เมื่อประตูถูกพัง เย่เฟิงก็มีปฏิกิริยาทันที เขารีบพุ่งไปทางหน้าต่างเพื่อหนีแต่กลับมีคนไวกว่าคือสาวน้อยคนนั้นนั่นเอง เธอลุกขึ้นจากโซฟาแล้วะโเตะเขาโดยไม่มีการเตือนล่วงหน้า
เย่เฟิงตอบสนองทันที เขาควบแน่นพลังชี่ไว้ที่ฝ่ามือเพื่อรับลูกเตะของฝ่ายตรงข้าม แต่กลับไม่เป็อย่างที่คิด เธอเปลี่ยนทิศทางกลางคันอย่างชาญฉลาด เตะหน้าอกเขาเสียงดัง ชายหนุ่มล้มกระแทกกำแพงอย่างแรง ความเจ็บที่หน้าอกแล่นปราด
ระดับพลังแปดปีไม่ธรรมดาเลย
“นายเพิ่งเริ่มฝึกวรยุทธ์สินะ?” มุมปากสาวน้อยโค้งขึ้น ดวงตาคู่งามเปล่งประกายปรากฏแววเย้ยหยัน “ไปก่อนนะ บ๊ายบาย~”
เห็นได้ชัดว่าผู้หญิงคนนี้ไม่อยากมีปัญหากับตำรวจ. ร่างในชุดกระโปรงผ้าโปร่งยิ้มบางให้เขา จากนั้นเหยียบโซฟาแล้วะโออกทางระเบียงหายไป
เย่เฟิงอยากร้องไห้แต่ก็ร้องไม่ออก ยังดีที่เขาควบแน่นพลังชี่ไว้ที่หน้าอกได้ทัน ไม่อย่างนั้นลูกเตะของเธอคงทำให้เขาาเ็สาหัส แต่พลังชชี่ที่ผ่านการการฝึกเพียงวันเดียวอ่อนแอเกินไป ลูกเตะนั้นทำให้เขา เคลื่อนไหวไม่ได้ชั่วคราว
เ้าหน้าที่ตำรวจในเครื่องแบบกลุ่มหนึ่งบุกเข้ามาโดยมีชายจมูกงุ้ม ตาเรียวเล็กดูดุร้ายเป็หัวหน้า
“ใส่กุญแจมือเขา” ชายคนนั้นชี้เย่เฟิงแล้วรีบเดินไปตรวจสอบที่ระเบียง แต่ร่องรอยของสาวน้อยแสนสวยหายไปนานแล้วจึงต้องยอมปล่อยไป อย่างไรก็ตามจับเด็ก ที่ชื่อเย่เฟิงได้ก็ถือว่าพอแล้ว ชายจมูกงุ้มคิดในใจ ดูลูกน้องจับเด็กหนุ่มใส่กุญแจมืออย่างง่ายดายพลางหัวเราะ
“ไอ้หนู อายุยังน้อยริเข้าโรงแรมม่านรูด ลุงตำรวจคนนี้คงต้องสั่งสอนสักหน่อย” ชายจมูกงุ้มพูดด้วยน้ำเสียงเคร่งครึมพร้อมกวาดมือบอกลูกน้อง “พาตัวไปได้เเล้ว”
ในความคิดของเขา แม้การจัดการเ้าหนุ่มนี่จะเป็แค่เื่เล็กน้อย แต่ก็ถือว่าเป็การช่วยเหลือท่านเถียน ซึ่งอาจได้ผลตอบแทนในอนาคต
เวลานี้ เย่เฟิงทำได้เพียงถูกจับแต่โดยดี หากเขาไม่ถูกสาวน้อยคนนั้นเตะ มีหรือที่จะต้องกลัวตำรวจพวกนี้? น่าเสียดายที่ตอนนี้คงต้องยอมถูกจับและนำตัวไปโรงพัก
…………
ฟ้ามืดแล้ว ภายในห้องสอบสวนแคบ ไร้เเสงไฟ ตำรวจจมูกงุ้มตาตี่เริ่มซักถามเย่เฟิงนอกจากนี้ยังมีตำรวจวัยกลางคนสีหน้าเฉยชาอีกคน
“ชื่อ?” ชายจมูกงุ้มถาม
เย่เฟิงนั่งตรงข้ามตำรวจสองนายพลางนึกถึงความเป็ไปได้ในการหลบหนี ในที่สุดก็ได้ข้อสรุปว่าเมื่อมาถึงที่นี่แล้วทั้งยังถูกใส่กุญแจมือ คงจะหนีได้ยาก เว้นแต่จะกินหญ้าจินเย่และเพิ่มระดับพลังของตัวเอง น่าเสียดายที่สภาพแวดล้อมนี้อันตรายเกินไป ถ้าเกิดไม่ระวังเส้นลมปราณอาจขาด ร่างกายาเ็สาหัสหรือถึงขั้นเสียชีวิต
“เย่เฟิง” เขาตัดสินใจตามน้ำไปก่อนเพื่อดูว่าพวกตำรวจมีจุดประสงค์อะไร ชายหนุ่มสงบนิ่งและไม่กังวลแม้แต่น้อยเพราะอย่างไรเขาก็ไม่ได้ทำอะไรผิด
“เพศ?” ฝ่ายตรงข้ามถามต่อ “อายุ? โรงเรียน?”
