“ไสหัวไปซะ!”
เมื่อเย่เฟิงเห็นไท่ฉื่อหลงโจมตี เขาก็วาดฝ่ามือที่อัดแน่นไปด้วยพลังทำลายล้างไร้ที่สิ้นสุดโจมตีกลับไปทันที ก่อนจะเข้าปะทะกับการโจมตีของไท่ฉื่อหลง ตามมาด้วยเสียงะเิดังสนั่นพร้อมกับเสียงกรีดร้องโหยหวน ท่ามกลางความตื่นตระหนกของฝูงชน ร่างไท่ฉื่อหลงก็กระเด็นออกไปกระแทกกับโต๊ะเก้าอี้ในภัตตาคารจนกระจัดกระจายไปทั่ว ก่อนกระอักเืออกมา สีหน้าก็เริ่มซีดเซียว
“เป็ไปได้ยังไง? เหตุใดเ้าถึงแข็งแกร่งเยี่ยงนี้? ข้าคือผู้ฝึกยุทธ์ขั้นรวมชี่สูงสุด ในบรรดาคนรุ่นเยาว์ของไท่โจวเก้าเขตก็หาคู่ต่อสู้ได้ยากยิ่ง แต่เหตุใดข้าจึงรับการโจมตีของเ้าไม่ได้?”
ไท่ฉื่อหลงจ้องมองเย่เฟิงอย่างไม่เชื่อสายตา พลางร่างกายสั่นสะท้านไม่หยุด มิรู้ว่าสั่นเพราะความใหรือเพราะอาการาเ็กันแน่
“กบในกะลา!” เย่เฟิงยิ้มเยาะไท่ฉื่อหลง จากนั้นหันไปจับกดหยางเย่าลงพื้น จนหยางเย่าเปล่งเสียงร้องออกมา เขาพยายามคลานหนี ทว่าพลังมหาศาลที่กดทับหลังเขา ทำให้ไร้ซึ่งเรี่ยวแรงจะขัดขืน
เย่เฟิงนั่งสบายอารมณ์อยู่บนเก้าอี้ โดยใช้เท้าข้างหนึ่งเหยียบร่างหยางเย่า ฉากนี้ทำให้หลายคนถึงกับอกสั่นขวัญแขวน พวกเขาไม่เคยเห็นใครกล้าขนาดนี้มาก่อน ไม่เพียงแต่เอาชนะพวกผู้ฝึกยุทธ์ของจวนเ้าเมือง แต่ยังอัดบุตรผู้ว่าการไท่โจวเก้าเขตจนกระเด็นปลิว นี่คือความอัปยศอดสูที่ร้ายแรงอย่างมาก
บัดนี้บุตรเ้าเมืองโยวโจวถูกเหยียบอยู่ใต้เท้าราวกับหิน เย่เฟิงไม่ทำเกินไปหน่อยหรือ
“ปล่อยข้านะ! มิฉะนั้นเ้าจะต้องเสียใจ!” หยางเย่ากล่าวโดยไม่กล้าโวยวายเสียงดังมาก ในเมืองโยวโจวเขาเปรียบเสมือนองค์รัชทายาท ไม่ว่าใครก็มิกล้ายั่วยุเขา แต่บัดนี้กลับถูกชายหนุ่มตรงหน้ามอบความอับอายให้ แล้วจะให้เขาอดกลั้นได้อย่างไร?
“หุบปากซะ! เ้ายังมองสถานการณ์ของตัวเองในตอนนี้ไม่ออกอีกหรือ?”
