“เ้า...เมื่อครู่หายไปไหนมา?”
หลินเมิ้งหยายื่นมือออกไปหยิกใบหน้าข้างแก้มของชิงหูก่อนจะแน่ใจว่านางมิได้ตาฝาด
“ไอ้หยา ไอ้หยา เจ็บ เจ็บ เจ็บ! เมื่อครู่ข้าก็อยู่ตรงหน้าเ้าอย่างไรเล่าเพียงแค่เ้าไม่เห็นก็เท่านั้น”
ไม่ง่ายเลยที่จะช่วยใบหน้าตัวเองออกจากฝ่ามือเพชฌฆาตของหลินเมิ้งหยาชิงหูส่งเสียงโอดครวญพลางอธิบาย
“นี่เป็วิธีการใช้จุดบอดของคนเพื่ออำพรางตัวอย่างนั้นหรือ?คิดไม่ถึงเลยว่าคนในสมัยโบราณจะรู้จักทฤษฎีอย่างนี้”
หลินเมิ้งหยาบ่นอุบอิบเพราะเหตุนี้นักฆ่าแห่งเถาฮวาอู๋จึงปรากฏตัวขึ้นกะทันหันและหายไปอย่างรวดเร็ว
ที่แท้นี่ก็เป็ความลับของพวกเขา
“จริงสิ เ้าถอนตัวออกจากเถาฮวาอู๋แล้ว แล้วเหล่านักฆ่าพวกนั้นเล่า?”
เถาฮวาอู๋คือกลุ่มที่ชิงหูสร้างขึ้น
เขาถอนตัวออกมาแล้วแต่ก็ใช่ว่านักฆ่าเ่าั้จะสร้างกลุ่มใหม่ขึ้นมา
“พวกเขามีรังใหม่นานแล้ว นับั้แ่วันที่ข้าถูกจับในสายตาของเถาฮวาอู๋ ข้าได้ตายจากไปแล้ว”
พูดถึงเื่ที่ตนเองถูกจับในคุกสายตาของชิงหูพลันเผยให้เห็นร่องรอยของความเ็า
คนพวกนั้นคงคิดไม่ถึงว่าหลินเมิ้งหยาจะสามารถถอนยาพิษออกไปได้
อีกทั้งใบหน้าของเขาในเวลานี้ยังแตกต่างจากเมื่อก่อนมาก
แม้จะอยู่ต่อหน้าคนของเถาฮวาอู๋ แต่คนพวกนั้นไม่มีทางจำเขาได้
ทั้งสองพูดคุยและเดินกลับไปยังตำหนักหลิวซิน
จู่ๆ หลินเมิ้งหยาก็รู้สึกสงสัย นางกดเสียงให้เบาลง
“เ้ายังจำครั้งแรกที่พวกเราเจอกันได้หรือไม่?”
ครั้งแรกที่เจอกัน? มุมปากของชิงหูพลันปรากฏรอยยิ้ม การพบกันในคราวนั้นยังคงตราตรึงอยู่ในความทรงจำของเขา
“ข้าจำได้แน่นอน เ้าเด็กน้อยตอนนี้ข้าก็ยังสงสัยอยู่ว่าเ้าเผา...”
“ไม่ใช่แน่นอน ความจริงกลิ่นไหม้ในวันนั้นคือกลิ่นเนื้อหมูย่าง”
เมื่อได้ยินคำพูดมิใส่ใจของหลินเมิ้งหยาสีหน้าของชิงหูพลันสดใสขึ้นมา
เขาหัวเราะขมขื่นพลางส่ายหน้าตอนนี้เขาเข้าใจแล้วว่าเขาตกอยู่ในกำมือของเ้าเด็กน้อยคนนี้ั้แ่ครั้งแรกที่เจอกันแล้ว
ดูเหมือนเขาจะตัดสินใจไม่ผิด
“เมื่อก่อนข้าเคยถามเ้าว่าใครคือเ้านายตัวจริงแห่งเถาฮวาอู๋ยิ่งไปกว่านั้นใครคือคนที่ยอมสละเงินมากมายเพื่อเอาชีวิตข้า”
สายตาพลันเหลือบเห็นตำหนักหลิวซินตรงหน้า
นี่คือจุดเชื่อมโยงของพวกเขาที่แท้จริงแต่เพราะชิงหูมิได้สนใจอะไรแล้ว ดังนั้นจึงหวนนึกถึงความทรงจำและเอ่ยตอบ
“นายใหญ่แห่งเถาฮวาอู๋คือคนที่ชุบเลี้ยงพวกเรามาข้าไม่รู้ว่าเขาเป็ใคร เหตุเพราะเขามักสวมใส่หน้ากากแต่ข้ามั่นใจมากว่าคนผู้นี้คือผู้มีอำนาจและตำแหน่งค่อนข้างสูง ยิ่งไปกว่านั้นปกติข้าจะเป็คนจัดการงานในเถาฮวาอู๋ ส่วนเื่ที่้าเอาชีวิตเ้าเขาเป็คนมาหาข้าด้วยตัวเอง”
เหตุเพราะตอนนี้ถอนตัวออกจากเถาฮวาอู๋แล้ว
แต่เมื่อนึกถึงนายใหญ่แห่งเถาฮวาอู๋ขึ้นมาร่างของเขาอดไม่ได้ที่จะสั่นสะท้าน
คนคนนั้นน่ากลัวเกินไป
เด็กหนุ่มที่ถูกฝึกพร้อมกับเขาหลายคนเคยคิดต่อต้านแต่กลับถูกเขาฆ่าตายจนหมดสิ้น
แม้ตอนนี้ร่างของเขาจะท่วมไปด้วยเืแต่ยังเทียบไม่ได้กับภาพฝันร้ายภาพนั้น
“ชิงหู? ชิงหู?”
