เป็ที่รู้กันว่านักหลอมโอสถไม่มีพลังการต่อสู้
นักหลอมโอสถแม้จะหลอมโอสถได้ แต่คุณสมบัติของพวกเขากลับไม่เหมาะในการต่อสู้
ฉะนั้นนักหลอมโอสถระดับกลางและระดับล่างจึงต้องหาผู้ที่แข็งแกร่งสนับสนุนพวกเขาได้ ในส่วนนักหลอมโอสถระดับสูงนั้นไม่ต้องวิ่งโร่หาคนสนับสนุน พวกเขาเ่าั้จะมาหาเอง เพราะการฝึกตนนั้นต้องพึ่งยาเซียนตันขั้นสูงของนักหลอมโอสถขั้นสูงควบคู่ด้วย
เป็สาเหตุที่นักหลอมโอสถส่วนใหญ่เลือกที่จะเข้าร่วมสำนัก เพราะสำนักให้ความคุ้มครองพวกเขาได้ อีกอย่างถ้าทำผลงานออกมาดี ก็ไม่ต้องออกตระเวนหาหญ้าเซียนด้วยตัวเอง
ทว่าสำนักเองก็มีกฎอยู่
ยกตัวอย่าง คราวก่อนที่หลิงเซียวไปออกภารกิจ ก็ไปกับนักหลอมโอสถระดับกลางสามท่าน
หนึ่งคือเพื่อเลี่ยงการเกิดอุบัติเหตุระหว่างทาง สองคือมีเพียงนักหลอมโอสถที่รู้วิธีการเก็บเกี่ยวหญ้าเซียน ไม่เช่นนั้นอาจเกิดความเสียหายต่อลำต้นได้ง่าย ส่งผลให้หญ้าเซียนคุณภาพลดต่ำ เสมือนเรือล่มเมื่อจอด ฉะนั้นเวลาสำนักเทียนซินส่งลูกศิษย์ออกไปทำภารกิจก็มักจะส่งนักหลอมโอสถไปด้วย
นักหลอมโอสถที่ถูกเลือก เมื่อกลับจากภารกิจสามารถรับหญ้าเซียนที่ได้กลับมาหนึ่งในสิบ
ทว่าไม่ใช่ว่าทุกคนจะถูกเลือกโดยง่าย บางคนเข้าร่วมสำนักมาสิบปียังไม่เคยได้ออกภารกิจกับแขนงการต่อสู้แม้เพียงครั้งเดียว
ฉะนั้นการประลองประจำปีนั้นถือเป็โอกาสที่จะมีปฏิสัมพันธ์ทำความรู้จักกับศิษย์นักฝึกตน ถ้าสร้างความประทับใจได้ แม้จะเป็นักหลอมโอสถระดับล่างก็มีโอกาสถูกเลือก
เมื่อได้ฟังข้อมูลนี้ โหยวเสี่ยวโม่รู้สึกว่าหนทางการหลอมโอสถนี่ช่างยากเย็นเหลือเกิน
วันถัดมาหญ้าเซียนต่างสุกงอมเต็มที่แล้ว โหยวเสี่ยวโม่จึงใช้เวลาทั้งวันอยู่ในห้วงเวลา จนถึงวันที่ออกเดินทาง ศิษย์พี่ใหญ่มาตามตัวเขาแต่เช้าตรู่เพื่อให้เขาเตรียมตัว จากนั้นไปรวมตัวกันที่เรือนหญ้าเซียน
ครั้งนี้มุ่งสู่แขนงการต่อสู้ นอกจากพวกเขาสี่คน ยังมีอีกยี่สิบกว่าคนที่มาจากศิษย์สายอื่น ยังไม่ทันเดินเข้าใกล้ ก็ได้ยินพวกเขาถกกันเื่การประลองประจำปีด้วยท่าทางตื่นเต้น มีเพียงเขาที่นิ่งเฉย
อาจารย์จ้าวมาถึงคนสุดท้าย ตรงเวลาพอดี
เขาไม่ได้พูดอะไรมากนัก เพียงแต่กำชับทุกคนให้สำรวม เมื่อไปถึงแขนงการต่อสู้ห้ามพูดมาก ทั้งกลุ่มจึงออกเดินทางกัน
“ศิษย์น้องเล็ก แม้จะเป็ครั้งแรก แต่ห้ามเ้าทำอะไรให้อาจารย์ขายหน้า ตอนนี้เ้าเป็ถึงตัวแทนของทัพพิภพ”
โหยวเสี่ยวโม่ที่กำลังเหม่อๆ เมื่อได้ยินคนพูดขึ้นมา เงยหน้าขึ้นมองก็เห็นใบหน้าขึงขังของศิษย์พี่หนานกงหยิง ชะงักอยู่พักหนึ่งถึงรู้ว่านางพูดกับเขาอยู่ พลันรีบตอบ “ขอรับ ศิษย์พี่วางใจได้ ข้าจะพึงระลึกถึงสถานะของตนเอง”
หนานกงหยิงอึ้ง ไม่คิดว่าเขาจะตอบจริงจังเช่นนี้ เล่นเอาประโยคต่อไปที่นางจะพูดถึงกับเก็บเงียบ
ฟางเฉินเล่อที่อยู่ด้านหน้าเหลียวกลับมาส่ายหัวขำขัน “ศิษย์น้องเล็ก ไม่ต้องจริงจังขนาดนั้นก็ได้ ศิษย์พี่สี่เ้าน่ะ แค่ล้อเ้าเล่นเฉยๆ แม้จะบอกว่าเ้าเป็ศิษย์อาจารย์ แต่เ้าพึ่งเข้าร่วมสำนักได้แค่สองเดือน ถ้าทัพพิภพต้องให้เ้าออกหน้า นั่นไม่เท่ากับทัพพิภพไม่มีคนอื่นแล้วหรอกหรือ!”