เย่เฟิงไม่สนใจเสียงร้องของหยางเย่า เขายกเท้ากระทืบหลังของอีกฝ่ายเสียงดังปึง ตามมาด้วยเสียงโหยหวนของหยางเย่า ผู้คนรอบข้างต่างยกมือปิดตา สำหรับพวกเขาแล้วการกระทำของเย่เฟิงช่างอุกอาจเกินไป
“ส่งคนไปแจ้งข่าวบิดาเ้าเสีย ให้เขามาคุกเข่าขอโทษต่อหน้าข้า และรับประกันว่าภายภาคหน้าเ้าจะไม่หยิ่งผยองเช่นวันนี้ แล้วข้าจะปล่อยเ้าไป! หาไม่แล้ว ข้าก็ไม่รังเกียจที่จะนั่งอยู่ที่นี่สามวันสามคืน!” เย่เฟิงกล่าวกับหยางเย่า สำหรับลูกผู้ลากมากดีอย่างหยางเย่านั้นเย่เฟิงไม่คิดปรานีเลยสักนิด ใครที่คิดขัดขวางเขา มันผู้นั้นต้องชดใช้เป็พันเท่า
ยิ่งกว่านั้น หยางเย่าและไท่ฉื่อหลงยังพยายามดูิ่จ้าวซินอี๋ เพียงข้อนี้แค่ข้อเดียว เย่เฟิงก็อยากจะสังหารสองคนนี้แล้ว
หยางเย่าที่ถูกเย่เฟิงเหยียบเอาไว้หมดแรงจะกล่าวต่อ เมื่อผู้ฝึกยุทธ์คนหนึ่งของจวนเ้าเมืองที่ได้รับาเ็น้อยที่สุดได้ยินคำพูดของเย่เฟิง เขาก็ตะเกียกตะกายวิ่งออกไปจากภัตตาคาร ซึ่งน่าจะกลับไปรายงานเื่นี้กับท่านเ้าเมือง
อย่างไรก็ตามเย่เฟิงไม่ได้ขวางเขา แต่ปล่อยอีกฝ่ายไป ในเวลาเดียวกันลูกน้องของเย่เฟิงที่สังเกตเห็นการเคลื่อนไหวที่ชั้นสองก็ได้ทยอยกันขึ้นมา เมื่อพวกเขาเห็นความยุ่งเหยิงบนชั้นสองและเย่เฟิงที่นั่งบนเก้าอี้ก็อดประหลาดใจไม่ได้ พวกเขาเคยได้ยินมานานแล้วว่าคังผิงโหวมีนิสัยรักอิสระและไม่ชอบถูกบังคับ พอได้เห็นกับตาตัวเอง สิ่งที่กล่าวมานั้นไม่เกินจริงเลย
“คุณชาย ท่านไม่เป็ไรนะขอรับ!” ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นยุทธ์แท้ที่ 9 คนหนึ่งเดินเข้ามาถามเย่เฟิง แต่เย่เฟิงโบกมือเป็สัญญาณว่าไม่เป็ไร
เมื่อเกิดเื่ใหญ่โตเช่นนี้ เถ้าแก่ภัตตาคารหลงเถิงย่อมตื่นตระหนก ความแข็งแกร่งของเย่เฟิงทำให้เขาใกลัว แล้วยังจะกล้าพูดอะไรได้อีก? ส่วนผู้คนที่อยู่ในภัตตาคารก็ไม่มีผู้ใดคิดจะจากไป พวกเขาอยากรู้ว่าเื่ราวจะไปจบที่ตรงไหน
“ท่านเ้าเมืองมาแล้ว!”
