คำพูดของอวิ๋นโส่วเย่า และเสียงซุบซิบดูถูกเหยียดหยามจากรอบข้าง ทำให้ผู้เฒ่าอวิ๋นโมโหจนพูดไม่ออก เขารู้ดีว่าอวิ๋นโส่วเย่าไม่โกหก คราวนี้อวิ๋นเหมยเอ๋อร์คงต้องเสียชื่อเสียงแล้วจริงๆ
ในชนบทแบบนี้ ข่าวลือแพร่กระจายไปเร็วนัก ไม่แน่ว่าพรุ่งนี้เช้า เื่ของอวิ๋นเหมยเอ๋อร์คงจะรู้กันไปทั่วหมู่บ้าน ลูกสาวคนนี้ของเขาถูกเถาซื่อตามใจจนเสียคน! เหตุใดถึงได้สายตาคับแคบเช่นนี้?
ผู้เฒ่าอวิ๋นถอนหายใจด้วยความเศร้าสลด แล้วหันหลังเดินกลับเข้าห้อง เขารู้สึกเหนื่อยล้าอย่างบอกไม่ถูก ตอนนี้อะไรๆ ก็วุ่นวายไปหมด เขาหมดแรงจะจัดการแล้ว
ส่วนเถาซื่อนั้นรู้สึกโกรธเกรี้ยวอย่างที่ไม่เคยเป็มาก่อน อวิ๋นโส่วเย่าเป็ลูกที่เกิดจากท้องนาง เป็ลูกชายคนแรกของนาง! แต่ตอนนี้เขากลับเข้าข้างคนนอก สมคบคิดกับบ้านเ้าใหญ่และบ้านเ้ารอง
“ข้าจะตีเ้าให้ตายไอ้ลูกอกตัญญู! เหมยเอ๋อร์เป็น้องสาวแท้ๆ ของเ้า เ้าต้องทำลายชื่อเสียงของนางเช่นนี้ด้วยหรือ!”
อวิ๋นโส่วเย่าไม่ใช่คนหัวโบราณอย่างอวิ๋นโส่วกวง เขารีบแย่งไม้กวาดในมือเถาซื่อมา และจับข้อมือของนางไว้แน่นก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงเ็า “ท่านแม่ ข้าเตือนท่าน เอาเวลาที่คิดจะตีข้า ไปสั่งสอนเหมยเอ๋อร์ให้ดีเถิด นิสัยอย่างนาง ต่อไปใครจะกล้ารับไปเป็ภรรยา?”
“ท่านพูดจาเหลวไหล ท่านโกหก!” อวิ๋นเหมยเอ๋อร์เองก็ร้องไห้โวยวาย
อวิ๋นโส่วเย่าได้ยินดังนั้นก็ยิ้มเยาะก่อนจะชูนิ้วสาบานต่อหน้า์ “ขอให้ชาวบ้านทุกคนเป็พยานให้ข้า วันนี้อวิ๋นโส่วเย่าผู้นี้ขอสาบานต่อ์ หากคำพูดเมื่อครู่ของข้ามีคำใดเป็เท็จ ขอให้ฟ้าผ่าตาย ไม่ได้ตายดี!”
ชาวบ้านในชนบทให้ความเคารพต่อฟ้าดินและเทพเ้าเป็อย่างมาก คนทั่วไปไม่กล้าสาบานส่งเดช อวิ๋นโส่วเย่ากล้าสาบานเช่นนี้ ประกอบกับที่ผ่านมาเขาเป็คนที่มีนิสัยดีเป็ทุนเดิม พวกชาวบ้านเดิมทีก็เชื่อเขาอยู่แล้ว คราวนี้ก็ยิ่งมั่นใจว่าเขาไม่ได้โกหก
ทันทีที่อวิ๋นโส่วเย่าพูดจบ อวิ๋นเหมยเอ๋อร์ก็หน้ามืดเป็ลมล้มพับไป หากไม่เป็ลมแล้วจะให้นางทำอย่างไรได้อีก? หรือว่าจะให้นางสาบานบ้าง? นางไม่กล้าหรอก!
