บริเวณที่ถูกเขาจูบเริ่มร้อนขึ้นเรื่อยๆ
ความร้อนนั้นค่อยๆ แผ่กระจายมายังพวงแก้มทั้งสองข้างูเี่อันยืนนิ่งอึ้งแข็งเป็หิน
ตอนที่แขกในงานปรบมืออย่างกึกก้องเพื่อเชิญลู่เป๋าเหยียนขึ้นเวทีสายตาของพวกเขาก็หันมาทางพวกเธออยู่แล้วเพราะฉะนั้นพวกเขาก็คงเห็นตอนที่ลู่เป๋าเหยียนจูบหน้าผากเธอเช่นกัน
ถึงแม้สื่อทุกสำนักจะลงข่าวว่าพวกเธอรักกันดีแต่นอกจากการจับมือ พวกเธอไม่เคยแสดงความใกล้ชิดให้คนอื่นเห็นมาก่อน คราวนี้...ฮือน่าอายชะมัด
แต่ในสายตาของคนรอบข้างท่าทางของูเี่อันในตอนนี้คือแบบอย่างของหญิงสาวที่กำลังมีความสุขไม่มีผิด
ใบหน้ามนที่กำลังแดงระเรื่ออย่างเขินอายั์ตาเป็ประกายสดใสมองตามแผ่นหลังของลู่เป๋าเหยียนไป ดูอย่างไรก็เหมือนภรรยาที่รักใคร่ในตัวสามีของตนเป็อย่างมาก
ไม่รู้เพราะชุดราตรีที่เธอสวมใส่หรือเพราะอะไรเธอในยามนี้เหมือนดอกกุหลายสีขาวที่กำลังผลิบาน ทั้งสวยหวานและบริสุทธิ์ทำให้คนมองอยากจะเข้าไปเชยชมใกล้ๆ ทว่ากลับไม่มีใครกล้าพอ
เพราะมีเพียงลู่เป๋าเหยียนเท่านั้นที่คู่ควรกับกุหลาบขาวดอกนี้
ลั่วเสี่ยวซีขยับเข้ามาหาเธอโดยไม่บอกกล่าว
“อั๊ยย๊ะๆๆเมื่อกี้ฉันเห็นหมดแล้วนะ”
ูเี่อันชินกับการแซวของลั่วเสี่ยวซีอยู่แล้วเธอจึงตอบกลับไปแบบไม่สะทกสะท้าน
“คนอื่นก็เห็นแล้วเหมือนกัน”
“ไม่เลวเลยนะจ๊ะสาวน้อย”เธอคงต้องมองเพื่อนคนนี้ใหม่ “สมแล้วที่อยู่กับลู่เป๋าเหยียนมานาน”
ูเี่อันยิ้มก่อนจะมองไปยังลู่เป๋าเหยียนที่กำลังเดินขึ้นเวทีพิธีกรกำลังช่วยปรับไมค์ให้สูงขึ้นเล็กน้อย
่นี้จะอนุญาตให้นักข่าวบางกลุ่มถ่ายภาพได้เท่านั้นแสงแฟลชเจิดจ้าไปทั่วทุกทิศ ในห้องจัดงานเงียบกริบ และเช่นเดียวกับูเี่อันความสนใจของแขกทั้งงานต่างจับจ้องอยู่ที่ลู่เป๋าเหยียน
แค่เขายืนนิ่งๆ อยู่บนเวทีโดยไม่ต้องพูดหรือทำอะไร ก็สามารถดึงความสนใจของทุกคนได้ราวกับเป็ทวยเทพของผู้คนอย่างไรอย่างนั้น
เสน่ห์อันเหลือร้ายของเขาคนทั่วโลกต่างรู้กันดี
แต่ในสายตาของูเี่อันลู่เป๋าเหยียนในเวลานี้หล่อทำลายสถิติตัวเองอีกแล้ว เธอดันไปชอบคนแบบนี้เข้าให้แล้วจะถอนตัวได้อย่างไร
ลั่วเสี่ยวซีกระซิบเสียงเบา
“ถ้าฉันเจอกับลู่เป๋าเหยียนก่อนเจอพี่ชายเธอไม่แน่ฉันอาจจะหลงรักเขาก็ได้นะ! หล่อแบบไม่เกรงใจฟ้าดินเลยให้ตาย...”