หลินเมิ้งหยาที่เดินนำหน้าส่งเสียงเรียกทว่าเขากลับยังยืนอยู่ที่เดิม
หลินเมิ้งหยาเดินเข้าไป ทว่าใบหน้าของเขากลับขาวซีดเม็ดเหงื่อผุดขึ้นบนหน้าผาก
จ้องมองแววตาของเขา แต่กลับได้เห็นภาพของความกระวนกระวาย
หลินเมิ้งหยาเข้าใจได้ในทันทีความทรงจำที่ผ่านมาเลวร้ายมากจนเกินไป ดังนั้น เขาจึงตกอยู่ในภวังค์
ไม่คิดอะไรมาก นางโอบกอดร่างของเขาไว้นางอยากให้ชิงหูรู้ว่าตอนนี้เขาถอนตัวออกมาแล้ว
“ไม่เป็ไร ไม่เป็ไรแล้ว ทุกอย่างผ่านไปแล้ว ต่อจากนี้ไปคนผู้นั้นจะไม่มีวันควบคุมเ้าได้อีกไม่เป็ไรแล้ว ไม่เป็ไรแล้วนะ”
เสียงอบอุ่นอ่อนโยนปลอบประโลมชิงหู
หลินเมิ้งหยาตบหลังเขาเบาๆ เพื่อให้เขารับรู้ว่าเขามิได้โดดเดี่ยว
ร่างกายที่เคยแข็งทื่อพลันอ่อนยวบลงในอ้อมกอดของหลินเมิ้งหยา
จนกระทั่งชิงหูกอดตอบนางหลินเมิ้งหยาจึงรู้สึกได้ถึงความชื้นที่หัวไหล่
“ข้า...ขอบใจเ้านะ เ้าเด็กน้อย”
เขาเอ่ยขอบคุณ ชีวิตที่ผ่านมาของเขาทุกข์ทรมานมากจริงๆ
หลินเมิ้งหยาถอนหายใจ ขณะที่คิดจะปลอบโยนชิงหูแต่นางกลับได้เห็นร่างของหลงเทียนอวี้ที่หน้าประตู
นางรีบดันร่างของชิงหูออกทันที
ทั้งที่สีหน้าของหลงเทียนอวี้ยังคงเหมือนเดิมแต่นางกลับรู้สึกได้ถึงความโกรธเกรี้ยว
“ท่านอ๋อง...”
หลงเทียนอวี้หมุนตัว หลินเมิ้งหยาวิ่งตามไปโดยไม่คิด
ภายในสวนจึงเหลือเพียงชิงหูที่กำลังยืนชะงักมองตามแผ่นหลังของหลินเมิ้งหยา
จริงๆ เลยเขายังไม่ทันจะัักายเนื้ออันนุ่มนิ่มของเ้าเด็กน้อยได้เท่าที่้าเลยเหตุใดเ้านั่นถึงโผล่มาตอนนี้ได้
หลินเมิ้งหยาวิ่งตามหลงเทียนอวี้จนมาถึงตำหนักฉินหวู่ทั้งที่ใบหน้าของเขายังคงเ็าดังเดิมแต่เหตุใดนางจึงััได้ถึงความโกรธเกรี้ยวกันเล่า
“ท่านอ๋อง รอหม่อมฉันด้วย”
หลินเมิ้งหยายกชายกระโปรงขึ้น พยายามวิ่งตามฝีเท้าหลงเทียนอวี้ให้ทันทว่าเขากลับสาวเท้าอย่างรวดเร็วประหนึ่งกำลังบิน
“หลงเทียนอวี้ หยุดเดี๋ยวนี้นะ!”