ผ่านไปสักพักเสียงฮือฮาก็ดังมาจากด้านล่าง ฝูงชนพลันเบิกตากว้างก่อนจะหันไปมองตรงบันไดเป็ตาเดียวกัน จากนั้นเห็นคนกลุ่มหนึ่งปรากฏตัวตรงนั้น พวกเขาทุกคนมีลมปราณแข็งแกร่ง ตบะต่ำสุดอยู่ที่ขั้นรวมชี่ที่ 9 และมีชายวัยกลางคนหลายคนในชุดเกราะซึ่งอยู่ขั้นรวมชี่สูงสุด
อย่างไรก็ตามผู้ที่เดินนำหน้าพวกเขามาก็คือชายวัยกลางคนในชุดจีนโบราณ คนผู้นี้คือเ้าเมืองโยวโจวนามว่าหยางฉวน
หยางฉวนมีร่างกายแข็งแรงกำยำ เปี่ยมไปด้วยรัศมีแห่งนายคน ทั่วทั้งร่างแผ่กลิ่นอายอันน่าเกรงขาม เขาอยู่ขั้นยุทธ์แท้ที่ 2 และเป็หนึ่งในสองผู้ฝึกยุทธ์ที่แข็งแกร่งที่สุดของเมืองโยวโจว
“ท่านเ้าเมืองมาจริง ๆ ข้าไม่เข้าใจเลยว่าชายผู้นั้นคิดอะไรอยู่ ถึงได้กล้าเชิญท่านเ้าเมืองมาที่นี่ ดูซิว่าเขาจะจัดการเช่นไรต่อ?” เมื่อผู้คนเห็นเ้าเมืองโยวโจวมาด้วยตัวเองต่างก็ใ การกระทำก่อนหน้านี้ของเย่เฟิงช่างจองหองยิ่งนัก หาก้ายุติเื่นี้ก็คงยากยิ่ง
เ้าเมืองโยวโจวหยางฉวนหันไปมองเย่เฟิงด้วยสายตาเ็า แต่เมื่อเขาเห็นหยางเย่าถูกเย่เฟิงเหยียบหลังเต็มสองตา ไอสังหารที่น่าสะพรึงกลัวพลันะเิออกจากร่างทันที
“เย่าเอ๋อร์!” หยางฉวนเห็นบุตรชายตัวเองได้รับความอัปยศเช่นนี้ก็แสดงสีหน้าโกรธแค้นออกมา
“ท่านพ่อ ช่วยข้าด้วย!”
หยางเย่าเงยหน้าขึ้นมาอย่างยากลำบาก เมื่อเห็นว่าผู้มาคือบิดาของตน สีหน้าก็ปรากฏความยินดีขึ้นมา เขารู้ว่าตัวเองรอดแล้ว บิดาของเขาจะต้องจัดการเย่เฟิงให้ตายทั้งเป็
“ปล่อยเขา!” หยางฉวนกล่าวด้วยโทสะ พร้อมแสดงอำนาจของเ้าเมืองอย่างเต็มที่
“เ้าคือเ้าเมืองโยวโจวหรือ?” เย่เฟิงถามอีกฝ่ายโดยไม่สนใจที่หยางฉวนพูดแต่อย่างใด
“ใช่แล้วอย่างไรเล่า? เ้าหนู ในเมื่อเห็นข้าแล้วยังไม่รีบปล่อยเขาอีก?” หยางฉวนกล่าวขึ้น พร้อมดวงตาเผยประกายเย็นเยือก ในความคิดของเขา เมื่อคนรุ่นเยาว์เห็นตนก็ต้องใจนฉี่ราดถึงจะถูก
“ที่ข้าให้คนไปเรียกเ้าก็เพื่อให้เ้ามาคุกเข่าขอโทษข้า หรือคนของเ้าไม่ได้แจ้งเื่นี้ให้ทราบ?” เย่เฟิงกล่าวเสียงเย็น
“ต่อหน้าข้ายังกล้าเอ่ยวาจาสามหาวอีกหรือ รนหาที่ตายเสียจริง!”
ในฐานะเ้าเมืองโยวโจว หยางฉวนเคยต้องอดกลั้นั้แ่เมื่อใด ตอนที่เย่เฟิงกล่าวประโยคนั้นออกมา หยางฉวนก็โมโหจนแทบคลั่ง ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นรวมชี่สูงสุดสองคนที่อยู่ข้างกายราวกับเข้าใจความคิดของเ้านาย ทั้งสองจึงพุ่งเข้าหาเย่เฟิงพร้อมกันทันที หมายคิดสังหารเย่เฟิงในคราเดียว
มุมปากของเย่เฟิงกระตุกยิ้มเยาะขึ้นมา เขาไม่ขยับตัวไปไหน แต่ปล่อยให้การโจมตีที่น่ากลัวของผู้ฝึกยุทธ์ทั้งสองพุ่งเข้ามา วินาทีต่อมามีเสียงดังปังสองสายดังขึ้น ก่อนจะตามมาด้วยเสียงร้องโหยหวนสองสายเหมือนหมูถูกเชือด
จากนั้นผู้คนเห็นผู้ฝึกยุทธ์สองคนนั้นร่างกระเด็นไปกระแทกกับพื้นจนกระอักเื และไม่รู้ว่าในร่างกายมีกระดูกหักไปแล้วกี่จุด
ทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมาก เร็วเสียจนมองไม่เห็นเลยว่าเย่เฟิงจัดการพวกเขาเช่นไร แม้แต่หยางฉวนก็อดมองเย่เฟิงด้วยสายตาตกตะลึงไม่ได้ กระทั่งความแข็งแกร่งของเขาก็ยังมองเย่เฟิงไม่ออก หนำซ้ำยังไม่รู้ว่าตบะของเย่เฟิงนั้นอยู่ระดับอะไร
“อย่าส่งขยะแบบนั้นมา ทำตัวเองอับอายเสียเปล่า ๆ!” เย่เฟิงปรายตามองผู้ฝึกยุทธ์สองคนนั้นด้วยแววตาเหยียดหยาม
“เ้าหยิ่งผยองเกินไปแล้ว ดูท่าคงต้องมอบบทเรียนให้เ้าสักหน่อย!”