“ไม่ทันแล้วล่ะ”ูเี่อันพูดยิ้มๆ “เขาเป็สามีฉันแล้ว ไปตามจีบพี่ฉันต่อเถอะ”
ลั่วเสี่ยวซีหันไปมองซูอี้เฉิงซึ่งกำลังยืนอยู่กับจางเหมยไม่ไกลยัยจางเหมยทำท่าอย่างกับเป็แฟนเขา เห็นแล้วอดหมั่นไส้ไม่ได้
“ช่างเถอะ”เธอพูดอย่างหงุดหงิด “มาฟังกันดีกว่าว่าบอสลู่จะพูดอะไร”
มหาวิทยาลัยหลายที่เคยเชิญให้ลู่เป๋าเหยียนไปบรรยายแต่เขาก็ปฏิเสธไปทุกครั้ง เพราะเขาเป็คนพูดน้อยเมื่ออยู่บนเวที
เขาพูดขอบคุณแขกผู้มีเกียรติทุกท่านที่สละเวลาอันมีค่ามาเข้าร่วมงานเลี้ยงฉลองครบรอบของเครือลู่ขอบคุณพนักงานทุกคนที่ตั้งใจทุ่มเททำงานอย่างเต็มที่จากนั้นก็สรุปสถานการณ์ของบริษัทอย่างคร่าวๆประกาศการเปลี่ยนแปลงเื่กฎระเบียบของบริษัทต่างๆ รวมถึงการที่พนักงานจะได้รับโบนัสปลายปีอย่างเต็มที่ทั้งหมดนี้เขาสรุปสั้นๆ ด้วยเสียงทุ้มต่ำอย่างมีเสน่ห์ก่อนจะได้รับเสียงปรบมือและเสียงโห่ร้องอย่างอุ่นหนาฝาคั่ง
หลังจากไปทำงานที่บริษัทมาสองวันูเี่อันรู้ดีว่ามีเหลือคนอยู่เหมือนกันที่ไม่ค่อยชอบลู่เป๋าเหยียนสักเท่าไรเพราะเขาไม่ใช่คนที่ทำงานด้วยง่ายๆ แถมยังชอบทำหน้าขรึมจนคนอื่นกลัวไปหมด
แต่ถึงอย่างนั้นเธอก็รู้สึกได้ว่าทุกคนในบริษัทต่างก็เชื่อมั่นและเคารพนับถือในตัวเขา ภายใต้การนำของลู่เป๋าเหยียนทุกคนทำงานกันอย่างทุ่มเท แม้แต่พนักงานระดับกลางก็ดูหนักแน่นน่าเชื่อถือ
ลู่เป๋าเหยียนอาจจะไม่ใช่บอสที่ดีนักแต่เขาเป็ผู้นำที่ดีของทุกคน
เสียงปรบมือดังกึกก้องกว่า่แรกดังขึ้นทันทีหลังจากที่เขาพูดจบูเี่อันรู้ตัวอีกที ลู่เป๋าเหยียนก็ยื่นมือมาหาเธอ ก่อนจะโค้งขอเธอเต้นรำ
จริงสิ พวกเธอต้องเต้นเปิดฟลอร์นี่นา
เธอส่งมือให้เขาคนอื่นๆ เริ่มขยับถอยหลังเพื่อเปิดพื้นที่ตรงกลางให้กลายเป็ฟลอร์เต้นรำ
“แขนเธอเป็ยังไงบ้าง”ลู่เป๋าเหยียนถาม
ูเี่อันยิ้มตอบ“ฉันประคบประหงมมันมาทั้งวัน เต้นรำแค่นี้ไม่มีปัญหา!”
“ไม่ตื่นเต้น?”
