิ่งนัก ถังเหล่ยจะสามารถปรุงยาระดับสี่ได้จริงหรือ?” หงฮูหยินรู้สึกสับสน
ไม่ใช่ว่านางไม่เชื่อถังเหล่ย แต่เื่นี้เป็เื่ที่เกินความคาดหมายของนางอย่างยิ่ง ถังเหล่ยเป็เพียงผู้ชำนาญยุทธ์ การที่ผู้ชำนาญยุทธ์สามารถปรุงยาระดับสี่ได้นั้นเป็เื่ที่พวกเขาไม่เคยพบเจอมาก่อน
“ข้ารู้สึกว่าถังเหล่ยคนนี้จะต้องซ่อนความลับที่ยิ่งใหญ่เอาไว้ ตอนที่เขาพูดคุยกับเรา ท่าทีของเขาต่างจากเด็กหนุ่มวัยเดียวกันมาก”
หงเทียนเิพยายามสังเกตถังเหล่ยอยู่ตลอดเวลา เขาตระหนักได้ว่าสำหรับถังเหล่ยอายุเป็เพียงตัวเลขเท่านั้น ไม่ว่าจะเป็การพูดจาหรือฝีมือของเขาช่างแตกต่างจากผู้ชำนาญยุทธ์อย่างสิ้นเชิง
“สิ่งที่เขาอนุญาตให้พวกเรารู้คือเขามาจากจักรวรรดิเทียนอวี่เท่านั้น ข้าคิดว่าเราต้องเก็บอัจฉริยะผู้นี้ไว้ อย่าปล่อยให้เขาตกไปอยู่ในมือของศัตรู”
หงฮูหยินตั้งความหวังกับถังเหล่ยไว้สูงมาก แม้ว่าถังเหล่ยจะอยู่ในระดับผู้ชำนาญยุทธ์ไปทั้งชีวิต แต่ฝีมือการปรุงยาของเขาจะเป็ประโยชน์แก่ตนเองอย่างแน่นอน
“เราไม่สามารถบังคับจิตใจของเขาได้ ทำได้เพียงทำดีกับเขา หลังจากนั้นก็สุแล้วแต่เขาว่าจะอยู่หรือไป” มุมปากของหงเทียนเิปรากฏรอยยิ้มขมขื่น
เขารู้ว่าไม่สามารถบังคับจิตใจของถังเหล่ยได้ อีกฝ่ายเหมือนไม่ได้สนใจเขาเลยแม้แต่น้อย แตกต่างจากผู้อื่นที่พยายามตีสนิทและ้าเข้าใกล้ผู้ที่เป็ถึงองค์ชายของจักรวรรดิซือฉี เื่นี้ทำให้หงเทียนเิรู้ดีว่าเขาไม่สามารถบีบบังคับอีกฝ่ายได้
การปรุงยาใช้เวลาหนึ่งวันเต็มๆ หงฟ่านแทบไม่สามารถอดกลั้นความร้อนรนภายในใจเอาไว้ได้ แม้ว่าใจเขาจะอยากบุกเข้าไปภายในกระโจมหลังใหญ่มากเพียงใด แต่ก็ทำได้เพียงเดินวนไปมาอยู่ที่ด้านนอกเท่านั้น
“หวังว่าการปรุงยาจะราบรื่น”
หงฟ่านยิ่งคิดยิ่งปวดใจ เมื่อนึกย้อนกลับไปตอนที่เขาออกไปหาวัตถุดิบที่ถังเหล่ย้าและต้องจ่ายออกไปมหาศาล
หลังจากพระอาทิตย์ตกดิน รอบกระโจมหลังใหญ่ที่ถังเหล่ยอยู่มีแสงสว่างจากคบเพลิงรายล้อมเป็วงกว้าง
“ตูม!”
