ใต้ที่นั่ง เฟิ่งเฉี่ยนนั่งงอตัวอยู่ที่นั่น หัวใจเต้นโครมคราม
ตบตาเซวียนหยวนเช่อไม่ง่ายดายเลย มาตรว่าอาจมีเพียงยามที่อยู่ต่อหน้านาง เขาจึงไม่มีปราการป้องกันตัว
ได้ยินเสียงคนทั้งสองต่อสู้กันดังเข้ามาในโสตประสาท ต่อมานางได้ยินเสียงคนพุ่งเข้ามาในรถม้า เสียงฝีเท้าประดุจเสียงกลองที่เดินเข้ามาใกล้ขึ้นเรื่อยๆ จากนั้นบังเกิดเสียงดัง โครม กล่องไม้ถูกเตะจนเปิดออก!
ดวงตาของเฟิ่งเฉี่ยนเบิกโต นางเงยหน้าขึ้นเห็นใบหน้าเ็าราวกับน้ำแข็งของเซวียนหยวนเช่อเต็มไปด้วยโทสะ เขาย่อกายลงมา ใกล้จนเกือบจะเรียกได้ว่าแก้มแนบแก้ม!
นางกลั้นลมหายใจสุดฤทธิ์ ไม่ให้ตนเองส่งเสียงออกมาแม้แต่น้อย ทว่ากลับควบคุมหัวใจที่เต้นรัวแรงเพราะเขาไม่ได้
ตุบ! ตุบ! ตุบ! ตุบ! ...
แม้วินาทีสุดท้ายนางจะใช้ยันต์ล่องหนใบสุดท้าย ดังนั้นเขาจึงมองไม่เห็นนาง แต่เขาอยู่ใกล้แค่นี้ นางตื่นเต้นเสียจนไม่กล้าหายใจ
วินาทีที่เห็นกล่องใบนั้นว่างเปล่า แววตาของเซวียนหยวนเช่อปรากฏให้เห็นความผิดหวังลึกๆ แต่เขายังคงไม่ยอมถอดใจ เขาพลันยื่นมือออกมา เฟิ่งเฉี่ยนใจนสะดุ้งโหยง เพราะยันต์ล่องหนทำให้นางไม่ถูกผู้อื่นพบเห็น แต่ร่างกายของนางยังคงมีอยู่...
ขณะที่หัวใจของนางแทบจะะโออกมานั้น ซือคงเซิ่งเจี๋ยพลันฟาดฝ่ามือลงมาจากด้านหลัง เป้าหมายก็คือกลางแผ่นหลังของเซวียนหยวนเช่อ เฟิ่งเฉี่ยนเบิกตากว้างเกือบจะส่งเสียงร้องออกไปด้วยความใ!
เซวียนหยวนเช่อเบี่ยงกายหลบพ้นฝ่ามือที่ซือคงเซิ่งเจี่ยลอบโจมตีอย่างงดงาม
ที่แท้ นางไม่อยู่ที่นี่
เขาหมุนกายเดินจากไปเงียบๆ
เฟิ่งเฉี่ยนมองแผ่นหลังที่โดดเดี่ยวอ้างว้างของเขาด้วยหัวใจที่เ็ป
อาเช่อ ขอโทษ!
กองทหารรักษาพระองค์แบ่งออกเป็สองฝั่งถนน ปล่อยให้รถม้าค่อยๆ เคลื่อนตัวออกไป มุ่งหน้าออกไปทางนอกเมือง
เฟิ่งเฉี่ยนมองแผ่นหลังของเซวียนหยวนเช่อที่ห่างนางออกไปไกลขึ้นเรื่อยๆ จากมุมๆ หนึ่งของหน้าต่างรถม้า ร่างของเฟิ่งเฉี่ยนสั่นสะท้านอย่างรุนแรงเมื่อกุมหน้าอกเอาไว้
เวลาของยันต์ล่องหนหมดลงั้แ่เมื่อใดไม่รู้ ร่างของนางที่นั่งยองๆ อยู่ข้างหน้าต่างปรากฏให้เห็นเป็รูปเป็ร่าง
ซือคงเซิ่งเจี๋ยเห็นแล้วปากอ้าตาค้างราวกับเห็นผี
“เ้า...เ้าทำได้อย่างไร?”
