ต้นอู๋ถงแห่งตำหนักซีเหอร่วงโรย
มิมีใครล่วงรู้ว่าต้นอู๋ถงต้นนี้อยู่มานานเพียงใด แต่ภายในคืนเดียวต้นอู๋ถงที่เคยเบ่งบานนี้กลับร่วงโรยจนแห้งเหี่ยว
นางกำนัลนางหนึ่งเมื่อตื่นมาเห็นภาพตรงหน้าก็เผลอทำอ่างทองแดงในมือร่วงลงไปโดยไม่รู้ตัวจนเกิดเสียงดังก้องจนปลุกคนทั้งตำหนักซีเหอจากนิทรา รวมถึงฮองเฮาที่เดิมทีก็นอนไม่หลับอยู่แล้ว นางเองก็ใเสียงนี้จนต้องรีบลนลานไปดูทารกน้อยข้างกาย
ทารกน้อยก็ดูเหมือนจะถูกเสียงนี้ปลุกให้ตื่นเช่นกัน แต่กระนั้นก็เพียงลืมตาขึ้นเล็กน้อยแล้วหลับไปอีกครั้ง
พระวรกายของฮองเฮายังคงอ่อนแอ นางเสียเืไประหว่างคลอดบุตร แทบจะเรียกได้ว่าเอาชีวิตไปทิ้งเสียแล้วครึ่งหนึ่ง ขณะนี้ก็เหลือเพียงลมหายใจรวยริน ซ้ำเมื่อวานหลังจากที่นางได้ยินข่าวเื่บุตรของตนแล้ว ก็นอนแทบไม่หลับทั้งคืนจนสองตานั้นแดงก่ำ ทว่าเมื่อหันไปมองทารกข้างกาย กลับพบว่านางนั้นอ่อนแอกว่าตนเสียอีก ลมหายใจของเด็กน้อยมีแต่จะยิ่งสั้นลงๆ ดูคล้ายเทียนไขในห้องที่ถูกจุดตลอดคืน ค่อยๆ ร่วงโรยและใกล้ดับมอดลงเต็มที
ซ้ำต้นอู๋ถงนั้นยังเสียหายเช่นนี้
เมื่อราชครูมาถึงก็พินิจต้นอู๋ถงอยู่นานสองนาน แล้วจึงมาดูองค์หญิงใหญ่ องค์หญิงใหญ่นั้นไม่เพียงแต่ร่างกายจะเริ่มกลายเป็สีฟ้า ตอนนี้ยังเริ่มกลายเป็สีดำ ทั้งร่างกายของนางเต็มไปด้วยเค้าลางแห่งความตาย
ราชครูทอดถอนใจพร้อมกล่าวว่า “เด็กคนนี้นั้นอัดอั้นไปด้วยความพยาบาท มีชีวิตอยู่ก็คงมิอาจเกินหกเดือน มีเพียงแม่น้ำศักดิ์สิทธิ์เท่านั้นที่จะชะล้างความพยาบาทของนางได้ มิเช่นนั้นแคว้นของเราก็จงเตรียมพบกับหายนะเสียแล้ว”
.......