พูดอีกก็ถูกอีก โหยวเสี่ยวโม่รู้ว่าศิษย์พี่ใหญ่ไม่ได้มีความหมายดูแคลนเขา จึงพยักหน้ารับเบาๆ
หนานกงหยิงถูกศิษย์พี่ใหญ่ของตนเผยไต๋ แต่ก็ไม่ได้อึดอัดอะไร แล้วก็กลับไปคลุกคลีกับพวกพ้องในเวลาอันสั้น ระหว่างทางก็แกล้งโหยวเสี่ยวโม่อีกหนหนึ่ง แต่โหยวเสี่ยวโม่ไม่ติดกับเพราะรู้จักนิสัยนางแล้ว
ศิษย์พี่สี่คนนี้ละเอียดอ่อนจริง กลัวเขาจะไม่เข้าพวก จึงชวนเขาพูดคุยตลอดทาง
แม้แขนงการต่อสู้กับแขนงโอสถจะอยู่สำนักเดียวกัน หากแต่ทั้งสองแขนงมีูเากั้นอยู่หนึ่งลูก ถ้าไม่เหาะเหิน ลำพังเดินต้องใช้เวลาครึ่งชั่วโมง
ทว่าสำหรับนักหลอมโอสถที่ต้องเดินลงเขาเป็ประจำ ระยะทางแค่นี้ไม่ไกลนัก ครึ่งชั่วโมงผ่านไป พวกเขาก็อ้อมเขาลูกนั้นจนไปถึงด้านหน้าแขนงโอสถ
เห็นเขาสูงตระหง่านของทัพพิภพจนชิน โหยวเสี่ยวโม่ไม่คิดว่าชาตินี้จะได้ตื่นตาตื่นใจกับเขาลูกไหนอีก นี่มันเขาซ้อนเขา กั้นกันเพียงยอดเขา ด้านหลังนั้นโอ่อ่าสง่างามกว่าทัพพิภพเสียอีก
เขาอู๋ซวงทั้งลูกนั้นช่างมีพลังดูยิ่งใหญ่ ความสูงตระหง่านที่แฝงด้วยความสง่างาม บนนั้นโอบล้อมด้วยทะเลเมฆไหลทะลักบนยอดเขา ยิ่งใหญ่น่าเกรงขาม หันกลับมามองพวกเขาที่อยู่เบื้องล่างนั้นพลันรู้สึกว่าเล็กกระจิ๋วเดียว แม้แต่ศิษย์พี่ที่เคยเห็นเขาลูกนี้มาแล้ว ก็ยังคงรู้สึกตะลึงตาตะลึงใจเช่นเดียวกัน
“คณะเดินทางอาจารย์จ้าวใช่หรือไม่ขอรับ?” ศิษย์แขนงการต่อสู้คนหนึ่งได้รับมอบหมายให้มาต้อนรับแต่เช้า
อาจารย์จ้าวพยักหน้ารับ ท่าทางาุโน่าเคารพ ศิษย์ผู้นั้นจึงไม่รีรอ รีบเดินนำทั้งคณะเดินเข้าไป
เขาอู๋ซวงได้ชื่อด้านความเป็เอกเลิศเป็หนึ่งหาที่ใดเทียบได้ ประกอบด้วยยอดเขาห้าลูกรูปร่างแปลกประหลาดรวมตัวกัน ศิษย์แขนงการต่อสู้แบ่งออกตามยอดเขาห้าลูกนั้น มีห้าสาย สายเหนือ สายตะวันออก สายตะวันตกสายใต้ และสายกลาง การประลองเชิงแลกเปลี่ยนจัดขึ้นสำหรับศิษย์ทั้งห้าสาย สนามประลองนั้นตั้งอยู่ลานกว้างตรงกลางเขาอู๋ซวง
ลานประลองนั้นชื่อว่า ลานล่อสายฟ้า เล่าขานกันว่าปรมาจารย์สำนักเทียนซินพลังผ่าทะลวงออกมา อีกทั้งในทุกเดือนก็จะมีสายฟ้าฟาดลงมาเดือนละหนึ่งหน จึงถูกเรียกว่าลานล่อสายฟ้า
การประลองเริ่มขึ้นพรุ่งนี้ จากนี้อาจารย์จ้าวอนุญาตให้ทุกคนพักผ่อนตามอัธยาศัย แต่ห้ามไปไหนไกล