เมื่อสักครู่ขณะที่เซวียนหยวนเช่อออกแรงเตะกล่องใบนั้นจนเปิดออก เขาคิดว่านางต้องถูกเปิดโปงเป็แน่แท้ ใครเลยจะรู้ว่าภายในกล่องใบนั้นกลับไม่มีเงาร่างของคนแม้แต่คนเดียว เขาตะลึงงันอยู่กับที่!
ทั้งๆ ที่นางซ่อนตัวอยู่ในนั้น เหตุใดจึงหายตัวกลายเป็อากาศธาตุในชั่วพริบตา?
นี่มันเหลือเชื่อ!
ตอนนี้คนที่หายตัวไป กลับปรากฏตัวขึ้นอีกครั้ง
เห็นผีชัดๆ!
เฟิ่งเฉี่ยนเปลี่ยนอิริยาบถ เอนกายนั่งลงบนพื้นไม้กระดานของรถม้า นางนั่งจิตใจล่องลอยไม่พูดไม่จา
นางคิดว่านางสามารถเดินจากไปได้อย่างไม่ยี่หระ แต่ที่จริงแล้วไม่เลย!
ที่แท้ การไปจากคนที่เรารักอย่างลึกซึ้ง เป็ความเ็ปยากจะทานทนเช่นนี้!
นางกำลังคิดว่าจิตใจของเขาในนาทีนี้ย่อมต้องเ็ปและทุกข์ทนกว่านางแน่นอน
ซือคงเซิ่งเจี๋ยเห็นนางเงียบงันไม่พูดไม่จา จึงไม่รบกวนนางอีก รถม้าวิ่งเร็วขึ้นอีกท่ามกลางความเงียบสงัด ยิ่งวิ่งยิ่งไกลออกไป
นอกประตูเมือง เซวียนหยวนเช่อสำรวจบริเวณโดยรอบอย่างระมัดระวัง เขาไม่ปล่อยให้คนและสิ่งที่อาจเป็ที่น่าสงสัยหลุดรอดสายตาไปได้ ทว่ากลับคว้าน้ำเหลว
เขายิ่งคิดยิ่งรู้สึกว่าไม่ถูกต้อง เมื่อสักครู่ซือคงเซิ่งเจี๋ยจากไปอย่างบังเอิญเกินไป ปฏิกิริยาของเขารุนแรงเกินไป จากที่เขารู้จักนิสัยของศิษย์น้อง หากเป็เื่ที่เขาไม่ใส่ใจเขาจะไม่พูดจา ไม่แยแส แต่ท่าทีของเขาในวันนี้แปลกไปจากยามปกติอย่างชัดเจน โดยเฉพาะอย่างยิ่งชั่วขณะที่เขาบุกขึ้นไปบนรถม้าและเตะกล่องใบนั้นให้เปิดออก ปฏิกิริยาของศิษย์แปลกประหลาดอย่างยิ่ง
หรือว่า...
ในสมองของเขาพลันพบความจริงบางอย่างที่น่าตกตะลึง วินาทีถัดนมา เขาหันม้ากลับแล้วลงตวัดแส้ลงบนหลังม้าพุ่งทยานออกไปทางนอกเมือง
“ฝ่าา!”
