ดวงตาคมกล้าของ ฉินเซียนหรู คล้ายส่องทะลุไปยังความจริงที่ผู้คนทั้งจวนยังไม่อาจหยั่งถึง ใน่ชีวิตก่อนหน้านั้น นางเคยเป็ บุตรีอันเป็ที่ภาคภูมิใจของท่านแม่ทัพ ผู้เพียบพร้อมด้วยพร์อันสูงส่ง เปรียบดั่งมณีล้ำค่าที่ประดับไว้กลางตระกูล ทว่าพร์อันงดงามกลับถูกเลี้ยงดูปกป้องราวกับไข่ในหิน นางมิจำเป็ต้องจับดาบ มิจำเป็ต้องััโลหิตที่สาดกระเซ็นในสนามจริง พร์จึงเป็เพียงเครื่องประดับที่ไว้เชิดชูชื่อเสียงของตระกูลฉิน หาใช่พลังที่สั่งสมจากหยาดเหงื่อและประสบการณ์ใด ๆ
สุดท้าย ความงดงามนั้นกลับกลายเป็จุดอ่อนร้ายแรง นางผู้มากด้วยพร์ กลับไร้เดียงสาต่อเล่ห์เหลี่ยมและความดำมืดของมนุษย์ จนชีวิตที่ควรจะรุ่งโรจน์ต้องดับสูญลงอย่างน่าอนาถ
แต่ในชีวิตนี้ทุกอย่างหาได้เหมือนเดิมอีกต่อไปแล้ว ประสบการณ์จากความตายได้ชุบหล่อให้นางรู้แจ้งในมุมมืดของโลกมนุษย์ รู้ซึ้งถึงเล่ห์กลอันสกปรกที่ซ่อนอยู่ในทุกสายตา ทุกรอยยิ้ม ทุกคำพูด ริมฝีปากแดงเรื่อของนางขยับเอื้อนเสียงเย็นเยียบ ราวกับสายลมหนาวที่พัดตัดผิวกาย “ฉินชิงหร่าน… ตัวเ้าช่างน่าสังเวชนัก”
ถ้อยคำแฝงด้วยความเวทนาปนการดูแคลน หากเป็ชีวิตก่อน พี่สาวต่างมารดาผู้นี้คงก้าวล้ำไปไกลด้วยการชี้แนะของนาง แต่ในยามนี้กลับต้องอาศัยเพียงกำลังของตนเอง ฝึกฝนอย่างเชื่องช้า แม้นับเป็ความเพียรอันน่าชื่นชมในสายตาผู้อื่น ทว่าในสายตาของ ฉินเซียนหรู กลับเป็เพียงความก้าวหน้าที่ต้อยต่ำและน่าสมเพช ราวกับเด็กน้อยที่ก้าวเดินในความมืดโดยไม่รู้แม้กระทั่งปลายทาง
เสียงฝีเท้าแ่เบาดังสะท้อนในระเบียงทอดยาวของเรือนใหญ่ มีเพียงเงาร่างสองร่างที่ค่อย ๆ สวนกันไป ฉินเซียนหรูก้าวย่างอย่างเรียบง่าย อาภรณ์ธรรมดาไร้ซึ่งการประดับประดา นางกดกลั้นพลังปราณที่แท้จริงเอาไว้อย่างแเี มิให้ผู้ใดััได้ถึงความล้ำลึกในร่างกาย หากแต่สิ่งที่นางไม่อาจซ่อนเร้นได้เลยก็คือความสง่างามที่เผยออกมาในทุกอากัปกิริยา
แม้เพียงการก้าวเดินเงียบ ๆ รัศมีรอบกายก็แ่พรายออกมาดุจกลีบดอกไม้แรกแย้มในยามวสันต์ หอมละมุนโดยไม่ต้องปรารถนาสายตาของผู้ใด แต่กลับดึงดูดทุกสรรพสิ่งรอบกายให้หันมาสนใจอย่างมิอาจต้านทาน