หยางฉวนราวกับมองออกว่าเย่เฟิงไม่ธรรมดา จึงะเิลมปราณออกมา ก่อนจะฟาดฝ่ามืออันน่าสะพรึงกลัวไปหาเย่เฟิงทันที
ฉากนี้ทำเอาผู้คนจำนวนไม่น้อยพากันเปล่งเสียงอุทาน ในสายตาของพวกเขา เ้าเมืองโยวโจวอย่างหยางฉวนเทียบได้กับาา ความแข็งแกร่งของอีกฝ่ายไม่ใช่สิ่งที่พวกเขาจะสามารถจินตนาการได้ มีเพียงไม่กี่คนที่มองเห็นการเคลื่อนไหวของหยางฉวน ฉะนั้นการได้เห็นยอดฝีมือระดับนี้เคลื่อนไหวจึงเป็เื่ที่โชคดีมาก ความตื่นเต้นที่ยากจะอธิบายก็ถาโถมเข้ามาในจิตใจ
“มอบบทเรียนให้ข้า เ้าคู่ควรด้วยหรือ?”
เย่เฟิงเพียงแสยะยิ้มอย่างเ็า แม้เผชิญหน้ากับการโจมตีของหยางฉวน แต่เขาก็สะบัดมือเบา ๆ ก่อนที่วินาทีต่อมาเสียงะเิจะดังสนั่นหวั่นไหวไปทั่ว คลื่นพลังแผ่กระจาย พลังของเย่เฟิงนั้นแข็งแกร่งมาก ถึงกับสามารถเอาชนะขั้นยุทธ์แท้สูงสุดได้อย่างสบาย นั่นหมายความว่าเขาแข็งแกร่งกว่าหยางฉวน แม้ว่าการโจมตีนี้เย่เฟิงจะใช้พลังไปแค่สองส่วน แต่ก็ทำให้หยางฉวนถอยหลังไปหลายสิบก้าว
หยางฉวนตัวสั่นสะท้าน ขณะที่มือสั่นระริกไม่หยุด ตรงง่ามมือระหว่างนิ้วโป้งและนิ้วชี้ก็ปริแตกพร้อมมีเืไหลซึม าแดูน่ากลัวและน่าใมาก!
“แข็งแกร่งมาก!”
เหตุการณ์ดังกล่าวสร้างความใให้กับทุกคน ดวงตาของพวกเขาเบิกกว้างขึ้นอีกครั้ง หยางฉวนคือเ้าเมืองโยวโจว อยู่ขั้นยุทธ์แท้ที่ 2 ย่อมแข็งแกร่งอย่างไม่ต้องสงสัย แต่การปะทะกันเมื่อครู่นี้กลับถูกเย่เฟิงที่สะบัดมือเบา ๆ ก็บีบให้ถอยหลังได้แล้ว นี่มันช่างน่าเหลือเชื่อยิ่งนัก
สำหรับพวกเขาแล้ว เย่เฟิงอายุสิบกว่าปี แม้พลังต่อสู้จะไม่ธรรมดา แต่ไม่อาจต่อกรกับขั้นยุทธ์แท้ได้ นอกเสียจากว่าจะมาจากเมืองหลวง หรือเป็อัจฉริยะจากกองกำลังใหญ่ ๆ ของอาณาจักรจ้าวถึงจะทรงพลังเช่นนี้ได้ แต่ในไท่โจวเก้าเขตมีคนระดับนี้น้อยมาก อีกทั้งคนเ่าั้มักจะอยู่ที่สำนักของตัวเอง แล้วจะปรากฏตัวในไท่โจวเก้าเขตได้อย่างไร?