เย่เฟิงตอบคำถามเหล่านี้ทีละคำถาม
ขณะนั้นเองชายจมูกงุ้มรับโทรศัพท์ “ฮัลโหล ท่านประธานเถียนใช่ไหมครับ ใช่ครับ เรียบร้อยแล้วครับ ไอ้หนูนี่เชื่อฟังมาก ท่านคิดว่า...”
ท่านประธานเถียน? เมื่อเย่เฟิงได้ยินก็แปลกใจ ท่านประธานเถียนคือใคร? ในความทรงจำของเขา คนสกุลเถียนที่ตนรู้จักมีแค่เถียนโหย่วเลี่ยง หรือจะเป็พ่อของมัน?
เถียนโหย่วเลี่ยง เป็ทายาทเศรษฐีรุ่นสองในโรงเรียนมัธยมปลายเยี่ยน เพราะพ่อของเขาเปิดบริษัทและมีทรัพย์สินเล็กน้อย จึงไม่น่าแปลกใจ ที่จะรู้จักกับตำรวจ ถ้าพ่อของเถียนโหย่วเลี่ยง้าดัดหลังเขา เย่เฟิงก็พอเข้าใจเื่ทั้งหมดแล้ว
“ถ้าพวกมันรวมหัวกันใส่ความฉัน ฉันไม่ยอมอยู่เฉยแน่” ชายหนุ่มคิดในใจพร้อมหาทางตอบโต้
“เอาล่ะบอกมา ทำไมนายถึงซื้อผู้หญิงขายบริการ?” หลังจาก วางโทรศัพท์ ชายจมูกงุ้มก็ไม่ถามไร้สาระอีก กลับตัดสินว่าเย่เฟิงทำความผิดข้อหาค้าประเวณี
เย่เฟิงแย้ง “ฉันไม่ได้ซื้อผู้หญิงขายบริการ”
“โกหก!” ตำรวจจมูกงุ้มทุบโต๊ะพร้อมพูดเสียงดัง “พวกเรามีหลักฐานพร้อม ฉันว่านายสารภาพดีกว่าคนหนุ่มจิตใจฮึกเหิม บางครั้งทำผิดก็พอเข้าใจได้ และนี่ก็ไม่ใช่เื่ใหญ่ อย่างมากคุมขังสิบวัน และจ่ายค่าปรับอีกเล็กน้อยเท่านั้น” เขาเกลี้ยกล่อมให้เย่เฟิง ยอมรับผิดเพื่อให้เื่ง่ายขึ้น แต่ความจริงพวกเขาจับตัวสาวน้อยคนนั้นไม่ได้จึงไม่มีหลักฐานเอาผิดเย่เฟิงข้อหาค้าประเวณี แต่ที่นี่คือสถานีตำรวจ พวกเขามีอำนาจมากที่สุด
“ฉันไม่ได้ซื้อ!” เย่เฟิงยืนยันคำเดิม เขาไม่มีทางยอมรับเื่ที่ ตัวเองไม่ได้ทำ ยิ่งกว่านั้นเื่นี้ยังกระทบบชื่อเสียงของเขาด้วย
“ดูเหมือนถ้าไม่ลงมือสักหน่อย นายจะไม่รับรู้ความผิดของตัวเองสินะ” ชายจมูกงุ้มยิ้มเ็าก่อนยืนขึ้น
เย่เฟิงเริ่มตื่นตัวจะลงมือเเล้วสินะ?
ตอนนั้นเอง โทรศัพท์ของชายจมูกงุ้มก็ดังขึ้นอีกครั้ง เขามอง แล้วรับโทรศัพท์ “สวัสดีครับ หัวหน้าหลิวหรือครับ?”