หลังจากที่อวิ๋นโส่วเย่าสาบานเสร็จ เขาก็พาอวิ๋นหลานเอ๋อร์ออกจากบ้านกลับไปหาอวิ๋นโส่วจง ส่วนเื่ของตระกูลอวิ๋นเก่าจะเป็อย่างไร เขาไม่สนใจแม้แต่น้อย
เมื่อมาถึงบ้านของอวิ๋นโส่วจง อวิ๋นโส่วเย่านั่งลงก็รินสุราดื่มรวดเดียวสองจอกติด เมื่อเห็นสีหน้ามืดครึ้มของเขา ทุกคนที่นั่งอยู่ต่างก็รู้ว่าเขาต้องไปมีเื่ที่บ้านตระกูลอวิ๋นเก่ามาเป็แน่
แน่นอนว่าตอนที่อวิ๋นโส่วเย่าเสนอตัวว่าจะพาอวิ๋นเหมยเอ๋อร์กลับไปที่บ้านหลังเก่า และอธิบายเื่ราวทุกอย่างให้กระจ่าง ทุกคนก็รู้ดีว่าการไปของเขาในครั้งนี้ต้องเกิดเื่วุ่นวายแน่ เพียงแต่ไม่รู้ว่าเกิดเื่อันใดขึ้น ถึงทำให้อวิ๋นโส่วเย่าโกรธได้ขนาดนี้
อวิ๋นเจียวไม่กล้าไปซักถามอวิ๋นโส่วเย่าที่เอาแต่ดื่มสุรา จึงหันไปถามอวิ๋นหลานเอ๋อร์ “พี่หญิงสาม พวกท่านกลับไปแล้วเกิดเื่อันใดขึ้นที่นั่นหรือเ้าคะ?”
อวิ๋นหลานเอ๋อร์เป็เด็กไม่คิดมากอยู่แล้ว นางไม่รู้สึกว่ามีอะไรไม่เหมาะสม พออวิ๋นเจียวถาม นางจึงเล่าเื่ราวทั้งหมดที่เกิดขึ้นที่บ้านหลังเก่านั้นให้ฟังตามจริงอย่างรวดเร็วโดยไม่ตกหล่นแม้แต่คำเดียว
หลังจากที่นางเล่าจบ เฉาซื่อก็สวมกอดนางด้วยความสงสารพลางร้องไห้ “หลานเอ๋อร์ก็เป็หลานแท้ๆ ทำไมท่านแม่ถึงได้ใจร้าย สาปแช่งนางได้ลงคอ! ชื่อเสียงของอวิ๋นเหมยเอ๋อร์เป็ชื่อเสียง แล้วชื่อเสียงหลานเอ๋อร์ของพวกเราเป็อาจมงั้นหรือ? กลัวว่าเหมยเอ๋อร์จะไม่ได้แต่งงาน จึงสาปแช่งหลานเอ๋อร์ของพวกเราว่าต่อไป...”
อวิ๋นหลานเอ๋อร์เป็เด็กมองโลกในแง่ดี “ท่านแม่ ท่านอย่าร้องไห้เลย ท่านไม่รู้นิสัยย่าของข้าอีกหรือ? ปากนางเคยพูดอะไรดีๆ เสียที่ไหน ยิ่งไปกว่านั้น นางก็ไม่ใช่เทพเซียนเสียหน่อย พูดอะไรไปก็ไม่ใช่ว่าจะเป็จริงเสียเมื่อไหร่” กล่าวจบก็รับขาไก่ที่อวิ๋นเจียวยื่นให้ แล้วกินอย่างอิ่มเอมใจ
ฟางซื่อเอ่ยยิ้มๆ “นิสัยแบบหลานเอ๋อร์นับว่าดีมาก มองโลกในแง่ดี ในอนาคตต้องได้เจอคู่ครองที่ดีและมีชีวิตที่สุขสบาย เ้าไม่ต้องร้องไห้แล้ว!”