“ทำไมต้องตื่นเต้นด้วยล่ะ”ูเี่อันกะพริบตาปริบๆ พลางถามกลับ “ฉันกับแขกทุกคนสนิทกันทั้งนั้นไม่เชื่อนายลองไปถามพวกเขาดูสิ ว่าสนิทกับฉันหรือเปล่า”
ตอนนี้เธอคือคุณนายลู่ต่อให้ไม่สนิทจริง ทุกคนก็คงพยักหน้าตอบรับกันอย่างขันแข็ง
นานๆ ทีเธอจะย้อนเขาได้แบบนี้ลู่เป๋าเหยียนหุบยิ้ม ก่อนที่เพลงวอลซ์ก็ดังขึ้นเขาเริ่มเต้นรำไปพร้อมกับูเี่อันเหมือนตอนอยู่บ้านไม่มีผิด
ูเี่อันเพิ่งเต้นเป็ได้ไม่นานแถมยังไม่ได้เต้นมาตั้งหลายวันแล้ว ตอนแรกเขานึกว่าเธอจะเกร็งๆ อยู่บ้างแต่เธอกลับฉลาดกว่าที่เขาคิด เธอเต้นประสานกับเขาได้อย่างลงตัวั้แ่แรกโดยไม่กลัวสายตาผู้คนแม้แต่น้อย ไม่เหมือนกับพนักงานสาวเมื่อครั้งก่อนๆ ที่ดูหวาดหวั่นอย่างเห็นได้ชัด
สมแล้วที่เป็ลูกศิษย์ของเขา
ในสายตาของแขกในงานไม่มีการเต้นเปิดฟลอร์ครั้งไหนน่ามองไปมากกว่าครั้งนี้อีกแล้ว
แค่รูปลักษณ์ของลู่เป๋าเหยียนกับูเี่อันรวมกันก็ทำให้คนมองเพลินตาเพลินใจได้มากพออยู่แล้ว ยิ่งเวลาที่พวกเขาสบตากัน แววตาที่มีเพียงฝ่ายตรงข้ามรวมถึงท่วงท่าที่สอดประสานกันอย่างลงตัวก็แสดงให้เห็นแล้วว่าพวกเขาเข้ากันได้ดีมากแค่ไหน
“ไม่อยากเชื่อเลยว่าพวกเขาจะแต่งงานกันกะทันหัน”เสียงจากแขกคนหนึ่งในงานดังขึ้น “เข้ากันดีขนาดนี้ คงคบกันมานานหลายปีแล้วแน่ๆ”
“หลายปีอะไรกัน”แขกอีกคนพูดพลางหัวเราะ “สองคนนี้เขารู้จักกันมาสิบกว่าปีแล้วโตมาด้วยกันเลยมั้งน่ะ”
เสียงซุบซิบถกเถียงกันเื่นี้ดังขึ้นทั่วงาน
“แบบนี้ก็แสดงว่าลู่เป๋าเหยียนกับหานรั่วซีอาจจะไม่ได้คบกันจริงๆน่ะสิ ข่าวที่ออกมา่ก่อน คงเป็หานรั่วซีฝ่ายเดียวที่พยายามเกาะลู่เป๋าเหยียนดังแน่ๆ”
“แต่เดิมก็คงไม่ได้คบกันอยู่แล้วเื่ที่ลู่เป๋าเหยียนซื้อเพชรให้กับหานรั่วซีนั่นก็เป็เื่ที่พวกแฟนคลับจิ้นกันไปเองต่างพูดว่าลู่เป๋าเหยียนซื้อเพชรมาให้ไอดอลของตัวเอง แต่เธอลองคิดดูสิ ลู่เป๋าเหยียนเคยออกมาพูดเื่นี้ที่ไหนกันมีแต่หานรั่วซีนั่นแหละที่จงใจทำให้พวกสื่อเข้าใจผิด”
“เฮ้อคราวนี้หานรั่วซีจะขายหน้าแค่ไหนนะ...”
หานรั่วซีที่ยืนอยู่ในมุมมืดได้ยินทุกคำนินทาอย่างชัดเจน
สิ่งที่คนพวกนั้นคาดเดาถูกต้องทั้งหมดหลายปีมานี้ มีแค่เธอคนเดียวที่พยายามเล่นละครหลอกทุกคนพวกสื่อที่รู้เื้ัความจริง เธอก็ปิดปากเอาไว้หมดไม่ให้เื่หลุดออกไป
เป็เพราะูเี่อันความจริงจึงค่อยๆถูกเปิดเผยออกมาทีละนิด เสียงเย้ยหยันเ่าั้จึงได้เข้ามาทิ่มแทงจิตใจเธอไม่ยั้ง
แต่เธอไม่ยอมง่ายๆ แบบนี้แน่
เธอจะต้องเอาคืนูเี่อันให้ครบทุกดอก
ตอนนั้นเองเสียงเพลงก็หยุดลง การเต้นรำเปิดฟลอร์ได้จบลงแล้ว