ลั่วหยิ่งเห็นเช่นนั้นจึงรีบนำคนและม้าจำนวนหนึ่งตามหลังไป
ท่ามกลางลมพายุฝนที่ตกตลอดทั้งวัน ทำให้ดินโคลนบนพื้นมีสภาพอ่อนตัว อีกทั้งเช้าวันนี้มีรถม้าออกจากเมืองเพียงคันเดียว ร่องรอยของรถม้าจึงยังคงเห็นอย่างชัดเจน
เซวียนหยวนเช่อควบม้าไล่ตามร่องรอยของรถม้าอย่างรวดเร็ว เวลาหนึ่งก้านธูปผ่านไป ในที่สุดก็เห็นรถม้าของซือคงเซิ่งเจี๋ย
หัวใจของเซวียนหยวนเช่อเต้นระรัวทว่าสีหน้าไม่บ่งบอกอารมณ์ เขาควบม้าเข้าไปขวางหน้ารถม้าเอาไว้อย่างรวดเร็ว
คนขับรถม้าใจนสะดุ้ง สีหน้าเผือดขาวขณะดึงสายบังเหียน
“เ้า...เ้าคิดจะทำอะไร?”
เซวียนหยวนเช่อนั่งอยู่บนหลังม้าแล้วเอ่ยกับคนในรถม้าว่า “ท่านพี่ซือคง เมื่อสักครู่เจิ้นลืมถามว่า ท่าน้าไปที่ใด?”
ภายในรถม้าไม่มีการตอบสนอง เงียบสงบอย่างที่สุด
เซวียนหยวนเช่อขมวดคิ้วเขาชักม้าไปชิดริมหน้าต่างแล้วพูดอีกว่า “ท่านพี่ซือคง ได้ยินเจิ้นหรือไม่?”
ภายในรถม้ายังคงไม่ตอบสนองดังเดิม
เซวียนหยวนเช่อหันไปมองคนขับรถม้าที่หูตาล่อกแล่ก เขารับรู้ได้ทันทีว่าผิดปกติ จึงยื่นมืออกไปเปิดผ้าม่านหน้าต่างของรถม้า เขาตกตะลึงเมื่อพบว่าข้างในไม่มีคนแม้แต่คนเดียว!
“พูดมา คนไปไหนแล้ว?”
คนขับรถม้าถูกกระชากคอเสื้อไว้ในมือของเซวียนหยวนเช่อ ดวงตาที่เต็มไปด้วยโทสะอยู่ใกล้เช่นนี้ ร่างของคนขับรถม้าสั่นสะท้าน พูดทั้งปากคอสั่นว่า “เขา ก่อนหน้านี้หนึ่งก้านธูปพวกเขาลงไปจากรถม้าแล้ว ข้าไม่รู้จริงๆ ว่าพวกเขาไปที่ใด?”
ดวงตาเ็าของเซวียนหยวนเช่อหดแคบลง เขาจับข้อใหญ่ใจความในคำพูดของคนขับรถม้าได้ทันที “พวกเขา” เป็ไปอย่างที่เขาคาดเอาไว้จริงๆ ฮองเฮาซ่อนตัวอยู่ในรถม้าของศิษย์น้อง!
เขาถึงกับคาดเดาได้ว่า ตอนนั้นนางซ่อนตัวล่องหนอยู่ในกล่องว่างเปล่าใบนั้น!
เมื่อครั้งอยู่ในป่าหมอกดำ เขาเคยประจักษ์แก่สายตามาก่อนว่านางใช้ศาสตร์ล่องหน นางสามารถไปจากตำหนักเว่ยยางได้โดยที่ไม่มีใครพบเห็น ออกไปจากวังหลวง หลบหลีกสายตาของทหารลาดตระเวนทั้งหมด ล้วนอาศัยศาสตร์ล่องหนอันมหัศจรรย์นี้
เหตุใดเขาจึงไม่นึกออกให้เร็วกว่านี้นะ? หากเขารอบคอบกว่านี้สักหน่อย เขาอาจจะจับตัวนางได้แล้ว!
นางถึงกับซ่อนตัวอยู่ในรถม้าของศิษย์น้องเพื่อหนีออกนอกเมือง
พวกเขานัดกันไว้แต่แรกแล้วหรือไม่?
หรือคนในใจที่แท้จริงของนางคือศิษย์น้อง?