จ้าวซื่อก็ช่วยปลอบใจอีกแรง “ใช่ๆ หลานเอ๋อร์พูดถูก นางไม่ได้เป็เทพเซียน สาปแช่งอย่างไรก็ไม่ได้เป็จริงทุกอย่างหรอก เ้าอย่าเศร้าใจไปเลย”
อวิ๋นโส่วเย่าที่ดื่มสุราไปหลายจอกก็เอ่ยขึ้นว่า “แม่เ้า อย่าร้องไห้เลย ยังไงพวกเราก็แยกบ้านออกมาแล้ว ต่อไปนี้ก็ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับบ้านหลังเก่านั้นแล้ว เ้าวางใจเถอะ ข้าจะขยันทำงาน ให้พวกเ้าสามแม่ลูกได้ใช้ชีวิตอย่างสุขสบาย”
เฉาซื่อได้ยินดังนั้นก็รีบเช็ดน้ำตาพลางยิ้มอย่างรู้สึกผิด “อืม ข้าแค่ได้ยินแล้วรู้สึกเสียใจ... ทำให้พวกเ้าต้องมาเห็นน้ำตาแล้ว”
อวิ๋นโส่วจงเอ่ยขึ้น “น้องสะใภ้สาม เ้าวางใจเถอะ น้องสามต้องทำให้พวกเ้าสามแม่ลูกได้ใช้ชีวิตที่สุขสบายเป็แน่”
จากนั้นก็ยกจอกสุราขึ้น กล่าวว่า “ข้าไม่ขอปิดบังพวกท่าน วันนี้ข้าซื้อที่ดินชั้นดีสองร้อยหมู่จากตระกูลเศรษฐีหวัง ข้าคิดว่าจะแบ่งให้คนอื่นเช่าปลูกหนึ่งร้อยหมู่ ส่วนที่เหลืออีกหนึ่งร้อยหมู่พวกเราก็จ้างคนมาปลูกเอง เพียงแต่หากทำเช่นนั้น ข้าคนเดียวก็คงดูแลไม่ไหว ไม่ทราบว่าพี่ใหญ่กับน้องสาม เต็มใจช่วยข้าดูแลที่ดินสองร้อยหมู่นี้หรือไม่?”
คำพูดของอวิ๋นโส่วจงเปรียบเสมือนสายฟ้าฟาด ดังสนั่นหวั่นไหวในหัวใจของบ้านใหญ่และบ้านสาม โอ้์! ที่ดินชั้นดีสองร้อยหมู่ นั่นต้องใช้เงินมากมายเพียงใดกันเล่า?
อวิ๋นฉี่ชิ่งกับอวิ๋นฉี่เสียงจ้องมองอวิ๋นโส่วจงด้วยแววตาชื่นชม ท่านอาสองช่างเก่งกาจยิ่งนัก!
อวิ๋นโส่วจงรู้สึกเขินอายเล็กน้อยต่อสายตาที่เปี่ยมล้นด้วยความชื่นชมของพี่ชายและหลานชายที่มองมา ความจริงแล้วนี่ไม่ใช่ความสามารถของเขา เงินพวกนี้เป็เงินที่เจียวเอ๋อร์หามาได้ต่างหาก
แต่ถึงกระนั้นเขาก็ไม่สามารถบอกความจริงที่ว่าเจียวเอ๋อร์เป็คนหาเงินได้ เพราะเจียวเอ๋อร์ยังเด็กนัก คงไม่ดีนักที่จะมีคนคอยจับตามอง
“เ้ารอง... เ้า... เ้าพูดจริงหรือ?”
“พี่รอง... ที่ดินสองร้อยหมู่...”
อวิ๋นโส่วจงพยักหน้า “จริงสิ เช้านี้ข้าเพิ่งไปจัดการเื่โฉนดมา”
ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมพี่รองถึงซื้อวัวเพิ่มมาอีกสี่ตัว ที่แท้ก็เพราะไปซื้อที่ดินมาสองร้อยหมู่นี่เอง
ทั้งสองคนรีบตอบ “พวกข้ายินดี!”