ไม่อาจอดรนทนได้อีกต่อไปหลินเมิ้งหยาที่วิ่งจนหายใจติดขัดะเิอารมณ์ออกมา
ทั้งที่เป็เสียงร้องออกมาเพราะความโกรธ แต่ฝีเท้าของหลงเทียนอวี้กลับหยุดลง
“ทำไมต้องเดินเร็วขนาดนี้! ท่านดูสิ ท่านตัวสูงมากขนาดไหน ขายาวมากขนาดไหนข้าจะตามท่านทันได้อย่างไร!”
หลินเมิ้งหยาอ้อมขึ้นมายืนตรงหน้าหลงเทียนอวี้พลางส่งเสียงตำหนิ
“ท่านโกรธใช่หรือไม่? ข้าทำอะไรผิดอย่างนั้นหรือข้าทำอะไรให้ท่านขุ่นเคืองกัน?”
ไม่สิ ่นี้นางแสดงท่าทีอ่อนโยนอ่อนหวาน ว่านอนสอนง่ายเสมออย่าว่าแต่ทำให้หลงเทียนอวี้โมโหเลย นางไม่แม้แต่จะออกจากตำหนักไปทำให้ใครโกรธด้วยซ้ำ
เมื่อได้ยินคำพูดของหลินเมิ้งหยา หลงเทียนอวี้กลับขยับเท้าแล้วเดินจากไป
ฉากเดินหนีและไล่ตามเริ่มขึ้นอีกครั้ง หลินเมิ้งหยาที่เริ่มทันเกมออกแรงวิ่งตามแล้วรั้งชายเสื้อด้านหลังของเขาเอาไว้
“ท่าน...ท่านลองเดินหนีอีกรอบดูสิ!”
นับั้แ่วันที่ข้ามภพมา หลินเมิ้งหยาไม่เคยออกกำลังหนักๆเช่นนี้มาก่อน
ในที่สุดหลงเทียนอวี้ก็หยุดยืนต่อหน้าหลินเมิ้งหยาใบหน้าที่เคยขาวนวลพลันแดงระเรื่ออมชมพูขึ้นมา
เขาอดไม่ไหว ยื่นมือเข้าไปตบหลังนางเบาๆเพื่อให้ลมหายใจของนางกลับมาเป็ปกติ
“ท่านอ๋อง...”
“เรียกข้าว่าหลงเทียนอวี้”
นี่เป็ประโยคแรกที่หลงเทียนอวี้เอ่ยหลังจากวิ่งไล่จับกันอยู่นาน
เสียงทุ้มต่ำแ่เบา ทว่าเจือไว้ซึ่งความเป็ตัวเองหลินเมิ้งหยาชะงัก ก่อนจะผุดยิ้มหวาน
“หลงเทียนอวี้ แม้หม่อมฉันจะไม่รู้ว่าตนเองทำสิ่งใดผิดไปจึงทำให้พระองค์ไม่พอใจเช่นนี้แต่ว่า...หม่อมฉันต้องขอบพระทัยพระองค์มาก ขอบพระทัยที่ช่วยป๋ายจื่อขอบพระทัยที่ช่วยหม่อมฉัน”
นางได้เห็นการดูแลปกป้องที่หลงเทียนอวี้มอบให้ทั้งหมดอีกทั้งยังจดจำเอาไว้ในใจ
ไม่ว่าหลงเทียนอวี้มีเหตุผลอะไร นางจะนึกถึงบุณคุณในครั้งนี้ของเขาไปชั่วชีวิต
“ขอบคุณท่านจริงๆ นะ”
นางส่งยิ้มหวานก่อนจะโผกอดเขา ร่างของฝ่ายตรงข้ามแข็งทื่อแต่ท้ายที่สุดก็ยื่นมือเข้ามากอดตอบนาง
สมองพลันประมวลผลอย่างรวดเร็ว หรือว่าเมื่อครู่เขา...
หรือว่าเขาหึง?
แย่แล้ว! เกิดเื่แบบนี้ขึ้นได้อย่างไร?
ขณะที่หลินเมิ้งหยาคิดจะทำให้แน่ใจ เสียงแ่เบาพลันดังขึ้นทั้งสองรีบผละตัวออกจากกัน
“ท่านอ๋อง ทางปิ้งโจวส่งข่าวมาว่าท่านหญิงหลินหลางตกจากหลังม้าพ่ะย่ะค่ะ”
เสียงพ่อบ้านเติ้งดังขึ้น มือที่เคยโอบกอดหลินเมิ้งหยาพลันคลายออกก่อนจะเอ่ยถาม
“หลินหลางเป็อย่างไรบ้าง? หมอตรวจอาการแล้วหรือยัง?”