เพลงต่อไปยังคงเป็เพลงวอลซ์เช่นเดิมหานรั่วซีจัดกระโปรงของตัวเองให้ดูดี ก่อนจะเดินเข้าไปท่ามกลางแสงสปอตไลต์ไม่นานก็มีคนเข้ามาขอเธอเต้นรำ เธอย่อตัวตอบรับอย่างสง่างามก่อนจะเริ่มเต้นรำไปพร้อมๆ กับคนอื่นๆออร่าความเป็ดาราของเธอโดดเด่นออกมาจากทุกคนในนั้นอย่างเห็นได้ชัด
จางเหมยเห็นดังนั้นจึงสะกิดซูอี้เฉิงเบาๆ
“พวกเราเต้นด้วยกันสักเพลงดีไหมคะ”
ซูอี้เฉิงนิ่งไปชั่วเสี้ยววินาทีก่อนจะโค้งขอจางเหมยเต้นรำ จางเหมยรีบส่งมือให้กับเขาอย่างไม่อิดออดทั้งสองคนจึงกลายเป็จุดเด่นของฟลอร์ในชั่วพริบตา
ลั่วเสี่ยวซีเคี้ยวเนื้อวัวในปากอย่างหงุดหงิดหลังเห็นภาพดังกล่าว
ฉินเว่ยหยิบจานอาหารออกจากมือเธอ“พรุ่งนี้เธอต้องชั่งน้ำหนักอีกไม่ใช่เหรอไง ฉันยอมใจเธอจริงๆคืนนี้เธอกินเยอะที่สุดในงานเลยมั้งน่ะ”
“ก็เพราะวันนี้ฉันอารมณ์ไม่ดีที่สุดน่ะสิ!”ลั่วเสี่ยวซีตอบอย่างหัวเสีย
“เพลงต่อไปไปเต้นด้วยกันหน่อยเป็ไง”ฉินเว่ยยิ้มอย่างยั่วเย้า “ซูอี้เฉิงยังเต้นกับผู้หญิงคนอื่นได้แล้วทำไมเธอจะเต้นอย่างเร่าร้อนกับฉันไม่ได้ล่ะ”
ลั่วเสี่ยวซีเช็ดปากก่อนถาม“เต้นอย่างเร่าร้อน?”
“เต้นวอลซ์น่าเบื่อจะตาย”ฉินเว่ยยิ้มอย่างมีเลศนัย “เดี๋ยวฉันไปเตี๊ยมกับวงดนตรีก่อนเธอรอฟังเพลงต่อไปได้เลย”
พูดจบฉินเว่ยก็เดินออกไปลั่วเสี่ยวซีหยิบเหล้าผลไม้มาจิบ เอางั้นก็ได้ เธอก็อยากรู้เหมือนกันว่าเพลงต่อไปจะเป็เพลงอะไร
บรรยากาศในงานตอนนี้บางคนก็เต้นรำ บางคนก็คุยกันเื่งานคนที่ว่างที่สุดกลับกลายเป็ลู่เป๋าเหยียนกับูเี่อัน นานๆ ทีก็มีคนเข้ามาขอชนแก้วบ้างลู่เป๋าเหยียนดื่มเหล้าหมดแก้วแล้วแก้วเล่า จนูเี่อันเริ่มจะเป็ห่วง
“นายคงไม่เมาหรอกใช่ไหม”
ลู่เป๋าเหยียนนิ่งไปสักพักก่อนตอบ
“ปีนี้อาจจะเมา”
ูเี่อันไม่เข้าใจสิ่งที่เขากำลังบอกใบ้พอดีกับที่พิธีกรหนุ่มเดินตรงมาลู่เป๋าเหยียนััได้ถึงสายตาระยิบระยับของคนข้างกาย
เขาหรี่ตามองก่อนถาม“เธอชอบเขา?”
“อื้อ!”ูเี่อันพยักหน้าตอบรับ “นอกจากวัตสันแล้ว ดาาายที่ฉันชอบที่สุดก็เขานี่แหละ”
วัตสันที่ว่าคือพระเอกหนังที่เธอลากลู่เป๋าเหยียนไปดูด้วยกันคราวก่อน
“เขาจะอาศัยแค่หน้าตาในการทำมาหากินก็ได้แต่ตอนนี้เขาใช้ความสามารถของตัวเองล้วนๆ เลย!” ูเี่อันยิ่งพูดยิ่งตื่นเต้น“ฉันอยากถ่ายรูปกับเขาจัง!”
สีหน้าของลู่เป๋าเหยียนเริ่มมืดมน
“เธอกล้างั้นเหรอ”
“ทำไมล่ะ”ูเี่อันถามอย่างน่าสงสาร
ลู่เป๋าเหยียนโอบเอวเธออย่างอ่อนโยน“สถานการณ์และสถานะของเธอในตอนนี้คงจะไม่เหมาะ ไว้คราวหน้าดีไหม หืม?”