“เ้ารองวางใจเถอะ พี่ใหญ่อาจจะทำอะไรไม่เป็ แต่เื่งานในไร่นา ถือว่าทำได้ดีที่สุดในหมู่บ้านเลยทีเดียว”
เมื่อเห็นทั้งสองคนตอบตกลง อวิ๋นโส่วจงจึงเอ่ยขึ้นอีกว่า “ข้าซื้อที่ดินในหมู่บ้านไว้อีกสิบหมู่ เพื่อสร้างบ้านใหม่ ในเมื่อพี่ใหญ่กับน้องสามตกลงจะช่วยข้าดูแลที่นา ข้าก็ขอแบ่งให้พวกท่านคนละหนึ่งหมู่ครึ่ง เอาไว้สร้างบ้านใหม่ จะได้ไม่ต้องทนอยู่ที่บ้านตระกูลอวิ๋นเก่าให้ระอาใจ”
“พวกท่านอย่าเพิ่งปฏิเสธ ที่ดินพวกนั้นเป็ที่ดินชั้นเลว หนึ่งหมู่ราคาเพียงแค่สองถึงสามตำลึงเงินเท่านั้น ข้าจากบ้านไปหลายปี ไม่ค่อยรู้เื่งานในไร่นา หากพี่ใหญ่กับน้องสามช่วยข้าดูแลที่นาแล้ว เงินพวกนี้ข้าหาคืนได้ไม่ยาก”
สองพี่น้องได้ยินดังนั้นก็รีบกล่าวขอบคุณ ส่วนจ้าวซื่อกับเฉาซื่อตื้นตันใจจนน้ำตาไหล
อวิ๋นโส่วจงเอ่ยต่อ “ส่วนเื่ค่าตอบแทน ข้าจะให้ตามธรรมเนียมของชาวบ้าน เดือนละสองตำลึงเงิน พี่ใหญ่กับน้องสามว่าอย่างไร?”
เดือนละสองตำลึงเงิน! สองพี่น้องไหนเลยจะปฏิเสธได้ จะต้องรู้ไว้ว่าหัวหน้าคนงานในไร่ของตระกูลเศรษฐีหวังยังได้เงินเดือนแค่เดือนละหนึ่งตำลึงเงินเท่านั้น! พวกเขาตั้งปณิธานในใจทันที ว่าจะต้องช่วยโส่วจงดูแลที่ดินผืนนี้ให้ดีที่สุด
หลังจากตกลงกันแล้ว พี่น้องทั้งสามคนก็ยกจอกสุราขึ้นดื่มจนหมดจอก จากนั้นอวิ๋นโส่วเย่าก็รินสุราให้แก่อวิ๋นโส่วจงจนเต็มจอก แล้วกล่าวว่า “พี่รอง บุญคุณที่พวกท่านมีต่อบ้านข้า อวิ๋นโส่วเย่าผู้นี้จะไม่มีวันลืมเลือน! ข้าขอดื่มคารวะท่าน!”
อวิ๋นโส่วจงไม่ได้ปฏิเสธ ยกจอกสุราขึ้นดื่มจนหมดเช่นกัน อวิ๋นโส่วกวงน้ำตาคลอเบ้า มือที่เต็มไปด้วยรอยแผลเป็ปาดน้ำตา พูดอะไรไม่ออก
เขายกจอกสุราขึ้น เอ่ยด้วยเสียงสั่นเครือ “ดี! ดี! ดี! น้องรอง เ้าทำได้ดีมาก! ท่านแม่ที่อยู่บน์คงจะวางใจแล้ว ตอนที่ท่านจากไปก่อนเวลาอันควร ท่านเป็ห่วงเ้ามากที่สุด! บัดนี้ครอบครัวของเ้าอยู่พร้อมหน้า ชีวิตก็ดีขึ้นเรื่อยๆ ท่านแม่... คงจะยิ้มอย่างสุขใจแล้ว”