หลินหลาง? หลินเมิ้งหยาเพิ่งเคยได้ยินชื่อนี้เป็ครั้งแรกอีกทั้งยังเป็ครั้งแรกที่หลงเทียนอวี้เอ่ยถึงชื่อนี้
นางเงยหน้า ชำเลืองมองใบหน้าหล่อเหลานับเป็ครั้งแรกที่ได้เห็นใบหน้านี้แสดงความกังวล
หัวใจเสมือนดิ่งลงหุบเหว
ร่องรอยความเขินอายของสาวน้อยพลันหายวับไปกับตา
นางสามารถอ่านความรู้สึกจากใบหน้าของหลงเทียนอวี้ในเวลานี้ได้อย่างมากมาย
ความเ็ปแล่นพล่านในหัวใจ
ดูเหมือนนางจะคิดมากจนเกินไป
“ท่านอ๋องยังมีเื่ให้ต้องจัดการเช่นนั้นหม่อมฉันไม่ขอรบกวนแล้วเพคะ”
นางฝืนตัวเอง ยังคงรักษาสีหน้าท่าทางใสซื่อเอาไว้
หลินเมิ้งหยาไม่อยากได้ยินเื่เกี่ยวกับท่านหญิงหลินหลางอะไรนั่นอีก
หลงเทียนอวี้พยักหน้าลง ดวงตาคู่นั้นตกลงบนร่างของนางมือยื่นเข้าไปจัดปิ่นปักผมบนศีรษะของนางให้เรียบร้อย
“ขอบพระทัยเพคะท่านอ๋อง เมิ้งหยาทูลลา”
หลินเมิ้งหยายังคงรู้สึกสงสัยแต่ถึงกระนั้นนางกลับเก็บมันเอาไว้ในใจ
นางหมุนตัว เดินออกจากตำหนักฉินหวู่ไปด้วยท่วงท่าสง่างาม
อันที่จริงนางเองก็เตรียมใจรับมือกับเื่นี้เอาไว้แล้วมิใช่หรือ?
ยังดี ยังดีที่นางยังมิได้ยอมรับความจริงของหัวใจตนเอง
เมื่อเวลานั้นมาถึง นางจะสามารถจากที่นี่ไปได้โดยไม่มีอะไรติดค้างอีก
“ท่านอ๋อง?ท่านอ๋อง? ท่านฟังอยู่หรือไม่?”
ภายในห้องอ่านหนังสือ หลงเทียนอวี้มีท่าทางเหม่อลอย
เพียงเขาได้ยินว่าหลินเมิ้งหยาถูกคนติดตาม ขา...พลันก้าวไปที่ตำหนักหลิวซินโดยไม่รู้ตัว
แต่สิ่งที่อยู่นอกเหนือความคาดหมายคือเขาได้เห็นหลินเมิ้งหยาโอบกอดชิงหูอีกทั้งยังปลอบโยนเขาด้วยใจจริง
ตอนนั้นอยู่ๆเขาก็คิดอยากสั่งให้องครักษ์ในจวนจับตัวชิงหูเอาไว้แล้วแทงเขาให้ตาย
มีชีวิตอยู่มานานยี่สิบกว่าปีแต่นี่เป็ครั้งแรกที่เขาคิดอยากฆ่าใครสักคนเหลือเกิน
“ข้าไม่เป็ไร เ้าพูดต่อเถิด”
พ่อบ้านเติ้งกระแอมเล็กน้อย ก่อนจะเอ่ยต่อ
“ท่านหญิงหลินหลางเอ่ยว่าท่านติดธุระจึงไม่อาจมาร่วมงานแต่งของท่านอ๋องได้ด้วยตนเองแต่หลังจากรักษาอาการาเ็เรียบร้อยแล้วท่านจะนำของขวัญมามอบให้ด้วยตนเองพ่ะย่ะค่ะ”
หลินหลางจะมา? สีหน้าของหลงเทียนอวี้หลันอ่อนโยนทันใด
หากนางมาที่นี่ นางจะต้องเข้ากันได้ดีกับหลินเมิ้งหยาอย่างแน่นอน
หากดูจากอุปนิสัยใจคอของหลินหลาง นางจะต้องชอบหลินเมิ้งหยามาก
“ดี เ้าส่งคนไปจัดการให้เรียบร้อยจงพาเจียงเฉิงไปที่ปิ้งโจวเพื่อรักษาอาการของหลินหลางให้หายดีอย่าให้มีอะไรผิดพลาด”