ความริษยา เดือดดาล เคลือบแคลงสงสัย...ความรู้สึกนานาชนิดที่ประดังประดังกันเข้ามาครอบงำความคิดของเขา เหมือนกับกระแสน้ำที่ไหล่บ่าเข้ามา เขากำหมัดซัดออกไป รถม้าแตกสลายเป็ชิ้นเล็กชิ้นน้อย!
เฟิ่งเฉี่ยนและซือคงเซิ่งเจี๋ยในยามนี้กำลังเดินอยู่บนทางเล็กๆ ในป่า คนหนึ่งเดินอยู่หน้า อีกคนหนึ่งเดินอยู่ข้างหลัง
หลังจากรถม้าออกเดินทางได้ไม่นาน เฟิ่งเฉี่ยนก็ทิ้งรถม้าและลงเดินเท้า เพราะนางมีลางสังหรณ์ในใจอย่างแรงกล้าว่าเซวียนหยวนเช่อจะย้อนกลับมา และเป็ไปตามที่นางคิดเอาไว้จริงๆ หลังจากนั้นหนึ่งก้านธูป เซวียนหยวนเช่อย้อนกลับมา แต่นางได้เลือกใช้เส้นทางอีกทางหนึ่ง เซวียนหยวนเช่อจึงตามหานางไม่พบ
แต่ที่ทำให้นางปวดหัวยิ่งกว่าเดิมก็คือ ซือคงเซิ่งเจี๋ยลงรถม้าพร้อมกับนางด้วย และยังติดสอยห้อยตามนางมาตลอดทาง สลัดอย่างไรก็สลัดไม่หลุด
ในที่สุดนางก็ทนไม่ไหว นางหยุดเดินแล้วหันไปถลึงตาใส่เขา “เหตุใดเ้าจึงติดตามข้ามาตลอดทาง?”
ซือคงเซิ่งเจี๋ยพูดด้วยน้ำเสียงเป็การเป็งาน “เ้าเคยพูดว่าจะช่วยข้าถอนพิษ เ้าต้องรับผิดชอบข้าด้วย”
เฟิ่งเฉี่ยนโมโหจนหัวเราะ รับผิดชอบเขา?
ไฉนคำพูดนี้ฟังอย่างไรก็รู้สึกตะหงิดๆ นะ?
“แต่ต่อให้ต้องถอนพิษ ก็มิใช่เวลาสองสามวัน”
ซือคงเซิ่งเจี๋ยหัวเราะอย่างไม่ยี่หระ “ไม่เป็ไร ข้าค่อยๆ รอก็ได้ อย่างไรข้าก็ว่างอยู่แล้ว ไปไหนก็เหมือนกัน”
เฟิ่งเฉี่ยนมืดแปดด้าน คิดไม่ถึงว่าเขาถึงกับพาลพาโลยิ่งกว่านางเสียอีก นี่เขาตัดสินใจแล้วว่าจะติดตามนาง
นางสะบัดหน้ากลับไปอย่างไม่สบอารมณ์และเดินมุ่งหน้าต่อไป
ภายใต้หน้ากากสีเงิน ริมฝีปากของซือคงเซิ่งเจี๋ยโค้งขึ้นเป็รอยยิ้มบางๆ
“เ้าคิดจะไปที่ใด?”
เฟิ่งเฉี่ยนไม่สนใจเขา
“เ้ากลัวว่าข้าจะเปิดโปงเ้า?”
เฟิ่งเฉี่ยนยังคงไม่สนใจเขา
“หากข้า้าเปิดโปงเ้า ย่อมต้องเปิดโปงเ้าั้แ่ตอนออกนอกเมืองแล้ว”
ในที่สุด เฟิ่งเฉี่ยนก็หยุดเดินแล้วหันมามองเขา
“เหตุใดเ้าต้องช่วยเหลือข้า?” เมื่อนึกถึงเื่นี้ขึ้นมาได้ นางแค่นเสียงฮึ “หรือเป็เพราะ้าช่วยให้น้องสาวของเ้าก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งฮองเฮาอย่างราบรื่น?”
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้