เสียงะเิจากกระโจมหลังใหญ่ที่ถังเหล่ยปรุงยาอยู่ด้านใน หงฟ่านรู้สึกร้อนรนขึ้นมาอีกครั้ง เขาอยากจะบุกเข้าไปเพื่อดูว่าด้านในเกิดอะไรขึ้นกันแน่ แต่เมื่อนึกถึงคำสั่งของถังเหล่ยเขาจึงได้แต่หยุดความคิดนั้นเอาไว้
แรงะเิทำให้ทั้งประตูและหน้าต่างของกระโจมปลิวออกมา ควันฟุ้งกระจายไปทั่วบริเวณ คบเพลิงในมือของทหารที่ยืนอยู่ด้านนอกดับลงบางส่วน
ควันจำนวนมหาศาลทำให้หงฟ่านไม่สามารถมองเห็นการเคลื่อนไหวภายในกระโจมได้ ส่งผลให้ภายในใจของเขายิ่งร้อนรน ไม่กี่ลมหายใจต่อมาเขาก็มองเห็นเงาเหมือนกำลังเดินออกมาจากกระโจม
ทันใดนั้นก็ปรากฏร่างของถังเหล่ย เขาเดินออกมาพร้อมกับใบหน้าที่เต็มไปด้วยฝุ่นและเสื้อผ้าที่ขาดหลุดลุ่ยราวกับคนจรจัด
“เป็อย่างไรบ้าง?” หงฟ่านกล่าวถามทันทีที่เห็นถังเหล่ย เขารีบพุ่งเข้าไปพยุงตัวของถังเหล่ยด้วยความเป็ห่วง แม้ว่าภายในใจของเขาจะคิดถึงแต่เื่ยาของบิดา
“หม้อปรุงยาคุณภาพต่ำเกินไป ใน่สุดท้ายของการปรุงยาหม้อจึงะเิ!” ถังเหล่ยกล่าวอย่างไม่สบอารมณ์
ความจริงแล้วเป็เพราะเพลิงสีทองมีอุณหภูมิสูงเกินไป ศิลาเพลิงิญญาระดับหนึ่งสองเม็ดไม่อาจแบกรับอุณหภูมิสูงขนาดนั้นได้ ท้ายที่สุดหม้อปรุงยาจึงะเิ
“แล้วยา?” หงฟ่านเมื่อได้ยินว่าหม้อปรุงยาะเิสีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปทันที
“ยังดีที่ยาไม่เป็อะไร!”
ถังเหล่ยยื่นมือออกมา ปรากฏยาขนาดเท่าผลลำไยหนึ่งเม็ด ครึ่งหนึ่งเป็สีแดงอีกครั้งหนึ่งเป็สีฟ้า เม็ดยาดูงดงามมากถึงแม้จะมีอุปสรรคใน่สุดท้าย แต่ก็ยังปรุงยาได้สำเร็จ จากนั้นถังเหล่ยจึงมอบยาเม็ดนี้ให้กับหงเทียนเิ
ยาเม็ดนี้ไม่เพียงแต่ช่วยหงเทียนเิกำจัดพิษ แต่ยังสามารถทำให้ิญญายุทธ์ภายในร่างของอีกฝ่ายได้รับการฟื้นฟูอีกด้วย ิญญายุทธ์ภายในร่างของหงเทียนเิจะกลับมาในไม่ช้า
หลังจากที่หงเทียนเิกลืนยาเข้าไปตามที่ถังเหล่ยสั่ง ทันใดนั้นกลิ่นอายอันน่าสะพรึงกลัวก็ะเิออกมาอีกครั้ง
จากนั้นด้านหลังของหงเทียนเิก็ปรากฏหมอกควันสีดำที่มีกลิ่นอายของความแข็งแกร่งแผ่ซ่านออกมา
“โฮก!”
ไม่กี่ลมหายใจต่อมาดวงตาของหงเทียนเิก็เบิกกว้าง ด้านข้างหงเทียนเิปรากฏิญญายุทธ์สิงโตขนสีแดงออกมา
นี่ก็คือความสามารถของปรมาจารย์ยุทธ์ หลังจากที่ผู้ฝึกตนทะลวงระดับปรมาจารย์ยุทธ์จะสามารถเรียกิญญายุทธ์ออกมาได้โดยตรง ิญญายุทธ์ไม่เพียงแต่สามารถต่อสู้เคียงข้างผู้ฝึกตนได้เท่านั้น แต่ยังดูดซับพลังิญญาฟ้าดินเพื่อเพิ่มความเร็วในการบ่มเพาะให้ผู้ฝึกตนได้อีกด้วย
ทันทีที่สิงโตแดงของหงเทียนเิปรากฏตัว สิงโตสีทองของหงฮูหยินก็ปรากฏตัวออกมาเช่นกัน สิงโตทั้งสองตัวเอาศีรษะถูไถกันอย่างสนิทสนมราวกับว่าไม่ได้เจอกันเป็เวลาหลายปี
“บุญคุณครั้งนี้ข้าจะจดจำไปตลอดชีวิต!”
หงเทียนเิลุกขึ้นจากบัลลังก์ กลิ่นอายปรมาจารย์ยุทธ์บนร่างแผ่ออกมาอย่างบ้าคลั่ง ทำให้ผู้คนรู้สึกเหมือนว่าสิงโตที่แข็งแกร่งตัวหนึ่งกำลังตื่นขึ้นไม่ได้ดูอ่อนแอเหมือนก่อนหน้านี้แล้ว
“ท่านแม่ทัพเกรงใจเกินไปแล้ว” ถังเหล่ยกล่าวเสียงเรียบเฉย
แม้ว่าหงเทียนเิจะมีความแข็งแกร่งและมีกลิ่นอายอันน่าสะพรึงกลัวมากเพียงใด หากเขาคิดจะทรยศถังเหล่ย ยาที่ถังเหล่ยฝังเอาไว้ภายในร่างกายของเขาก็จะออกฤทธิ์ ส่งผลให้เขากลายเป็ศพในทันที
“หยวนผิงข้าจะเด็ดหัวเ้า!” หงเทียนเิกำหมัดะโออกมาอย่างบ้าคลั่ง
………