“เสี่ยวจางเปิดประตูเถอะ” เสียงพูดดังจากโทรศัพท์
เมื่อเขาได้ยินเช่นนี้ก็แสดงท่าทีนอบน้อมจากนั้นเดินไปเปิดประตูห้องสวบสวน พบชายลงพุงวัยกลางคนยืนอยู่ ซึ่ง น่าจะเป็หัวหน้าหลิวตามที่ชายจมูกงุ้มเรียกตอนคุยโทรศัพท์
ชายวัยกลางคนมองหน้าเย่เฟิงแล้วยิ้ม พลางตบไหล่ของชายจมูกงุ้มก่อนเอ่ย “เสี่ยวจางครั้งนี้ทำได้ไม่เลว ตามแหล่งข่าวที่เชื่อถือได้ เด็กคนนี้เกี่ยวข้องกับคดีข่มขืนซึ่งเป็อาชญากรรมร้ายแรงกว่าการค้าประเวณี สอบสวนให้ดี หน้าที่ ของตำรวจคือการต่อสู้เพื่อประชาชนเข้าใจใช่ไหม?”
ชายคนนี้เป็ผู้บังคับการสำนักรักษาความปลอดภัยสาธารณะแห่งนี้ เมื่อครู่เพิ่งรับโทรศัพท์สองสาย สายแรกมาจากเลขาฯ ของประธานบริษัทซูเซิ่งกรุ๊ปซึ่งบอกเป็นัยให้จับนักเรียนมัธยมปลายคนหนึ่งที่ชื่อว่าเย่เฟิง
มันทำให้เขาแปลกใจ บริษัทซูเซิ่งกรุ๊ปจะสนใจนักเรียนมัธยมปลายคนหนึ่งได้อย่างไร?แต่เมื่อรับโทรศัพท์อีกสายจากหัวหน้าก็ต้องเหงื่อตก ท่านย้ำแล้วย้ำอีกว่าต้องนำเย่เฟิงเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมและตัดสินโทษหนัก
ฟังจากน้ำเสียงของหัวหน้าแล้ว เด็กคนนี้คงล่วงเกินผู้มีอิทธิพลบางคนแน่นอน อิทธิพลที่แม้แต่หัวหน้าของเขายังไม่กล้าขัด ซ้ำยังนอบน้อมต่อคนคนนั้น หลิวลี่ฮุยยังนึกไม่ออกว่านักเรียนมัธยมปลายธรรมดาจะไปล่วงเกินผู้มีอิทธิพลคนไหน หรือมันบ้าไปข่มขืนลูกสาวของคนใหญ่คนโตที่ไหน?
แน่นอนว่าหัวหน้าหลิวทำได้แค่คิด เขาไม่กล้าถามเ้านายว่าเกิดอะไรขึ้น เพียงทำตามคำสั่งเท่านั้น
“เป็หน้าที่ของผมอยู่แล้วครับ หัวหน้าหลิว!” เมื่อชายจมูกงุ้มได้ยินคำพูดของหัวหน้าหลิวก็มีความสุขทันที ดูเหมือนเด็กคนนี้จะสร้างความขุ่นเคืองให้คนไม่น้อย ข้อหาข่มขืนหรือ?คงกะเอาให้ตาย ติดคุกสิบยี่สิบปีก็ไม่แปลกเลย
ผู้บังคับการหลิวกระซิบกับชายจมูกงุ้มไม่กี่คำ จากนั้นยืนดูอยู่ข้างๆ เห็นได้ชัดว่าเขาสนใจเย่เฟิงมาก หลังฟังเสียงกระซิบ ชายจมูกงุ้มพยักหน้าแล้วหันมาหาตำรวจวัยกลางคนพร้อมพูดว่า “ค้นตัวอีกครั้ง”
ตำรวจสองนายพุ่งเข้าหาเย่เฟิง
‘ยังจะค้นตัวอีกหรือ?’ เย่เฟิงขมวดคิ้ว หลังจากได้ยินคำว่า ‘หญ้าสามต้น‘ ขณะหัวหน้าหลิวกระซิบกับชายจมูกงุ้มก็เข้าใจเื่ทั้งหมดทันที
ตอนนำตัวเขามาห้องสอบสวน พวกตำรวจยึดโทรศัพท์ราคาถูกของเขาไป ถ้าค้นอีกครั้งจะไม่พบเช็คสองแสน หญ้าจินเย่ และแหวนกระบี่ัโบราณหรอกหรือ
ไม่ดีแน่! ต้องทำอะไรสักอย่างแล้ว
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้