ฉินชิงหร่านเชิดศีรษะขึ้นสูง ราวกับมิได้เหลียวแลน้องสาวต่างมารดาแม้แต่ปลายหางตา ริมฝีปากเม้มแน่นประหนึ่งกำลังกล้ำกลืนบางสิ่งไว้ในอก ทว่าทันทีที่ทั้งสองสวนผ่านกันไป หัวใจของนางพลันสะท้านแรง ฝีเท้าหยุดลงโดยไม่รู้ตัว แววตาที่แข็งกร้าวสั่นระริกเล็กน้อย “นางแพศยา… มีดีเพียงรูปโฉม แล้วเหตุใดข้าต้องรู้สึกเช่นนี้เล่า”
ยิ่งนึก ความขุ่นเคืองก็ยิ่งทวี น้องสาวผู้นั้นมิได้เผยพลัง ไม่ได้แสดงพร์ใด ๆ ให้โลกเห็น แต่เพียง ความงามอันเจิดจรัสที่ยิ่งวันยิ่งเปล่งประกาย ก็เพียงพอจะบดบังเงาของนางจนมิดสนิท สำหรับผู้ที่มิอาจภาคภูมิใจในรูปลักษณ์ของตนเอง ความงามเช่นนี้เปรียบเสมือนคมหนามที่ทิ่มแทงลึกลงไปในหัวใจ เ็ปเสียยิ่งกว่าถูกผู้คนเหยียดหยามต่อหน้าเสียอีก
ความทรงจำยังตราตรึงฉินชิงหร่าน เคยทิ่มแทงนางด้วยเล่ห์เพทุบายและความริษยาอย่างไร้ปรานี แต่ฉินเซียนหรูก็เลือกเพิกเฉย ยอมปล่อยให้นางเปล่งประกายแทนตน เพื่อแลกกับความสงบที่เปราะบาง
ทว่าเมื่อความสงบนั้นต้องแลกด้วยการถูกเหยียบย่ำ หากชาตินี้นางยังคิดจะก่อเื่อีก… ฉินเซียนหรูจะเป็ผู้สอนเองว่า “นรกจริง ๆ มันโหดร้ายเพียงใด”
ด้านแม่ทัพฉินเทียนหง ความคาใจยังคงกรีดลึกในอกไม่เสื่อมคลายกลิ่นโลหิตที่ติดตรึงอยู่บนกายของบุตรีในคืนนั้น แท้จริงแล้วนางไปสังหารผู้ใดกันแน่? ยิ่งคิดก็ยิ่งคล้ายมีหนามแหลมทิ่มแทง เขาจึงลอบสั่งคนสนิทออกติดตามนาง หวังได้ความจริงมาไขข้อข้องใจ
แต่สำหรับฉินเซียนหรู ต่อให้ฝีเท้าของผู้ลอบตามจะเบาราวเงาลม นางก็ััได้ทันที “คงเป็คนของท่านพ่อ…” ความคิดนั้นผุดขึ้นอย่างเรียบเฉย ปราศจากความแปลกใจ นางยังคงสวมหน้ากากขาวบาง ก้าวออกไปรักษาผู้คนดั่งเช่นทุกเมื่อ ร่างบอบบางแ่เคลื่อนไปในตรอกซอย กลายเป็เงาสงบที่คอยเยียวยาผู้าเ็และผู้ยากไร้
เพราะไม่ช้าก็เร็ว… ความสามารถของนางย่อมถูกเปิดเผย นางรู้ดีว่าตนไม่อาจปิดบังความจริงได้ไปตลอดชีวิต สิ่งใดที่เปิดเผยได้นางจะเปิดอย่างไม่ลังเล สิ่งใดที่ต้องเก็บเป็ความลับนางก็จะฝังมันไว้ในเงามืดอย่างแ่า
และความลับนั้น…คือการที่นางเป็ ศิษย์สืบทอดของหมอเทวดาไป๋อี้เซิน หากความจริงข้อนี้แพร่งพรายออกไป มิใช่เพียงชื่อเสียงที่ตามมา แต่คือคลื่นความวุ่นวายและภัยอันตรายมหาศาลที่จะถาโถมใส่ชีวิตของนางอย่างไม่หยุดยั้ง