“กาๆ กาๆ”
อีกาดำสองตัวกลางนภากรีดร้องดังสนั่น เมฆดำลอยทะมึน ความแห้งแล้งปกคลุมไปทั่วทุ่งหญ้า
ปีนี้เหมันต์มาเยือนไวกว่าปีก่อนนัก วัวและแพะของตระกูลต้าปาซือถูกต้อนจากบริเวณหากินกลับไปคอกไวกว่าปกติ เมื่อหมดหน้าที่ดูแลสัตว์เหล่านี้ กลุ่มเด็กเลี้ยงสัตว์จึงไม่มีความจำเป็อีกต่อไป
เช้ามาจึงปรากฏภาพเด็กหนุ่มพร้อมห่อผ้าถูกโยนออกมาจากประตูไม้ตระกูลต้าปาซือ “เ้าลูกหมา เ้ากินก็มากกว่าใคร ทำงานทีก็เอาแต่แอบอู้ ตระกูลต้าปาซือของข้าโดนเ้าสูบเืสูบเนื้อจนแทบไม่มีอันจะกินอยู่แล้ว ซ้ำร้ายเ้ายังเอานางตัวซวยอมโรคนี่มาอีก เ้ากะจะให้ตระกูลของข้าล่มจมเลยหรือไร”
เด็กหนุ่มร่างผอมโซโดนเตะออกมาเช่นนี้ มุมปากจึงมีเืไหลซึม ทว่าดวงตาของเขายังคงแข็งกร้าวราวกับหมาป่าหิวโซกลางทุ่งหญ้า ครั้นพ่อบ้านเห็นแววตาของเด็กหนุ่ม ก็ใไปครู่หนึ่ง ก่อนจะยกขาขึ้นกระทืบตรงตำแหน่งหัวใจของเด็กหนุ่มอีกครั้ง
“นายท่าน หมาป่าที่โดนข้ากระทืบตายเห็นทีจะมีเป็สิบตัว ไอ้หมาบ้านี่มันตัวอะไรกัน ไสหัวไปเสีย ไปเสียให้ไกล ยิ่งไกลแค่ไหนยิ่งดี”
“ปัง!” เสียงประตูไม้บานใหญ่ถูกปิดลง
หน้าประตูปรากฏภาพเด็กหนุ่มนอนอยู่ ในมือของเขายังคงกอดห่อผ้าไว้ ใบหน้าเด็กหนุ่มซีดเซียว มุมปากมีรอยเื ห่อผ้าที่เขายังคงกอดไว้นั้นแท้จริงแล้วมีทารกหญิงตัวน้อยนอนอยู่อย่างไร้สุ้มเสียง ริมฝีปากเขียวคล้ำ ซ้ำร่างกายก็เริ่มแข็งทื่อ
เมื่อเด็กหนุ่มมองห่อผ้าที่มีทารกน้อยนอนอยู่ แววตาดุจหมาป่าหิวโซก็พลันเปลี่ยนเป็อ่อนโยน
“พี่ชายจะพาเ้าไปที่แม่น้ำศักดิ์สิทธิ์ ไว้ชาติหน้าเ้าจะได้เลือกครอบครัวดีๆ เองได้” เมื่อคิดได้ดังนั้นเขาจึงลุกขึ้นยืน เช็ดเืที่มุมปาก แล้วหันกลับไปมองประตูไม้บานใหญ่นั้นด้วยความเ็า ทว่าในมือเขาบัดนี้กลับมีถุงเล็กๆ เพิ่มมาอีกหนึ่งถุงเสียแล้ว
ยามที่พ่อบ้านลงมือทำร้ายเขาเป็ครั้งที่สองนั้น เขาได้แอบขโมยเงินจากกระเป๋าของพ่อบ้านมา แม้จะเป็การลงมือขโมยครั้งแรกในชีวิตของเขา แต่ก็เรียกได้ว่าใช้ครึ่งชีวิตเข้าแลกเพื่อขโมยมันมาเลยด้วยซ้ำ บริเวณอกที่ถูกกระทืบรวดร้าวไปหมด ร่างกายราวกับจะแตกเป็เสี่ยงๆ ถึงกระนั้นใบหน้าของเขาก็ยังคงปรากฏรอยยิ้มกว้าง
เขาจะเอาเงินนี้ไปซื้อโลงศพสวยๆ ให้กับน้องสาว และในโลงก็จะวางดอกไม้สีแดงสด แล้วจึงจะไปส่งนางที่แม่น้ำศักดิ์สิทธิ์
ว่ากันว่าหากร่างของผู้ตายได้ถูกนำมาลอยที่แม่น้ำศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้ จะสามารถกลับชาติมาเกิดแล้วใช้ชีวิตอย่างมีความสุขในชาติหน้าได้