ูเี่อันลองคิดๆ ดูแล้วก็จริงอย่างที่เขาว่าเธอจึงพยักหน้าอย่างว่าง่าย
แต่ในความเป็จริงลู่เป๋าเหยียนคิดเอาไว้แล้วว่าจะไม่มีทางให้เธอได้เจอกับพิธีกรคนนี้อีกแน่ คราวหน้าอะไรกันเขาหลอกเธอล้วนๆ ส่วนสาเหตุน่ะเหรอ...ก็เพราะเธอกับเขายังไม่เคยถ่ายรูปด้วยกันสักครั้งแล้วจะปล่อยให้เธอไปถ่ายรูปกับคนอื่นได้ยังไง ฝันไปเถอะ!
ด้วยเหตุนีู้เี่อันจึงพลาดโอกาสอันดีงามเพียงหนึ่งเดียวของชีวิตไปอย่างน่าเสียดาย
ท่ามกลางบรรยากาศอันผ่อนคลายและเสียงเพลงวอลซ์ที่ดังคลอเบาๆลู่เป๋าเหยียนลอบยิ้มบางโดยทีู่เี่อันไม่รู้ตัวเลยสักนิดว่าเธอโดนเขาหลอกเสียแล้ว
ไม่นานหลังจากนั้นเสียงบรรเลงเพลงวอลซ์ก็จบลง พร้อมๆ กับฉินเว่ยที่วิ่งกลับมาหาลั่วเสี่ยวซีเขาส่งสายตาเ้าเล่ห์มาทางเธอ นั่นยิ่งทำให้เธออยากรู้เข้าไปใหญ่ว่าเขาไปทำอะไรมา
สองนาทีให้หลังเสียงเพลงลาตินอันร้อนแรงก็ดังขึ้น
การเต้นสไตล์ลาตินก็เหมือนกับเพลงไม่มีผิดเร่าร้อน เถรตรง ทำให้ไฟในตัวของทุกคนลุกโชนขึ้นมาได้อย่างประหลาด
ลาตินแดนซ์เป็การเต้นที่ลั่วเสี่ยวซีชอบมากที่สุดเธอมักจะเต้นลาตินเพื่อเป็การฆ่าเวลาอยู่บ่อยๆ ส่วนฉินเว่ยนั้นเขาเองก็ชอบเต้นลาตินกลับสาวๆ ในสตูดิโอเช่นเดียวกัน
เพราะมีงานอดิเรกที่เหมือนกันพวกเขาจึงมักชวนกันไปเต้นลาตินอยู่บ่อยๆ
แล้วก็เป็ไปตามคาดลั่วเสี่ยวซีป้องปากตัวเองพลางมองฉินเว่ยอย่างเซอร์ไพรส์
ฉินเว่ยมองเธออย่างสำรวจ“เธอในชุดนี้ถ้าเต้นลาตินแล้วล่ะก็คงทำให้พวกหนุ่มๆ คลั่งแน่ส่วนฉันก็คงเป็คนแรกที่จะหลงเสน่ห์เธอ”
“เลิกเอามุกจีบสาวของนายมาใช้กับฉันได้แล้ว”
ลั่วเสี่ยวซียังพูดไม่ทันจบก็ถูกฉินเว่ยลากเข้าไปกลางฟลอร์เต้นรำ เขาลูบใบหน้างามของเธอเบาๆ
“เสี่ยวซีฉันจะทำให้เธอลืมซูอี้เฉิงให้ได้ เรามีงานอดิเรกเหมือนกัน นิสัยก็เข้ากันได้พวกเราเหมาะสมกันที่สุด เธอชอบเขาก็จริง แต่เขาไม่สามารถให้ความสุขกับเธอได้”
ลั่วเสี่ยวซีเสียสมาธิไปเล็กน้อยเธอโดนฉินเว่ยลากเข้าไปกลางฟลอร์ได้ไม่นาน เขาก็เริ่มนำเธอเต้นเธอจึงก็เต้นประสานกับเขาในทันที
การเต้นสไตล์ลาตินนั้นต่างจากการเต้นวอลซ์อย่างสิ้นเชิงอีกทั้งลั่วเสี่ยวซีและฉินเว่ยเองก็ดูสะดุดตาไม่นานผู้ชมโดยรอบก็หันมาสนใจคู่นี้กันหมด ูเี่อันดึงลู่เป๋าเหยียนให้หันมามองก่อนจะเห็นว่าซูอี้เฉิงเองก็ยืนมองอยู่ฝั่งตรงข้ามเช่นเดียวกัน
พี่ชายเธอจะรู้สึกหึงบ้างไหมนะ?