เงาร่างทหารลับเร่งรุดเข้าสู่ห้องโถงใหญ่ เขาคุกเข่าลงเบื้องหน้าแม่ทัพฉินเทียนหง รายงานสิ่งที่ตนสืบได้ด้วยน้ำเสียงหนักแน่น แต่แฝงความตื่นเต้น “คุณหนูเซียนหรู… นางมิใช่เพียงสตรีธรรมดา นางมีความสามารถทั้งในการรักษาและหลอมโอสถ ข้าลองติดตามอย่างใกล้ชิด จึงได้พบหลักฐานชัดเจน”
ดวงตาคมกร้าวของแม่ทัพฉินเทียนหงเบิกกว้างเล็กน้อย แววตาที่เคยนิ่งสงบกลับไหววูบคล้ายเปลวไฟต้องลม “อะไรกัน… นางสามารถหลอมโอสถและเยียวยาผู้คนได้จริงหรือ?” น้ำเสียงนั้นเต็มไปด้วยความตื่นตะลึงและเหลือเชื่อ แต่ในขณะเดียวกันก็แฝงด้วยประกายแห่งความปลาบปลื้ม
“ไม่เพียงเท่านั้น ข้าคาดว่าฝีมือพลังปราณของคุณหนูเองก็มิได้ต่ำต้อยเลย หากมิใช่ว่าซ่อนเร้นไว้ ฝีมือของนางอาจสูงล้ำกว่าที่ผู้ใดคาดถึง”
คำพูดนั้นพลันทำให้หัวใจของแม่ทัพสั่นสะท้าน ความภาคภูมิใจที่หล่นหายไปแปดปีเต็ม ราวกับกลับคืนมาในห้วงพริบตา ใบหน้าที่เคร่งขรึมเสมอของเขาพลันแปรเปลี่ยนเป็เปี่ยมชีวิตชีวา สีหน้าสดใสราวกับผู้ที่ได้ลิ้มยาอายุวัฒนะ ขอบตาที่เคยหม่นหมองกลับทอประกายใหม่อีกครั้ง
ลูกน้องยังรายงานต่อ “เมื่อไม่กี่วันก่อน มีข่าวการตายของซ่งเจิ้งหยุน ชายผู้เป็หมอและนักหลอมโอสถชื่อกระฉ่อน แต่ชื่อเสียงกลับด่างพร้อยนัก… ข้าสงสัยว่าเื่นี้อาจมีส่วนเกี่ยวพันกับคุณหนู”
ฉินเทียนหงนิ่งไปครู่หนึ่ง ความคิดแล่นผ่านดุจสายฟ้า เขาประมวลผลทุกสิ่งที่ได้ยิน ก่อนจะถอนหายใจยาวแฝงความโล่งอก “เช่นนั้นหรือ… หากเป็ฝีมือของนางก็มิใช่เื่ที่เลวร้าย ซ่งเจิ้งหยุนผู้นั้นขึ้นชื่อเื่เล่ห์เหลี่ยมต่ำทราม การที่นางลงมือ ก็นับว่าเป็การชำระล้างสิ่งสกปรกให้เมืองนี้เสียด้วยซ้ำ”
ความกังวลที่ค้างคาใจคลายลงเล็กน้อย บิดาผู้หนึ่งมิได้รู้สึกผิดหวัง กลับเบาใจที่บุตรีไม่ได้ก้าวเข้าสู่หนทางมืดชั่วร้าย หากแต่เดินบนเส้นทางที่ยังพอให้เขาภาคภูมิได้แม่ทัพใหญ่ยกมือหยิบถุงเงินหนักอึ้งโยนลงต่อหน้าลูกน้อง น้ำเสียงเรียบแต่แฝงด้วยความพอใจ “นี่คือรางวัลของเ้า จงรับไว้เถิด”
ทหารผู้ภักดีโขกศีรษะลงกับพื้น “ขอบคุณนายท่าน!” เสียงสั่นะเืด้วยความตื้นตัน
ท่ามกลางความเงียบของโถงใหญ่ ร่างสูงใหญ่ของฉินเทียนหงยืนนิ่ง ริมฝีปากขยับเพียงเบา ๆ ทว่าเป็คำที่สะท้อนออกมาจากก้นบึ้งหัวใจความภาคภูมิที่กลับมาฉายชัดในแววตาของบิดาผู้เคยทอดทิ้งลูกสาวตนเอง