กระนั้นเด็กหนุ่มจึงแบกห่อผ้าห่อน้อยๆ ขึ้นหลัง แล้วออกเดินเข้าไปในตลาดที่แสนคึกคัก นี่เป็ครั้งแรกที่เขามีเงินมากขนาดนี้ ั้แ่จำความได้ ตนเองก็คอยดูแลสัตว์ให้กับตระกูลต้าปาซือมาโดยตลอด กระทั่งท่านพ่อและท่านแม่ของเขาก็เป็คนเลี้ยงม้าให้กับตระกูลต้าปาซือ จวบจนปีที่แล้วตระกูลต้าปาซือบอกจะส่งคนไปรบ ท่านพ่อก็เป็หนึ่งในคนที่ถูกพาตัวไป และนับแต่นั้นมาท่านพ่อก็ไม่เคยกลับมาอีก ส่วนท่านแม่หลังจากคลอดน้องสาว ก็ทิ้งนางไว้กับเขาแล้วแต่งงานกับชายคนใหม่
ั้แ่เริ่มเข้าเหมันต์ น้องสาวก็เริ่มป่วยออดๆ แอดๆ เขาได้แต่อุ้มนางไปหาท่านแม่ ทว่าครั้นเมื่อพบท่านแม่ เขากลับโดนนางตบไปหนึ่งฉาดซ้ำยังโดนไล่ตะเพิดออกมา นางบอกว่าชีวิตนางตอนนี้กำลังไปได้ดี และให้เขาอุ้มน้องสาวออกไปที่อื่นเสีย เพราะทารกนั่นคือตัวซวย เกิดมาได้ไม่ทันไร ท่านพ่อก็จากไป
เมื่อถึงตลาดเขาบรรจงเลือกหีบไม้แข็งแรงมาได้หีบหนึ่ง แล้วซื้อผ้าไหมเพิ่มอีกผืน กับดอกล่าเหมยสีแดงสด
สุดท้ายจึงค่อยๆ วางร่างน้องสาวลงในหีบ มัดหีบด้วยเชือก แล้วแบกขึ้นหลังก่อนจะออกเดินทางไปยังแม่น้ำศักดิ์สิทธิ์
มีผู้ใหญ่บอกเขาว่าระยะทางไปแม่น้ำศักดิ์สิทธิ์นั้นยาวไกล เพียงต้องมุ่งหน้าไปทางทิศวันตกเรื่อยๆ ก็ย่อมจะถึงจุดหมาย ทว่าขณะนี้เงินที่มีติดตัวก็ถูกเขาใช้จนเกลี้ยงเสียแล้ว ฉะนั้นหลังจากกินข้าวเสร็จจึงเริ่มออกเดินทางทันที
เขาเร่งเดินทางติดต่อกันถึงสองวันสองคืน สุดท้ายจึงหมดสติไปเพราะความอ่อนเพลีย กระทั่งเมื่อลืมตาขึ้นอีกครั้งก็พบว่าเบื้องหน้าคือทะเลสาบเวิ้งว้างสุดลูกหูลูกตา เกลียวคลื่นใสม้วนตัวระยิบระยับ มองไกลๆ เห็นเป็ูเาหิมะ และหญ้าเขียวขจี
ตอนนั้นเขาแน่ใจว่าที่นี่จะต้องเป็แม่น้ำศักดิ์สิทธิ์อย่างไม่ต้องสงสัย จึงวิ่งไปยังแม่น้ำด้วยความเบิกบาน
แม้จะอยู่ในเหมันตฤดู แต่ก็ดูเหมือนว่าน้ำในแม่น้ำศักดิ์สิทธิ์นั้นจะยังอุ่นอยู่ เขาจึงค่อยๆ จุ่มเท้าที่แตกยับเยินจากการเดินทางลงไปแช่ในแม่น้ำ ก่อนจะค่อยๆ คลายเชือกที่หลังตนออก อาจเป็เพราะแบกหีบมานานเกินไป จึงทำให้แผ่นหลังถูกเชือกบาดไปถึงเนื้อ ปรากฏเป็รอยเืซึมออกมา
เขากอดหีบน้อยไว้แนบอก แล้วค่อยๆ วางลงในแม่น้ำ ก่อนจะหลับตาแล้วออกแรงผลักมันออกไป หีบน้อยนั้นลอยออกไปจนถึงกลางแม่น้ำ
เขาได้ยินเสียงผิวน้ำกระทบกับผิวไม้บนหีบ สำหรับเขาแล้วมันช่างเป็เสียงที่สุดแสนจะไพเราะ เขาเองนั้นไม่กล้าแม้จะลืมตามอง ทำได้เพียงปล่อยให้หยาดน้ำตาค่อยๆ รินไหลจากหางตา
จวบจนกลางนภาแว่วเสียงของอีกามาอีกครั้ง “กา กา...”