“เ้าเป็ใครกันแน่?”
พลังของเย่เฟิงสร้างความตื่นตระหนกให้กับหยางฉวน จากการประมือกันเมื่อครู่ทำให้เขาได้รับาเ็ หยางฉวนไม่ได้โง่ เขารู้ว่าเย่เฟิงไม่ใช่คนธรรมดา
“เ้าไม่คู่ควรที่จะรู้ว่าข้าคือใคร ตอนนี้รีบมาคุกเข่าขอโทษข้าซะ! หากเ้าไม่ทำ ก็จงแบกรับผลที่ตามมา!” เย่เฟิงกล่าวเสียงกร้าวพร้อมเผยสีหน้าเฉยเมย ทำให้ผู้คนรอบข้างต่างตกตะลึง ช่างเผด็จการยิ่งนัก ไม่เคยเห็นชายหนุ่มคนใดก้าวร้าวเช่นนี้มาก่อน
ในความเป็จริง เย่เฟิงไม่ชอบบีบคั้นใคร แต่พ่อลูกตระกูลหยางล้ำเส้นบรรทัดล่างของเขา ประการแรกพยายามหยามเกียรติจ้าวซินอี๋ ประการที่สองพ่อลูกคู่นี้คิดจะสังหารเขาั้แ่ต้น ซึ่งเย่เฟิงไม่ใจอ่อนกับคนที่คิดจะฆ่าเขา
“ไม่ว่าฐานะของเ้าคืออะไร แต่คิดจะให้ข้าคุกเข่าขอโทษเ้าล่ะก็ ฝันไปเถอะ!”
หยางฉวนผ่านประสบการณ์มามาก การถูกเย่เฟิงบีบบังคับเช่นนี้ ย่อมโกรธเกรี้ยวอย่างแน่นอน
จากนั้นเขาสั่งการผู้ฝึกยุทธ์ที่อยู่ข้าง ๆ ว่า “ถ่ายทอดคำสั่ง ปิดล้อมภัตตาคารแห่งนี้ แล้วจับเ้าเด็กเลวนี่มาให้ข้า!”
ในฐานะเ้าเมืองโยวโจว หยางฉวนย่อมมีทหารม้าอยู่ในมือและมีผู้ฝึกยุทธ์ขั้นยุทธ์แท้หลายคนอยู่ใต้อาณัติ
ด้วยความร่วมมือของพวกเขาจะต้องจัดการเย่เฟิงได้แน่นอน!
เมื่อได้รับคำสั่ง ผู้ฝึกยุทธ์ที่อยู่ด้านหลังของหยางฉวนจึงเริ่มเคลื่อนไหว โดยแต่ละคนรับผิดชอบหน้าที่ของตนเอง จากนั้นทหารจำนวนมากของจวนเ้าเมืองก็มารวมตัวกันที่ภัตตาคารแห่งนี้ทุกทิศทาง ไอสังหารแพร่กระจายในอากาศ หากลงมือพร้อมกัน ทั้งภัตตาคารแห่งนี้คงพังทลายในพริบตา!
ในภัตตาคาร ไท่ฉื่อหลงจ้องมองเย่เฟิงด้วยสายตาอำมหิต เขาเดินมาหาหยางฉวนแล้วพูดว่า “เ้าเมืองหยางมิต้องกังวล พวกเราจะไม่ปล่อยให้คนบ้าเช่นนี้รอดไปได้ ข้าได้แจ้งเื่นี้กับท่านพ่อแล้ว ท่านพ่อกำลังนำคนมาสมทบที่เมืองโยวโจว ใช้เวลาไม่นานคงมาถึง ถึงตอนนั้น ต่อให้เ้าสารเลวนี่จะแข็งแกร่ง แต่ก็ต้องถูกจับอยู่ดี!”