เด็กหนุ่มจึงเบิกตาโพลง เมื่อคิดได้ว่าเหล่าอีกากินเนืุ้์ เขาต้องตอกฝาหีบให้แน่นกว่านี้ ตอนนั้นเขาราวกับคนคลั่งก็ไม่ปาน ทั้งร่างพลันกระโจนลงไปในแม่น้ำ ลืมสิ้นคำโบราณที่เล่ากันว่าแม่น้ำศักดิ์สิทธิ์นั้นมีเพียงคนตายเท่านั้นที่มีสิทธิ์จะลงไป เขารีบดำลงไปในแม่น้ำ ใช้แรงทั้งหมดที่มีพยายามงมหีบใบน้อยกลับมาให้ได้ จนรู้สึกได้ถึงความคาวเค็มที่มุมปาก ซ้ำร่างกายค่อยๆ หนักอึ้ง เกรงว่าความตายคงจะมาเยือนเขาเสียแล้ว
ในตอนนั้นเขาถึงเข้าใจว่าเหล่าอีกาแท้จริงแล้วกำลังร้องเรียกเขาต่างหาก ั้แ่จวนตระกูลต้าปาซือจนถึงแม่น้ำศักดิ์สิทธิ์ เหล่าอีกานั้นล้วนแต่กำลังตามเขาอยู่
เมื่อคิดได้ดังนั้นก็รู้สึกวางใจว่าเหล่าอีกานั้นไม่ได้อยากกินเนื้อของน้องสาวตน น้องสาวตนนั้นผอมเกินไป
ก่อนที่เขาจะค่อยๆ จมดิ่งลงไปใต้น้ำ ใต้น้ำนั้นเขาได้พบกับหีบไม้ ทว่าบนหีบไม้กลับมีงูั์คอยเฝ้าอยู่ หีบไม้ตรงหน้าย่อมเป็หีบของน้องสาวตนเป็แน่ เด็กหนุ่มแม้จะหวาดกลัวเป็อย่างยิ่ง ทว่าก็ยังว่ายอย่างสุดแรงไปข้างหน้า
น้องสาวเป็คนขี้กลัว หากโดนเ้างูทับอยู่อย่างนี้จะต้องกลัวมากเป็แน่ แม้เขาเองก็กลัวไม่น้อยแต่ก็ยังคงว่ายต่อไป เขาััได้ว่าตนนั้นกำลังมีเืไหลเสียจนรอบกายคาวคลุ้งไปด้วยกลิ่นเื เขากำลังจะตายแล้วสินะ เมื่อคิดได้ดังนั้น ความกลัวแต่เดิมก็พลันมลายไป แล้วจึงยื่นมือโถมทั้งกายผลักเ้างูให้ไปให้พ้นหีบ เมื่อไม่มีสิ่งใดคอยกดทับ หีบก็พลันลอยขึ้นอย่างรวดเร็ว พาร่างในหีบลอยขึ้นเหนือน้ำไปพร้อมกัน
ไม่รู้เวลาผ่านไปนานเท่าใด ในที่สุดเขาก็ถูกกระแสน้ำซัดขึ้นมาบนฝั่งพร้อมกับหีบใบน้อย
เขาหายใจเฮือกแล้วเฮือกเล่า
เขาพาน้องสาวกลับมาได้แล้ว
ตอนนี้ไม่มีอีกาบินวนเหมือนคราแรกแล้ว ท้องฟ้าพลันเปลี่ยนเป็สดใส ดวงตะวันค่อยๆ ลอยสูงเหนือเมฆ แสงแดดที่สาดส่องลงมาทำให้เด็กหนุ่มอบอุ่นไปทั้งสรรพางค์กาย
เด็กหนุ่มรู้สึกผิดที่เมื่อครู่ตนไม่ได้มองนางให้เต็มตา ตอนนี้เขาอยากเห็นหน้านางอีกสักครั้ง เขาสัญญากับตนเองว่าเมื่อได้เห็นหน้านางแล้วก็จะส่งนางกลับไป ไม่งมนางขึ้นมาอีก เมื่อคิดได้ดังนั้นจึงออกแรงผลักฝาหีบให้เปิดออก แต่ก็ต้องหยุดชะงักไป
เขางมขึ้นมาผิดหีบเสียแล้ว หีบใบนี้ไม่มีดอกไม้ ไม่มีกระทั่งผ้าไหม มีเพียงทารกหญิงคนเดียว
ซ้ำทารกหญิงคนนี้ยังมีชีวิตอยู่
ทารกน้อยเบิกตากว้าง แล้วใช้มือน้อยๆ จับเท้าของตน แล้วค่อยดึงมาที่ปาก ทำท่าราวกับจะอมเท้าของตน